สวัสดีครับผู้อ่านทุกคน
ครอบครัวของเราเป็นครอบครัวมีลูกหลายคนซึ่งเราเป็นคนเล็กสุด ปกติจะชอบมีคนบอกว่าลูกคนเล็กเป็นคนที่พ่อกับแม่ตามใจ แต่เรานั้นไม่ใช่เลย เราเป็นลูกคนเล็กที่ต้องคอยช่วยเหลือพี่ๆทุกคน(ช่วยในสิ่งเล็กๆน้อย เท่าที่เราไหว)และเราก็ไม่ได้คิดไรมากเพราะครอบครัวต้องช่วยเหลือกันเป็นเรื่องธรรมดาอยู่แล้ว
ช่วงนี้เป็นช่วงที่เราเตรียมตัวเข้ามหาลัยพอดีเราพยายามเรียนพิเศษ(ไม่ต้องเสียเงินเพราะอาจาร์เราติงฟรีหลังเลิกเรียน) เลยต้องกลับบ้านดึก แม่เราบอกว่าทำไมต้องเรียนขนาดนั้นกลับบ้านมาเรียนเองที่บ้านก็ได้เราเลยบอกเหตุผลไปแต่แม่ก็ไม่เข้าใจ เราเป็นคนที่อ่านหนังสือแล้วไม่เข้าใจหรือไปช้า เราชอบให้คนมาสอนเรามากกว่า แม่เราได้บอกพี่ๆ(เวลามีทะเลาะหรือมีปัญหาแม่เรานั้นจะชอบเล่าให้พี่ฟัง) พี่ๆเราก็โทรมาถามว่าทำไมต้องไป ไม่ไปไม่ได้หรอ ต้องไปอีกนานเท่าไหร่ ถามที่บ้านไม่ได้หรอ (เราก็ตอบดีๆไม่ได้ว่าอะไร) แต่เราก็รู้สึกเหมือนโดนอะไรบางอย่างมันทับเราอะ(ไม่ใช่ผีแน่นอน)(ความรู้สึก) บางทีเราต้องการกำลังใจจากครอบครัวแต่เราจำไม่ได้เลยว่าครั้งสุดท้ายที่เราได้รับคำชมจากครอบครับมันนานมาเท่าไหร่แล้ว
เราเป็นคนที่มีความอยากมาก ในห้องเราเพื่อนเรามี ipad pro เราก็เลยอยากมีบ้างเราก็เลยจะไปขอพ่อแต่เราเคยดูละคร เห็นคนแบบ จะเอาอันนู้นจะเอาอันนี้เป็นคุณหนูเอาแต่ใจ ซึ่งเราก็ไม่ได้อยากเป็นแบบนั้นเลยเราเลยกลัวว่าถ้าเราขอไปเราจะเป็นเด็กที่เอาแต่ใจอยากได้อะไรก็ต้องได้ไหม มีครั้งนึงนะรองเท้าเราขาดนะ นร.ทุกคนน่าจะเข้าใจว่าแบบ รองเท้านักเรียนแบบมัธยม มันจะขาดง่ายหน่อยเราเอาไปใช้วิ่ง เตะบอลกับเพื่อนอะไรแบบนี้แปปเดียวก็ขาดนะ(หรือเราอาจดูแลไม่ได้เองแหละ) กลับมาที่ipad pro นะครับ เราอยากได้มากเลยไปของพ่อว่าเราอยากได้ซื้อให้เราหน่อยได้ไหม พ่อเลยให้สัญญาว่าถ้าทำเกรดได้ 3.7 พ่อเราจะซื้อให้ ต้องบอกก่อนว่าเราเป็นเด็กที่ไม่เก่งนะปกติจะได้แค่ 3.4 แต่เราอยากได้จริงๆครั้งนั้นเราเลยพยายามมากๆเพราะอยากได้มากๆ
