สวัสดีทุกท่านครับ ขออนุญาตแชร์ประสบการณ์
ซื้อคอนโดยุคโควิด โดยจะพูดถึงขั้นตอนแบบสังเขป
หมายเหตุ กระทู้นี้มีวัตถุประสงค์แบ่งปันประสบการณ์ส่วนตัวเท่านั้น ไร้เชิงพาณิชย์นะครับ
* ปฐมบท
ความจริงการซื้อบ้านหรือคอนโดไม่เคยอยู่ในหัวเลย จนวันนึงช่วงกลางปี 63 ไปนั่งเล่นคอนโดที่เพื่อนมันเช่าอยู่เดือนละ 1x,xxx ก็เลยเป็นจุดเริ่มต้นในหัวว่าน่าจะเอาเงินที่จ่ายค่าเช่ามาผ่อนให้เป็นของตัวเอง จะปล่อยเช่าในอนาคตก็ย่อมได้ แต่ก็ต้องแลกกับการเป็นหนี้ระยะยาว คิดไปคิดมา จัดเลย!
คอนโดต้นเหตุแรงบันดาลใจ
* ที่แรกยังไม่โดน…
เริ่มจากเย็นวันนั้นไปดูคอนโดโซนแบริ่ง (เพราะที่ทำงานอยู่แถวเมกาบางนา ก่อนนี้อยู่แถวสำโรงของแฟน) ภาพรวมดี High Rise แต่ราคาไม่เหมาะกับฐานะแบบเราๆ จึงมีอันต้องปฏิเสธไป นอนท้องอืดอยากได้คอนโด 2 คืน
วิวดี ราคาดีเกินไป ไม่ไหว ><
* ที่สองนี่แหละจัดเลย!
จากนั้นเอาใหม่ มาเจอคอนโดแถวลาซาล ชื่อ The Origin สุขุมวิท 105 ราคาล้านปลายๆ พบพนักงานขายเพื่อพูดคุย ชมห้องตัวอย่าง เดินไปเดินมา รู้ตัวอีกที โอนเงินจองไปแล้วแม่...
แล้วกลับมานั่งทำงานคิดอะไรมากมายอยู่ในหัวว่าจะกู้ผ่านมั้ย จะไปต่อหรือพอแค่นี้…(พร้อมทิ้งเงินจอง)
แต่ก็บอกตัวเองว่าที่เราตัดสินใจจอง เพราะเรามั่นใจแล้วในเวิ้งนี้ ที่นี่เหมาะกับไลฟ์ไสตล์เรามากที่สุด ทำเล ถนนหนทาง ข้าวปลาอาหาร และราคาเหมาะสุด ตกเย็นก็ไปจ่ายเงินทำสัญญา ไวปะละ
ส่วนกลางอลัง ห้องแปลนแปลกดี จัดไป!
* รอคอย
ระหว่างที่รอคอนโดก่อสร้าง ทรมานใจมาก เพราะ กว่าจะเข้าอยู่ก็มีนาคม 64 ได้ดูแค่บางวันที่ขับรถผ่านโครงการ หรือเปิดแอพโครงการเพื่อดูความคืบหน้าที่จะอัพเดตเดือนละครั้ง วันวันหาแต่แบบห้องที่อยากแต่ง หาเฟอร์นิเจอร์ จาก FB IG Google และแน่นอน…Pinterest ที่มีไอเดียสุดบรรเจิด จนห้องเดิมที่อยู่เต็มไปด้วยของตกแต่งจุกจิก เพราะคิดว่าซื้อไปเรื่อยๆ ดีกว่าเอาเงินไปลงตู้มเดียว เอาเป็นว่าเห็นอะไรก็เป็นเรื่องคอนโดไปหมด
* ส่องโครงการอื่น
นอกจากนี้คือตระเวนดูคอนโดราวๆ 20 โครงการย่านที่เราอยู่อาศัย พบว่าไม่มีที่ไหนตอบโจทย์เท่าโครงการที่เราจอง ทั้งราคา รูปแบบ ระยะเวลาก่อสร้าง ฯลฯ ที่สำคัญผลพลอยได้คือ ได้ดูแนวการแต่งห้องของแต่ละโครงการเพื่อเป็นข้อมูลสำหรับห้องของเราด้วย เหมือนไปดูเพื่อเข้าข้างตัวเองอะ อิอิ
* ยื่นกู้
