ในปี 2005 นักวิทยาศาสตร์ของศูนย์สำหรับการวิจัยขั้วโลก Alfred-Wegener-Institut พบว่าภูเขาน้ำแข็งสามารถร้องเพลงได้ แม้ว่าความถี่ของเสียงเหล่านี้จะต่ำเกินไปสำหรับหูของมนุษย์ แต่ก็สามารถบันทึกเสียงที่เกิดจากภูเขาน้ำแข็งขนาดใหญ่ (30 x 50 กม.) ได้ที่สถานี Neumeyer ในแอนตาร์กติกา
นักวิทยาศาสตร์เชื่อว่า เสียงดังกล่าวเกิดจากการเคลื่อนที่ของน้ำในรอยแยกของภูเขาน้ำแข็งภายใต้ความกดดันสูง สิ่งนี้นำไปสู่การสั่นสะเทือนของผนังน้ำแข็ง ซึ่งการสั่นสะเทือนเหล่านี้คล้ายกับการเกิดภูเขาไฟปะทุ (volcanics) มาก ตอนนี้นักวิทยาศาสตร์หวังว่าจะสามารถใช้การสั่นสะเทือนของแผ่นดินไหวเหล่านี้เพื่อการคาดการณ์เวลาที่ดีขึ้นของการปะทุของภูเขาไฟในอนาคต
ที่ผ่านมา นักวิทยาศาสตร์หลงใหลในภูเขาน้ำแข็งมาหลายปีแล้ว เพราะพวกมันสง่างามและลึกลับ การค้นพบล่าสุดหลายครั้งที่เกี่ยวกับพวกมัน มีความสำคัญอย่างมากต่อการศึกษาชีววิทยาธรณีวิทยาและสิ่งแวดล้อม แต่การค้นพบว่า Icebergs ร้องเพลงได้ก็เป็นอย่างหนึ่งที่น่าประหลาดใจอย่างมาก
โดยในปี 2002 ทีมงานที่ทำงานในมหาวิทยาลัย Chicago ได้ทำการทดลองครั้งแรกเกี่ยวกับเสียงต่างๆ ของภูเขาน้ำแข็ง ซึ่งเสียงดังก้องแรกเกิดขึ้นจากภูเขาน้ำแข็งขนาดยักษ์ที่เลื่อนมาชนกัน โดยการวิจัยและการค้นพบที่พวกเขาทำถูกตีพิมพ์ในปี 2008 ในวารสารวิทยาศาสตร์ New Scientist
Ekström Ice Shelf
ระหว่างเดือนกรกฎาคม-พฤศจิกายน 2002 นักวิจัยได้รับสัญญาณอะคูสติกที่มีความชัดเจนอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน
เมื่อบันทึกสัญญาณเพื่อวัดแผ่นดินไหวและการเคลื่อนที่ของเปลือกโลกบนหิ้งน้ำแข็ง Ekstroem บนชายฝั่งมหาสมุทรแอตแลนติกใต้ของแอนตาร์กติกา
พวกเขากล่าวว่า สัญญาณคล้ายกับแรงสั่นสะเทือนของภูเขาไฟจาก Kilauea และ Mount St Helens
และจากการติดตามสัญญาณ นักวิทยาศาสตร์พบภูเขาน้ำแข็งขนาด 50 คูณ 20 กม.ซึ่งชนกับคาบสมุทรใต้น้ำและกำลังขูดสีกันรอบ ๆ อย่างช้าๆ
นักวิทยาศาสตร์ได้เรียกเสียงก้องของภูเขาน้ำแข็งชนกันเหล่านี้ว่า “icequakes” โดยเปรียบกับเสียงที่เกิดจากแผ่นเปลือกโลกเวลาที่เกิดแผ่นดินไหวที่เรียกว่า " earthquakes " และทีมวิจัยในเวลานั้นมุ่งเน้นไปที่ว่าการไหวตัวเหล่านี้ จะสามารถช่วยให้พวกเขาเข้าใจเกี่ยวกับแผ่นดินไหวได้มากขึ้นและสามารถช่วยทำนายแรงสั่นสะเทือนได้อย่างไรในความเป็นจริง และที่สำคัญที่สุดคืออนุญาตให้มีการเตือนก่อนหน้านี้เพื่ออพยพ
