หน้าแรก
คอมมูนิตี้
ห้อง
แท็ก
คลับ
ห้อง
แก้ไขปักหมุด
ดูทั้งหมด
เกิดข้อผิดพลาดบางอย่าง
ลองใหม่
แท็ก
แก้ไขปักหมุด
ดูเพิ่มเติม
เกิดข้อผิดพลาดบางอย่าง
ลองใหม่
{room_name}
{name}
{description}
กิจกรรม
แลกพอยต์
อื่นๆ
ตั้งกระทู้
เข้าสู่ระบบ / สมัครสมาชิก
เว็บไซต์ในเครือ
Bloggang
Pantown
PantipMarket
Maggang
ติดตามพันทิป
ดาวน์โหลดได้แล้ววันนี้
เกี่ยวกับเรา
กฎ กติกา และมารยาท
คำแนะนำการโพสต์แสดงความเห็น
นโยบายเกี่ยวกับข้อมูลส่วนบุคคล
สิทธิ์การใช้งานของสมาชิก
ติดต่อทีมงาน Pantip
ติดต่อลงโฆษณา
ร่วมงานกับ Pantip
Download App Pantip
Pantip Certified Developer
[CR] รีวิวบ้านขนิษฐา-Moon Glass Bistro & Grill และ The Missing Piece Cafe ทั้ง 3 ร้านอยู่ในซอยสุขุมวิท 53
กระทู้รีวิว
อาหารฟิวชั่น
คาเฟ่ (Cafe)
อาหารไทย
อาหารนานาชาติ
อาหารฝรั่ง
น้าชายผมเพิ่งกลับมาจากการทำงานที่ต่างประเทศทำการกักตัวและเข้าตรวจเชื้อ Covid-19 ภายในโรงแรมที่รัฐบาลจัดหาให้จนครบ 14 วันเสร็จเรียบร้อย หลังจากนั้นก็รบกวนให้เราช่วยหาร้านอาหารไทย-นานาชาติที่อร่อยๆจะได้พากันไปทานยกทั้งครอบครัว (ส่วนเรื่องราคานั้นไม่เกี่ยงเพราะมื้อนี้น้าผมเป็นคนเลี้ยงเอง) จำได้ว่าภายในซอยสุขุมวิท 53 ใกล้ๆกับร้านที่ผมเคยไปรีวิวมีร้านอาหาร 3 แห่งอยู่ภายในรั้วเดียวกันก็คือ Baan Khanitha - Moon Glass Bistro & Grill และ The Missing Piece Cafe มีทั้งเมนูอาหารไทยแท้ขึ้นชื่อ/อาหารฝรั่ง-นานาชาติและคาเฟ่เครื่องดื่ม-ขนมหวานครบทุกๆอย่างจบได้ในที่เดียวเรียกว่าตอบโจทย์มื้อนี้มากที่สุด วิธีการเดินทางมาที่ร้านถ้ามาด้วยรถยนต์ส่วนตัวมีลานจอดรถกว้างขวางพร้อมต้นไม้ใหญ่ปกคลุมเกือบเต็มพื้นที่ไม่ต้องกลัวร้อนหรือถ้ามาด้วยบริการขนส่งสาธารณะให้ที่สถานีทองหล่อแล้วเดินย้อนกลับมาเข้าซอยสุขุมวิท 53 เดินมาประมาณ 250 เมตร ก็จะเจอป้าย 3 ร้านอาหารเรียงกันเป็นแนวยาวแบบนี้แสดงว่ามาถึงแล้วครับ วันนี้ผมนัดเจอคนละครึ่งทางโดยฝั่งเรานั่ง BTS มารอก่อนที่ร้านได้สะดวกมากๆ แต่ฝั่งน้าผมต้องขับรถมากับครอบครัวคนอื่นๆตรงมาจากรามอินทราทำให้ยังมีเวลาถ่ายรูปเก็บบรรยากาศร้านตามมุมต่างๆกันก่อน จะสวยงามขนาดไหนเดี๋ยวเราไปชมด้านในพร้อมกันเลยครับ
เดินเข้ารั้วมาก็จะพบกับร้านแรกติดริมถนนคือ The Missing Piece Cafe ชื่อก็บอกอยู่แล้วว่าเป็นร้านเครื่องดื่ม-ขนมหวานบรรยากาศชวนนั่งสบายๆ โดยแบ่งปลีกย่อยไปอีก 3 โซนคือ Outdoor ด้านนอกนั่งใต้ต้นไม้ใหญ่ฟังเสียงน้ำพุรับลมเย็นตามธรรมชาติ Indoor ห้องแอร์เย็นฉ่ำล้อมรอบด้วยกระจกพร้อมเก้าอี้บุนวมนุ่มชวนให้นั่งนานสบายๆพร้อมถ่ายรูปกับน้องตุ๊กตาหมีที่เป็นมาสคอตของที่ร้าน สุดท้ายคือโซน Grab & Go มีประตูเชื่อมกับถนนในซอยสุขุมวิท 53 เป็นครัวหลักขายกาแฟ/เครื่องดื่ม/ขนมหวานและขนมอบต่างๆ มีโต๊ะเล็กๆให้นั่งติดริมกระจกชมวิวต้นไม้กับน้ำพุกลางร้านหรือถ้ารีบมากก็สั่งเครื่องดื่ม-ของหวานจากจุดนี้ไปทานต่อนอกร้านได้ทันทีสะดวกดีครับผม