ทางโครงการฯก็ติดต่อมาเป็นระยะ จัดหาธนาคารมาให้เราพิจารณาเงื่อนไขดอกเบี้ย เราก็เตรียมเอกสารยื่นกู้ จนในที่สุดก็ตกลงปลงใจกับธนาคารแห่งหนึ่งในอัตราดอกเบี้ยและเงื่อนไขที่น่าพอใจ หลังยื่นเอกสารลุ้นเป็นเดือนกว่าจะรู้ผลว่ากู้ผ่านมั้ย ไม่กล้าใช้เงิน ไม่กล้าใช้บัตร เป็นเด็กดี ทำสเตทเม้นท์สวยๆ 555 สุดท้ายก็กู้ผ่าน…
* เห็นของจริงสักที
หลังรอคอยมาเนิ่นนาน จนถึงวันที่เปิดตัวคอนโดเมื่อปลายปี 63 ก็ตื่นเต้น ได้เข้าชมส่วนกลางบางส่วนที่สร้างเสร็จแล้ว และเข้าไปดูห้องของตัวเองที่ยังไม่เสร็จ ทางโครงการอยากให้เรารีบโอนห้องให้เรียบร้อย โดยตรวจรับห้องทีหลังได้ และมีบัตรกำนัลและของสมนาคุณให้เป็นตัวล่อ ซึ่งได้ผล…โอนเลยจ้า
* รับเอกสาร
อีกสัปดาห์หลังจากโอนห้อง เจ้าหน้าที่ติดต่อให้ไปรับเอกสาร สำเนาทะเบียนบ้าน สำเนาโฉนดและเอกสารต่างๆ เย้! ในที่สุดห้องก็เป็นชื่อตัวเอง นัดตรวจรับห้องช่วงปลายเดือนมกรา และทางโครงการมีบริษัทตกแต่งห้องให้ด้วย จึงได้ทำการปรึกษาและจองราคาพิเศษไว้เตรียมตกแต่งเดือนกุมภาต่อไป
* เงินส่วนต่างใช้แต่งห้อง
พอเราโอนเสร็จก็เหลือเงินทอนจากการกู้ ส่วนนี้ใช้สำหรับการแตกแต่งห้อง ไม่ว่าจะเป็นเฟอร์นิเจอร์ เครื่องใช้ไฟฟ้า และของตกแต่ง โดยเราทำตารางรายละเอียดของสิ่งต่างๆพร้อมราคาสูงสุดต่ำสุด เพื่อควบคุมงบประมาณ เนื่องจากทำการบ้านมาแล้ว พอได้เงินมาก็แค่โอนมัดจำเพื่อสั่งทำหรือจองสิ่งต่างๆที่เราต้องการ
* ตรวจรับห้อง 1
เมื่อถึงวันตรวจรับห้อง เราก็เตรียมอุปกรณ์ต่างๆที่ใช้ในการตรวจรับห้อง เช่น สติกเกอร์สำหรับแปะจุดตำหนิ ตลับเมตร ผ้าเช็ดเท้า เริ่มจาก ระบบไฟฟ้าประปา ดูพื้น ดูฝ้า ดูผนัง ดูประตู กระจก ตู้ต่างๆ ไฟฟืน น้ำท่า ฯลฯ แฟนเป็นคนละเอียด ตรวจไปเจอเกือบร้อยจุด ใช้เวลาแก้งานอยู่หลายอาทิตย์ จากนั้นก็เข้าไปตรวจรอบที่ 2
* ตรวจรับห้อง 2
รอบนี้ห้องสวยสมบูรณ์ขึ้นมาก และเพื่อไม่ให้เสียเวลา รอบนี้ก็นัดทีมตกแต่งวอลเปเปอร์ ผ้าม่าน เข้ามาวัดหน้างานด้วยเลย เพราะใช้เวลาประมาณ 14 วัน เหลืองานกระเบื้องที่ต้องแก้ อีกวันค่อยมาตรวจใหม่
* ตรวจรับห้อง 3
รอบนี้ห้องสวยสมบูรณ์ ห้องน้ำโอเคละ เลยเซ็นรับห้อง และนัดวันรับกุญแจ เตรียมเป็นเจ้าของห้องอย่างเต็มตัวจ้า
* รับกุญแจ
ณ วันนัด เจ้าหน้าที่เขาเตรียมกล่องไว้ ข้างในมีอุปกรณ์ต่างๆสำหรับใช้กับห้องชุดของเรา เช่น กุญแจห้อง รีโมตแอร์ คู่มือต่างๆ ฯลฯ พร้อมอธิบายให้เราเข้าใจ...เป็นเจ้าของห้องโดยสมบูรณ์ เริ่มขนของเข้าอยู่ได้!
