JJNY : พท.จี้ปรับครม.ศก.ยกแผง│เอกชนกังวลเมียนมาแรง│เทพไทเตือนรมต.หาเสียง│คำนูณจับตาศาลรธน.│วันชัยปัดส.ว.คว่ำร่างรธน.

'เพื่อไทย' จี้ 'ประยุทธ์' ปรับ ครม.เศรษฐกิจ ยกแผง
https://voicetv.co.th/read/CWYUef95i


'เพื่อไทย' จี้ 'ประยุทธ์' ปรับ ครม. เศรษฐกิจ ยกแผงเพราะล้มเหลวหนัก เพื่อปรับปรุงการบริหารให้ดีขึ้น โดยเฉพาะการปรับเปลี่ยนหัวหน้าทีมเศรษฐกิจที่ขาดความรู้ความสามารถ
 
กฤษฎา ตันเทอดทิตย์ ส.ส.หนองคาย อดีตรองเลขาธิการสภาอุตสาหกรรม คณะทำงานเศรษฐกิจ พรรคเพื่อไทย กล่าวว่า ตามที่ศาลได้มีคำตัดสินคดีของ กปปส. จนทำให้รัฐมนตรีที่มาจากกลุ่ม กปปส. ต้องหลุดออกจากตำแหน่ง และ ต้องมีการปรับคณะรัฐมนตรีครั้งใหญ่อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ดังนั้น คณะทำงานเศรษฐกิจของพรรคเพื่อไทย จึงอยากเรียกร้องให้พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี รมว.กลาโหมและหัวหน้าทีมเศรษฐกิจ ได้พิจารณาปรับเปลี่ยน ครม.เศรษฐกิจของรัฐบาลทั้งหมดแบบยกแผง
 
ทั้งนี้เพราะรัฐบาลพลเอกประยุทธ์ได้บริหารเศรษฐกิจล้มเหลวมาโดยตลอด จนกระทั่งต้องยอมรับและไม่อาจฝืนกระแสสังคมจึงต้องปรับทีม สมคิด จาตุศรีพิทักษ์ และ 4 กุมาร ออกไป แต่หลังจากปรับ ครม. แล้ว กลับยิ่งไม่มีผลงาน เศรษฐกิจกลับยิ่งทรุดต่ำลงหนักกว่าเดิม รัฐบาลยิ่งไม่สามารถสร้างความเชื่อถือและความมั่นใจให้กับประเทศไทยได้ ซึ่งหนักหนาสาหัสและเละยิ่งกว่าสมัยที่ทีมสมคิดและ 4 กุมารบริหารเสียอีก 
 
ทั้งนี้ เพราะ ครม. เศรษฐกิจชุดนี้ ไม่มีเครดิต ขาดความน่าเชื่อถือ ขาดความสามารถ ไม่มีฝีมือ ขาดประสบการณ์ และบริหารผิดพลาดมาโดยตลอด แม้กระทั่งเรื่องแจกเงินที่เป็นเรื่องง่ายสุด แต่ก็ยังทำให้สับสนจนเละตุ้มเป๊ะได้ นับประสาอะไรกับเรื่องยากๆเข่น การจะฟื้นฟูเศรษฐกิจ ซึ่งไม่น่าจะทำได้ อีกทั้งประชาชนยังไม่เห็นแนวทางว่า ครม.เศรษฐกิจของรัฐบาล จะบริหารเศรษฐกิจไปในทิศทางใด มองไปทางไหนก็มีแต่ความมืดมน เศรษฐกิจไทยจะยิ่งดำดิ่งลงไปอีก 
 
ดังนั้นจึงอยากให้ พล.อ.ประยุทธ์ได้พิจารณาปรับเปลี่ยน ครม.เศรษฐกิจ ในทุกกระทรวง เพื่อปรับปรุงการบริหารให้ดีขึ้น โดยเฉพาะการปรับเปลี่ยนหัวหน้าทีมเศรษฐกิจที่ขาดความรู้ความสามารถก็ควรจะออกไปเป็นคนแรกและตามด้วยลูกทีมทั้งหมด และหาคนที่มีความรู้ความสามารถอย่างแท้จริงมาช่วยบริหาร โดยหวังว่าจะมีผู้ที่มีความรู้ความสามารถอย่างแท้จริงยินดีเสียสละมาช่วยประเทศ เพราะที่ผ่านมาไม่มีคนที่มีความรู้ความสามารถและมีเครดิตพอในสังคมคนใดอยากเปลืองตัวลงทำงานให้กับพล.อ.ประยุทธ์ ที่เป็นผู้นำที่ไม่มีความรู้ ขาดความสามารถ ไม่มีวิสัยทัศน์ แถมยังดื้อรั้น เศรษฐกิจไทยถึงได้ย่ำแย่มาตลอดหลายปีนี้ 
 