แต่สุดท้ายมันก็ไม่ได้เป็นไปตามฝันหรอกครับ เราได้แค่3.68 เรารู้สึกแบบ มีบางอย่างพังทลายมากเลย เราเสียใจมากเราเอาไปบอกพ่อ พ่อเราบอกเราว่า เราทำไม่ได้ “จำสัญญาได้ใช่ไหม เราตกลงกันไว้แล้วว่าต้องได้เท่าไหร่”พ่อเราพูด เราก็เข้าใจแฟละว่าถ้าพ่อซื้อให้มันก็ผิดสัญญาพ่อเราคงไม่อยากให้เราเคยชินอยากให้เราเป็นคนรักษาสัญญา เราก็เข้าใจ แต่ความเสียใจเราก็ไม่ได้หายไปอยู่ดี
2วันถัดมา
พ่อเราโทรมาบอกว่าจะซื้อipad pro ให้เราดีใจมากๆเลยพ่อเราพูดว่า “พ่อเห็นถึงความพยายามพ่อจะซื้อให้แล้วกะนะ” เราดีใจมากจนพูดอะไรไม่ออกดีใจแบบจริงๆแล้วเราก็ได้ ipad pro มา แต่ไม่กี่วันพี่ก็โทรมาถามว่าเป็นไงบ้าง “ใช้ดีไหมชอบไหมต้องขอบคุณพี่นะพี่อุตส่าห์ช่วยพูดให้”พี่พูด ทันทีที่ได้ยินเราแบบ พูดไรไม่ออก ไม่รู้ว่าคนอื่นจะขอบคุณพี่ไหมรู้สึกยังไง แต่เราก็หัวเราะขอบคุณพี่ไป พอวางสายน่ำตามันไหลออกมาพร้อมกับความรู้สึกว่า “นึกว่าเราจะทำได้ด้วยตัวเอง ที่แท้พี่เป็นคนช่วยหรอเนี้ย555 ห...หือ หือ หือ” (แบบนี้เลยแต่ไม่ได้พูดออกมานะคิดอยู่ในใจ)
ไม่กี่วันพี่โทรใช้ให้ไปดูราคา macbook ให้หน่อยเราก็คิดแบบในเว็ปก็มีบอกไหม แต่เราก็ไปดูให้หลังเรียนพิเศษเสร็จ พอโทรไปบอกราคาพี่บอก ไม่ทันแล้วพ่อโอนตังให้ไปซื้อแล้ว เราก็บอกโอเคๆ วันต่อมาแม่ถามว่ารู้ยังพี่ซื้อ macbook เราบอกว่ารู้แล้ว แม่บอกดีจังตัวท็อปเลย เราก็แอบบจกใจตัวนับนี้มันแพงมากเลยนะ เราเลยทำเป็นรู้แล้ว แล้วก็แอบถามว่าปีที่แล้วพึ่งซื้อยี่ห้ออื่นไปนิ ทำไมซื้ออีกแล้วละ แม่บอกว่า อันกันของพี่พัง พี่บอกพ่อ พ่อเลยให้พี่ไปดูรึ่นแล้วก็โอนให้ พอวันที่เราไปกินข้าวกับพ่อ พ่อก็บอกว่าพี่ต้องใช้ทำงาน แล้วช่วงนี้พี่เรียนหนักเลยเครียดด้วย เลยอยากให้กำลังใจเราตอนนั้นแบบ “แล้วเราละ! เราละ! เราละ! เราละ! เราละ!”(คิดในใจ)(ความสับสนเริ่มก่อตัว)(ความเศร้าแล้วเข้ามา)(ความอิจฉาเริ่มครอบงำ) มาถึงตรองนี้บางคนอาจสงสัยว่าทำไมต้องรอมากินข้าวกับพ่อ เพราะว่าเราไม่ได้อยู่กับพ่อนะ
