นาที 0.30 บอกว่า
ตีความใหม่เพื่อผู้ชมในปี 2021 ด้วยการพลิกมุมมองของวรรณคดีสุดคลาสิค มาเล่าเรื่องผ่านมุมมองของผู้หญิงที่ชื่อวันทอง
เลยทำให้ผู้ชมคาดหวังไว้สูง ว่าจะมีอะไรแปลกใหม่
จริงๆถ้าจะสร้างออกมาแบบที่เห็นก็ไม่น่าโปรโมทแบบนี้ค่ะ เลยมีกระทู้ด่ารัวๆเต็ม เต็มทวิตเตอร์ด้วยค่ะ
----------------------------------------------------------
จริงๆแล้วการสร้างละครพีเรียดจะเอาเหตุผลของคนสมัยนี้โดยเฉพาะเรื่องสิทธิสตรีไปตัดสินสังคมของคนสมัย 200 กว่าปีก่อนก็ไม่สมควรอยู่แล้วนะ
เพราะเหตุผลแต่ละสมัยไม่เหมือนกันค่ะ
ขุนนางสมัยนั้นมีเมียเยอะเพราะอะไร ? มีเมียตามหัวเมืองต่างๆเพราะอะไร ?
เหตุผลก็คือ การเป็นเครือญาติกัน ถ้าหัวเมืองเขาเดือนร้อนก็มาพึ่งขุนนางได้ อาศัยบารมีขุนนาง (ลูกเขย) ทำให้ไม่มีใครกล้ามาข่มเหง เขาถึงต้องเอาลูกสาวถวายขุนนาง เพื่อเกี่ยวดองกัน
ฝ่ายขุนนางเวลาออกรบทัพจับศึกตามหัวเมือง ก็อาศัยพ่อตาเตรียมเสบียงให้กองทัพ ช่วยเหลือนั่นนี่ตามหัวเมือง เพราะสมัยโบราณกันดารมาก ถ้ามีพรรคพวกไว้ก็จะดี ไม่โดนชาวบ้านและกองโจรดักซุ่มทำร้าย หรือต่อต้าน เพราะสมัยนั้นยังแบ่งเป็นก๊กเหล่า ไม่มีระบบประเทศแบบทุกวันนี้ การพึ่งพากันตามระบบเครือญาติจึงเป็นความสะดวกของสังคมสมัยนั้น ขุนนางคนไหนที่มีเครือญาติช่วยเหลือตามหัวเมืองเยอะ กษัตริย์สมัยนั้นก็จะไว้ใจให้เป็นแม่งานทำงานตามหัวเมืองต่างๆ และอวยยศให้ค่ะ
การที่ขุนนางไปได้ผู้หญิงตามหัวเมืองมาเป็นเมียก็มีบ้างแหละที่จะไปเจ้าชู้กรุ้มกริ่มใส่ หรือว่าไปใช้อำนาจบังคับเอามาเป็นเมีย แต่ส่วนมากเจ้าเมืองจะยกลูกสาวโดยความพอใจเพราะว่ามันก็เกี่ยวกับการเมืองและการสร้างบารมีทั้งสองฝ่าย ขุนนางบางคนไม่อยากได้เมียเพิ่มด้วยซํ้าไป แต่ในเมื่อเขายกลูกสาวให้จะปฏิเสธก็ไม่ได้ แต่พอมาอยู่บ้านก็ไม่เคยนอนด้วยเลย ปล่อยให้เฉาตายก็มีเยอะ จะไปสรุปว่าผู้ชายโบราณส่วนมากเจ้าชู้มีเมียเยอะก็ไม่ถูกต้องนัก แต่ก็เพราะเหตุผลทางการเมืองและการสร้างบารมีตามที่บอกล่ะ ส่วนคำกล่าวที่ว่าการมีเมียเยอะเป็นการแสดงถึงอำนาจบารมีของคนโบราณก็เป็นอย่างนี้แหละ เพราะว่าใครๆก็อยากจะมาพึ่งบารมี ถึงขนาดเอาลูกสาวมาถวายให้เพื่อขอเป็นญาติ
