สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 2
ฟ้องร้องเรียกค่าเสียหายได้นะคะ ไม่ใช่เรื่องปกติค่ะ
พรบ.สุขภาพแห่งชาติ และประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 323 รวมไปถึงหลักจรรยาบรรณ ให้ความคุ้มครองอยู่ค่ะ
พรบ.สุขภาพแห่งชาติ และประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 323 รวมไปถึงหลักจรรยาบรรณ ให้ความคุ้มครองอยู่ค่ะ
Monkeyseo ถูกใจ, สมาชิกหมายเลข 6343284 ทึ่ง, เพชรปู ถูกใจ, สมาชิกหมายเลข 2161788 ถูกใจ, สมาชิกหมายเลข 2363856 ถูกใจ, สมาชิกหมายเลข 6312001 ถูกใจ, สมาชิกหมายเลข 2656139 ถูกใจ, สมาชิกหมายเลข 4913613 ถูกใจ, ตัวกินเห็ด ถูกใจ, ToR_GerRarD ถูกใจรวมถึงอีก 5 คน ร่วมแสดงความรู้สึก
ความคิดเห็นที่ 1
มาติดตามครับ การกระทำของHR น่าจะผิดกฎหมายPDPA เพราะข้อมูลการรักษาเป็นsensitive data ในที่นี้เข้าใจว่าผู้สมัครไม่ได้ให้consentเปิดเผยข้อมูลไว้ด้วย (รักษาคือรักษา สมัครงานคือสมัครงาน การให้ความยินยอมมันคนละส่วนกัน) แต่ตัวพรบ.ยังรอการบังคับใช้โดยสมบูรณ์ในช่วงเดือนมิ.ย.64 ไม่แน่ใจว่าในช่วงเวลาที่ยังไม่ถึง จะเอาผิดได้ไหม รอผู้รู้มาตอบเพิ่มเติมครับ
สมาชิกหมายเลข 2363856 ถูกใจ, สมาชิกหมายเลข 909318 ถูกใจ, ตัวกินเห็ด ถูกใจ, สมาชิกหมายเลข 1932133 ถูกใจ, ToR_GerRarD ถูกใจ, ลาบราดอร์สีดำ ถูกใจ, Yuwi ถูกใจ, สมาชิกหมายเลข 2992959 ถูกใจ, วันสุขแล้ว ถูกใจ
▼ กำลังโหลดข้อมูล... ▼
แสดงความคิดเห็น
คุณสามารถแสดงความคิดเห็นกับกระทู้นี้ได้ด้วยการเข้าสู่ระบบ
HR สามารถค้นประวัติการรักษาพยาบาลของผู้สมัครที่เป็นโรคซึมเศร้าได้ขนาดนี้เลยหรอคะ?
เพื่อนเราไปสมัครงานรพ.นึงมาค่ะ เป็นงาน Back office สอบข้อเขียน และสอบสัมภาษณ์ผ่านแล้ว
อีกวัน HR ก็โทรเรียกให้เข้าไปคุย และแจ้งว่าได้ไปค้นประวัติการรักษาพยาบาลของเพื่อนเรามา ซึ่งเพื่อนเราเคยมารักษาที่นี่ค่ะ แล้วถามว่า "มีอะไรจะบอกพี่มั้ย" (ระหว่างที่คุยมีเจ้าหน้าที่คนอื่นอยู่ด้วย 2 คนค่ะ)
เพื่อนเราเลยบอกไปว่า เคยเป็นซึมเศร้า แต่ตอนนี้หายมาเป็นปีแล้ว เขาก็บอกว่าทำไมตอนสัมภาษณ์ไม่บอก ปิดบังกันหรอ ที่ลาออกมาเพราะเรื่องนี้รึป่าว
แต่เพื่อนเราไม่ได้ลาออกมาจากที่ทำงานเก่าเพราะซึมเศร้าค่ะ และรักษาโรคระหว่างที่ทำงานเก่านั่นแหละค่ะ รักษาจนหายเป็นปกติแล้ว ซึ่งจริงๆเพื่อนเราไม่ได้คิดปิดบังเลยค่ะ ตอนสัมภาษณ์เพื่อนบอกว่าไม่ได้นึกถึงเรื่องนี้แล้วด้วยซ้ำ เพราะที่ผ่านมาก็ใช้ชีวิต ทำงานได้ปกติ เลยไม่คิดว่ามีปัญหาอะไร เหมือนเป็นหวัดแล้วรักษาหายแล้ว แล้วเห็นว่ามีตำแหน่งงานว่างเลยมาสมัครงานแค่นั้นเองค่ะ ไม่ได้คิดจะปิดบังอะไรเลย