ผ่านมาเป็นเวลาแสนนานจากวันนั้น เรานัดกับพ่อมาเจอกันกินข้าวกัน(เจอกันทุกเสาร์ อาทิตย์) พ่อถามว่าเอาน้องมาไปด้วยได้ไหม ไม่มีใครดูน้อง ถ้าทุกคนจำได้หรือไม่ก็ไม่เป็นไร เราเป็นลูกคนเล็กสุดครับของครอบครัวของผม ใช่แล้วครับนั้นคือลูกใหม่พ่อเอง เราบอกพ่อไปเล่นๆว่า แล้วแต่พ่อจะเอามาก็เอามา
10นาทีต่อมา พ่อเดินมา...แล้วก็มีเด็กตัวเล็กวิ่งตามหลังพ่อเรามา อืม...พูดไม่ถูกเลยการพูดเล่นๆของเรา

ฆ่าใจตัวเองเลย
เวลาพ่อพูดเรื่องนี้ให้พี่ๆฟังพี่ๆทุกคนไม่โอเค แล้วพ่อเราก็บอกไปว่า ทำไมไม่เปิดใจน้องคนนั้นก็เป็นน้องของพี่ๆนะ พี่ๆเราไม่ตอบไม่สนใจ พ่อบอกต่อว่าดูอย่างเราสิ เรายังไม่ว่าอะไรเลย เพราะว่าเราเป็นคนใจดี ให้พี่ๆเปิดใจแล้วใจดีกับน้องคนนั้นเหมือนเราหน่อยสิ
คำถามในใจ เราใจดีงั้นหรอ แน่ใจหรอ เราโอเคงั้นหรอ ทำไมถึงกล้าพูดความรู้สึกของเราทั้งๆที่เราไม่เคยพูดว่าเราโอเคเลยสักครั้ง เราทำเป็นไม่พูดอะไรเพราะไม่อยากให้ใครเสียใจแต่ไม่ใช้เราไม่อสียใจสักหน่อยเราไม่ได้เป็นพ่อพระหรือคนใจดีเลยสักนิดนะ ทำไมละทำไม...
(พี่ๆเราเข้ามหาลัยหมดแล้ว)(วันนี้เป็นวันหยุดพี่เลยกลับมาหาครอบครัวนะ)
หลังจากนั้นเวลาเราไปกินข้าวกับพ่อพ่อก็เอาน้องคนนั้นไปด้วย เราก็ไม่ได้พูดอะไร
เวลาก็ผ่านไปเหมือนเดิม วันนี้พี่ๆกลับมาแล้วไปกินข้าวกับพ่อ เราก็ไปด้วยเหมือนกัน แต่เชื่อไหมตำแหน่งของเรานะไม่ใช่เดินไปกับคนอื่นๆนะ พี่ๆกับพ่อนะเดินด้วยกันอย่างมีความสุข เรานะหรอ อยู่ข้างหลังสุดเลย เราเดินช้าลง ช้าลง ช้าลง ช้าลง เลื่อยๆ เลื่อยๆ เลื่อยๆ... จนห่างกันเป็นเมตรได้เลยแหละ หึหึ
หรือเพราะเราเป็นคนเข้ากับคนไม่เก่งกันนะ
ทำไมถึงเป็นแบบนี้ละ
แล้วเป็นแบบนี้มันดีไหมนะ
หรือเพราะเราเป็นผู้ชายคนเดียวในบ้านกันนะ
หึหึ หึหึ หึหึ หึ..................