ที่สำคัญผู้ชายสมัยโบราณต้องออกรบจะตายเมื่อไรก็ไม่รู้ เขาก็เลยต้องการแพร่สายพันธุ์ไว้ก่อน เลยกลายเป็นเหมือนผู้ชายเจ้าชู้ไป ที่สำคัญคนสมัยนั้นมีน้อย เขาถึงต้องรีบแพร่พันธ์ุหาคนมาใช้แรงงาน ตามค่านิยมของการเพิ่มประชากร อาจจะแย้งว่าแล้วผู้หญิงล่ะก็เพิ่มประชากรได้ ถามหน่อยผู้หญิงมีลูกเต็มที่ได้กี่คน ท้องเต็มก็มีลูกได้ไม่เกิน 7-10 คนใช่ไหมล่ะ ? แต่ผู้ชายมีลูกได้เป็น 100-200 คน ขึ้นอยู่กับว่าจะมีเมียเยอะแค่ไหน ลูกเยอะก็เลี้ยงดูกันตามธรรมชาติ
แตกต่างจากสมัยนี้ประชากรล้นโลก จะทำเหมือนเดิมไม่ได้แล้ว มีเมียเยอะไม่ได้แล้ว มีลูก 100-200 คนไม่ได้แล้ว เพราะไม่มีเงินเลี้ยงดูเพียงพอหรอก ไหนจะค่าเล่าเรียน เรียนพิเศษ ค่า ฯลฯ และสมัยนี้ก็ไม่มีหัวเมือง ไม่ต้องระบบเครือญาติช่วยเหลือตามหัวเมืองแล้ว มีแต่แต่ระบบประเทศ ระบบรัฐบาล ระบบสั่งจากส่วนกลาง การสื่อสารถึงกันชัดแจ้งทันที
มาถึงเรื่องการสอนให้หญิงสงวนตัวในสมัยโบราณบ้าง ขอบอกว่าเป็นสิ่งที่ถูกต้อง เพราะสมัยนั้นไม่มียาคุมกำเนิด ไม่มีถุงยางอนามัย การจะท้องไม่มีพ่อ หรือท้องกับหลายผัว ถ้ามีลูก 10 คนมาจาก 10 ผัว คิดว่าดูดีไหมล่ะ ? คนก็มีน้อย มีอะไรก็รู้กันทั้งเมือง ที่สำคัญผู้หญิงมีหน้าที่รักษาหน้าของฝ่ายชายเอาไว้ เพราะว่าฝ่ายชายเป็นขุนนางมีอำนาจวาสนา ถ้าได้เมียเป็นขี้ปากชาวบ้านมันจะดีไหมล่ะ ?
สมัยนั้นคือยุคที่ผู้ชายเป็นใหญ่ เพราะผู้ชายสมัยนั้นต้องคุมอะไรมากมาย ต้องเป็นหัวหน้า ต้องมีลูกน้องบริวาร ถ้าหัวหน้าเซหรือเดี้ยง ก็จะต้องเซกันทั้งทีม ล้มเป็นโดมิโน่ แต่ผู้หญิงส่วนมากก็อยู่กับเหย้าเฝ้ากับเรือน ไม่ค่อยมีบทบาททางสังคมสังคม ใครจะเห็นความสำคัญ และผู้หญิงสมัยนั้นไม่ได้เรียนหนังสือเลยไม่เข้าใจคำว่าสิทธิมนุษยชนและความเท่าเทียมหรอก สังคมเลยมองเห็นความสำคัญของผู้ชายมากกว่า ดังนั้นเวลามีอะไรหยุมหยิมมักโยนความผิดเป็นของผู้หญิง เช่นเรื่องของนางวันทอง เพราะถ้าโยนให้ผู้ชายก็จะกลายเป็นกระทบเป็นโดมิโน่ ถ้าไม่ใช่ข้อหาร้ายแรง เช่น กบฏ ทุจจริต เขาไม่เอาความผิดไปให้ผู้ชายหรอกค่ะคู๊น เทียบกับสมัยนี้ไม่ได้นะ ผู้หญิงคุมบริษัท คุมองค์กร เป็นรัฐมนตรี เป็นนายกรัฐมนตรี ถ้าเขายังไม่มองเห็นความสำคัญของผู้หญิงก็ให้รู้ไปซิคะ ที่สำคัญสมัยนี้ผู้หญิงมีการศึกษารู้เรื่องสิทธิมุนษยชนและความเท่าเทียม ต่อให้เป็นผู้หญิงแบบไหน ก็มีสิทธิ์เรียกร้องความยุติธรรมได้ ถึงผู้ชายคู่กรณีจะยิ่งใหญ่ในสังคมแค่ไหนก็ตาม ก็ฟ้องขึ้นศาลได้ค่ะ
จะเห็นว่ายุคสมัยเปลี่ยนไป ควรหรือที่จะเอาเหตุผลของสมัยเราไปตัดสินคนสมัยก่อน ? เหมือนไปดูถูกภูมิปัญญาของคนสมัยโบราณไหม ?