อย่างไรก็ตาม จากการวิจัยพบว่าภูเขาน้ำแข็งทุกก้อนมีเสียงที่แตกต่างกัน สิ่งเหล่านี้ไม่ได้ยินกับหูของมนุษย์ แต่เมื่อไฟล์เสียงถูกเร่งขึ้น พวกเขาจะสังเกตได้จาก “song” โดยเฉพาะที่เกิดขึ้นซ้ำๆ เมื่อภูเขาน้ำแข็งกระทบกันในบางช่วงเวลาและในบางพื้นที่ และจากการเคลื่อนที่อย่างรวดเร็วและกระทันหัน พวกมันจะสร้างเพลงสั้น ๆ แต่ชัดเจนและเป็นเอกลักษณ์
ซึ่งนับตั้งแต่การวิจัยครั้งแรกนี้ นักวิทยาศาสตร์จากโปแลนด์ สหราชอาณาจักร และสหรัฐอเมริกา ได้ทำการศึกษาเสียงต่างๆที่เกิดจากภูเขาน้ำแข็งมากขึ้นเพื่อประเมินเสียงดังกล่าว ตอนนี้ พวกเขาเชื่อว่าภูเขาน้ำแข็งแต่ละประเภท ไม่เพียงมีลักษณะเฉพาะที่เป็นเอกลักษณ์ของตัวเองเท่านั้น แต่ในการศึกษาลักษณะเฉพาะเหล่านี้ นักวิทยาศาสตร์สามารถเรียนรู้ว่า น้ำแข็งละลายไปมากแค่ไหนและผลกระทบในระยะยาวอาจมีผลต่อระดับน้ำทะเล
น้ำที่ไหลผ่านช่องทางด้านในที่สลับซับซ้อนของภูเขาน้ำแข็ง สามารถสร้างเสียงที่ไม่แน่นอนและเสียงแหลมสูงได้
โดยนักวิทยาศาสตร์ชาวเยอรมันค้นพบว่า น้ำที่ไหลผ่านช่องทางภายในของภูเขาน้ำแข็งของทวีปแอนตาร์กติกาทำให้เกิดเสียงร้องที่โหยหวน
ซึ่งในตอนแรกเพวกเขารู้สึกสับสน แต่ต่อมาพบว่าน่าสนใจ โดยผลการวิจัยถูกเผยแพร่ในเดือนพฤศจิกายน 2005
โดยงานวิจัยล่าสุดส่วนใหญ่ เกิดขึ้นบนธารน้ำแข็ง Hans ใน Svalbard ซึ่งทีมงานได้ใช้ hydrophones ความถี่สูง (ไมโครโฟนที่พัฒนาขึ้นเป็นพิเศษเพื่อจับเสียงใต้น้ำ) เพื่อจับเสียงต่างๆที่เกิดจากภูเขาน้ำแข็ง เมื่อพวกมันเคลื่อนตัวออกจากธารน้ำแข็งหลัก จากนั้น ทีมงานจะใช้การถ่ายภาพแบบ time-lapse (ภาพที่ถ่ายช้าแต่นำมาฉายด้วยความเร็ว) เพื่อประเมินว่าเสียงใดกำลังเกิดขึ้น ณ จุดใด ในเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นโดยรอบภูเขาน้ำแข็งลูกใหม่
งานวิจัยนี้นำโดย Dr Oskar Glowacki ซึ่งยืนยันว่า“ ตอนนี้เรารู้แล้วว่า เมื่อมีเหตุการณ์ใต้น้ำเกิดขึ้น จะมีการแตกตัวใต้ผิวน้ำทะเล ซึ่งรอยแตกจำนวนมากเหล่านี้จะขยายออกไป และเราสามารถฟังสิ่งที่เกิดขึ้นนี้ใต้น้ำได้ หลังจากนั้น ก้อนน้ำแข็งจะหลุดออกจากกำแพงน้ำแข็งหนาข้างใต้ และจะเริ่มลอยขึ้นมาบนพื้นผิว และเราสามารถระบุทุกช่วงของเสียงนี้ได้ด้วยการใช้ hydrophones ใต้น้ำนี้ "
ปัจจุบัน การวิจัยเกี่ยวกับกิจกรรมธารน้ำแข็งและภูเขาน้ำแข็งส่วนใหญ่จะเกิดขึ้นโดยดาวเทียม อย่างไรก็ตาม มีข้อจำกัดสำหรับเรื่องนี้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อดาวเทียมสามารถมองเห็น Bergs ขนาดใหญ่ แต่อาจพลาดการก่อตัวที่เล็กกว่า ซึ่งส่งผลให้นักวิทยาศาสตร์พลาดข้อมูล ที่สามารถรวบรวมได้จากการตรวจสอบอย่างใกล้ชิดได้