ติดๆกันเป็นร้านอาหารฝรั่ง-นานาชาติชวนนั่งดื่มชิลล์ๆอย่าง Moon Glass Bistro & Grill บรรยากาศคล้ายกับเรือนกระจกแบ่งออกเป็น 4 โซนคือ 1. Outdoor รับลมธรรมชาติภายใต้ชายคาร้านโต๊ะที่ใช้เป็นหินอ่อน/เก้าอี้ไม้เบาะสีน้ำเงินหนานุ่มพร้อมหมอนสีเหลืองเหมาะสำหรับนั่งดื่มสบายๆ 2. Indoor ชั้น 1 อยู่ภายในบ้านเรือนกระจกที่มีการตกแต่งดูหรูหราสไตล์ยุโรปมีบาร์เครื่องดื่มและเวทีสำหรับเล่นดนตรีสด เหมาะกับการพาคู่รักมานั่งดินเนอร์ 3. Indoor ชั้น 2 ขึ้นบันไดมาอีกชั้นก็จะได้บรรยากาศเป็นแบบโมเดิร์นดูทันสมัยพื้นไม้สีเข้มตัดกับเฟอร์นิเจอร์สมัยใหม่เหมาะกับการพาผู้ใหญ่มานั่งทานข้าวคุยกับครอบครัวแบบเงียบๆแต่ละโต๊ะเว้นห่างกันทำให้รู้สึกไม่อึดอัดมากจนเกินไป 4. ระเบียงสวนชั้น 2 เป็นโต๊ะสำหรับคู่รักที่ต้องการความเงียบสงบเป็นลานหญ้าเทียมสีเขียวแต่ดูร่มรื่นเพราะอยู่ใต้ต้นไม้ใหญ่ของร้าน The Missing Piece ฟังเสียงน้ำพุไหลเบาๆตอนกลางคืนเปิดไฟสีส้มชวนโรแมนติกน่าดูครับ
ร้านที่อยู่ด้านในสุดคือบ้านขนิษฐาที่หลายๆคนมักจะมีภาพจำเก่าๆว่าแพงและลูกค้าหลักของที่ร้านนี้คือชาวต่างชาติเท่านั้น ซึ่งเราขอบอกตามตรงว่าไม่เคยทานร้านนี้มาก่อนแต่เห็นตอนนี้ทางร้านจัดบุฟเฟ่ต์ราคาเริ่มต้นที่ 590++ ถึง 1,790++ แต่ละสาขาก็จัดอาหารแตกต่างกันออกไป ส่วนสาขานี้มีบุฟเฟ่ต์ซีฟู๊ดมื้อเย็นราคาคนละ 999++ เริ่มตั้งแต่ 17.30 น. เป็นต้นไปนั่งทานได้ 2 ชั่วโมงเต็ม ส่วนรายละเอียดอื่นๆถ้าหากสนใจลองดูที่ Facebook ของทางร้านแทนนะครับ ภายนอกร้านนั้นดูเหมือนเป็นบ้านปูนโบราณส่วนภายในนั้นดูมีความเป็นไทยผสมยุโรปคล้ายกับการตกแต่งบ้านในสมัยรัชกาลที่ 4-5 บรรยากาศแตกต่างจาก 2 ร้านที่เดินผ่านมาอย่างสิ้นเชิง เพราะที่ร้านนี้เขาเน้นไปที่เมนูอาหารไทยโบราณโต๊ะ-เก้าอี้-พื้นทำจากไม้สีเข้มตัดกับผนังสีครีมเบาะนั่งสีแดงดูน่าเกรงขาม ส่วนชั้น 2 ที่ร้านเปิดให้บริการเป็นห้องส่วนตัวที่ต้องจองล่วงหน้าจึงไม่อนุญาตให้ขึ้นไปถ่ายข้างบน ตอนนี้ครอบครัวผมเดินทางใกล้จะถึงกันแล้วเราไปขอเปิดดูเล่มเมนูของทั้ง 3 ร้านกันครับว่ามีเมนูอะไรที่น่าทานและราคาจะแพงอย่างที่คิดเอาไว้มั้ย
พนักงานยกเล่มเมนูออกมาให้รวมทั้งหมด 3 เล่มใหญ่และ 3 เมนูเล่มย่อย เริ่มเปิดจากเล่มของบ้านขนิษฐาสีส้มดูสดใสหน้าแรกบ่งบอกความเป็นมาของร้าน/ผักที่ใช้ส่งมาจากบ้านพนาลัยเขาใหญ่ที่ทางร้านปลูกแบบสะอาดปลอดสารพิษส่งให้กับร้านบ้านขนิษฐาและ Moon Glass ทุกสาขาทั่วทั้งกรุงเทพมหานคร หมวดแรกเป็นเมนูเรียกน้ำย่อยสไตล์ไทยราคาเริ่มต้นที่ 220 แพงสุดเป็นชุดของทอดรวมใหญ่ราคา 630 บาท หมวดต่อมาเป็นเมนูยำไทยราคาเริ่มต้นที่ 210 แพงสุดคือส้มตำกุ้งลายเสือราคา 790 บาท ราคาถูก-แพงขึ้นก็อยู่กับความพรีเมี่ยมของวัตถุดิบที่ใช้ครับ