นอกจากจะต้องเปลี่ยนหัวหน้าทีมเศรษฐกิจแล้ว พล.อ.ประยุทธ์ ควรจะต้องพิจารณาปรับครม. เศรษฐกิจที่มีปัญหาและไม่สามารถตอบข้อซักถามในการอภิปรายไม่ไว้วางใจให้ชัดเจนได้ ไม่ว่าจะเป็นเรื่อง การให้สัมปทานที่ดิน 4 แสนไร่กับบริษัทเหมืองทองอัครา การทุจริตถุงมือยาง การยกเลิกการประมูลรถไฟสายสีส้ม การรับผลประโยชน์จากการขนแรงงานข้ามชาติเถื่อน ทุจริตการใช้เงินกองทุนอนุรักษ์พลังงาน เป็นต้น ซึ่งประชาชนยังคาใจกันอย่างมากเพราะเชื่อว่าต้องมีการทุจริต และรัฐบาลก็ยังไม่ได้ชี้แจงให้กระจ่างและโปร่งใสได้ 
 
"ไหนๆ พล.อ.ประยุทธ์จะปรับ ครม. ครั้งใหญ่ทั้งที ก็ควรจะคำนึงถึงประโยชน์ของประชาชนและประเทศชาติเป็นหลัก ไม่ใช่ปรับเพื่อรักษาอำนาจของตัวเอง หรือแค่เพื่อประคองการเมืองภายในพรรคเท่านั้น เพราะหากการบริหารประเทศเป็นไปอย่างในปัจจุบัน เศรษฐกิจไทยก็คงรอวันล่มสลายอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ และพลเอกประยุทธ์จะต้องกลายเป็นผู้รับผิดชอบแต่เพียงผู้เดียว"  กฤษฎา ระบุ
 
ทั้งนี้ อยากให้ประชาชนได้เปรียบเทียบแนวคิดของ ครม.เศรษฐกิจของพล.อ.ประยุทธ์ กับแนวคิดของคณะทำงานเศรษฐกิจพรรคเพื่อไทย กลุ่มแคร์ และ พี่ Tony ใน Clubhouse ซึ่งเชื่อว่าประชาชนจะเห็นความแตกต่างได้อย่างชัดเจน และจะทราบดีว่าใครจะสามารถนำพาประเทศให้พัฒนาต่อไปได้ดีกว่ากัน
 

 
เอกชนกังวลเหตุเมียนมาแรงกว่าที่คาด-ฉุดลงทุน
https://www.innnews.co.th/news/economy/news_55041/
   
เอกชนไทย รับ ไม่สบายใจเหตุเมียนมาแรงกว่าที่คาด ห่วงความปลอดภัย,การลงทุนระยะยาว จับตาใกล้ชิด
   
นายกลินท์ สารสิน ประธานกรรมการหอการค้าไทยและสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย เปิดเผยสำนักข่าวไอ.เอ็น.เอ็น. ว่า สถานการณ์ในเมียนมาเวลานี้ยอมรับว่ารุนแรงกว่าที่คาดการณ์ไว้ ทำให้มีความเป็นห่วง ทั้งในเรื่องของความปลอดภัยของประชาชนและผู้ประกอบการไทยที่เข้าไปลงทุนในเมียนมาซึ่งมีอยู่หลายบริษัท คงต้องมีการติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด และอาจต้องมีการพิจารณาตัดสินใจสำหรับการลงทุนในอนาคต ซึ่งในส่วนนี้ไม่เฉพาะผู้ประกอบการไทย แต่รวมถึงผู้ประกอบการจากต่างประเทศที่ลงทุนอยู่ในเมียนมาด้วย การตัดสินใจขยายการลงทุนในอนาคตอาจต้องมีการพิจารณาปัจจัยหลายด้านมากขึ้น
   
อย่างไรก็ตาม เหตุที่เกิดขึ้นในเมียนมา ยอมรับว่าส่งผลกระทบกับอาเซียน ไม่ทางตรงก็ทางอ้อม โดยเฉพาะไทยซึ่งเป็นประเทศเพื่อนบ้านที่มีพรมแดนติดกันการเคลื่อนไหวหรือท่าทีต่างๆจะต้องใช้ความระมัดระวัง เนื่องจากการเมืองภายในประเทศถือเป็นเรื่องอ่อนไหว
 