ขอตัวอย่างสมัย 2564 การเรียกร้องสิทธิสตรีมีมากมาย หญิงเท่าเทียมชาย
แต่ก็ไม่รู้ว่าอีก 200 ปีข้างหน้าจะเป็นแบบนี้ไหม ผู้หญิงสมัยน้นจะเป็นอย่างไรก็ไม่รู้ อาจจะสิทธิน้อยกว่าตอนนี้ก็ได้ อาจจะต้องตามผู้ชายเท่านั้น
แล้วถ้าคนสมัย 200 ปีข้างหน้าจะมาตัดสินพวกเราว่าทำไมผู้หญิงสมัยเราต้องเท่าเทียมชาย การกระทำสมัยเราผิด เพราะหญิงไม่ควรเท่าเทียมชาย ชายต้องเหนือกว่าหญิง จะว่าไงล่ะคะ ? คนสมัย 200 กว่าปีข้างหน้าจะมาตัดสินเราได้ไหม ถ้ามาตัดสินว่าคนสมัยเราทำผิดเรื่องสิทธิสตรี ก็เป็นดูถูกภูมิปัญหาของคนสมัยเราเลยนะ เพราะว่าเขาจะไปรู้อะไรในเมื่อเขาไม่ได้เกิดในสมัย 2564 จริงไหมคะ ?
ช่องวันผิดที่การโปรโมทละคร "วันทอง" ค่ะ
นาที 0.30 บอกว่า ตีความใหม่เพื่อผู้ชมในปี 2021 ด้วยการพลิกมุมมองของวรรณคดีสุดคลาสิค มาเล่าเรื่องผ่านมุมมองของผู้หญิงที่ชื่อวันทอง
เลยทำให้ผู้ชมคาดหวังไว้สูง ว่าจะมีอะไรแปลกใหม่
จริงๆถ้าจะสร้างออกมาแบบที่เห็นก็ไม่น่าโปรโมทแบบนี้ค่ะ เลยมีกระทู้ด่ารัวๆเต็ม เต็มทวิตเตอร์ด้วยค่ะ
----------------------------------------------------------
จริงๆแล้วการสร้างละครพีเรียดจะเอาเหตุผลของคนสมัยนี้โดยเฉพาะเรื่องสิทธิสตรีไปตัดสินสังคมของคนสมัย 200 กว่าปีก่อนก็ไม่สมควรอยู่แล้วนะ
เพราะเหตุผลแต่ละสมัยไม่เหมือนกันค่ะ
ขุนนางสมัยนั้นมีเมียเยอะเพราะอะไร ? มีเมียตามหัวเมืองต่างๆเพราะอะไร ?