หมวดต่อไปเป็นเมนูอาหารไทยจานผัดต่างๆราคาเริ่มต้นที่ 210 แพงสุดคือหมึกไข่คั่วพริกเกลือราคา 490 บาท หมวดต่อมาเป็นต้มยำ/แกงส้ม/แกงจืด มีขนาดให้เลือก 3 ไซส์คือ S/M/L เริ่มต้นที่ 240 บาท แพงสุดคือต้มยำและต้มข่ากุ้งนาง (กุ้งแม่น้ำ) หม้อใหญ่ไซส์ L ราคา 940 บาท ซึ่งถือว่าเป็นเมนู Signature ที่ใครๆมาร้านบ้านขนิษฐาก็ต้องสั่งทุกคน หมวดต่อไปเป็นแกงเผ็ดมีทั้งสูตรของภาคกลาง/ภาคใต้และภาคตะวันออกของประเทศไทยรวมอยู่ในร้านนี้ที่เดียวราคาเริ่มต้นที่ 160 บาทกับเมนูแกงคั่วสับปะรดกุ้ง แพงที่สุดคือแกงคั่วปูทะเลใส่ใบชะพลูราคา 1,200 บาท เคยทานเมนูนี้แพงสุดหม้อละ 650 บาท (เนื้อปูม้า) แต่ร้านนี้ใช้เนื้อปูทะเลที่อร่อยกว่าก็ต้องขึ้นราคาอย่างที่เห็น
หมวดต่อไปเป็นเมนูที่ทำจากปลากระพง/ปลาสำลีและปลาหิมะขายเป็นแบบทั้งตัว (ยกเว้นปลาหิมะที่ตัดเป็นชิ้นใหญ่) สำหรับปลากระพงทุกเมนูราคา 640 บาท ปลาสำลีทุกเมนูราคา 690 บาท ส่วนปลาหิมะที่ราคาแพงสุดนำมาปรุงราคาจานละ 940 บาท นอกจากนี้ยังมีเมนูปลาเก๋า/ปลาจาระเม็ด/ปูนิ่มและปูทะเล สำหรับปลาเก๋าทุกเมนูที่ร้านขายตัวละ 840 บาท ปลาจาระเม็ดเสิร์ฟทั้งตัวราคาเมนูละ 790 บาท เมนูอาหารไทยปรุงจากปูนิ่มขายราคาจานละ 640 บาท แพงสุดคือปูทะเลหรือที่เรียกอีกชื่อว่าปูดำ/ปูเนื้อ/ปูป่าชายเลนที่ร้านนี้ขายตัวละ 1,200 บาททุกเมนูครับ
หมวดต่อไปเป็นกุ้งนาง(กุ้งแม่น้ำ)/กุ้งลายเสือ/หอยเชลล์และอาหารทะเลนำมาปรุงเป็นอาหารไทย เริ่มจากเมนูกุ้งนางราคาจานละ 640 บาท เมนูอาหารไทยที่ปรุงจากกุ้งลายเสือราคาจานละ 790 บาท ห่อหมกทะเลราคา 980 บาท แพงสุดคือรวมมิตรทะเลเผาชุดใหญ่ยักษ์ราคา 2,500 บาท (ดูจากรูปในเมนูแล้วยิ่งใหญ่อลังการสมราคาครับ) หมวดต่อไปเป็นกุ้งอยุธยาและกุ้งมังกรภูเก็ตที่เราสอบถามกับน้องพนักงานร้านได้ความมาว่าเอามาจากต้นกำเนิดไม่นำจากแหล่งอื่นมาขายแทนที่ร้าน (ถึงขนาดแยกเมนูกุ้งนางกับกุ้งอยุธยาออกจากกันแสดงว่าต้องแตกต่าง) ราคานั้นก็พุ่งทะยานไปมาก ทั้งกุ้งมังกรภูเก็ตทุกเมนูราคาตัวละ 3,200 บาท กุ้งมังกรแคนาเดียน (แบบเดียวกับที่เสิร์ฟตามโรงแรม) ราคาตัวละ 1,900 บาท ส่วนตัวเคยทานมาทั้ง 2 แบบแนะนำว่ากุ้งมังกรบ้านเราอร่อยกว่าเยอะ เมนูที่ปรุงจากกุ้งอยุธยาที่ร้านเสิร์ฟจานละ 1 กิโลกรัมคัดขนาดพิเศษมาให้ราคาจานละ 1,100 บาท ราคาสูงกว่าร้านริมแม่น้ำเจ้าพระยาเล็กน้อยเมื่อเทียบกับค่าน้ำมันรถแล้วยอมจ่ายได้ครับ หมวดต่อไปเป็นน้ำพริกจิ้มผักสดๆมีให้เลือกทั้งหมด 4 เมนูราคาเริ่มต้นที่ 320 บาท แพงสุดคือน้ำพริกกุ้งเผาราคา 360 บาท มาพร้อมผักชุดใหญ่/กุ้งเผาสมราคาดีครับ