* ย้ายเข้า
คำนี้สั้นๆ แต่ไม่ง่ายเลย เพราะเป็นคนของเยอะมากกกกก...โชคดีที่เริ่มแพคของเตรียมย้ายตั้งแต่ปลายปี 63 แล้วก็ทะยอยเอาของมาลงตั้งแต่วันที่ได้รับห้อง
* ตกแต่ง
หลังจากรับกล่องแล้ว ก็นัดวันกับโครงการและบริษัทรับเหมา ติดตั้งสิ่งต่างๆให้พร้อมสรรพ เช่น ม่าน วอลฯ ตู้Built-in กระจกผนังในครัว ดวงไฟต่างๆ แล้วก็นัดส่งสินค้าแต่ละเจ้ามาเพื่อเอาของจัดวางในห้อง ปิดท้ายด้วยการตกแต่งของจุกจิกหรือที่เรียกว่า พร๊อบ เพื่อขับเน้นให้ห้องดูมีอะไรน่าสนใจ โดยแนวการแต่งของเราคือ โมเดิน ลักชัวรี่ ปนคลาสสิคนิดๆ (Modern Luxury and Classic)
* สุดท้าย
ในที่สุดกลางเดือนมีนา 64 ก็ได้เข้าอยู่ตามแบบห้องที่ใฝ่ฝัน มีคอนโดเป็นของตัวเอง เวลาทำงานเหนื่อยๆก็มีห้องที่เปรียบเหมือนบ้านให้เราได้พักกายพักใจ ในอนาคตจะปล่อยเช่าก็ทำได้ แต่ก็นั่นแหละ เท่ากับเรามีหนี้มีภาระที่ต้องรับผิดชอบ ที่ผ่านมาพักมานานแล้ว ตอนนี้ได้เวลาต่อสู้ทำงานหาเงินเพื่อสินทรัพย์ของเรากันต่อไป
ขอบคุณที่อ่านจนจบครับ
กระทู้ตกแต่งคอนโดแบบเจาะลึก รอติดตามเร็วๆนี้นะครับ ^^
รีวิวซื้อคอนโดยุคโควิด
* กระทู้นี้สามารถใช้งานได้เฉพาะผู้ที่มี Link นี้เท่านั้นค่ะซื้อคอนโดยุคโควิด โดยจะพูดถึงขั้นตอนแบบสังเขป
หมายเหตุ กระทู้นี้มีวัตถุประสงค์แบ่งปันประสบการณ์ส่วนตัวเท่านั้น ไร้เชิงพาณิชย์นะครับ
* ปฐมบท
ความจริงการซื้อบ้านหรือคอนโดไม่เคยอยู่ในหัวเลย จนวันนึงช่วงกลางปี 63 ไปนั่งเล่นคอนโดที่เพื่อนมันเช่าอยู่เดือนละ 1x,xxx ก็เลยเป็นจุดเริ่มต้นในหัวว่าน่าจะเอาเงินที่จ่ายค่าเช่ามาผ่อนให้เป็นของตัวเอง จะปล่อยเช่าในอนาคตก็ย่อมได้ แต่ก็ต้องแลกกับการเป็นหนี้ระยะยาว คิดไปคิดมา จัดเลย!
คอนโดต้นเหตุแรงบันดาลใจ
* ที่แรกยังไม่โดน…
เริ่มจากเย็นวันนั้นไปดูคอนโดโซนแบริ่ง (เพราะที่ทำงานอยู่แถวเมกาบางนา ก่อนนี้อยู่แถวสำโรงของแฟน) ภาพรวมดี High Rise แต่ราคาไม่เหมาะกับฐานะแบบเราๆ จึงมีอันต้องปฏิเสธไป นอนท้องอืดอยากได้คอนโด 2 คืน
วิวดี ราคาดีเกินไป ไม่ไหว ><
* ที่สองนี่แหละจัดเลย!
จากนั้นเอาใหม่ มาเจอคอนโดแถวลาซาล ชื่อ The Origin สุขุมวิท 105 ราคาล้านปลายๆ พบพนักงานขายเพื่อพูดคุย ชมห้องตัวอย่าง เดินไปเดินมา รู้ตัวอีกที โอนเงินจองไปแล้วแม่...