เหตุผลก็คือ การเป็นเครือญาติกัน ถ้าหัวเมืองเขาเดือนร้อนก็มาพึ่งขุนนางได้ อาศัยบารมีขุนนาง (ลูกเขย) ทำให้ไม่มีใครกล้ามาข่มเหง เขาถึงต้องเอาลูกสาวถวายขุนนาง เพื่อเกี่ยวดองกัน
ฝ่ายขุนนางเวลาออกรบทัพจับศึกตามหัวเมือง ก็อาศัยพ่อตาเตรียมเสบียงให้กองทัพ ช่วยเหลือนั่นนี่ตามหัวเมือง เพราะสมัยโบราณกันดารมาก ถ้ามีพรรคพวกไว้ก็จะดี ไม่โดนชาวบ้านและกองโจรดักซุ่มทำร้าย หรือต่อต้าน เพราะสมัยนั้นยังแบ่งเป็นก๊กเหล่า ไม่มีระบบประเทศแบบทุกวันนี้ การพึ่งพากันตามระบบเครือญาติจึงเป็นความสะดวกของสังคมสมัยนั้น ขุนนางคนไหนที่มีเครือญาติช่วยเหลือตามหัวเมืองเยอะ กษัตริย์สมัยนั้นก็จะไว้ใจให้เป็นแม่งานทำงานตามหัวเมืองต่างๆ และอวยยศให้ค่ะ
การที่ขุนนางไปได้ผู้หญิงตามหัวเมืองมาเป็นเมียก็มีบ้างแหละที่จะไปเจ้าชู้กรุ้มกริ่มใส่ หรือว่าไปใช้อำนาจบังคับเอามาเป็นเมีย แต่ส่วนมากเจ้าเมืองจะยกลูกสาวโดยความพอใจเพราะว่ามันก็เกี่ยวกับการเมืองและการสร้างบารมีทั้งสองฝ่าย ขุนนางบางคนไม่อยากได้เมียเพิ่มด้วยซํ้าไป แต่ในเมื่อเขายกลูกสาวให้จะปฏิเสธก็ไม่ได้ แต่พอมาอยู่บ้านก็ไม่เคยนอนด้วยเลย ปล่อยให้เฉาตายก็มีเยอะ จะไปสรุปว่าผู้ชายโบราณส่วนมากเจ้าชู้มีเมียเยอะก็ไม่ถูกต้องนัก แต่ก็เพราะเหตุผลทางการเมืองและการสร้างบารมีตามที่บอกล่ะ ส่วนคำกล่าวที่ว่าการมีเมียเยอะเป็นการแสดงถึงอำนาจบารมีของคนโบราณก็เป็นอย่างนี้แหละ เพราะว่าใครๆก็อยากจะมาพึ่งบารมี ถึงขนาดเอาลูกสาวมาถวายให้เพื่อขอเป็นญาติ
ที่สำคัญผู้ชายสมัยโบราณต้องออกรบจะตายเมื่อไรก็ไม่รู้ เขาก็เลยต้องการแพร่สายพันธุ์ไว้ก่อน เลยกลายเป็นเหมือนผู้ชายเจ้าชู้ไป ที่สำคัญคนสมัยนั้นมีน้อย เขาถึงต้องรีบแพร่พันธ์ุหาคนมาใช้แรงงาน ตามค่านิยมของการเพิ่มประชากร อาจจะแย้งว่าแล้วผู้หญิงล่ะก็เพิ่มประชากรได้ ถามหน่อยผู้หญิงมีลูกเต็มที่ได้กี่คน ท้องเต็มก็มีลูกได้ไม่เกิน 7-10 คนใช่ไหมล่ะ ? แต่ผู้ชายมีลูกได้เป็น 100-200 คน ขึ้นอยู่กับว่าจะมีเมียเยอะแค่ไหน ลูกเยอะก็เลี้ยงดูกันตามธรรมชาติ
แตกต่างจากสมัยนี้ประชากรล้นโลก จะทำเหมือนเดิมไม่ได้แล้ว มีเมียเยอะไม่ได้แล้ว มีลูก 100-200 คนไม่ได้แล้ว เพราะไม่มีเงินเลี้ยงดูเพียงพอหรอก ไหนจะค่าเล่าเรียน เรียนพิเศษ ค่า ฯลฯ และสมัยนี้ก็ไม่มีหัวเมือง ไม่ต้องระบบเครือญาติช่วยเหลือตามหัวเมืองแล้ว มีแต่แต่ระบบประเทศ ระบบรัฐบาล ระบบสั่งจากส่วนกลาง การสื่อสารถึงกันชัดแจ้งทันที
มาถึงเรื่องการสอนให้หญิงสงวนตัวในสมัยโบราณบ้าง ขอบอกว่าเป็นสิ่งที่ถูกต้อง เพราะสมัยนั้นไม่มียาคุมกำเนิด ไม่มีถุงยางอนามัย การจะท้องไม่มีพ่อ หรือท้องกับหลายผัว ถ้ามีลูก 10 คนมาจาก 10 ผัว คิดว่าดูดีไหมล่ะ ? คนก็มีน้อย มีอะไรก็รู้กันทั้งเมือง ที่สำคัญผู้หญิงมีหน้าที่รักษาหน้าของฝ่ายชายเอาไว้ เพราะว่าฝ่ายชายเป็นขุนนางมีอำนาจวาสนา ถ้าได้เมียเป็นขี้ปากชาวบ้านมันจะดีไหมล่ะ ?