หมวดต่อมาเป็นก๋วยเตี๋ยวและข้าวผัดที่ร้านบ้านขนิษฐามีเมนูขึ้นชื่ออยู่อีกอย่างนั่นก็คือ"ผัดไทยกุ้งสด"ราคาจานละ 320 บาท นอกนั้นเป็นผัดไทยหมู/ไก่/เนื้อ/ข้าวผัดและข้าวอบต่างๆราคาเริ่มต้นที่ 240 บาท มีไซส์ S/M/L เมนูที่แพงสุดคือ"ผัดไทยกุ้งลายเสือ"ราคา 790 บาท นอกจากนี้ยังมีหมวดอาหารมังสวิรัติสำหรับคนที่งดทานเนื้อสัตว์หลากหลายเมนูเริ่มต้นที่ 260 บาท แพงสุดคือต้มยำเห็ดหม้อใหญ่ไซส์ L ราคา 390 บาท หมวดสุดท้ายในเล่มนี้คือขนมหวานของร้านนี้เน้นไปที่ไอศครีมและขนมไทยราคาเริ่มต้นที่ 120-230 บาท แพงที่สุดก็คือชุดผลไม้สดๆไซส์ L ราคา 290 บาท นอกจากนี้ทางร้านยังมีเมนูย่อยที่เพิ่มเมนูอาหารใหม่เข้ามาแต่ขายราคาถูกลงทั้งออเดิร์ฟ/ยำ/ทอด/ตำ/แกง/ผัด/น้ำพริก/อาหารจานเดียว/เมนูเด็ด/ขนมหวานเครื่องดื่มราคาเริ่มต้นแค่เพียง 75 บาท สำหรับเมนูขนมหวานแพงสุดคือปลาช่อนนานึ่งจิ้มแจ่วผักลวกราคาตัวละ 395 บาท เรียกได้ว่าถูกกว่าในเล่มเมนูปกติเกือบครึ่งครับ
เมนูเล่มหลักต่อไปมาจากร้าน Moon Glass ที่เน้นเป็นอาหารฝรั่ง/ฟัวชั่น/กับแกล้มต่างๆไว้ทานคู่กับเครื่องดื่มแอลกอฮออล์ หน้าแรกบอกความเป็นมาของร้านแบบเดียวกับในเล่มของบ้านขนิษฐาเพราะผักสดปลูกและถูกส่งมาจากแหล่งเดียวกัน หมวดแรกเป็นอาหารเรียกน้ำย่อยและอาหารทานเล่นราคาเริ่มต้นที่ 150 บาทสำหรับเมนูผักโขมอบชีส แพงที่สุดคือเมนูหอยเชลล์ฮอกไกโดอบซอสไวท์ทรัฟเฟิลออยล์ราคา 390 บาท (แค่เมนูราคาเริ่มต้นก็ถูกกว่าร้านบ้านขนิษฐาแล้วครับ) หน้าต่อไปเป็นสลัดผักสดต่างๆราคาเริ่มต้นที่ 180 บาท สำหรับเมนูซีซ่าร์สลัดแบบดั้งเดิมเพิ่มเติมด้วยมะเขือเทศตากแห้ง ส่วนเมนูที่แพงสุดคือปูนิ่มทอดกรอบบนผักสดเสิร์ฟกับฮันนี่มัสตาร์ตและอิตาเลียนเดรสซิ่งราคา 320 บาท นอกจากนี้ยังมีเมนูพาสต้าผัดร้อนๆเริ่มต้นที่ 220-320 บาท พิซซ่าหน้าต่างๆราคาเริ่มต้นที่ถาดละ 220-320 บาท และพรีเมี่ยมเมนูอย่างสปาเก็ตตี้หน้าแคนาเดียนล๊อบสเตอร์ย่างราคาตัวละ 1,900 บาท
****** เกิน 10,000 ตัวอักษร ขอรีวิวต่อในช่อง Comment นะครับ ******
ชื่อสินค้า:
บ้านขนิษฐา-Moon Glass Bistro & Grill และ The Missing Piece Cafe ซอยสุขุมวิท 53
คะแนน:
CR - Consumer Review : กระทู้รีวิวนี้เป็นกระทู้ CR โดยที่เจ้าของกระทู้
- จ่ายเงินซื้อเอง หรือได้รับจากคนรู้จักที่ไม่ใช่เจ้าของสินค้า เช่น เพื่อนซื้อให้
- ไม่ได้รับค่าจ้างและผลประโยชน์ใดๆ
ดูแผนที่ขนาดใหญ่ขึ้น
▼
กำลังโหลดข้อมูล...
▼
แสดงความคิดเห็น
กระทู้ที่คุณอาจสนใจ
[CR]ซีฟู้ดพื้นบ้านสดๆ รสจัดถึงเครื่อง ราคาเบาๆ เบลล่าก็เหมาสิคะ🤣🤣🤣 #ทานได้โล่
วันนี้เบลล่าจะพามาทานอาหารทะเลสดๆ รสจัดจ้าน ราคาไม่แพงให้เยอะดี ที่ร้านครัววาสนาซีฟู้ด เนื่องจากเป็นวันหยุด เบลล่าเลยชลวนที่บ้านมาทานแถวบางขุนเทียนค่ะ หน้าร้าน วิวดีๆรับลม เมนู วันนี้เบลล
...BeLliE...
