๖. ทานสูตร
[๒๐๔] จริงอยู่ พระสูตรนี้พระผู้มีพระภาคตรัสแล้ว พระสูตรนี้พระผู้มีพระภาคผู้เป็น พระอรหันต์ตรัสแล้ว เพราะเหตุนั้น
ข้าพเจ้าได้สดับมาแล้วว่า...
ดูกรภิกษุทั้งหลาย....
"
ถ้าว่าสัตว์ทั้งหลายพึงรู้ผลแห่งการจำแนกทานเหมือนอย่างเรารู้ไซร้
สัตว์ทั้งหลายยังไม่ให้แล้วก็จะไม่พึงบริโภค "
อนึ่ง
ความตระหนี่อันเป็นมลทิน จะไม่พึงครอบงำจิตของสัตว์เหล่านั้น
สัตว์เหล่านั้น ไม่พึงแบ่งคำข้าวคำหลังจากคำข้าวนั้นแล้วก็จะไม่พึงบริโภค ถ้าปฏิคาหกของสัตว์เหล่านั้นพึงมี
ดูกรภิกษุทั้งหลาย
"
แต่เพราะสัตว์ทั้งหลายไม่รู้ผลแห่งการจำแนกทานเหมือนอย่างเรารู้
ฉะนั้น สัตว์ทั้งหลายไม่ให้แล้วจึงบริโภค "
อนึ่ง
ความตระหนี่อันเป็นมลทินจึงยังครอบงำจิตของสัตว์ เหล่านั้น ฯ
พระผู้มีพระภาคได้ตรัสเนื้อความนี้แล้ว ในพระสูตรนั้น พระผู้มีพระภาคตรัสคาถา ประพันธ์ดังนี้ว่า
ถ้าว่าสัตว์ทั้งหลายพึงรู้ผลแห่งการจำแนกทานเหมือนอย่างที่พระผู้มี พระภาคผู้แสวงหาคุณอันใหญ่ตรัสแล้ว
โดยวิธีที่ผลนั้นเป็นผลใหญ่ไซร้
สัตว์ทั้งหลายพึงกำจัดความตระหนี่อันเป็นมลทินเสียแล้ว มีใจผ่องใส
พึงให้ทานที่ให้แล้วมีผลมาก ในพระอริยบุคคลทั้งหลายตามกาลอันควร
อนึ่งทายกเป็นอันมาก ครั้นให้ทักษิณาทาน คือ ข้าวในพระทักษิไณย บุคคลทั้งหลายแล้ว
จุติจากความเป็นมนุษย์นี้แล้วย่อมไปสู่สวรรค์ และ ทายกเหล่านั้นผู้ใคร่กาม ไม่มีความตระหนี่
ไปสู่สวรรค์แล้วบันเทิง อยู่ในสวรรค์นั้น เสวยอยู่ซึ่งผลแห่งการจำแนกทาน ฯ
เนื้อความแม้นี้พระผู้มีพระภาคตรัสแล้ว เพราะเหตุนั้น ข้าพเจ้าได้สดับมาแล้วฉะนี้แล ฯ
จบสูตรที่ ๖
https://etipitaka.com/read/thai/25/175/
สรุป...
1. พระศาสดาท่านกล่าวว่า.... ถ้าใครรู้ได้ตามจริงถึงผลของทานแล้ว..ว่ามีผล
เหมือนดังที่พระองค์ทราบเรื่องผลของทาน...
พวกเขาก็จะยินดีในการให้ทานและให้ทานก่อนการบริโภคอาการหากพบว่ายังมีผู้ที่ควรรับทานอยู่
(..ให้ทานก่อน..กินข้าวเอาไว้ที่หลัง... เพราะรู้ว่าทานให้ผลใหญ่...)
2. เพราะว่า...บุคคล...ไม่รู้ถึงผลของทานตามจริง... ดังนั้นจึงมีความตระหนี่ในจิตองเขา...