สมัยนั้นคือยุคที่ผู้ชายเป็นใหญ่ เพราะผู้ชายสมัยนั้นต้องคุมอะไรมากมาย ต้องเป็นหัวหน้า ต้องมีลูกน้องบริวาร ถ้าหัวหน้าเซหรือเดี้ยง ก็จะต้องเซกันทั้งทีม ล้มเป็นโดมิโน่ แต่ผู้หญิงส่วนมากก็อยู่กับเหย้าเฝ้ากับเรือน ไม่ค่อยมีบทบาททางสังคมสังคม ใครจะเห็นความสำคัญ และผู้หญิงสมัยนั้นไม่ได้เรียนหนังสือเลยไม่เข้าใจคำว่าสิทธิมนุษยชนและความเท่าเทียมหรอก สังคมเลยมองเห็นความสำคัญของผู้ชายมากกว่า ดังนั้นเวลามีอะไรหยุมหยิมมักโยนความผิดเป็นของผู้หญิง เช่นเรื่องของนางวันทอง เพราะถ้าโยนให้ผู้ชายก็จะกลายเป็นกระทบเป็นโดมิโน่ ถ้าไม่ใช่ข้อหาร้ายแรง เช่น กบฏ ทุจจริต เขาไม่เอาความผิดไปให้ผู้ชายหรอกค่ะคู๊น เทียบกับสมัยนี้ไม่ได้นะ ผู้หญิงคุมบริษัท คุมองค์กร เป็นรัฐมนตรี เป็นนายกรัฐมนตรี ถ้าเขายังไม่มองเห็นความสำคัญของผู้หญิงก็ให้รู้ไปซิคะ ที่สำคัญสมัยนี้ผู้หญิงมีการศึกษารู้เรื่องสิทธิมุนษยชนและความเท่าเทียม ต่อให้เป็นผู้หญิงแบบไหน ก็มีสิทธิ์เรียกร้องความยุติธรรมได้ ถึงผู้ชายคู่กรณีจะยิ่งใหญ่ในสังคมแค่ไหนก็ตาม ก็ฟ้องขึ้นศาลได้ค่ะ
จะเห็นว่ายุคสมัยเปลี่ยนไป ควรหรือที่จะเอาเหตุผลของสมัยเราไปตัดสินคนสมัยก่อน ? เหมือนไปดูถูกภูมิปัญญาของคนสมัยโบราณไหม ?
ขอตัวอย่างสมัย 2564 การเรียกร้องสิทธิสตรีมีมากมาย หญิงเท่าเทียมชาย
แต่ก็ไม่รู้ว่าอีก 200 ปีข้างหน้าจะเป็นแบบนี้ไหม ผู้หญิงสมัยน้นจะเป็นอย่างไรก็ไม่รู้ อาจจะสิทธิน้อยกว่าตอนนี้ก็ได้ อาจจะต้องตามผู้ชายเท่านั้น
แล้วถ้าคนสมัย 200 ปีข้างหน้าจะมาตัดสินพวกเราว่าทำไมผู้หญิงสมัยเราต้องเท่าเทียมชาย การกระทำสมัยเราผิด เพราะหญิงไม่ควรเท่าเทียมชาย ชายต้องเหนือกว่าหญิง จะว่าไงล่ะคะ ? คนสมัย 200 กว่าปีข้างหน้าจะมาตัดสินเราได้ไหม ถ้ามาตัดสินว่าคนสมัยเราทำผิดเรื่องสิทธิสตรี ก็เป็นดูถูกภูมิปัญหาของคนสมัยเราเลยนะ เพราะว่าเขาจะไปรู้อะไรในเมื่อเขาไม่ได้เกิดในสมัย 2564 จริงไหมคะ ?