ครัวบ้านนาริมทุ่ง ; "ผัดกะเพราไก่ " 🐓🌿🌶️🧄ง่ายๆกับซี่โครงหมูต้มฟัก แล้วก็ไข่เจียวกุ้งจ่อม🦐🥚🐣🍳✌️🤤😋😃😄😁 🍽🥣👍
ครัวบ้านนาริมทุ่ง ; "ผัดกะเพราไก่ " 🐓🌿🌶️🧄ง่ายๆกับซี่โครงหมูต้มฟัก แล้วก็ไข่เจียวกุ้งจ่อม🦐🥚🐣🍳✌️🤤😋😃😄😁 🍽🥣👍 เมนู บ้านนาริมทุ่ง มื้อนี้ ก็เมนูง่ายๆ ผัดกะเพราไก่แบบบ้านๆ ผัดแห้งๆ แต่หอมใบกะเพราม
กานต์(วีระพัฒน์)
ข้าวผัดทะเล
ข้าวผัดทะเล ราคาจานละ 50 บาท เป็นการเปิดโลกการกินข้าวผัด 555 มีลูกชิ้นปลากราย หมึกชิ้นโต ๆ และ กุ้ง 2 ตัว แปะมะนาวฝานมา 1 ชิ้น พริกน้ำปลา ยังสดใหม่ แต่ไม่ได้ใส่ค่ะ เดี๋ยวจะเผ็ดเกินไป ตักมายลเฉย ๆ
deauny
บ้านคุณอยู่จังหวัดไหน มาดู สัตว์น้ำประจำจังหวัดไทย 77 จังหวัด ทายถูกไหมจังหวัดของคุณเป็นสัตว์อะไร
บ้านคุณอยู่จังหวัดไหน มาดู สัตว์น้ำประจำจังหวัดไทย 77 จังหวัด ทายถูกไหมจังหวัดของคุณเป็นสัตว์อะไร สัตว์น้ำประจำจังหวัดของประเทศไทย มีที่มาจากนโยบายของกรมประมงที่ต้องการรักษาและฟื้นฟูความหลากหลายท
ต้นโพธิ์ต้นไทร
(*~JS Happy Belly~*) “ร้านพวงทอง เชียงใหม่” เค้าว่ากันว่าอร่อยนั้น....???
สำหรับร้านนี้ไปลองเพราะได้ยินชื่อเสียงความอร่อยมาซักพัก ก่อนอื่นต้องบอกก่อนว่าร้านนี้ walk in ไปไม่ได้ทานนะคะ ต้องโทรไปจองก่อน ซึ่งตอนจอง ทางร้านก็จะให้สั่งเมนูล่วงหน้าเลย ซึ่งคราวนี้ที่เราสั่งไปคือ :
สมาชิกหมายเลข 1996581
(ไม่)ชัวร์ก่อนชิม ชิมแล้วอร่อยชัวร์ ตอน ครัวบางนา ร้านเก่าเจ้าประจำ
ร้านนี้ เมื่อก่อนเคยเป็นร้านประจำของที่บ้านไปกันบ่อยมากๆครับ ขายมาเกิน10กว่าปีแล้ว เดิมอยู่บางนาตราด 48 ร้านไม่ค่อยสว่างออกโทนครึ้มๆ 555 ตอนนี้ย้ายมาอยู่บางนาตราด 42 ติดถนนเลยครับ ร้านใหญ่มากและทำสวยม
double two
ร้านอาหารวิววัด (View Wat Ayutthaya) @ ซอยชีกุน 2 ตำบลท่าวาสุกรี จังหวัดพระนครศรีอยุธยา
มาทานอาหารพร้อมชมวิวพระปรางค์ข้างวัดราษบูรณะ ที่จังหวัดพระนครศรีอยุธยากัน ชื่อร้านอาหารวิววัด (View Wat Ayutthaya) บ้านทรงไทยสีขาวติดกับลานจอดรถวัดราษบูรณะ เป็นร้านแนวอาหารเวียดนาม อาหารไทย
Emmy Journey พากิน พาเที่ยว
สมุนไพรแน่นๆ เมี่ยงปลาหมึกจานนี้เด็ดจริง! โจโจ้ ซีฟู๊ด ระยอง ตำนานอาหารทะเลสดเจ้าเก่าหาดแม่พิมพ์
โจโจ้ ซีฟู๊ด ระยอง หรือที่รู้จักกันในชื่อ Jojo Seafood (โจโจ้ ซีฟู๊ด) ระยอง (เจ้าเก่าหาดแม่พิมพ์) เป็นร้านอาหารทะเลชื่อดังในจังหวัดระยองที่ขึ้นชื่อเรื่องความสดใหม่ของวัตถุดิบและรสชาติอาหารที่เป็นเอกลั
ร้อยแปดพันก้าว
มื้อเช้าวันนี้ ต้มยำกระดูกอ่อน🌶️ ไข่เจียวทรงเครื่อง🍅 เห็ดผัดน้ำมันหอย+กุ้ง🦐
☔️☔️วันนี้ฝนตกแต่เช้าเลยค่ะ☔️☔️ ค้นดูในตู้แข็งมีวัตถุดิบ กุ้งและกระดูกหมู /หมูสับ เลยได้มา 3 เมนูนี้ค่ะ ต้มยำกระดูกอ่อน🌶️ -กระดูกอ่อนทน้มตุ๋น จนนิ่ม ใส่ข่า ตะไคร้ ใบมะกรูด หอมแดง มะเขือเทศ / พริกขี้ห
Phorn_Kitchen
แชร์ร้านอร่อยเพชรบุรี ที่ชอบแวะก่อนไปทะเลชะอำ หัวหิน