มันออกแนวนิยายไหมครับ
หวังว่ามันคงไม่ออกแนวนิยายไปนะครับ
สำหรับคนที่อ่านมาถึงตรงนี้ขอบอกเลยว่าขยัยอ่านมากนะครับ5555 นี้แหละครับปัญหาของผม มีใครเป็นแบบผมบ้างไหมครับ ช่วิตผมก็ออกแนวเศร้าๆหน่อยครับ แต่ก็มีความสุขนะครับไม่ใช่ไม่มีเลย แต่เวลาที่มีขอเก็บไว้ดีกว่านะครับ5555
ลูกคนเล็ก=ลูกที่พ่อแม่เอาใจใส่มากสุด(จริงหรอ)
ครอบครัวของเราเป็นครอบครัวมีลูกหลายคนซึ่งเราเป็นคนเล็กสุด ปกติจะชอบมีคนบอกว่าลูกคนเล็กเป็นคนที่พ่อกับแม่ตามใจ แต่เรานั้นไม่ใช่เลย เราเป็นลูกคนเล็กที่ต้องคอยช่วยเหลือพี่ๆทุกคน(ช่วยในสิ่งเล็กๆน้อย เท่าที่เราไหว)และเราก็ไม่ได้คิดไรมากเพราะครอบครัวต้องช่วยเหลือกันเป็นเรื่องธรรมดาอยู่แล้ว
ช่วงนี้เป็นช่วงที่เราเตรียมตัวเข้ามหาลัยพอดีเราพยายามเรียนพิเศษ(ไม่ต้องเสียเงินเพราะอาจาร์เราติงฟรีหลังเลิกเรียน) เลยต้องกลับบ้านดึก แม่เราบอกว่าทำไมต้องเรียนขนาดนั้นกลับบ้านมาเรียนเองที่บ้านก็ได้เราเลยบอกเหตุผลไปแต่แม่ก็ไม่เข้าใจ เราเป็นคนที่อ่านหนังสือแล้วไม่เข้าใจหรือไปช้า เราชอบให้คนมาสอนเรามากกว่า แม่เราได้บอกพี่ๆ(เวลามีทะเลาะหรือมีปัญหาแม่เรานั้นจะชอบเล่าให้พี่ฟัง) พี่ๆเราก็โทรมาถามว่าทำไมต้องไป ไม่ไปไม่ได้หรอ ต้องไปอีกนานเท่าไหร่ ถามที่บ้านไม่ได้หรอ (เราก็ตอบดีๆไม่ได้ว่าอะไร) แต่เราก็รู้สึกเหมือนโดนอะไรบางอย่างมันทับเราอะ(ไม่ใช่ผีแน่นอน)(ความรู้สึก) บางทีเราต้องการกำลังใจจากครอบครัวแต่เราจำไม่ได้เลยว่าครั้งสุดท้ายที่เราได้รับคำชมจากครอบครับมันนานมาเท่าไหร่แล้ว
เราเป็นคนที่มีความอยากมาก ในห้องเราเพื่อนเรามี ipad pro เราก็เลยอยากมีบ้างเราก็เลยจะไปขอพ่อแต่เราเคยดูละคร เห็นคนแบบ จะเอาอันนู้นจะเอาอันนี้เป็นคุณหนูเอาแต่ใจ ซึ่งเราก็ไม่ได้อยากเป็นแบบนั้นเลยเราเลยกลัวว่าถ้าเราขอไปเราจะเป็นเด็กที่เอาแต่ใจอยากได้อะไรก็ต้องได้ไหม มีครั้งนึงนะรองเท้าเราขาดนะ นร.ทุกคนน่าจะเข้าใจว่าแบบ รองเท้านักเรียนแบบมัธยม มันจะขาดง่ายหน่อยเราเอาไปใช้วิ่ง เตะบอลกับเพื่อนอะไรแบบนี้แปปเดียวก็ขาดนะ(หรือเราอาจดูแลไม่ได้เองแหละ) กลับมาที่ipad pro นะครับ เราอยากได้มากเลยไปของพ่อว่าเราอยากได้ซื้อให้เราหน่อยได้ไหม พ่อเลยให้สัญญาว่าถ้าทำเกรดได้ 3.7 พ่อเราจะซื้อให้ ต้องบอกก่อนว่าเราเป็นเด็กที่ไม่เก่งนะปกติจะได้แค่ 3.4 แต่เราอยากได้จริงๆครั้งนั้นเราเลยพยายามมากๆเพราะอยากได้มากๆ