หลังจากนั้น HR เลยเปิดประวัติการรักษาซึมเศร้าของเพื่อนเราที่คุณหมอได้เขียนบันทึกทางการแพทย์เกี่ยวกับอาการต่างๆของเพื่อนเราไว้ แล้วให้เพื่อนเราดู แล้วบอกว่า "อย่าหาว่าแอบอ่านเลยนะ เคยคิดทำร้ายตัวเองหรอ? เคยคิดฆ่าตัวตายหรอ? ความสัมพันธ์ที่บ้านไม่ดีหรอ? กับใครล่ะ พ่อหรือแม่" ตอนได้ยินเพื่อนเราก็ตกใจมากและไปต่อไม่ถูกเลยค่ะ เพราะไม่คิดว่าจะมาอ่านรายละเอียดให้ฟังขนาดนี้ เพื่อนบอกว่าเหมือนไปจี้จุดในอดีตอะไรแบบนี้ค่ะ
อีกอย่างข้อมูลบันทึกรายละเอียดทางการแพทย์มันควรเป็นความลับระหว่างคนไข้กับหมอไม่ใช่หรอคะ แล้วมันก็แค่ช่วงเวลาหนึ่งที่จิตใจเพื่อนเราไม่โอเคเท่านั้น และเพื่อนเราก็ผ่านมันมาแล้ว และไม่มีใครอยากหยิบมันมาพูดถึงอีกค่ะ (เจ้านายเก่าตอนทราบเรื่องก็ไม่เคยมาถามย้ำอะไรแบบนี้ค่ะ)
HR บอกว่า ถึงเพื่อนเราจะโกรธก็ยอม เพราะทำตามหน้าที่ที่ต้องดูประวัติการรักษา และเขาเป็นคนเดียวที่สามารถเข้าถึงข้อมูลพวกนี้ได้ และกลัวว่าเพื่อนเราจะเครียดทำงานที่นี่ไม่ไหว จริงๆเขาอยากรับเพื่อนเราเข้าทำงานมากค่ะ ที่เรียกมาคุยก่อนเพราะเป็นห่วง
แต่ความเห็นเรา เราว่ามันไม่โอเคเลยค่ะ ถ้าจะห่วงจริงๆก็ต้องคิดหน่อยมั้ยว่าเพื่อนเราจะรู้สึกยังไงกับการขุดอะไรแบบนี้ขึ้นมา คือถ้าจะอ่านจริงๆก็ไม่จำเป็นต้องมาพูดต่อหน้าเพื่อนเราขนาดนี้ และ "ควรมีวิธีการพูดคุยที่ดีกว่านี้ค่ะ" เพราะมันดูไม่ให้เกียรติและไม่เคารพกันเลย
แล้วก็มารู้ทีหลังว่า HR คนนี้ได้โทรถามหมอที่เคยรักษาเพื่อนเราแล้วด้วย หมอบอกว่าอาการ Normal แล้ว ทำงานได้ปกติ เลยสงสัยค่ะว่าทำไมต้องเรียกเพื่อนเราไปคุยด้วยวิธีนี้อีก การพูดคุยคือพลาดมากค่ะ ตอนนี้เพื่อนเราเสียความรู้สึกและเสีย self มากค่ะ และไม่อยากทำงานที่นี่แล้ว คิดว่าคงปฏิเสธไป
ตอนนี้เราเลยเกิดคำถามค่ะว่า
1. HR สามารถมีสิทธิ์เข้าถึงข้อมูลได้ถึงขนาดที่อ่านบันทึกทางการแพทย์ อาการที่คุณหมอเขียนได้ขนาดนี้เลยหรอคะ
2. ข้อมูลรักษาพยาบาลไม่ได้เป็นความลับของคนไข้หรอคะ
3. ถ้ารักษาที่อื่นแล้วมาสมัครงาน HR จะสามารถขอข้อมูลแบบนี้จากทางรพ.ที่รักษาได้ด้วยมั้ยคะ
4. แล้วที่อื่นเจาะข้อมูลเรื่องโรคซึมเศร้าแค่ไหนคะ (ตอนนี้เพื่อนเราค่อนข้างกังวลค่ะว่าจะไม่มีใครรับเข้าทำงานเพราะเรื่องนี้แล้ว)
5. สุดท้าย การพูดคุยครั้งนี้ของ HR ทำให้เพื่อนเราจิตตกค่ะ จะมีวิธีฮีลใจของเพื่อนได้ยังไงบ้างคะ
------------------------
Update นะคะ :
ทาง HR ได้โทรมาขอโทษเพื่อนเราแล้ว และยอมรับว่าใจร้อนและคิดน้อยเกินไปจริงๆ ส่วนเรื่องฟ้องร้อง เพื่อนไม่ได้ติดใจเอาความอะไร อโหสิกรรมไปค่ะ เพราะเขาดูสำนึกผิดจริง เพื่อนเราก็รับคำขอโทษ แต่ไม่ได้ยอมรับในการกระทำค่ะ และได้บอกว่าไม่ควรไปทำแบบนี้กับใครอีก ตอนนี้ปฏิเสธที่จะร่วมงานแล้วค่ะ
เพื่อนฝากขอบคุณทุกความคิดเห็นมากค่ะที่ให้คำแนะนำอย่างดีมากๆเลยค่ะ