แชร์ร้านอร่อยเพชรบุรี ที่ชอบแวะก่อนไปทะเลชะอำ หัวหินค่ะ ร้านแรก ข้าวแช่แม่นิด สะพานดำ เราชอบบรรยากาศสบายๆ ริมน้ำ จอดรถริมถนน รถไม่เยอะค่ะ ต่อกันที่ร้านก๋วยเตี๋ยวหมู ตอนแรกตั้งใจจะไปลองเจ้าดัง แต่ร
คุณแม่เฉยๆ
อ่านกระทู้อื่นที่พูดคุยเกี่ยวกับ
อาหารฟิวชั่น
คาเฟ่ (Cafe)
อาหารไทย
อาหารนานาชาติ
อาหารฝรั่ง
บนสุด
ล่างสุด
อ่านเฉพาะข้อความเจ้าของกระทู้
หน้า:
หน้า
จาก
แชร์ :
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน
อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่
ยอมรับ
[CR] รีวิวบ้านขนิษฐา-Moon Glass Bistro & Grill และ The Missing Piece Cafe ทั้ง 3 ร้านอยู่ในซอยสุขุมวิท 53
เดินเข้ารั้วมาก็จะพบกับร้านแรกติดริมถนนคือ The Missing Piece Cafe ชื่อก็บอกอยู่แล้วว่าเป็นร้านเครื่องดื่ม-ขนมหวานบรรยากาศชวนนั่งสบายๆ โดยแบ่งปลีกย่อยไปอีก 3 โซนคือ Outdoor ด้านนอกนั่งใต้ต้นไม้ใหญ่ฟังเสียงน้ำพุรับลมเย็นตามธรรมชาติ Indoor ห้องแอร์เย็นฉ่ำล้อมรอบด้วยกระจกพร้อมเก้าอี้บุนวมนุ่มชวนให้นั่งนานสบายๆพร้อมถ่ายรูปกับน้องตุ๊กตาหมีที่เป็นมาสคอตของที่ร้าน สุดท้ายคือโซน Grab & Go มีประตูเชื่อมกับถนนในซอยสุขุมวิท 53 เป็นครัวหลักขายกาแฟ/เครื่องดื่ม/ขนมหวานและขนมอบต่างๆ มีโต๊ะเล็กๆให้นั่งติดริมกระจกชมวิวต้นไม้กับน้ำพุกลางร้านหรือถ้ารีบมากก็สั่งเครื่องดื่ม-ของหวานจากจุดนี้ไปทานต่อนอกร้านได้ทันทีสะดวกดีครับผม
ติดๆกันเป็นร้านอาหารฝรั่ง-นานาชาติชวนนั่งดื่มชิลล์ๆอย่าง Moon Glass Bistro & Grill บรรยากาศคล้ายกับเรือนกระจกแบ่งออกเป็น 4 โซนคือ 1. Outdoor รับลมธรรมชาติภายใต้ชายคาร้านโต๊ะที่ใช้เป็นหินอ่อน/เก้าอี้ไม้เบาะสีน้ำเงินหนานุ่มพร้อมหมอนสีเหลืองเหมาะสำหรับนั่งดื่มสบายๆ 2. Indoor ชั้น 1 อยู่ภายในบ้านเรือนกระจกที่มีการตกแต่งดูหรูหราสไตล์ยุโรปมีบาร์เครื่องดื่มและเวทีสำหรับเล่นดนตรีสด เหมาะกับการพาคู่รักมานั่งดินเนอร์ 3. Indoor ชั้น 2 ขึ้นบันไดมาอีกชั้นก็จะได้บรรยากาศเป็นแบบโมเดิร์นดูทันสมัยพื้นไม้สีเข้มตัดกับเฟอร์นิเจอร์สมัยใหม่เหมาะกับการพาผู้ใหญ่มานั่งทานข้าวคุยกับครอบครัวแบบเงียบๆแต่ละโต๊ะเว้นห่างกันทำให้รู้สึกไม่อึดอัดมากจนเกินไป 4. ระเบียงสวนชั้น 2 เป็นโต๊ะสำหรับคู่รักที่ต้องการความเงียบสงบเป็นลานหญ้าเทียมสีเขียวแต่ดูร่มรื่นเพราะอยู่ใต้ต้นไม้ใหญ่ของร้าน The Missing Piece ฟังเสียงน้ำพุไหลเบาๆตอนกลางคืนเปิดไฟสีส้มชวนโรแมนติกน่าดูครับ
ร้านที่อยู่ด้านในสุดคือบ้านขนิษฐาที่หลายๆคนมักจะมีภาพจำเก่าๆว่าแพงและลูกค้าหลักของที่ร้านนี้คือชาวต่างชาติเท่านั้น ซึ่งเราขอบอกตามตรงว่าไม่เคยทานร้านนี้มาก่อนแต่เห็นตอนนี้ทางร้านจัดบุฟเฟ่ต์ราคาเริ่มต้นที่ 590++ ถึง 1,790++ แต่ละสาขาก็จัดอาหารแตกต่างกันออกไป ส่วนสาขานี้มีบุฟเฟ่ต์ซีฟู๊ดมื้อเย็นราคาคนละ 999++ เริ่มตั้งแต่ 17.30 น. เป็นต้นไปนั่งทานได้ 2 ชั่วโมงเต็ม ส่วนรายละเอียดอื่นๆถ้าหากสนใจลองดูที่ Facebook ของทางร้านแทนนะครับ ภายนอกร้านนั้นดูเหมือนเป็นบ้านปูนโบราณส่วนภายในนั้นดูมีความเป็นไทยผสมยุโรปคล้ายกับการตกแต่งบ้านในสมัยรัชกาลที่ 4-5 บรรยากาศแตกต่างจาก 2 ร้านที่เดินผ่านมาอย่างสิ้นเชิง เพราะที่ร้านนี้เขาเน้นไปที่เมนูอาหารไทยโบราณโต๊ะ-เก้าอี้-พื้นทำจากไม้สีเข้มตัดกับผนังสีครีมเบาะนั่งสีแดงดูน่าเกรงขาม ส่วนชั้น 2 ที่ร้านเปิดให้บริการเป็นห้องส่วนตัวที่ต้องจองล่วงหน้าจึงไม่อนุญาตให้ขึ้นไปถ่ายข้างบน ตอนนี้ครอบครัวผมเดินทางใกล้จะถึงกันแล้วเราไปขอเปิดดูเล่มเมนูของทั้ง 3 ร้านกันครับว่ามีเมนูอะไรที่น่าทานและราคาจะแพงอย่างที่คิดเอาไว้มั้ย
พนักงานยกเล่มเมนูออกมาให้รวมทั้งหมด 3 เล่มใหญ่และ 3 เมนูเล่มย่อย เริ่มเปิดจากเล่มของบ้านขนิษฐาสีส้มดูสดใสหน้าแรกบ่งบอกความเป็นมาของร้าน/ผักที่ใช้ส่งมาจากบ้านพนาลัยเขาใหญ่ที่ทางร้านปลูกแบบสะอาดปลอดสารพิษส่งให้กับร้านบ้านขนิษฐาและ Moon Glass ทุกสาขาทั่วทั้งกรุงเทพมหานคร หมวดแรกเป็นเมนูเรียกน้ำย่อยสไตล์ไทยราคาเริ่มต้นที่ 220 แพงสุดเป็นชุดของทอดรวมใหญ่ราคา 630 บาท หมวดต่อมาเป็นเมนูยำไทยราคาเริ่มต้นที่ 210 แพงสุดคือส้มตำกุ้งลายเสือราคา 790 บาท ราคาถูก-แพงขึ้นก็อยู่กับความพรีเมี่ยมของวัตถุดิบที่ใช้ครับ
หมวดต่อไปเป็นเมนูอาหารไทยจานผัดต่างๆราคาเริ่มต้นที่ 210 แพงสุดคือหมึกไข่คั่วพริกเกลือราคา 490 บาท หมวดต่อมาเป็นต้มยำ/แกงส้ม/แกงจืด มีขนาดให้เลือก 3 ไซส์คือ S/M/L เริ่มต้นที่ 240 บาท แพงสุดคือต้มยำและต้มข่ากุ้งนาง (กุ้งแม่น้ำ) หม้อใหญ่ไซส์ L ราคา 940 บาท ซึ่งถือว่าเป็นเมนู Signature ที่ใครๆมาร้านบ้านขนิษฐาก็ต้องสั่งทุกคน หมวดต่อไปเป็นแกงเผ็ดมีทั้งสูตรของภาคกลาง/ภาคใต้และภาคตะวันออกของประเทศไทยรวมอยู่ในร้านนี้ที่เดียวราคาเริ่มต้นที่ 160 บาทกับเมนูแกงคั่วสับปะรดกุ้ง แพงที่สุดคือแกงคั่วปูทะเลใส่ใบชะพลูราคา 1,200 บาท เคยทานเมนูนี้แพงสุดหม้อละ 650 บาท (เนื้อปูม้า) แต่ร้านนี้ใช้เนื้อปูทะเลที่อร่อยกว่าก็ต้องขึ้นราคาอย่างที่เห็น
หมวดต่อไปเป็นเมนูที่ทำจากปลากระพง/ปลาสำลีและปลาหิมะขายเป็นแบบทั้งตัว (ยกเว้นปลาหิมะที่ตัดเป็นชิ้นใหญ่) สำหรับปลากระพงทุกเมนูราคา 640 บาท ปลาสำลีทุกเมนูราคา 690 บาท ส่วนปลาหิมะที่ราคาแพงสุดนำมาปรุงราคาจานละ 940 บาท นอกจากนี้ยังมีเมนูปลาเก๋า/ปลาจาระเม็ด/ปูนิ่มและปูทะเล สำหรับปลาเก๋าทุกเมนูที่ร้านขายตัวละ 840 บาท ปลาจาระเม็ดเสิร์ฟทั้งตัวราคาเมนูละ 790 บาท เมนูอาหารไทยปรุงจากปูนิ่มขายราคาจานละ 640 บาท แพงสุดคือปูทะเลหรือที่เรียกอีกชื่อว่าปูดำ/ปูเนื้อ/ปูป่าชายเลนที่ร้านนี้ขายตัวละ 1,200 บาททุกเมนูครับ
