7 วิธี เป็นหนี้ก็มีความสุขได้ ถ้าทำตามนี้
.
.
“ถ้าคุณสามารถแยกแยะปัญหาหนี้ออกจากการใช้ชีวิต และสามารถบริหารหนี้ให้เป็นระบบได้ การเป็นหนี้จะไม่ใช่ตัวทำลายทุกอย่างของชีวิต”
หากจะถามว่าอยากเป็นหนี้ไหม ? เป็นคุณหรือทุกคนก็คงจะตอบเหมือนกันว่า ไม่อยากแน่นอน !!
การเป็นหนี้ เชื่อว่าไม่มีใครอยากจะเป็นหนี้กันหรอกจริงไหม แต่ว่าบางครั้งมันก็เกิดเหตุการณ์ที่จำเป็นในชีวิตที่ทำให้เรานั้น
สามารถเป็นหนี้ได้โดยที่ไม่ได้ตั้งใจ ไม่ว่าจะเป็น หนี้รถ หนี้บ้าน หนี้บัตรเครดิต และหนี้อื่น ๆ มักจะทำให้เกิดความกังวล
ความเครียด แล้วจะต้องทำยังไงถึงจะสามารถที่จะอยู่กับการเป็นหนี้ได้อย่างมีความสุขและสบายใจ โดยจิตไม่ตก
ทีนี้ลองมาดู 7 วิธีที่คุณจะสามารถมีความสุขได้ขณะที่เป็นหนี้ มีอะไรบ้าง
1.แยกแยะเรื่องหนี้กับครอบครัวให้ออก หากคุณเป็นคนที่มีครอบครัวอยู่แล้ว ฟังทางนี้ เพราะเรื่องนี้สำคัญมาก ๆ ถึงแม้ว่าคุณอาจจะตกอยู่ในฐานะมีหนี้สินรุมเร้า ควรคิดคำนวณเกี่ยวกับวิธีการแก้ไขปัญหาหนี้ เมื่อกลับมาบ้าน ไม่ควรนำอารมณ์ความเครียดจากหนี้มาพาลคนในครอบครัว เพราะการใช้อารมณ์จะก่อให้เกิดความไม่เข้าใจกันในครอบครัว ทำให้เกิดความรู้สึกแตกแยก หากคุณแสดงความเครียด สมาชิกคนอื่น ๆ ในครอบครัวก็จะเครียดตามไปด้วย ดังนั้นเพื่อการกระชับความสัมพันธ์ของครอบครัวให้แน่นแฟ้น ปรองดอง คือ ต้องแยกแยะปัญหาหนี้สินออกจากครอบครัว
2.อย่าสร้างหนี้มากเกินตัว การมีหนี้นั้นไม่ควรที่จะมีมากกว่า 1 ใน 3 ของรายได้ต่อเดือน สัดส่วนนี้คือสัดส่วนที่จะทำให้เป็นหนี้แต่ยังมีความสุขได้ เพราะมีเงินเหลืออีก 2 ส่วนจากรายได้ต่อเดือนเพื่อใช้ดำรงชีวิต สาเหตุที่ทำให้คนส่วนใหญ่มีหนี้เกินตัว เพราะใช้จ่ายโดยไม่คำนึงถึงรายได้ ไม่มีแผนสำรองเผื่อเรื่องฉุกเฉิน อยู่กับปัจจุบันมากเกินโดยที่ไม่คิดถึงอนาคต อย่างนี้คือลักษณะนิสัยของคนที่มักจะสร้างหนี้เกินตัว
3.ควบคุมอารมณ์ตัวเองให้ได้ บางคนที่เป็นหนี้เยอะ ๆ อาจจะเกิดอาการโมโหร้ายจากความเครียดได้ เมื่อกลับมาบ้านอย่าเอาอารมณ์นี้ มาลงกับคนในครอบครัว เพราะหากปล่อยไว้อย่างนี้ต่อไป เรื่อย ๆ นานเข้า ครอบครัวอาจจะเกิดปัญหาด้านความสัมพันธ์ได้ ดังนั้นควรควบคุมอารมณ์ของตัวเองให้ดี หากหงุดหงิดมาก ๆ อาจจะหาวิธีการระบายด้วย การไปออกกำลังกาย หรือการฟังเพลง เป็นต้น เพื่อให้อารมณ์เหล่านั้นหมดไป และไม่สร้างความเดือดร้อนให้กับคนในครอบครัว
4.มีความละเอียดรอบคอบ ในการขอกู้หนี้ยืมสินจะต้องมีการทำสัญญา มีหลายคนที่ละเลย ไม่ได้ใส่ใจในส่วนของรายละเอียดเงื่อนไขและข้อกำหนดต่าง ๆในการทำสัญญาทำให้หลังจากทำการเซ็นสัญญาไปแล้วเกิดปัญหาขึ้นมากมายและเกิดการเสียเปรียบตามมาได้ เพื่อไม่ให้เกิดปัญหานี้ ทุกครั้งก่อนที่จะทำการเซ็นสัญญาควรที่จะอ่านให้ละเอียดรอบคอบไม่เข้าใจให้ถามชัดเจนที่สุด และอีกเรื่องที่สำคัญไม่แพ้กัน คือหลักฐานสัญญาต่าง ๆ เก็บเอาไว้ให้ดี เพื่อที่จะสามารถใช้ในการตรวจสอบได้ในภายหลังหากเกิดปัญหาขึ้น
5.อย่าเป็นเหยื่อหนี้นอกระบบ ถ้าเป็นหนี้ในระบบอยู่แล้ว อย่าได้คิดถึงหนี้นอกระบบเด็ดขาดเพราะขนาดในระบบคุณยังจัดการไม่ได้คุณไม่มีทางที่จะจัดการหนี้นอกระบบได้อย่างแน่นอน เพราะไม่ว่าจะเป็นในเรื่องของอัตราดอกเบี้ยที่สูงกว่าหนี้ในระบบหลายเท่า แถมด้วยวิธีการทวงหนี้ที่แย่ ๆ แตกต่างจากเจ้าหน้าที่ธนาคารที่มีกฎหมายและกฎระเบียบรองรับอยู่แล้ว มีความน่าเชื่อถือกว่านั่นเอง
6.หาความรู้เรื่องการเงินให้มากขึ้น คนที่มีความรู้นั้นย่อมดีกว่าคนที่ไม่มีความรู้ไม่ว่าจะเรื่องอะไรก็ตาม และยิ่งถ้าเรามีความรู้เรื่องการเงินมาก ๆ แล้วแน่นอนว่าจะต้องเป็นเรื่องง่ายที่จะจัดการการเงินของตัวเองและปัญหาหนี้สินได้อย่างง่าย คุณอาจจะ หาความรู้จาก Google โซเชียลมีเดีย ต่าง ๆ เพิ่มเติม หรือถ้าชอบอ่านหนังสือ สมัยนี้ก็มีหลากหลายแนวคิดให้ได้เรียนรู้จากผู้ที่ประสบความสำเร็จทางด้านการเงินอยู่มาก
7.ไม่เอาหนี้สินที่มีมาฉุดรั้งความเจริญก้าวหน้าในชีวิต ระหว่างเป็นหนี้ หากอยากทำธุรกิจอะไรเพิ่มเติม เมื่อคิดไตร่ตรองดีแล้วก็สามารถทำได้เลย เพราะถ้าหากมัวแต่กังวลกับภาระหนี้ที่มีอยู่ก็จะฉุดรั้งความคิดที่จะขยับขยายเรื่องความเจริญก้าวหน้าของตัวเอง ทำให้ตกอยู่ในวังวนเดิม ๆ ไม่เขยิบไปไหนสักที ฉะนั้นคิดอยากจะทำอะไรในทางที่ดี เพื่อเพิ่มรายได้ หรือต่อยอดเม็ดเงินของคุณให้งอกเงย ก็จงทำอย่างรอบคอบ
การจัดการระบบหนี้ที่ดี ไม่ควรนำเอาอารมณ์เครียดจากการเป็นหนี้มาสร้างความทุกข์ใจให้กับปัญหาครอบครัว
ถ้าคุณสามารถแยกแยะระหว่างหนี้สินกับครอบครัวให้เป็น และมีการจัดการระบบที่ดีแล้ว ก็สามารถอยู่ร่วม กับหนี้ได้อย่างมีความสุข ไร้ความกังวล
วรัทภพ รชตนามวงษ์
7 วิธี เป็นหนี้ก็มีความสุขได้ ถ้าทำตามนี้
