ใครสนใจ TENET มาคุยกันในนี้ได้นะครับ ผมก็อยากเล่าในมุมมองของผมแบบไม่ได้อิงจากใคร
จากการดูแลตีความของตัวเองล้วนๆ แล้วดูเพียงแค่สองรอบเลยอยากแชร์ความคิด
เพราะโดยส่วนตัวเป็นคนสนใจในทฤษฎีเวลาทุกรูปแบบ แล้วเชื่อว่ามิติเวลาทุกรูปแบบมีจริงและสามารถเป็นไปได้
โดยอาจทำให้ "ทฤษฎีสรรพสิ่ง"มีจริงแต่นักวิทยาศาสตร์กำลังหาสูตรเพื่อให้ตายตัวอยู่
- การดู Tenet ครั้งแรก ผมเช่าดูจาก Google Play Store
พยายามตั้งใจดูแล้วอินไปกับมัน คิดตามไปกับมัน ผลที่ออกมาคือชอบเรื่องนี้ทันทีครับ
ทำให้รู้ว่าพระเอกในความเป็นจริง กำลังสู้กับทุกสิ่งที่เกิดในตอนสวนกระแส
(หรือแม้แต่สู้กับตัวเอง เพิ่งมาอ๋อตอนที่พระเอกเปลี่ยนชุดตำรวจก่อนจะไปสนามบิน แล้วก็เป็นตามนั้นจริงๆด้วย)
เพื่อนพระเอก Neil รู้มาตลอดว่าพระเอกคือใคร โดยมีทั้งรู้จริงและไม่รู้
และแกล้งทำเป็นไม่รู้เพื่อไม่ให้เกิดเอฟเฟคการแปรผันเวลาในทุกด้าน
(นี่คือสิ่งที่ผมคิดได้แค่นั้น จากการดูครั้งแรก)
- การดู Tenet รอบสอง (สารภาพว่าดูเถื่อนแต่อยากทำความเข้าใจด้วยตัวเอง)
ทำให้ผมรู้เองเพิ่มอีกว่า หนังมี Easter Eggs ที่มีมาตลอดแต่คนไม่สังเกต (หรืออาจสังเกตในความคิดของผม)
คือ หน้ากากออกซิเจนและออกซิเจนจำนวนมากในทุกรูปแบบ (ถ้าในหนัง Inception ก็คือแหวนแต่งงานของพระเอก)
สังเกตได้ว่าตอนที่ใส่หน้ากาก จะใส่เฉพาะตอนเดินทางสวนกระแสเวลาผ่านเครื่องย้อนเวลาเท่านั้น
เพราะขณะสวนกระแสเวลา สรรพสิ่งในโลกจะย้อนหมด จากร้อนกลายเป็นเย็น
(เจ้าหน้าที่ผญ.บอกพระเอกก่อนที่จะเข้าเครื่องย้อนเวลาฉากทางด่วน เลยมาอ๋อหลังฉากบนทางด่วน)
แม้แต่อากาศตอนสวนกระแสเวลามันก็จะไม่ใช่ O2 เหมือนตอนเวลาเดินหน้าอีกต่อไป (อาจเป็น 2O มั้ง555555)
รวมถึงค่ายทหาร-ตู้คอนเทนเนอร์-เรือ-ตอนขับรถ-หรืออะไรก็ตาม ยังต้องซีลด้วย O2 ขณะสวนกระแสเวลาตลอดครึ่งหลังของเรื่อง
แล้วทำ action / movement การใช้ชีวิตทุกอย่างให้สวนกับการเดินหน้า
แม้แต่ท่าเดิน-วิ่ง-ขับรถ-วิถีการยิงกระสุน หรือทำทุกๆอย่าง เพื่อให้หลักฟิสิกส์ทุกอย่างสัมพัทธ์กับการสวนกระแสเวลา
ถ้าอยากจะหายใจปกติ ก็ต้องเข้าเครื่องกลับกระแสเวลาให้เวลาเป็นเดินหน้าอย่างเดียว