หมวดต่อไปเป็นกุ้งนาง(กุ้งแม่น้ำ)/กุ้งลายเสือ/หอยเชลล์และอาหารทะเลนำมาปรุงเป็นอาหารไทย เริ่มจากเมนูกุ้งนางราคาจานละ 640 บาท เมนูอาหารไทยที่ปรุงจากกุ้งลายเสือราคาจานละ 790 บาท ห่อหมกทะเลราคา 980 บาท แพงสุดคือรวมมิตรทะเลเผาชุดใหญ่ยักษ์ราคา 2,500 บาท (ดูจากรูปในเมนูแล้วยิ่งใหญ่อลังการสมราคาครับ) หมวดต่อไปเป็นกุ้งอยุธยาและกุ้งมังกรภูเก็ตที่เราสอบถามกับน้องพนักงานร้านได้ความมาว่าเอามาจากต้นกำเนิดไม่นำจากแหล่งอื่นมาขายแทนที่ร้าน (ถึงขนาดแยกเมนูกุ้งนางกับกุ้งอยุธยาออกจากกันแสดงว่าต้องแตกต่าง) ราคานั้นก็พุ่งทะยานไปมาก ทั้งกุ้งมังกรภูเก็ตทุกเมนูราคาตัวละ 3,200 บาท กุ้งมังกรแคนาเดียน (แบบเดียวกับที่เสิร์ฟตามโรงแรม) ราคาตัวละ 1,900 บาท ส่วนตัวเคยทานมาทั้ง 2 แบบแนะนำว่ากุ้งมังกรบ้านเราอร่อยกว่าเยอะ เมนูที่ปรุงจากกุ้งอยุธยาที่ร้านเสิร์ฟจานละ 1 กิโลกรัมคัดขนาดพิเศษมาให้ราคาจานละ 1,100 บาท ราคาสูงกว่าร้านริมแม่น้ำเจ้าพระยาเล็กน้อยเมื่อเทียบกับค่าน้ำมันรถแล้วยอมจ่ายได้ครับ หมวดต่อไปเป็นน้ำพริกจิ้มผักสดๆมีให้เลือกทั้งหมด 4 เมนูราคาเริ่มต้นที่ 320 บาท แพงสุดคือน้ำพริกกุ้งเผาราคา 360 บาท มาพร้อมผักชุดใหญ่/กุ้งเผาสมราคาดีครับ
หมวดต่อมาเป็นก๋วยเตี๋ยวและข้าวผัดที่ร้านบ้านขนิษฐามีเมนูขึ้นชื่ออยู่อีกอย่างนั่นก็คือ"ผัดไทยกุ้งสด"ราคาจานละ 320 บาท นอกนั้นเป็นผัดไทยหมู/ไก่/เนื้อ/ข้าวผัดและข้าวอบต่างๆราคาเริ่มต้นที่ 240 บาท มีไซส์ S/M/L เมนูที่แพงสุดคือ"ผัดไทยกุ้งลายเสือ"ราคา 790 บาท นอกจากนี้ยังมีหมวดอาหารมังสวิรัติสำหรับคนที่งดทานเนื้อสัตว์หลากหลายเมนูเริ่มต้นที่ 260 บาท แพงสุดคือต้มยำเห็ดหม้อใหญ่ไซส์ L ราคา 390 บาท หมวดสุดท้ายในเล่มนี้คือขนมหวานของร้านนี้เน้นไปที่ไอศครีมและขนมไทยราคาเริ่มต้นที่ 120-230 บาท แพงที่สุดก็คือชุดผลไม้สดๆไซส์ L ราคา 290 บาท นอกจากนี้ทางร้านยังมีเมนูย่อยที่เพิ่มเมนูอาหารใหม่เข้ามาแต่ขายราคาถูกลงทั้งออเดิร์ฟ/ยำ/ทอด/ตำ/แกง/ผัด/น้ำพริก/อาหารจานเดียว/เมนูเด็ด/ขนมหวานเครื่องดื่มราคาเริ่มต้นแค่เพียง 75 บาท สำหรับเมนูขนมหวานแพงสุดคือปลาช่อนนานึ่งจิ้มแจ่วผักลวกราคาตัวละ 395 บาท เรียกได้ว่าถูกกว่าในเล่มเมนูปกติเกือบครึ่งครับ
เมนูเล่มหลักต่อไปมาจากร้าน Moon Glass ที่เน้นเป็นอาหารฝรั่ง/ฟัวชั่น/กับแกล้มต่างๆไว้ทานคู่กับเครื่องดื่มแอลกอฮออล์ หน้าแรกบอกความเป็นมาของร้านแบบเดียวกับในเล่มของบ้านขนิษฐาเพราะผักสดปลูกและถูกส่งมาจากแหล่งเดียวกัน หมวดแรกเป็นอาหารเรียกน้ำย่อยและอาหารทานเล่นราคาเริ่มต้นที่ 150 บาทสำหรับเมนูผักโขมอบชีส แพงที่สุดคือเมนูหอยเชลล์ฮอกไกโดอบซอสไวท์ทรัฟเฟิลออยล์ราคา 390 บาท (แค่เมนูราคาเริ่มต้นก็ถูกกว่าร้านบ้านขนิษฐาแล้วครับ) หน้าต่อไปเป็นสลัดผักสดต่างๆราคาเริ่มต้นที่ 180 บาท สำหรับเมนูซีซ่าร์สลัดแบบดั้งเดิมเพิ่มเติมด้วยมะเขือเทศตากแห้ง ส่วนเมนูที่แพงสุดคือปูนิ่มทอดกรอบบนผักสดเสิร์ฟกับฮันนี่มัสตาร์ตและอิตาเลียนเดรสซิ่งราคา 320 บาท นอกจากนี้ยังมีเมนูพาสต้าผัดร้อนๆเริ่มต้นที่ 220-320 บาท พิซซ่าหน้าต่างๆราคาเริ่มต้นที่ถาดละ 220-320 บาท และพรีเมี่ยมเมนูอย่างสปาเก็ตตี้หน้าแคนาเดียนล๊อบสเตอร์ย่างราคาตัวละ 1,900 บาท
CR - Consumer Review : กระทู้รีวิวนี้เป็นกระทู้ CR โดยที่เจ้าของกระทู้
ดูแผนที่ขนาดใหญ่ขึ้น