คำตอบที่ได้รับเลือกจากเจ้าของกระทู้
ความคิดเห็นที่ 1
ไม่ต้องไปสนใจครับ คนที่บูลลี่ผู้อื่นจริงๆ แล้วจิตใจเขาไม่มีศาสนา แม้เขาจะเข้าใจว่าเขาอยู่ในศาสนาอะไร
แต่แท้จริงแล้วจิตใจเขาไม่ถึงศาสนาใดเลย
ความจริงแม้ไม่มีศาสนา หรืออยู่ในศาสนาใดๆ เราต่างอยู่ภายใต้กฏธรรมชาติเดียวกันครับ
ไปยืนตากแดดก็ร้อนเหมือนกัน, ตากฝนก็เปียกเหมือนกัน, ติดโควิดก็มีโอกาสตายได้เหมือนกัน
ธรรมชาติเขาให้ผลตามกฎตายตัว ไม่เกี่ยวกับศาสนาอยู่แล้วครับ สังเกตง่ายๆ ความตายไม่เลือกศาสนา
และกฏมีอยู่ว่าผู้ให้คิดไม่ดีต่อผู้อื่น แม้เพียงแค่คิด ธรรมชาติก็ให้ผลเป็นความบีบคั้น ขุ่นมัว ภายในจิตใจเขาเองอยู่แล้วครับ
ที่นี้อยู่ที่ว่าเขาจะรู้หรือไม่ ส่วนใหญ่ที่ไม่รู้เพราะไม่เคยหันกลับมารับรู้ปรากฏการธรรมชาติ หรือชีวะเคมีที่เกิดขึ้นภายในกายใจตนเอง
ซึ่งเราไม่จำเป็นต้องรับเอาความไม่สะอาดนั้นเข้ามาปนเปื้อนภายในจิตใจเราก็ได้ครับ
เพียงแต่ความเคยชินเดิม(ที่เกิดจากความไม่รู้) ทุกครั้งที่มีใครบูลลี่เรา เราจะรับเอามาขุ่นเคืองทันทีโดยอันโนมัติ
นี้ไม่ใช่เรื่องผิด เพียงแต่ผลที่เกิดขึ้นจะเป็นในทางเดิมไม่สามารถออกจากลูปได้ หากเราไม่ฝึกที่จะเปลี่ยนความเคยชิน
ที่จะปล่อยผ่าน แทนที่จะรับไว้ครับ
เป็นกำลังใจให้นะ
แต่แท้จริงแล้วจิตใจเขาไม่ถึงศาสนาใดเลย
ความจริงแม้ไม่มีศาสนา หรืออยู่ในศาสนาใดๆ เราต่างอยู่ภายใต้กฏธรรมชาติเดียวกันครับ
ไปยืนตากแดดก็ร้อนเหมือนกัน, ตากฝนก็เปียกเหมือนกัน, ติดโควิดก็มีโอกาสตายได้เหมือนกัน
ธรรมชาติเขาให้ผลตามกฎตายตัว ไม่เกี่ยวกับศาสนาอยู่แล้วครับ สังเกตง่ายๆ ความตายไม่เลือกศาสนา
และกฏมีอยู่ว่าผู้ให้คิดไม่ดีต่อผู้อื่น แม้เพียงแค่คิด ธรรมชาติก็ให้ผลเป็นความบีบคั้น ขุ่นมัว ภายในจิตใจเขาเองอยู่แล้วครับ
ที่นี้อยู่ที่ว่าเขาจะรู้หรือไม่ ส่วนใหญ่ที่ไม่รู้เพราะไม่เคยหันกลับมารับรู้ปรากฏการธรรมชาติ หรือชีวะเคมีที่เกิดขึ้นภายในกายใจตนเอง
ซึ่งเราไม่จำเป็นต้องรับเอาความไม่สะอาดนั้นเข้ามาปนเปื้อนภายในจิตใจเราก็ได้ครับ
เพียงแต่ความเคยชินเดิม(ที่เกิดจากความไม่รู้) ทุกครั้งที่มีใครบูลลี่เรา เราจะรับเอามาขุ่นเคืองทันทีโดยอันโนมัติ
นี้ไม่ใช่เรื่องผิด เพียงแต่ผลที่เกิดขึ้นจะเป็นในทางเดิมไม่สามารถออกจากลูปได้ หากเราไม่ฝึกที่จะเปลี่ยนความเคยชิน
ที่จะปล่อยผ่าน แทนที่จะรับไว้ครับ
เป็นกำลังใจให้นะ
แสดงความคิดเห็น
เราและแฟนโดนบูลลี่เรื่องศาสนา