แต่สุดท้ายมันก็ไม่ได้เป็นไปตามฝันหรอกครับ เราได้แค่3.68 เรารู้สึกแบบ มีบางอย่างพังทลายมากเลย เราเสียใจมากเราเอาไปบอกพ่อ พ่อเราบอกเราว่า เราทำไม่ได้ “จำสัญญาได้ใช่ไหม เราตกลงกันไว้แล้วว่าต้องได้เท่าไหร่”พ่อเราพูด เราก็เข้าใจแฟละว่าถ้าพ่อซื้อให้มันก็ผิดสัญญาพ่อเราคงไม่อยากให้เราเคยชินอยากให้เราเป็นคนรักษาสัญญา เราก็เข้าใจ แต่ความเสียใจเราก็ไม่ได้หายไปอยู่ดี
2วันถัดมา
พ่อเราโทรมาบอกว่าจะซื้อipad pro ให้เราดีใจมากๆเลยพ่อเราพูดว่า “พ่อเห็นถึงความพยายามพ่อจะซื้อให้แล้วกะนะ” เราดีใจมากจนพูดอะไรไม่ออกดีใจแบบจริงๆแล้วเราก็ได้ ipad pro มา แต่ไม่กี่วันพี่ก็โทรมาถามว่าเป็นไงบ้าง “ใช้ดีไหมชอบไหมต้องขอบคุณพี่นะพี่อุตส่าห์ช่วยพูดให้”พี่พูด ทันทีที่ได้ยินเราแบบ พูดไรไม่ออก ไม่รู้ว่าคนอื่นจะขอบคุณพี่ไหมรู้สึกยังไง แต่เราก็หัวเราะขอบคุณพี่ไป พอวางสายน่ำตามันไหลออกมาพร้อมกับความรู้สึกว่า “นึกว่าเราจะทำได้ด้วยตัวเอง ที่แท้พี่เป็นคนช่วยหรอเนี้ย555 ห...หือ หือ หือ” (แบบนี้เลยแต่ไม่ได้พูดออกมานะคิดอยู่ในใจ)
ไม่กี่วันพี่โทรใช้ให้ไปดูราคา macbook ให้หน่อยเราก็คิดแบบในเว็ปก็มีบอกไหม แต่เราก็ไปดูให้หลังเรียนพิเศษเสร็จ พอโทรไปบอกราคาพี่บอก ไม่ทันแล้วพ่อโอนตังให้ไปซื้อแล้ว เราก็บอกโอเคๆ วันต่อมาแม่ถามว่ารู้ยังพี่ซื้อ macbook เราบอกว่ารู้แล้ว แม่บอกดีจังตัวท็อปเลย เราก็แอบบจกใจตัวนับนี้มันแพงมากเลยนะ เราเลยทำเป็นรู้แล้ว แล้วก็แอบถามว่าปีที่แล้วพึ่งซื้อยี่ห้ออื่นไปนิ ทำไมซื้ออีกแล้วละ แม่บอกว่า อันกันของพี่พัง พี่บอกพ่อ พ่อเลยให้พี่ไปดูรึ่นแล้วก็โอนให้ พอวันที่เราไปกินข้าวกับพ่อ พ่อก็บอกว่าพี่ต้องใช้ทำงาน แล้วช่วงนี้พี่เรียนหนักเลยเครียดด้วย เลยอยากให้กำลังใจเราตอนนั้นแบบ “แล้วเราละ! เราละ! เราละ! เราละ! เราละ!”(คิดในใจ)(ความสับสนเริ่มก่อตัว)(ความเศร้าแล้วเข้ามา)(ความอิจฉาเริ่มครอบงำ) มาถึงตรองนี้บางคนอาจสงสัยว่าทำไมต้องรอมากินข้าวกับพ่อ เพราะว่าเราไม่ได้อยู่กับพ่อนะ
