ไม่ว่าสภาพผิวตามธรรมชาติของเราจะเป็นแบบไหนก็ตาม แต่สำหรับคนที่ดูแลผิวพรรณมาตลอด เราเชื่อว่าก็ย่อมจะอยากมีผิวสวยใส ไร้ความหมองคล้ำกันใช่ไหมล่ะคะ? เราเองก็ใส่ใจเรื่องนี้มานานพอสมควรตั้งแต่ตอนเป็นวัยรุ่น ส่วนตัวเป็นคนผิวขาว แต่...ผิวขาวก็ไม่ได้แปลว่าสวยนะ เพราะในแต่ละวันที่เราเจอทั้งมลภาวะ เครื่องสำอาง หรืออะไรต่อมิอะไรมากมาย ก็ทำให้ผิวหน้าของเราย่ำแย่ลงได้เหมือนกัน ทั้งสิว ที่พอหายแล้วก็ยังทิ้งรอยไว้ให้ต้องรักษาต่อ หรือพวกจุดด่างดำ กระ จากแดดต่าง ๆ ที่มาตามวัย แต่โชคดีที่เราเป็นคนจริงจังกับการบำรุงผิวมาก ๆ วันนี้เลยขอมาแชร์สูตรดี ๆ ที่ช่วยกู้ผิวหมอง ๆ ให้กลับมาเปล่งปลั่ง กระจ่างใส ที่สำคัญคือทำได้ง่ายมาก ทำไปเรื่อย ๆ แล้วจะได้ผลลัพธ์ที่ดีจริง ๆ ค่ะ ว่าแล้วก็มาดูกันว่ามีขั้นตอนอย่างไรบ้าง

1. ไม่ลืมล้างเครื่องสำอาง ทำความสะอาดผิวในแต่ละวัน
เป็นสิ่งที่ต้องทำกันเป็นประจำอยู่แล้ว สำหรับการทำความสะอาดผิวหน้า ยิ่งถ้าหากเป็นคนที่แต่งหน้าเป็นประจำแล้วด้วย ยิ่งต้องคลีนกันเป็นพิเศษเลย ปีที่ผ่านมาเราแต่งหน้าไม่บ่อยมากเพราะออกจากบ้านต้องใส่แมสก์ แต่ก็ทาครีมกันแดดตลอด เลยต้องใช้เมคอัพรีมูฟเวอร์มาทำความสะอาดเช่นกัน ส่วนตัวยังคงยกให้ Cleansing Balm ของ Banila Co เป็นตัวโปรดอยู่ เพราะทำความสะอาดได้ล้ำลึกจริง ๆ ชอบขั้นตอนการใช้งานที่ไม่ต้องมานั่งเช็ดให้เปลืองสำลี แค่นวดวนให้เมคอัพละลาย แล้วใช้น้ำผสมนวดวนอีกรอบ ให้ฟังก์ชั่นเหมือนเป็นออยล์ยังไงยังงั้นเลยค่ะ

ส่วนผลิตภัณฑ์ล้างหน้าที่ใช้อยู่ในตอนนี้ เราใช้เจลล้างหน้าของ Yves Rocher อยู่ค่ะ เป็นสูตรสำหรับผิวขาดน้ำ ชอบที่ล้างแล้วไม่ทำให้หน้าแห้งตึง ยังคงรักษาความสมดุลบนผิวได้ดี แต่คนที่แพ้น้ำหอมอาจจะต้องระวังนิดนึง เพราะสังเกตหลายที ว่าผลิตภัณฑ์ของแบรนด์นี้แทบทุกตัวจะผสมน้ำหอมค่ะ แต่โดยส่วนตัวเราชอบอยู่แล้ว เลยไม่มีปัญหาแต่อย่างใด