แม้แต่ตัวร้ายอย่าง Andrey ยังรู้ทุกอย่างที่เกิด เลยต้องเดินทางสวนกระแสล่วงหน้ามาก่อน
เพื่อให้ตนชนะในทุกเรื่องแล้วเดินตามเกมที่จะเกิดในอนาคต ก่อนที่จะมีเทคโนโลยีเครื่องย้อนเวลา
รวมถึงสาวอินเดีย Priya ที่เป็นเหมือนนายทุนทุกอย่าง (จะว่าไปสาวอินเดียเผลอๆก็เคยย้อนมาเหมือนกัน)
แล้วอีกอย่างนึงฉากจบที่ Neil บอกพระเอกว่า พระเอกเป็นคนส่ง Neil มาอีกที
(จากตอนที่ดูครั้งแรกนึกว่า Neil เป็นคนส่งเอง เหมือนที่พระเอกเข้าใจมาตลอด)
เลยทำให้เกิดฉากจบที่ซึ้งที่ว่า "ในรอบนี้เรารู้จริงๆว่า"
พระเอกรู้แล้วว่าในอนาคตสักช่วง Neil จะตายในความเป็นจริงในอุโมงค์แต่จะบอกความจริงไม่ได้เลย (จากพวงกุญแจที่กระเป๋า Neil)
พระเอกเลยต้องมีการเดินทางสวนกระแสไปเรื่อยๆ จนถึงเมื่อไหร่ก็ไม่รู้
แล้วมันทำให้รู้ว่า....ยิ่งเราดูหนังเรื่องนี้อีกสักกี่รอบ ผู้ชมนี่แหละที่เป็นพระเอกของเรื่องมาโดยตลอด
โดยที่เป็นผู้โดยสารสวมรอยพระเอกไปตามเกม แล้วเราก็อยากจะคิดอะไรก็คิดไป
..... กราบเสด็จพ่อ Christopher Nolan .....
อยากรีวิว T E N E T ตามความเข้าใจของตัวเอง มีสปอยแหละ
จากการดูแลตีความของตัวเองล้วนๆ แล้วดูเพียงแค่สองรอบเลยอยากแชร์ความคิด
เพราะโดยส่วนตัวเป็นคนสนใจในทฤษฎีเวลาทุกรูปแบบ แล้วเชื่อว่ามิติเวลาทุกรูปแบบมีจริงและสามารถเป็นไปได้
โดยอาจทำให้ "ทฤษฎีสรรพสิ่ง"มีจริงแต่นักวิทยาศาสตร์กำลังหาสูตรเพื่อให้ตายตัวอยู่
- การดู Tenet ครั้งแรก ผมเช่าดูจาก Google Play Store
พยายามตั้งใจดูแล้วอินไปกับมัน คิดตามไปกับมัน ผลที่ออกมาคือชอบเรื่องนี้ทันทีครับ
ทำให้รู้ว่าพระเอกในความเป็นจริง กำลังสู้กับทุกสิ่งที่เกิดในตอนสวนกระแส
(หรือแม้แต่สู้กับตัวเอง เพิ่งมาอ๋อตอนที่พระเอกเปลี่ยนชุดตำรวจก่อนจะไปสนามบิน แล้วก็เป็นตามนั้นจริงๆด้วย)
เพื่อนพระเอก Neil รู้มาตลอดว่าพระเอกคือใคร โดยมีทั้งรู้จริงและไม่รู้
และแกล้งทำเป็นไม่รู้เพื่อไม่ให้เกิดเอฟเฟคการแปรผันเวลาในทุกด้าน
(นี่คือสิ่งที่ผมคิดได้แค่นั้น จากการดูครั้งแรก)
- การดู Tenet รอบสอง (สารภาพว่าดูเถื่อนแต่อยากทำความเข้าใจด้วยตัวเอง)
