JJNY : 5in1 ชี้3ปัจจัยศก.เวียดนามแซงไทย│วอนทบทวนบทบาทผู้ว่ายสท.│พม่าวันเดียว7ศพ│พท.ยื่นสอบตู่-จุรินทร์│พิธาเปิดเวทีชม.

'นักวิชาการ' ชี้ 3 ปัจจัยหนุนเศรษฐกิจเวียดนามโตแรงแซงไทย
https://www.bangkokbiznews.com/news/detail/924469

 
นักวิชาการชี้ 3 ปัจจัยเวียดนามปฏิรูปเศรษฐกิจหนุนการเติบโตแรงแซงหน้าไทย ระบุการทำกฎหมายให้ทันสมัย - เอฟทีเอฉบับสำคัญช่วยขับเคลื่อนการลงทุน แนะไทยพัฒนาศักยภาพแรงงานเพิ่มโอกาสการเติบโต
 
เศรษฐกิจของเวียดนามมีอัตราการขยายตัวที่น่าสนใจโดยในปี 2563 เศรษฐกิจทั่วโลกได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 แต่เวียดนามเป็นหนึ่งในไม่กี่ประเทศในโลกที่มีการขยายตัวของเศรษฐกิจเป็นบวกโดยผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ (GDP) มีการเติบโตถึง 2.91 % ในปีที่ผ่านมาเนื่องจากสามารถควบคุมการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสได้ตั้งแต่ช่วงแรก
 
โดยอัตราการเติบโตของ GDP เวียดนามในช่วงปี 2559-2563 เฉลี่ยอยู่ที่ 5.9% ซึ่งเป็นการเติบโตที่สูงที่สุดในโลก และในปี 2564 หน่วยงานเศรษฐกิจต่างๆยังคาดการณ์ว่าเศรษฐกิจของเวียดนามจะเติบโตได้สูงถึง 6.5-7.0% ขณะที่การขยายตัวของเศรษฐกิจไทยโดยเฉลี่ยอยู่ที่ 3 -4% ซึ่งเป็นปัจจัยหนึ่งที่ทำให้ความน่าสนใจของไทยในการเป็นจุดมุ่งหมายของนักลงทุนลดลง
 
นายปิติ ศรีแสงนาม ผู้อำนวยการศูนย์เศรษฐกิจระหว่างประเทศ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย กล่าวว่าปัจจัยที่ทำให้เศรษฐกิจของประเทศเวียดนามเติบโตรวดเร็วส่วนหนึ่งเป็นผลมาจากวิธีคิดและระบบการปกครองที่เมื่อมีการกำหนดแผนหรือแนวทางการพัฒนาประเทศแล้วจะมีการเดินหน้าตามแผนประกอบกับระบบการปกครองแบบสังคมนิยมที่สั่งการจากส่วนกลางได้ทำให้ข้อกำหนดที่เกี่ยวข้องกับการพัฒนาเศรษฐกิจ 3 ส่วนที่เวียดนามปฏิรูปอย่างจริงจังจำนวน 3 ข้อส่งผลดีต่อเศรษฐกิจมาจนถึงในปัจจุบันได้แก่ 
 
1. การปฏิรูปกฎหมายโดยใช้กระบวนการ regulatory guillotine ตั้งแต่ในปี 2007 - 2008 ในช่วงที่เกิดวิกฤตการเงินโลก โดยเวียดนามเดินหน้าโละทิ้งกฎหมายเก่าล้าสมัย รวมกฎหมายที่มีความซ้ำซ้อนเข้าด้วยกัน รวมทั้งร่างกฎหมายใหม่ที่ส่งเสริมการค้าและการลงทุนที่มีหลักการสอดคล้องกับสากลโดยใช้มาตรฐานขององค์กรการค้าระหว่างประทศ (WTO) ทำให้เกิดการยกระดับธรรมาภิบาลในประเทศช่วยลดต้นทุนของเอกชนได้ประมาณปีละ 1.4 พันล้านดอลลาร์ส่งผลให้เกิดการลงทุนจากต่างประเทศมากขึ้น เนื่องจากกฎหมายที่ทันสมัยช่วยลดข้อกังวลของนักลงทุนลงไปได้ 
 