2. สครับผิวบ้าง สัปดาห์ละ 1-2 ครั้ง
นอกจากการทำความสะอาดแล้ว สิ่งที่ควรทำอีกอย่างก็คือการผลัดเซลล์ผิวค่ะ ง่ายมาก ๆ แค่ในสัปดาห์นึง เราขัดผิวสัก 2-3 ครั้งเพื่อให้เซลล์ผิวที่ตายแล้วหลุดออกมา ช่วงนี้เราใช้สครับวิตซี + มะขามของ Royal Beauty อยู่ค่ะ ซองนึงคือถูกมาก ซื้อมาจากเซเว่นนี่แหละ เขามาเป็นซองเล็ก ๆ กระทัดรัด เม็ดบีดส์มีความละเอียดมาก ตอนสครับไม่ทำให้บาดผิวเลย มีความอ่อนโยน เราใช้หลังจากล้างหน้าเสร็จ ก็บีบเนื้อสครับออกมาแล้วนวดวนที่หน้าลงไปถึงคอแบบเบา ๆ (เน้นว่าต้องเบา ๆ นะจ๊ะ) จากนั้นก็ทิ้งไว้แป๊บนึง ประมาณ 1 นาที ประหนึ่งเหมือนเป็นการมาส์กหน้าสักหน่อย แล้วจึงค่อยล้างออก รู้สึกได้ทันทีว่าผิวเนียนนุ่มขึ้นจริง ๆ แต่จากที่ใช้สครับตัวนี้มาได้ 2 อาทิตย์แล้ว นอกจากความเนียน ยังรู้สึกว่าผิวใสดูเป็นธรรมชาติขึ้นจริง ๆ ค่ะ 

มีสครับขัดผิวแล้ว ยังมีอีกตัวที่ช่วงนี้ติดใจและใช้บ่อยเช่นกัน ก็คือลิปสครับ สำหรับขัดริมฝีปากค่ะ เราใช้ของภูตะวัน เป็นกลิ่นสตรอเบอร์รี่ ตอนที่สครับคือหวานปากมาก 555 ชอบที่เขาจัดการปัญหาปากแห้งลอกได้ดีมาก รู้สึกว่าริมฝีปากเรียบเนียนเสมอกันมากขึ้น เวลาทาลิปแล้วก็ดูดีขึ้นด้วย

3.  เลือกใช้สกินแคร์ที่เข้ากับผิวของเราจริง ๆ
ข้อนี้อาจจะเหมือนเป็นการเสี่ยงโชคอยู่สักหน่อย เพราะเราเองก็ใช้เวลานานเหมือนกันกว่าจะเจอตัวที่ใช่จริง ๆ แล้วซื้อใช้ซ้ำมาตลอด ความจริงเรามีสกินแคร์ที่ใช้อยู่หลายตัว แต่ในที่นี้เราขอเลือก 2 ตัวที่ชอบที่สุด ก็คือโลชั่นน้ำตบ IPSA Time Reset Aqua ที่เติมน้ำให้ผิวได้อย่างเต็มที่ ดูฉ่ำน้ำ รักษาสมดุลผิวได้ดี และให้ความรู้สึกเฟรชต่อผิวจริง ๆ บอกตามตรงว่าซื้อตัวนี้ตามจากเสียงลือเสียงเล่าอ้างที่มีทั้งดี เฉย ๆ และไม่ประทับใจ แต่พอได้ใช้มาสักพักแล้วจึงได้คำตอบว่าเลิฟที่สุด ตัดสินใจเลยว่าใช้ขวดนี้หมดต้องมีซื้อต่อแน่นอน

อีกตัวหนึ่งที่เลิฟมาตลอด ใช้มากี่ขวดก็จำไม่ได้แล้ว ก็คือเซรั่มขวดสีเขียว Yves Rocher Elixir Jeunesse Double Action Essence ตัวนี้แหละค่ะ ใช้มาตั้งแต่สมัยเรียนมหาลัย เป็นสูตรที่ช่วยปกป้องและฟื้นฟูผิวจากมลภาวะ ผลลัพธ์ที่ชัดมากกับตัวเราเลยก็คือรูขุมขนกระชับเล็กลง ที่สำคัญใช้มาเรื่อย ๆ ช่วงไหนที่นอนน้อยมาก หรือไม่ได้นอน ตัวนี้ก็ช่วยให้ผิวไม่โทรมลงค่ะ ตรงนี้ไม่รู้ว่าคิดไปเองหรือเปล่า แต่เป็นความรู้สึกส่วนตัวจริง ๆ ค่ะ

4. ทาครีมกันแดดทุกครั้งที่ออกนอกบ้าน
เป็นอีกขั้นตอนหนึ่งที่ไม่ควรละเลยอย่างยิ่ง ก็คือการทาครีมกันแดดในทุก ๆ วัน ไม่ว่าเราจะออกไปนอกบ้าน หรือแม้กระทั่งอยู่บ้านไม่ได้ไปไหน เพราะรังสียูวีอยู่กับเราได้ทุกที่ ไม่เว้นแม้แต่ตอนกลางคืนที่เราดูหน้าจอคอมหรือมือถือ กันแดดที่เราชอบจริง ๆ มี 2 ตัวด้วยกันค่ะ ตัวแรกเป็นของ Skin Aqua สี Mint Green เนื้อครีมเขาเกลี่ยง่าย บางเบา ที่สำคัญสีเขียวอมฟ้าของเขาช่วยพรางรอยแดงบนใบหน้าได้ดี แม้จะไม่ทั้งหมด หลอดนึงใช้ได้นานพอสมควร วันไหนบีบเยอะเกินไปก็เอามาทาแขนไปด้วย กันแดดได้ดีเลยทีเดียว