แล้วกลับมานั่งทำงานคิดอะไรมากมายอยู่ในหัวว่าจะกู้ผ่านมั้ย จะไปต่อหรือพอแค่นี้…(พร้อมทิ้งเงินจอง)
แต่ก็บอกตัวเองว่าที่เราตัดสินใจจอง เพราะเรามั่นใจแล้วในเวิ้งนี้ ที่นี่เหมาะกับไลฟ์ไสตล์เรามากที่สุด ทำเล ถนนหนทาง ข้าวปลาอาหาร และราคาเหมาะสุด ตกเย็นก็ไปจ่ายเงินทำสัญญา ไวปะละ
ส่วนกลางอลัง ห้องแปลนแปลกดี จัดไป!
* รอคอย
ระหว่างที่รอคอนโดก่อสร้าง ทรมานใจมาก เพราะ กว่าจะเข้าอยู่ก็มีนาคม 64 ได้ดูแค่บางวันที่ขับรถผ่านโครงการ หรือเปิดแอพโครงการเพื่อดูความคืบหน้าที่จะอัพเดตเดือนละครั้ง วันวันหาแต่แบบห้องที่อยากแต่ง หาเฟอร์นิเจอร์ จาก FB IG Google และแน่นอน…Pinterest ที่มีไอเดียสุดบรรเจิด จนห้องเดิมที่อยู่เต็มไปด้วยของตกแต่งจุกจิก เพราะคิดว่าซื้อไปเรื่อยๆ ดีกว่าเอาเงินไปลงตู้มเดียว เอาเป็นว่าเห็นอะไรก็เป็นเรื่องคอนโดไปหมด
* ส่องโครงการอื่น
นอกจากนี้คือตระเวนดูคอนโดราวๆ 20 โครงการย่านที่เราอยู่อาศัย พบว่าไม่มีที่ไหนตอบโจทย์เท่าโครงการที่เราจอง ทั้งราคา รูปแบบ ระยะเวลาก่อสร้าง ฯลฯ ที่สำคัญผลพลอยได้คือ ได้ดูแนวการแต่งห้องของแต่ละโครงการเพื่อเป็นข้อมูลสำหรับห้องของเราด้วย เหมือนไปดูเพื่อเข้าข้างตัวเองอะ อิอิ
* ยื่นกู้
ทางโครงการฯก็ติดต่อมาเป็นระยะ จัดหาธนาคารมาให้เราพิจารณาเงื่อนไขดอกเบี้ย เราก็เตรียมเอกสารยื่นกู้ จนในที่สุดก็ตกลงปลงใจกับธนาคารแห่งหนึ่งในอัตราดอกเบี้ยและเงื่อนไขที่น่าพอใจ หลังยื่นเอกสารลุ้นเป็นเดือนกว่าจะรู้ผลว่ากู้ผ่านมั้ย ไม่กล้าใช้เงิน ไม่กล้าใช้บัตร เป็นเด็กดี ทำสเตทเม้นท์สวยๆ 555 สุดท้ายก็กู้ผ่าน…
* เห็นของจริงสักที
หลังรอคอยมาเนิ่นนาน จนถึงวันที่เปิดตัวคอนโดเมื่อปลายปี 63 ก็ตื่นเต้น ได้เข้าชมส่วนกลางบางส่วนที่สร้างเสร็จแล้ว และเข้าไปดูห้องของตัวเองที่ยังไม่เสร็จ ทางโครงการอยากให้เรารีบโอนห้องให้เรียบร้อย โดยตรวจรับห้องทีหลังได้ และมีบัตรกำนัลและของสมนาคุณให้เป็นตัวล่อ ซึ่งได้ผล…โอนเลยจ้า
* รับเอกสาร
อีกสัปดาห์หลังจากโอนห้อง เจ้าหน้าที่ติดต่อให้ไปรับเอกสาร สำเนาทะเบียนบ้าน สำเนาโฉนดและเอกสารต่างๆ เย้! ในที่สุดห้องก็เป็นชื่อตัวเอง นัดตรวจรับห้องช่วงปลายเดือนมกรา และทางโครงการมีบริษัทตกแต่งห้องให้ด้วย จึงได้ทำการปรึกษาและจองราคาพิเศษไว้เตรียมตกแต่งเดือนกุมภาต่อไป
* เงินส่วนต่างใช้แต่งห้อง