  
‘เทพไท’ เตือน รมต.หาเสียงเมืองคอน เป็นภารกิจส่วนตัว ไม่ควรใช้รถนำขบวน ทำขรก.อึดอัด
https://www.matichon.co.th/politics/news_2608669
 
“เทพไท” โพสต์เตือน รมต.ลงพื้นที่หาเสียง ไม่ควรใช้รถนำขบวน และข้าราชการอำนวยความสะดวก ชี้เป็นภารกิจส่วนตัว สร้างความอึดอัดใจให้กับข้าราชการในพื้นที่
 
เมื่อวันที่ 5 มีนาคม นายเทพไท เสนพงศ์ อดีต ส.ส.นครศรีธรรมราช พรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) โพสต์เฟซบุ๊ก “เทพไท เสนพงศ์” กรณีการลงพื้นที่ช่วยหาเสียงของพรรคการเมือง โดยระบุข้อความว่า
 
การเลือกตั้งซ่อม ส.ส.เขต3 จ.นครศรีธรรมราช เข้าโค้งสุดท้ายแล้ว วันนี้ทุกพรรคการเมืองก็จะจัดปราศรัยใหญ่ปิดสนาม ซึ่งจะมีการระดมขุนพลหรือแกนนำของพรรคขึ้นเวทีปราศรัย เพื่อขอเสียงสนับสนุนให้กับผู้สมัครของพรรคตัวเอง แต่ที่ทุกฝ่ายจับตามองมากที่สุด ก็คือเวทีปราศรัยใหญ่ของพรรคประชาธิปัตย์ และพรรคพลังประชารัฐ ที่จัดเวทีแบบเผชิญหน้ากัน ตั้งเวทีใกล้กันในเขตเทศบาลตำบลชะอวด
 
โดยพรรคประชาธิปัตย์ ยึดสมรภูมิใจกลางเมือง ตั้งเวทีใหญ่หลังสถานีรถไฟชะอวด ส่วนพรรคพลังประชารัฐ ต้องหลีกทางขอไปตั้งเวทีใหญ่ที่โรงเรียนชะอวดวิทยาคารและข่าวล่าสุดแจ้งว่า อาจจะย้ายหนีไปตั้งเวทีที่สี่แยกควนหนองหงษ์ เพื่อต้องการระดมผู้สนับสนุนจาก อ.จุฬาภรณ์มาร่วมด้วย แต่พรรคประชาธิปัตย์ได้จัดเวทีปราศรัย ให้กับพี่น้องชาวจุฬาภรณ์โดยเฉพาะที่สนามหน้าที่ว่าการ อ.จุฬาภรณ์
 
ในการปราศรัยใหญ่นัดสุดท้ายของทั้ง 2 พรรค ก็จะมีรัฐมนตรีของพรรคหลายคนขึ้นเวทีปราศรัย รวมถึงหัวหน้าพรรคทั้ง 2 พรรค คือนายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฎ์ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ และพลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐได้การลงพื้นที่ปราศรัยช่วยลูกพรรคหาเสียงเช่นกัน เป็นเรื่องปกติที่สามารถทำได้ แม้ว่าจะเป็นผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองหรือเป็นรัฐมนตรีก็ตาม แต่ต้องใช้เวลานอกราชการเพื่อรณรงค์หาเสียง และไม่ควรที่จะให้เจ้าหน้าที่ ข้าราชการมาต้อนรับ หรืออำนวยความสะดวก
 
แต่ตอนนี้ที่ได้เห็นชัดก็คือ คนเป็นรัฐมนตรีที่ลงพื้นที่ปราศรัยหาเสียงในครั้งนี้ จะใช้รถตำรวจทางหลวงและตำรวจในพื้นที่นำขบวน และด้วยความสะดวกเหมือนกับการลงพื้นที่ตรวจราชการ ทั้ง ๆ ที่เป็นภารกิจส่วนตัว เป็นการหาเสียงให้กับพรรคการเมือง ไม่ควรใช้หน่วยงานราชการหรือข้าราชการมาเป็นเครื่องมืออำนวยความสะดวกให้กับพรรคการเมือง ตัวเองและพวกพ้อง ซึ่งเป็นการสร้างความอึดอัดใจให้กับข้าราชการในพื้นที่
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่