2. เวียดนามสนับสนุนบรรยากาศและการใช้ประโยชน์จากการค้าเสรี โดยปัจจุบันเวียดนามมีข้อตกลงการค้าเสรี (FTA) 16 ฉบับกับ 53 ประเทศ ขณะที่ไทยมี FTA 14 ฉบับกับ 18 ประเทศ เวียดนามจึงสามารถดึงดูดการค้าการลงทุนได้มากกว่าเนื่องจากภาษีในการนำเข้าและส่งออกสินค้ามีต่ำกว่าประเทศไทย ซึ่งข้อตกลงทางการค้าสำคัญที่เวียดนามได้เข้าร่วมแล้วยังรวมถึงเขตการค้าเสรีเวียดนามกับสภภาพยุโรป (EU) และข้อตกลงความตกลงหุ้นส่วนเศรษฐกิจภาคพื้นแปซิฟิก (CPTPP) ที่ไทยยังไม่ได้เข้าร่วมทำให้มีข้อจำกัดในการเปิดตลาดส่งออกและนำเข้าสินค้าเมื่อเทียบกับเวียดนามที่มีแต้มต่อในเรื่องนี้
 
และ 3. เวียดนามให้ความสำคัญในการพัฒนาคนอย่างต่อเนื่อง ทำให้มีแรงงานที่ตรงกับความต้องการของผู้ประกอบการที่มีการลงทุนในประเทศ ซึ่งเป็นปัจจัยที่ไทยต้องมาทำเรื่องนี้อย่างจริงจังหากต้องการที่จะแข่งขันกับเวียดนามในการดึงดูดการลงทุนจากต่างประเทศให้ได้มากขึ้นในอนาคต   
 
ปัจจัยสำคัญ 3 เรื่องที่เวียดนามเดินหน้าต่อเนื่องมีส่วนในการส่งเสริมเศรษฐกิจซึ่งประกอบกับการเมืองการปกครองที่สั่งการได้จากส่วนกลางเมื่อมีแผนที่ชัดเจนมีการเดินตามแผนที่วางไว้อย่างถูกทางเศรษฐกิจจึงขยายตัวอย่างรวดเร็ว” นายปิติกล่าว 


 
หมอหทัย ​วอน รมว.คลัง ทบทวนบทบาทผู้ว่า ยสท. หลังให้บริษัทบุหรี่เข้าพบ
https://www.matichon.co.th/local/quality-life/news_2601080

หมอหทัย ​วอน รมว.คลัง ทบทวนบทบาทผู้ว่า ยสท. หลังให้บริษัทบุหรี่ยักษ์ใหญ่เข้าพบ 
 
นพ.หทัย ชิตานนท์ ​​ประธานสถาบันส่งเสริมสุขภาพไทย มูลนิธิสาธารณสุขแห่งชาติ และ​​ประธานรัฐภาคีกรอบอนุสัญญาว่าด้วยการควบคุมยาสูบขององค์การอนามัยโลก (2550-2551) เปิดเผยถึงประเด็นความน่าเป็นห่วงเกี่ยวกับบริษัทยาสูบข้ามชาติ หลังจากพบว่า ผู้อำนวยการฝ่ายร่วมมือทางธุรกิจ และทีมงานจากบริษัท ฟิลลิป มอร์ริส เทรดดิ้ง (ไทยแลนด์) จำกัด เข้าพบนายภาณุพล รัตนกาญจนภัทร ผู้ว่าการการยาสูบแห่งประเทศไทย (ยสท.) เพื่อศึกษาหารือร่วมกันถึงความร่วมมือในการดำเนินธุรกิจส่งออกบุหรี่ไทยไปต่างประเทศ  เมื่อช่วงเดือนมกราคมที่ผ่านมา
 
นพ.หทัย กล่าวว่า การทำธุรกิจกับบริษัท ฟิลลิป มอร์ริส นั้น คาดว่าผู้ว่าการ ยสท.จะไม่เข้าใจถึงความเชื่อมโยงระหว่าง บริษัท ฟิลลิป มอร์ริส ซึ่งเป็นนายทุนใหญ่ให้ประเทศฟิลิปปินส์ โดย​ลงทุนมหาศาลในการสร้างโรงงานยาสูบที่ทันสมัยและมีส่วนแบ่งทางการตลาดกว่า ร้อยละ 70 ซึ่งประเทศฟิลิปปินส์ ​ได้ฟ้องรัฐบาลไทยต่อองค์การการค้าโลก ในเรื่องการจัดเก็บภาษีไม่ถูกต้อง และไทยถูกตัดสินให้แพ้มาตั้งแต่ปี  2551 นับเป็นเวลา 13 ปี ที่คดีดังกล่าวยังไม่แล้วเสร็จ และถือเป็นกรณีที่นายกรัฐมนตรีของไทย ​มีความเป็นห่วงอย่างยิ่ง เพราะอาจทำให้ประเทศไทยต้องถูกชดใช้ในหลายกรณี แต่ ยสท. ​กลับเชื่อมความสัมพันธ์ และจะทำธุรกิจร่วมกับบริษัทดังกล่าว ทั้งที่ บริษัท ฟิลลิป มอร์ริส ถือเป็นนิติบุคคลผู้ไม่พึงปรารถนาของประเทศไทย
 