พอเราโอนเสร็จก็เหลือเงินทอนจากการกู้ ส่วนนี้ใช้สำหรับการแตกแต่งห้อง ไม่ว่าจะเป็นเฟอร์นิเจอร์ เครื่องใช้ไฟฟ้า และของตกแต่ง โดยเราทำตารางรายละเอียดของสิ่งต่างๆพร้อมราคาสูงสุดต่ำสุด เพื่อควบคุมงบประมาณ เนื่องจากทำการบ้านมาแล้ว พอได้เงินมาก็แค่โอนมัดจำเพื่อสั่งทำหรือจองสิ่งต่างๆที่เราต้องการ
* ตรวจรับห้อง 1
เมื่อถึงวันตรวจรับห้อง เราก็เตรียมอุปกรณ์ต่างๆที่ใช้ในการตรวจรับห้อง เช่น สติกเกอร์สำหรับแปะจุดตำหนิ ตลับเมตร ผ้าเช็ดเท้า เริ่มจาก ระบบไฟฟ้าประปา ดูพื้น ดูฝ้า ดูผนัง ดูประตู กระจก ตู้ต่างๆ ไฟฟืน น้ำท่า ฯลฯ แฟนเป็นคนละเอียด ตรวจไปเจอเกือบร้อยจุด ใช้เวลาแก้งานอยู่หลายอาทิตย์ จากนั้นก็เข้าไปตรวจรอบที่ 2
* ตรวจรับห้อง 2
รอบนี้ห้องสวยสมบูรณ์ขึ้นมาก และเพื่อไม่ให้เสียเวลา รอบนี้ก็นัดทีมตกแต่งวอลเปเปอร์ ผ้าม่าน เข้ามาวัดหน้างานด้วยเลย เพราะใช้เวลาประมาณ 14 วัน เหลืองานกระเบื้องที่ต้องแก้ อีกวันค่อยมาตรวจใหม่
* ตรวจรับห้อง 3
รอบนี้ห้องสวยสมบูรณ์ ห้องน้ำโอเคละ เลยเซ็นรับห้อง และนัดวันรับกุญแจ เตรียมเป็นเจ้าของห้องอย่างเต็มตัวจ้า
* รับกุญแจ
ณ วันนัด เจ้าหน้าที่เขาเตรียมกล่องไว้ ข้างในมีอุปกรณ์ต่างๆสำหรับใช้กับห้องชุดของเรา เช่น กุญแจห้อง รีโมตแอร์ คู่มือต่างๆ ฯลฯ พร้อมอธิบายให้เราเข้าใจ...เป็นเจ้าของห้องโดยสมบูรณ์ เริ่มขนของเข้าอยู่ได้!
* ย้ายเข้า
คำนี้สั้นๆ แต่ไม่ง่ายเลย เพราะเป็นคนของเยอะมากกกกก...โชคดีที่เริ่มแพคของเตรียมย้ายตั้งแต่ปลายปี 63 แล้วก็ทะยอยเอาของมาลงตั้งแต่วันที่ได้รับห้อง
* ตกแต่ง
หลังจากรับกล่องแล้ว ก็นัดวันกับโครงการและบริษัทรับเหมา ติดตั้งสิ่งต่างๆให้พร้อมสรรพ เช่น ม่าน วอลฯ ตู้Built-in กระจกผนังในครัว ดวงไฟต่างๆ แล้วก็นัดส่งสินค้าแต่ละเจ้ามาเพื่อเอาของจัดวางในห้อง ปิดท้ายด้วยการตกแต่งของจุกจิกหรือที่เรียกว่า พร๊อบ เพื่อขับเน้นให้ห้องดูมีอะไรน่าสนใจ โดยแนวการแต่งของเราคือ โมเดิน ลักชัวรี่ ปนคลาสสิคนิดๆ (Modern Luxury and Classic)
* สุดท้าย
ในที่สุดกลางเดือนมีนา 64 ก็ได้เข้าอยู่ตามแบบห้องที่ใฝ่ฝัน มีคอนโดเป็นของตัวเอง เวลาทำงานเหนื่อยๆก็มีห้องที่เปรียบเหมือนบ้านให้เราได้พักกายพักใจ ในอนาคตจะปล่อยเช่าก็ทำได้ แต่ก็นั่นแหละ เท่ากับเรามีหนี้มีภาระที่ต้องรับผิดชอบ ที่ผ่านมาพักมานานแล้ว ตอนนี้ได้เวลาต่อสู้ทำงานหาเงินเพื่อสินทรัพย์ของเรากันต่อไป
ขอบคุณที่อ่านจนจบครับ
กระทู้ตกแต่งคอนโดแบบเจาะลึก รอติดตามเร็วๆนี้นะครับ ^^