ทั้งนี้ ในการตรวจสอบเพลงของภูเขาน้ำแข็งนั้น จะสามารถบ่งชี้ได้ชัดเจนมากขึ้นว่า น้ำแข็งสูญหายไปมากเพียงใดและการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศส่งผลกระทบต่อธารน้ำแข็งมากเพียงใด โดย hydrophones ที่รับเสียงเหล่านี้ไม่ได้มีไว้สำหรับภูเขาน้ำแข็งเท่านั้น แต่ยังเป็นส่วนหนึ่งของระบบตรวจสอบระหว่างประเทศ ที่ถูกวางไว้ในมหาสมุทรเพื่อติดตามการทดสอบของนิวเคลียร์ด้วย
Singing Lakes
เสียงหลอนที่แปลกประหลาดที่เกิดจากน้ำแข็งขยายตัวและหดตัว ซึ่งมักเกิดขึ้นบ่อยที่สุดเมื่อมีความผันผวนของอุณหภูมิครั้งใหญ่
เสียงที่ดีที่สุดและเสียงที่ไกลที่สุด0tเกิดขึ้นเมื่อไม่มีหิมะปกคลุม ซึ่งสภาพที่หายากบนทะเลสาบ
เสียงฮัมความถี่ต่ำดังก้องไปทั่ว Ross Ice Shelf ซึ่งเป็นหิ้งน้ำแข็งที่ใหญ่ที่สุดในแอนตาร์กติกา
ซึ่งนักวิทยาศาสตร์ไพบว่า เมื่อน้ำแข็งละลายในชั้นบนสุดของชั้น "song"ของมันจะช้าลงและอยู่ในระนาบเดียว
Cr,ภาพ: Richard McManus ผ่าน Getty Images
การบันทึกนี้เป็นการบันทึกเสียงใต้น้ำ 30 วินาที ที่เกิดจากการละลายของธารน้ำแข็ง Hans ในฟยอร์ด Hornsund Cr.ภาพ Oskar Glowacki
Cr.
http://graymonk.mu.nu/archives/2005/12/singing_iceberg.html / The Gray Monk
Cr.
https://www.envirotech-online.com/news/environmental-laboratory/7/breaking-news/why-do-icebergs-sing/33398
Cr.
https://www.bath.ac.uk/case-studies/listening-to-icebergs-on-climate-change/
Cr.
https://newsela.com/read/antarctica-melting-eerie-sounds/id/47047/by Newsela staff
(ขอขอบคุณที่มาของข้อมูลทั้งหมดและขออนุญาตนำมา)
" Singing icebergs " ภูเขาน้ำแข็งร้องเพลง
นักวิทยาศาสตร์เชื่อว่า เสียงดังกล่าวเกิดจากการเคลื่อนที่ของน้ำในรอยแยกของภูเขาน้ำแข็งภายใต้ความกดดันสูง สิ่งนี้นำไปสู่การสั่นสะเทือนของผนังน้ำแข็ง ซึ่งการสั่นสะเทือนเหล่านี้คล้ายกับการเกิดภูเขาไฟปะทุ (volcanics) มาก ตอนนี้นักวิทยาศาสตร์หวังว่าจะสามารถใช้การสั่นสะเทือนของแผ่นดินไหวเหล่านี้เพื่อการคาดการณ์เวลาที่ดีขึ้นของการปะทุของภูเขาไฟในอนาคต
ที่ผ่านมา นักวิทยาศาสตร์หลงใหลในภูเขาน้ำแข็งมาหลายปีแล้ว เพราะพวกมันสง่างามและลึกลับ การค้นพบล่าสุดหลายครั้งที่เกี่ยวกับพวกมัน มีความสำคัญอย่างมากต่อการศึกษาชีววิทยาธรณีวิทยาและสิ่งแวดล้อม แต่การค้นพบว่า Icebergs ร้องเพลงได้ก็เป็นอย่างหนึ่งที่น่าประหลาดใจอย่างมาก
โดยในปี 2002 ทีมงานที่ทำงานในมหาวิทยาลัย Chicago ได้ทำการทดลองครั้งแรกเกี่ยวกับเสียงต่างๆ ของภูเขาน้ำแข็ง ซึ่งเสียงดังก้องแรกเกิดขึ้นจากภูเขาน้ำแข็งขนาดยักษ์ที่เลื่อนมาชนกัน โดยการวิจัยและการค้นพบที่พวกเขาทำถูกตีพิมพ์ในปี 2008 ในวารสารวิทยาศาสตร์ New Scientist
