HR สามารถค้นประวัติการรักษาพยาบาลของผู้สมัครที่เป็นโรคซึมเศร้าได้ขนาดนี้เลยหรอคะ?

เรื่องนี้เป็นเรื่องที่เกิดขึ้นกับเพื่อนเราค่ะ เขามาระบายให้เราฟัง แล้วเราก็เกิดคำถามบางอย่างขึ้นมาค่ะ เลยอยากจะขอความรู้จากพี่ๆสาย HR สายสุขภาพจิตหรือสาย Data Privacy หรือพี่ๆที่เป็นบุคลากรทางการแพทย์หน่อยค่ะ เรื่องมีอยู่ว่า

เพื่อนเราไปสมัครงานรพ.นึงมาค่ะ เป็นงาน Back office สอบข้อเขียน และสอบสัมภาษณ์ผ่านแล้ว
อีกวัน HR ก็โทรเรียกให้เข้าไปคุย และแจ้งว่าได้ไปค้นประวัติการรักษาพยาบาลของเพื่อนเรามา ซึ่งเพื่อนเราเคยมารักษาที่นี่ค่ะ แล้วถามว่า "มีอะไรจะบอกพี่มั้ย" (ระหว่างที่คุยมีเจ้าหน้าที่คนอื่นอยู่ด้วย 2 คนค่ะ)

เพื่อนเราเลยบอกไปว่า เคยเป็นซึมเศร้า แต่ตอนนี้หายมาเป็นปีแล้ว  เขาก็บอกว่าทำไมตอนสัมภาษณ์ไม่บอก ปิดบังกันหรอ ที่ลาออกมาเพราะเรื่องนี้รึป่าว
แต่เพื่อนเราไม่ได้ลาออกมาจากที่ทำงานเก่าเพราะซึมเศร้าค่ะ และรักษาโรคระหว่างที่ทำงานเก่านั่นแหละค่ะ รักษาจนหายเป็นปกติแล้ว ซึ่งจริงๆเพื่อนเราไม่ได้คิดปิดบังเลยค่ะ ตอนสัมภาษณ์เพื่อนบอกว่าไม่ได้นึกถึงเรื่องนี้แล้วด้วยซ้ำ เพราะที่ผ่านมาก็ใช้ชีวิต ทำงานได้ปกติ เลยไม่คิดว่ามีปัญหาอะไร เหมือนเป็นหวัดแล้วรักษาหายแล้ว แล้วเห็นว่ามีตำแหน่งงานว่างเลยมาสมัครงานแค่นั้นเองค่ะ ไม่ได้คิดจะปิดบังอะไรเลย

หลังจากนั้น HR เลยเปิดประวัติการรักษาซึมเศร้าของเพื่อนเราที่คุณหมอได้เขียนบันทึกทางการแพทย์เกี่ยวกับอาการต่างๆของเพื่อนเราไว้ แล้วให้เพื่อนเราดู แล้วบอกว่า "อย่าหาว่าแอบอ่านเลยนะ เคยคิดทำร้ายตัวเองหรอ? เคยคิดฆ่าตัวตายหรอ? ความสัมพันธ์ที่บ้านไม่ดีหรอ? กับใครล่ะ พ่อหรือแม่" ตอนได้ยินเพื่อนเราก็ตกใจมากและไปต่อไม่ถูกเลยค่ะ เพราะไม่คิดว่าจะมาอ่านรายละเอียดให้ฟังขนาดนี้ เพื่อนบอกว่าเหมือนไปจี้จุดในอดีตอะไรแบบนี้ค่ะ

อีกอย่างข้อมูลบันทึกรายละเอียดทางการแพทย์มันควรเป็นความลับระหว่างคนไข้กับหมอไม่ใช่หรอคะ แล้วมันก็แค่ช่วงเวลาหนึ่งที่จิตใจเพื่อนเราไม่โอเคเท่านั้น และเพื่อนเราก็ผ่านมันมาแล้ว และไม่มีใครอยากหยิบมันมาพูดถึงอีกค่ะ (เจ้านายเก่าตอนทราบเรื่องก็ไม่เคยมาถามย้ำอะไรแบบนี้ค่ะ)

HR บอกว่า ถึงเพื่อนเราจะโกรธก็ยอม เพราะทำตามหน้าที่ที่ต้องดูประวัติการรักษา และเขาเป็นคนเดียวที่สามารถเข้าถึงข้อมูลพวกนี้ได้ และกลัวว่าเพื่อนเราจะเครียดทำงานที่นี่ไม่ไหว จริงๆเขาอยากรับเพื่อนเราเข้าทำงานมากค่ะ ที่เรียกมาคุยก่อนเพราะเป็นห่วง