1.แยกแยะเรื่องหนี้กับครอบครัวให้ออก หากคุณเป็นคนที่มีครอบครัวอยู่แล้ว ฟังทางนี้ เพราะเรื่องนี้สำคัญมาก ๆ ถึงแม้ว่าคุณอาจจะตกอยู่ในฐานะมีหนี้สินรุมเร้า ควรคิดคำนวณเกี่ยวกับวิธีการแก้ไขปัญหาหนี้ เมื่อกลับมาบ้าน ไม่ควรนำอารมณ์ความเครียดจากหนี้มาพาลคนในครอบครัว เพราะการใช้อารมณ์จะก่อให้เกิดความไม่เข้าใจกันในครอบครัว ทำให้เกิดความรู้สึกแตกแยก หากคุณแสดงความเครียด สมาชิกคนอื่น ๆ ในครอบครัวก็จะเครียดตามไปด้วย ดังนั้นเพื่อการกระชับความสัมพันธ์ของครอบครัวให้แน่นแฟ้น ปรองดอง คือ ต้องแยกแยะปัญหาหนี้สินออกจากครอบครัว
2.อย่าสร้างหนี้มากเกินตัว การมีหนี้นั้นไม่ควรที่จะมีมากกว่า 1 ใน 3 ของรายได้ต่อเดือน สัดส่วนนี้คือสัดส่วนที่จะทำให้เป็นหนี้แต่ยังมีความสุขได้ เพราะมีเงินเหลืออีก 2 ส่วนจากรายได้ต่อเดือนเพื่อใช้ดำรงชีวิต สาเหตุที่ทำให้คนส่วนใหญ่มีหนี้เกินตัว เพราะใช้จ่ายโดยไม่คำนึงถึงรายได้ ไม่มีแผนสำรองเผื่อเรื่องฉุกเฉิน อยู่กับปัจจุบันมากเกินโดยที่ไม่คิดถึงอนาคต อย่างนี้คือลักษณะนิสัยของคนที่มักจะสร้างหนี้เกินตัว
4.มีความละเอียดรอบคอบ ในการขอกู้หนี้ยืมสินจะต้องมีการทำสัญญา มีหลายคนที่ละเลย ไม่ได้ใส่ใจในส่วนของรายละเอียดเงื่อนไขและข้อกำหนดต่าง ๆในการทำสัญญาทำให้หลังจากทำการเซ็นสัญญาไปแล้วเกิดปัญหาขึ้นมากมายและเกิดการเสียเปรียบตามมาได้ เพื่อไม่ให้เกิดปัญหานี้ ทุกครั้งก่อนที่จะทำการเซ็นสัญญาควรที่จะอ่านให้ละเอียดรอบคอบไม่เข้าใจให้ถามชัดเจนที่สุด และอีกเรื่องที่สำคัญไม่แพ้กัน คือหลักฐานสัญญาต่าง ๆ เก็บเอาไว้ให้ดี เพื่อที่จะสามารถใช้ในการตรวจสอบได้ในภายหลังหากเกิดปัญหาขึ้น
5.อย่าเป็นเหยื่อหนี้นอกระบบ ถ้าเป็นหนี้ในระบบอยู่แล้ว อย่าได้คิดถึงหนี้นอกระบบเด็ดขาดเพราะขนาดในระบบคุณยังจัดการไม่ได้คุณไม่มีทางที่จะจัดการหนี้นอกระบบได้อย่างแน่นอน เพราะไม่ว่าจะเป็นในเรื่องของอัตราดอกเบี้ยที่สูงกว่าหนี้ในระบบหลายเท่า แถมด้วยวิธีการทวงหนี้ที่แย่ ๆ แตกต่างจากเจ้าหน้าที่ธนาคารที่มีกฎหมายและกฎระเบียบรองรับอยู่แล้ว มีความน่าเชื่อถือกว่านั่นเอง
7.ไม่เอาหนี้สินที่มีมาฉุดรั้งความเจริญก้าวหน้าในชีวิต ระหว่างเป็นหนี้ หากอยากทำธุรกิจอะไรเพิ่มเติม เมื่อคิดไตร่ตรองดีแล้วก็สามารถทำได้เลย เพราะถ้าหากมัวแต่กังวลกับภาระหนี้ที่มีอยู่ก็จะฉุดรั้งความคิดที่จะขยับขยายเรื่องความเจริญก้าวหน้าของตัวเอง ทำให้ตกอยู่ในวังวนเดิม ๆ ไม่เขยิบไปไหนสักที ฉะนั้นคิดอยากจะทำอะไรในทางที่ดี เพื่อเพิ่มรายได้ หรือต่อยอดเม็ดเงินของคุณให้งอกเงย ก็จงทำอย่างรอบคอบ