อย่างไรก็ตาม จากการวิจัยพบว่าภูเขาน้ำแข็งทุกก้อนมีเสียงที่แตกต่างกัน สิ่งเหล่านี้ไม่ได้ยินกับหูของมนุษย์ แต่เมื่อไฟล์เสียงถูกเร่งขึ้น พวกเขาจะสังเกตได้จาก “song” โดยเฉพาะที่เกิดขึ้นซ้ำๆ เมื่อภูเขาน้ำแข็งกระทบกันในบางช่วงเวลาและในบางพื้นที่ และจากการเคลื่อนที่อย่างรวดเร็วและกระทันหัน พวกมันจะสร้างเพลงสั้น ๆ แต่ชัดเจนและเป็นเอกลักษณ์
ซึ่งนับตั้งแต่การวิจัยครั้งแรกนี้ นักวิทยาศาสตร์จากโปแลนด์ สหราชอาณาจักร และสหรัฐอเมริกา ได้ทำการศึกษาเสียงต่างๆที่เกิดจากภูเขาน้ำแข็งมากขึ้นเพื่อประเมินเสียงดังกล่าว ตอนนี้ พวกเขาเชื่อว่าภูเขาน้ำแข็งแต่ละประเภท ไม่เพียงมีลักษณะเฉพาะที่เป็นเอกลักษณ์ของตัวเองเท่านั้น แต่ในการศึกษาลักษณะเฉพาะเหล่านี้ นักวิทยาศาสตร์สามารถเรียนรู้ว่า น้ำแข็งละลายไปมากแค่ไหนและผลกระทบในระยะยาวอาจมีผลต่อระดับน้ำทะเล
งานวิจัยนี้นำโดย Dr Oskar Glowacki ซึ่งยืนยันว่า“ ตอนนี้เรารู้แล้วว่า เมื่อมีเหตุการณ์ใต้น้ำเกิดขึ้น จะมีการแตกตัวใต้ผิวน้ำทะเล ซึ่งรอยแตกจำนวนมากเหล่านี้จะขยายออกไป และเราสามารถฟังสิ่งที่เกิดขึ้นนี้ใต้น้ำได้ หลังจากนั้น ก้อนน้ำแข็งจะหลุดออกจากกำแพงน้ำแข็งหนาข้างใต้ และจะเริ่มลอยขึ้นมาบนพื้นผิว และเราสามารถระบุทุกช่วงของเสียงนี้ได้ด้วยการใช้ hydrophones ใต้น้ำนี้ "
ปัจจุบัน การวิจัยเกี่ยวกับกิจกรรมธารน้ำแข็งและภูเขาน้ำแข็งส่วนใหญ่จะเกิดขึ้นโดยดาวเทียม อย่างไรก็ตาม มีข้อจำกัดสำหรับเรื่องนี้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อดาวเทียมสามารถมองเห็น Bergs ขนาดใหญ่ แต่อาจพลาดการก่อตัวที่เล็กกว่า ซึ่งส่งผลให้นักวิทยาศาสตร์พลาดข้อมูล ที่สามารถรวบรวมได้จากการตรวจสอบอย่างใกล้ชิดได้
ทั้งนี้ ในการตรวจสอบเพลงของภูเขาน้ำแข็งนั้น จะสามารถบ่งชี้ได้ชัดเจนมากขึ้นว่า น้ำแข็งสูญหายไปมากเพียงใดและการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศส่งผลกระทบต่อธารน้ำแข็งมากเพียงใด โดย hydrophones ที่รับเสียงเหล่านี้ไม่ได้มีไว้สำหรับภูเขาน้ำแข็งเท่านั้น แต่ยังเป็นส่วนหนึ่งของระบบตรวจสอบระหว่างประเทศ ที่ถูกวางไว้ในมหาสมุทรเพื่อติดตามการทดสอบของนิวเคลียร์ด้วย
Cr.https://www.envirotech-online.com/news/environmental-laboratory/7/breaking-news/why-do-icebergs-sing/33398
Cr.https://www.bath.ac.uk/case-studies/listening-to-icebergs-on-climate-change/
Cr.https://newsela.com/read/antarctica-melting-eerie-sounds/id/47047/by Newsela staff
(ขอขอบคุณที่มาของข้อมูลทั้งหมดและขออนุญาตนำมา)