ทำให้ผมรู้เองเพิ่มอีกว่า หนังมี Easter Eggs ที่มีมาตลอดแต่คนไม่สังเกต (หรืออาจสังเกตในความคิดของผม)
คือ หน้ากากออกซิเจนและออกซิเจนจำนวนมากในทุกรูปแบบ (ถ้าในหนัง Inception ก็คือแหวนแต่งงานของพระเอก)
สังเกตได้ว่าตอนที่ใส่หน้ากาก จะใส่เฉพาะตอนเดินทางสวนกระแสเวลาผ่านเครื่องย้อนเวลาเท่านั้น
เพราะขณะสวนกระแสเวลา สรรพสิ่งในโลกจะย้อนหมด จากร้อนกลายเป็นเย็น
(เจ้าหน้าที่ผญ.บอกพระเอกก่อนที่จะเข้าเครื่องย้อนเวลาฉากทางด่วน เลยมาอ๋อหลังฉากบนทางด่วน)
แม้แต่อากาศตอนสวนกระแสเวลามันก็จะไม่ใช่ O2 เหมือนตอนเวลาเดินหน้าอีกต่อไป (อาจเป็น 2O มั้ง555555)
รวมถึงค่ายทหาร-ตู้คอนเทนเนอร์-เรือ-ตอนขับรถ-หรืออะไรก็ตาม ยังต้องซีลด้วย O2 ขณะสวนกระแสเวลาตลอดครึ่งหลังของเรื่อง
แล้วทำ action / movement การใช้ชีวิตทุกอย่างให้สวนกับการเดินหน้า
แม้แต่ท่าเดิน-วิ่ง-ขับรถ-วิถีการยิงกระสุน หรือทำทุกๆอย่าง เพื่อให้หลักฟิสิกส์ทุกอย่างสัมพัทธ์กับการสวนกระแสเวลา
ถ้าอยากจะหายใจปกติ ก็ต้องเข้าเครื่องกลับกระแสเวลาให้เวลาเป็นเดินหน้าอย่างเดียว
แม้แต่ตัวร้ายอย่าง Andrey ยังรู้ทุกอย่างที่เกิด เลยต้องเดินทางสวนกระแสล่วงหน้ามาก่อน
เพื่อให้ตนชนะในทุกเรื่องแล้วเดินตามเกมที่จะเกิดในอนาคต ก่อนที่จะมีเทคโนโลยีเครื่องย้อนเวลา
รวมถึงสาวอินเดีย Priya ที่เป็นเหมือนนายทุนทุกอย่าง (จะว่าไปสาวอินเดียเผลอๆก็เคยย้อนมาเหมือนกัน)
แล้วอีกอย่างนึงฉากจบที่ Neil บอกพระเอกว่า พระเอกเป็นคนส่ง Neil มาอีกที
(จากตอนที่ดูครั้งแรกนึกว่า Neil เป็นคนส่งเอง เหมือนที่พระเอกเข้าใจมาตลอด)
เลยทำให้เกิดฉากจบที่ซึ้งที่ว่า "ในรอบนี้เรารู้จริงๆว่า"
พระเอกรู้แล้วว่าในอนาคตสักช่วง Neil จะตายในความเป็นจริงในอุโมงค์แต่จะบอกความจริงไม่ได้เลย (จากพวงกุญแจที่กระเป๋า Neil)
พระเอกเลยต้องมีการเดินทางสวนกระแสไปเรื่อยๆ จนถึงเมื่อไหร่ก็ไม่รู้
แล้วมันทำให้รู้ว่า....ยิ่งเราดูหนังเรื่องนี้อีกสักกี่รอบ ผู้ชมนี่แหละที่เป็นพระเอกของเรื่องมาโดยตลอด
โดยที่เป็นผู้โดยสารสวมรอยพระเอกไปตามเกม แล้วเราก็อยากจะคิดอะไรก็คิดไป
..... กราบเสด็จพ่อ Christopher Nolan .....