อีกตัวหนึ่งจะไม่พูดถึงไม่ได้ เพราะครีมกันแดดของ Innisfee เป็นไอเทมที่ซื้อซ้ำบ่อยมากในช่วง 2-3 ปีนี้ ตัวนี้เป็นสูตร Long Lasting กลิ่นหอมสดชื่นมาก ทาแล้วผิวจะดูไบร์ทขึ้นทันที แถมยังกันน้ำได้ด้วย เรามักจะใช้ก่อนแต่งหน้าเสมอ ๆ กันแดดได้ดีมาก และไม่ทำให้ผิวหมองลงในระหว่างวันเลย

5. มีเวลาก็มาส์กหน้าเพื่อเพิ่มความชุ่มชื้นให้ผิวบ้าง
ข้อสุดท้ายแล้ว เมื่อพูดถึงการมาส์กหน้า หลายคนอาจจะคิดถึงมาส์กชีทที่แป็นแผ่น ๆ เอามาแปะหน้าไว้ประมาณ 15-20 นาทีใช่ไหมคะ จริง ๆ เราก็ชอบการมาส์กหน้าอยู่เหมือนกัน แต่ติดตรงที่ขี้เกียจ และอยากให้เวลาในการนอนพักผ่อนตอนกลางคืนมากขึ้น เราเลยเลือกใช้เป็น Sleeping Mask แทน ตัวที่เราใช้อยู่ทุกวันนี้เป็นของ Laneige กระปุกสีเขียยว สูตร Cica ซึ่งเป็นสูตรที่เหมาะสำหรับคนเป็นสิว และมีรอยแดงต่าง ๆ ที่เราซื้อมาใช้เป็นกระปุกเล็กตอบโจทย์คนขี้เกียจอย่างเรา ซึ่งกลัวว่าซื้อขนาดปกติมาใช้แล้วจะใช้ไม่หมดสักที เปลืองตังค์เปล่า ๆ โดยส่วนตัวชอบกลิ่นที่ออกแนวสมุนไพร ทาพอกไว้แล้วนอนหลับไปปกติ ตื่นเช้ามาคือผิวเนียนนุ่มขึ้น แถมทำให้รอยสิวจางลงได้ไวอีกด้วย

ตัวสุดท้ายก็ขอแถมมาอีกนิด เป็น Lip Sleeping Mask จากแบรนด์เดียวกันนี่แหละ เนื่องจากเป็นคนที่ริมฝีปากแห้งลอก เลยต้องพยายามทาลิปแคร์บำรุงตลอดเวลาไม่ให้ขาด ตั้งแต่ใช้เจ้าตัวนี้มาเรื่อย ๆ ก็รู้สึกว่าริมฝีปากมีความชุ่มชื้นมากขึ้น ยิ่งช่วงก่อนนอนเราเอามาทาโปะไว้หนา ๆ เลยค่ะ เป็นอีกตัวที่ใช้จนติดไปแล้ว

--------------------------------------------------------

ความจริงแล้วสูตรกู้ผิวหมองที่เราเอามาแชร์ ก็ไม่ได้มีความแปลกใหม่หรือพิสดารไปกว่าใครเลย ทั้งหมดเป็นสิ่งที่เราต้องทำและควรจะทำอยู่แล้วในชีวิตประจำวัน แต่นอกจากการใช้ผลิตภัณฑ์ดี ๆ ที่เข้ากับผิวของเราแล้ว กิจกรรมต่าง ๆ ที่เราทำในแต่ละวันก็ส่งผลต่อสภาพผิวเช่นกัน ทั้งการกินอาหาร ที่ควรเน้นผักผลไม้ หรือแม้กระทั่งวิธีง่าย ๆ อย่างการดื่มน้ำให้เพียงพอต่อวัน เท่านี้ทุกอย่างก็จะส่งเสริมให้เรามีผิวสวยสุขภาพดีอย่างเป็นธรรมชาติได้จริงค่ะ!