แต่ความเห็นเรา เราว่ามันไม่โอเคเลยค่ะ ถ้าจะห่วงจริงๆก็ต้องคิดหน่อยมั้ยว่าเพื่อนเราจะรู้สึกยังไงกับการขุดอะไรแบบนี้ขึ้นมา คือถ้าจะอ่านจริงๆก็ไม่จำเป็นต้องมาพูดต่อหน้าเพื่อนเราขนาดนี้ และ "ควรมีวิธีการพูดคุยที่ดีกว่านี้ค่ะ" เพราะมันดูไม่ให้เกียรติและไม่เคารพกันเลย

แล้วก็มารู้ทีหลังว่า HR คนนี้ได้โทรถามหมอที่เคยรักษาเพื่อนเราแล้วด้วย หมอบอกว่าอาการ Normal แล้ว ทำงานได้ปกติ เลยสงสัยค่ะว่าทำไมต้องเรียกเพื่อนเราไปคุยด้วยวิธีนี้อีก การพูดคุยคือพลาดมากค่ะ ตอนนี้เพื่อนเราเสียความรู้สึกและเสีย self มากค่ะ และไม่อยากทำงานที่นี่แล้ว คิดว่าคงปฏิเสธไป

ตอนนี้เราเลยเกิดคำถามค่ะว่า
1. HR สามารถมีสิทธิ์เข้าถึงข้อมูลได้ถึงขนาดที่อ่านบันทึกทางการแพทย์ อาการที่คุณหมอเขียนได้ขนาดนี้เลยหรอคะ
2. ข้อมูลรักษาพยาบาลไม่ได้เป็นความลับของคนไข้หรอคะ 
3. ถ้ารักษาที่อื่นแล้วมาสมัครงาน HR จะสามารถขอข้อมูลแบบนี้จากทางรพ.ที่รักษาได้ด้วยมั้ยคะ
4. แล้วที่อื่นเจาะข้อมูลเรื่องโรคซึมเศร้าแค่ไหนคะ (ตอนนี้เพื่อนเราค่อนข้างกังวลค่ะว่าจะไม่มีใครรับเข้าทำงานเพราะเรื่องนี้แล้ว)
5. สุดท้าย การพูดคุยครั้งนี้ของ HR ทำให้เพื่อนเราจิตตกค่ะ จะมีวิธีฮีลใจของเพื่อนได้ยังไงบ้างคะ

------------------------
Update นะคะ :
ทาง HR ได้โทรมาขอโทษเพื่อนเราแล้ว และยอมรับว่าใจร้อนและคิดน้อยเกินไปจริงๆ ส่วนเรื่องฟ้องร้อง เพื่อนไม่ได้ติดใจเอาความอะไร อโหสิกรรมไปค่ะ เพราะเขาดูสำนึกผิดจริง เพื่อนเราก็รับคำขอโทษ แต่ไม่ได้ยอมรับในการกระทำค่ะ และได้บอกว่าไม่ควรไปทำแบบนี้กับใครอีก ตอนนี้ปฏิเสธที่จะร่วมงานแล้วค่ะ

เพื่อนฝากขอบคุณทุกความคิดเห็นมากค่ะที่ให้คำแนะนำอย่างดีมากๆเลยค่ะ
แก้ไขข้อความเมื่อ
สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 2
ฟ้องร้องเรียกค่าเสียหายได้นะคะ  ไม่ใช่เรื่องปกติค่ะ

พรบ.สุขภาพแห่งชาติ และประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 323 รวมไปถึงหลักจรรยาบรรณ ให้ความคุ้มครองอยู่ค่ะ
ความคิดเห็นที่ 1
มาติดตามครับ การกระทำของHR น่าจะผิดกฎหมายPDPA เพราะข้อมูลการรักษาเป็นsensitive data ในที่นี้เข้าใจว่าผู้สมัครไม่ได้ให้consentเปิดเผยข้อมูลไว้ด้วย (รักษาคือรักษา สมัครงานคือสมัครงาน การให้ความยินยอมมันคนละส่วนกัน) แต่ตัวพรบ.ยังรอการบังคับใช้โดยสมบูรณ์ในช่วงเดือนมิ.ย.64 ไม่แน่ใจว่าในช่วงเวลาที่ยังไม่ถึง จะเอาผิดได้ไหม รอผู้รู้มาตอบเพิ่มเติมครับ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่