ปัจจุบัน ยสท.เป็นองค์กรนิติบุคคลภายใต้การกำกับดูแลของกระทรวงการคลังตาม พ.ร.บ.การยาสูบแห่งประเทศไทย พ.ศ.2561 ​จึงขอให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ได้รับทราบว่า ผู้ว่าการ ยสท.ไม่มีความรู้ในเรื่องพฤติกรรมของบริษัท ฟิลลิป มอร์ริส และเห็นว่าอาจไม่เหมาะสมที่จะเป็นหัวหน้างานการผลิตบุหรี่ของไทย” นพ.หทัย กล่าว
 

 
ช็อก พม่านองเลือดหนักสุด ตร.ยิงม็อบต้านรัฐประหาร วันเดียวตาย 7 ศพ
https://www.thairath.co.th/news/foreign/2041296
  
เมื่อ 28 ก.พ.64 สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานว่า เกิดเหตุการณ์นองเลือดในเมียนมาครั้งใหญ่สุดนับตั้งแต่เกิดรัฐประหารเมื่อ 1 ก.พ.64 เมื่อตำรวจปราบจลาจลใช้กระสุนจริงยิงสลายม็อบต้านรัฐประหารที่มีการชุมนุมประท้วงกันในเมืองใหญ่หลายเมืองของประเทศ ทั้งย่างกุ้ง มัณฑะเลย์ และทวาย เป็นเหตุให้มีผู้เสียชีวิตเพิ่มเป็นอย่างน้อย 7 ศพแล้วภายในวันเดียว และมีผู้บาดเจ็บอีกหลายคน หลังจากช่วงก่อนเที่ยงของวันนี้มีผู้เสียชีวิตจากการถูกตำรวจใช้กระสุนจริงแล้ว 2 ศพที่ย่างกุ้ง
 
ตามรายงานระบุว่า มีผู้หญิงรายหนึ่งเสียชีวิตโดยสันนิษฐานว่าเนื่องจากเกิดอาการหัวใจล้มเหลว หลังตำรวจปาระเบิดแสงเพื่อพยายามสลายม็อบครูที่ออกมารวมพลังต่อต้านกองทัพก่อรัฐประหารในย่างกุ้งเมื่อวันอาทิตย์
 
รอยเตอร์แจ้งว่า ตำรวจเมียนมาได้ใช้กระสุนจริงยิงใส่ม็อบที่เมืองทวาย ทางภาคใต้ เป็นเหตุให้มีผู้เสียชีวิต 3 ศพ บาดเจ็บหลายราย นอกจากนั้นยังมีผู้ชุมนุมถูกตำรวจยิงด้วยกระสุนจริงเสียชีวิตที่มัณฑะเลย์อีก 2 ราย และก่อนหน้านี้มีผู้เสียชีวิตในย่างกุ้ง 2 ราย ทำให้มีผู้ชุมนุมต่อต้านรัฐประหารเสียชีวิตภายในวันเดียวรวมแล้วอย่างน้อย 7 ราย
 
ทั้งนี้ นับตั้งแต่กองทัพเมียนมาภายใต้การนำของ พล.อ.อาวุโส มิน อ่อง หล่าย ก่อรัฐประหารเมื่อ 1 ก.พ. 64 ยึดอำนาจรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้ง ซึ่งพรรคสันนิบาตแห่งชาติเพื่อประชาธิปไตย (เอ็นแอลดี) ภายใต้การนำของ นางออง ซาน ซูจี คว้าชัยชนะอย่างถล่มทลาย ได้ทำให้มีผู้ชุมนุมต่อต้านรัฐประหารถูกตำรวจปราบจลาจลใช้กระสุนจริงยิงเสียชีวิตรวมแล้วอย่างน้อย 10 ศพ.
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่