ผ่านมาเป็นเวลาแสนนานจากวันนั้น เรานัดกับพ่อมาเจอกันกินข้าวกัน(เจอกันทุกเสาร์ อาทิตย์) พ่อถามว่าเอาน้องมาไปด้วยได้ไหม ไม่มีใครดูน้อง ถ้าทุกคนจำได้หรือไม่ก็ไม่เป็นไร เราเป็นลูกคนเล็กสุดครับของครอบครัวของผม ใช่แล้วครับนั้นคือลูกใหม่พ่อเอง เราบอกพ่อไปเล่นๆว่า แล้วแต่พ่อจะเอามาก็เอามา
10นาทีต่อมา พ่อเดินมา...แล้วก็มีเด็กตัวเล็กวิ่งตามหลังพ่อเรามา อืม...พูดไม่ถูกเลยการพูดเล่นๆของเรา
เวลาพ่อพูดเรื่องนี้ให้พี่ๆฟังพี่ๆทุกคนไม่โอเค แล้วพ่อเราก็บอกไปว่า ทำไมไม่เปิดใจน้องคนนั้นก็เป็นน้องของพี่ๆนะ พี่ๆเราไม่ตอบไม่สนใจ พ่อบอกต่อว่าดูอย่างเราสิ เรายังไม่ว่าอะไรเลย เพราะว่าเราเป็นคนใจดี ให้พี่ๆเปิดใจแล้วใจดีกับน้องคนนั้นเหมือนเราหน่อยสิ
คำถามในใจ เราใจดีงั้นหรอ แน่ใจหรอ เราโอเคงั้นหรอ ทำไมถึงกล้าพูดความรู้สึกของเราทั้งๆที่เราไม่เคยพูดว่าเราโอเคเลยสักครั้ง เราทำเป็นไม่พูดอะไรเพราะไม่อยากให้ใครเสียใจแต่ไม่ใช้เราไม่อสียใจสักหน่อยเราไม่ได้เป็นพ่อพระหรือคนใจดีเลยสักนิดนะ ทำไมละทำไม...
(พี่ๆเราเข้ามหาลัยหมดแล้ว)(วันนี้เป็นวันหยุดพี่เลยกลับมาหาครอบครัวนะ)
หลังจากนั้นเวลาเราไปกินข้าวกับพ่อพ่อก็เอาน้องคนนั้นไปด้วย เราก็ไม่ได้พูดอะไร
เวลาก็ผ่านไปเหมือนเดิม วันนี้พี่ๆกลับมาแล้วไปกินข้าวกับพ่อ เราก็ไปด้วยเหมือนกัน แต่เชื่อไหมตำแหน่งของเรานะไม่ใช่เดินไปกับคนอื่นๆนะ พี่ๆกับพ่อนะเดินด้วยกันอย่างมีความสุข เรานะหรอ อยู่ข้างหลังสุดเลย เราเดินช้าลง ช้าลง ช้าลง ช้าลง เลื่อยๆ เลื่อยๆ เลื่อยๆ... จนห่างกันเป็นเมตรได้เลยแหละ หึหึ
หรือเพราะเราเป็นคนเข้ากับคนไม่เก่งกันนะ
ทำไมถึงเป็นแบบนี้ละ
แล้วเป็นแบบนี้มันดีไหมนะ
หรือเพราะเราเป็นผู้ชายคนเดียวในบ้านกันนะ
หึหึ หึหึ หึหึ หึ..................
มันออกแนวนิยายไหมครับ
หวังว่ามันคงไม่ออกแนวนิยายไปนะครับ
สำหรับคนที่อ่านมาถึงตรงนี้ขอบอกเลยว่าขยัยอ่านมากนะครับ5555 นี้แหละครับปัญหาของผม มีใครเป็นแบบผมบ้างไหมครับ ช่วิตผมก็ออกแนวเศร้าๆหน่อยครับ แต่ก็มีความสุขนะครับไม่ใช่ไม่มีเลย แต่เวลาที่มีขอเก็บไว้ดีกว่านะครับ5555