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้ใส่ข้อความ
หากรู้ว่าทานมีผล... ก็จะให้ทานก่อนการบริโภคอาหาร..(หากยังมีผู้ที่ควรแก่การรับทานอยู่)
[๒๐๔] จริงอยู่ พระสูตรนี้พระผู้มีพระภาคตรัสแล้ว พระสูตรนี้พระผู้มีพระภาคผู้เป็น พระอรหันต์ตรัสแล้ว เพราะเหตุนั้น
ข้าพเจ้าได้สดับมาแล้วว่า...
ดูกรภิกษุทั้งหลาย....
" ถ้าว่าสัตว์ทั้งหลายพึงรู้ผลแห่งการจำแนกทานเหมือนอย่างเรารู้ไซร้
สัตว์ทั้งหลายยังไม่ให้แล้วก็จะไม่พึงบริโภค "
อนึ่ง ความตระหนี่อันเป็นมลทิน จะไม่พึงครอบงำจิตของสัตว์เหล่านั้น
สัตว์เหล่านั้น ไม่พึงแบ่งคำข้าวคำหลังจากคำข้าวนั้นแล้วก็จะไม่พึงบริโภค ถ้าปฏิคาหกของสัตว์เหล่านั้นพึงมี
ดูกรภิกษุทั้งหลาย
" แต่เพราะสัตว์ทั้งหลายไม่รู้ผลแห่งการจำแนกทานเหมือนอย่างเรารู้
ฉะนั้น สัตว์ทั้งหลายไม่ให้แล้วจึงบริโภค "
อนึ่ง ความตระหนี่อันเป็นมลทินจึงยังครอบงำจิตของสัตว์ เหล่านั้น ฯ
พระผู้มีพระภาคได้ตรัสเนื้อความนี้แล้ว ในพระสูตรนั้น พระผู้มีพระภาคตรัสคาถา ประพันธ์ดังนี้ว่า
ถ้าว่าสัตว์ทั้งหลายพึงรู้ผลแห่งการจำแนกทานเหมือนอย่างที่พระผู้มี พระภาคผู้แสวงหาคุณอันใหญ่ตรัสแล้ว
โดยวิธีที่ผลนั้นเป็นผลใหญ่ไซร้
สัตว์ทั้งหลายพึงกำจัดความตระหนี่อันเป็นมลทินเสียแล้ว มีใจผ่องใส
พึงให้ทานที่ให้แล้วมีผลมาก ในพระอริยบุคคลทั้งหลายตามกาลอันควร
อนึ่งทายกเป็นอันมาก ครั้นให้ทักษิณาทาน คือ ข้าวในพระทักษิไณย บุคคลทั้งหลายแล้ว
จุติจากความเป็นมนุษย์นี้แล้วย่อมไปสู่สวรรค์ และ ทายกเหล่านั้นผู้ใคร่กาม ไม่มีความตระหนี่
ไปสู่สวรรค์แล้วบันเทิง อยู่ในสวรรค์นั้น เสวยอยู่ซึ่งผลแห่งการจำแนกทาน ฯ
เนื้อความแม้นี้พระผู้มีพระภาคตรัสแล้ว เพราะเหตุนั้น ข้าพเจ้าได้สดับมาแล้วฉะนี้แล ฯ
จบสูตรที่ ๖
https://etipitaka.com/read/thai/25/175/
สรุป...
1. พระศาสดาท่านกล่าวว่า.... ถ้าใครรู้ได้ตามจริงถึงผลของทานแล้ว..ว่ามีผล
เหมือนดังที่พระองค์ทราบเรื่องผลของทาน...
พวกเขาก็จะยินดีในการให้ทานและให้ทานก่อนการบริโภคอาการหากพบว่ายังมีผู้ที่ควรรับทานอยู่
(..ให้ทานก่อน..กินข้าวเอาไว้ที่หลัง... เพราะรู้ว่าทานให้ผลใหญ่...)
2. เพราะว่า...บุคคล...ไม่รู้ถึงผลของทานตามจริง... ดังนั้นจึงมีความตระหนี่ในจิตองเขา...
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้