เอาเรื่องที่เจอมาระบายค่ะ (ปัญหาครอบครัว)

สวัสดีค่ะ 

สืบเนื่องจากกระทูเก่า กระทู้นี้นะคะ 

https://pantip.com/topic/40388445

วันนี้เราเองมีเรื่องมาอัพเดตเพิ่มเติม จึงขอตั้งกระทู้ใหม่ 

อ่านเป็นนิทานสนุกๆไปนะคะ เราแค่ถือว่าเราได้มาระบาย  ขอบคุณที่เข้ามาอ่านนะคะ
.....................................................................................................................................................................................................................

เจ้าของกระทู้เองนะคะ 
หลังจากผ่านพ้นเหตุการณ์มาหลายๆ อย่าง วันนี้เราขออนุญาตมาอัพเดตเรื่องราว ถือว่า เป็นการระบายก็แล้วกันนะคะ
 
สถานการณ์เรื่องครอบครัวเรากับทางสามียังไม่คลี่คลายเลยค่ะ ก็มีเรื่องใหม่เกิดขึ้น เข้าสำนวนที่ว่า “ความวัวยังไม่ทันหาย ความควายเข้ามาแทรก”
เรื่องของเรื่องที่เราไม่ได้เล่าตั้งแต่ต้นเรื่อง คือ สามีเรา เขาเคยผ่านการแต่งงาน และมีลูกมาแล้ว และเลิกกับทางฝั่งภรรยาเก่าแล้ว ก่อนมาพบกับเรา เนื่องจากภรรยาเขานอกใจ ส่วนลูกก็ไม่ได้เจอเลย เพราะไปอยู่กับภรรยาเก่า
 
ความควายที่เข้ามาแทรก ที่ว่านี้ ก็คือ “ภรรยาเก่าเขา พาลูกกลับมา” โดย ผู้หญิงพาลูกมานอนที่บ้านย่า(แม่ของสามี) แล้วพี่ชายสามีก็โทรตามสามีเราให้ไปนอนเป็นเพื่อนแม่ พอสามีบอกเราเสร็จ ก็ออกไปนอนบ้านแม่ อีกสักพัก เขาโทรหาเรา พร้อมบอกว่า เขามีเรื่องต้องบอกเรา คือ “ลูกเขามา ตอนนี้เด็กนอนอยู่กับย่า” เราก็โมโห โวยวาย ให้เข้ากลับมานอนที่บ้านกับเรา  เขาก็ไม่ฟัง ขอนอนกับลูก และอธิบายว่าไม่ได้อะไรๆกับภรรยาเก่าแล้ว
 
เขามาอธิบายว่า ที่ภรรยาเก่ากลับมา คือ จะมีธุระเรื่องเรียนต่อ ทำให้ เสาร์-อาทิตย์จะไม่ว่างดูลูก จึงจะนำลูกมาฝากให้เลี้ยง โดยจะมาส่งวันศุกร์ แล้ววันอาทิตย์มารับ แต่ก่อนหน้านั้น ต้องทำให้เด็กคุ้นเคยกับพ่อก่อน โดยการพามาพบมาเจอ มาอยู่ด้วย เพราะเด็กไม่รู้จักพ่อ จำพ่อไม่ได้ ถ้าปล่อยเด็กไว้เพียงลำพังเด็กไม่เอาใครเลย แม่เลยต้องอยู่ด้วย  คืนนั้น เขาเล่าว่านอนด้วยกันในห้องเดียว มี ย่า หลาน แม่เด็ก นอนบนเตียง สามีเราปูผ้านอนบนพื้นข้างเตียง ติดฝั่งย่า

ด้วยการที่บ้านย่านั้นเป็นร้านขายของในตลาด คนแถวนั้นเห็นลูกเมียเขากลับมา ก็เข้าใจว่ากลับมาคืนดีกัน ทำให้เป็นที่พูดถึงของคนในตลาด เพราะคนในตลาดเห็นว่าเขามีเราแล้ว แล้วอยู่ดีๆก็มีผู้หญิงคนเก่ากลับมาพร้อมลูก จึงเป็น Topic ที่ฮือฮากันในตลาด แต่สิ่งที่เขาทำคือ ห้ามเราไปร้าน และให้เรากลับไปอยู่บ้านเรา เขาให้เหตุผลว่า ไม่อยากให้เราเจอผู้หญิงคนนั้น เพราะผู้หญิงคนนั้นเป็นคนแรง เราสู้ผู้หญิงคนนั้นไม่ไหวแน่นอน ขนาดเขาเอง ยังโดนนอกใจ โดนโกหกมาสารพัดเลย เราก็ฟังเขานะ พยายามไว้ใจเขาให้ถึงที่สุด พยายามเข้มแข็ง อดทนให้ถึงที่สุด จะว่าโง่ก็ได้ เราไม่ไปบ้านแม่สามีอีกเลย
แม่สามีเองก็ไม่ได้ทำอะไร อาจจะเพราะไม่ได้ชอบเรา ไม่ได้จะเอาหลานในท้องเราอยู่แล้วด้วย เลยปล่อยทุกอย่างแบบเลยตามเลย  
 
เป็นเวลากว่า 3 สัปดาห์ติดกัน ที่ ลูกและภรรยาเก่าเขากลับมา ในวันหยุด คาบเกี่ยววันปีใหม่ เป็น 3 สัปดาห์ที่แม่ท้องอย่างเราทนทุกข์ ทรมาน ทานอะไรไม่ได้ ไม่มีสมาธิทำงาน เราสองคนทะเลาะกันเรื่อยๆ เกือบทุกวัน เขาโมโห ไล่เราออกจากบ้านเขา พอใจเย็นก็มาบอกให้อยู่บ้าน เป็นอย่างนี้นับครั้งไม่ถ้วน เราทนเก็บเรื่องพวกนี้ไว้ในใจ โดยไม่ได้บอก ไม่ได้ปรึกษาใคร เพราะคิดว่า สามีเรา จะคิดได้ จะเข้าใจเรา และจะทำทุกอย่างให้ชัดเจนเพื่อเราบ้าง ส่วนลูกและภรรยาเก่าเขามาเฉพาะวันศุกร์-วันอาทิตย์ ซึ่งเขาจะไปนอนกันที่บ้านแม่เขา ส่วนวันอื่น ๆ ก็นอนบ้านกับเราบ้าง บางวันก็ไปนอนกับแม่เขา แต่ลึก ๆ คนใกล้ตัวอย่างเรา รับรู้ได้ ว่าเขาเฝ้ารอจะเจอลูกมากขนาดไหน ท่าทีที่เขามีให้เราเปลี่ยนไปอย่างไร เราเองรับรู้ได้ แต่ก็ยังอดทน คิดแต่ว่า ถ้าลูกออกมา หวังว่าพ่อเขาจะรักเขาบ้าง 

เรามีนัดกับหมอที่ฝากครรภ์ ต้องมีการตรวจเลือดคุณพ่อ แล้วเราขอให้เขามาตรวจเลือดเพื่อดูความผิดปกของลูก แต่เขาไม่ยอมไป เราสองคนจึงทะเลาะกัน  เขาโทรมาตอนที่เราทำงานอยู่ เขาหลุดปากพูดออกมาอีกแล้วว่าให้เราเก็บของออกจากบ้านเข้าไป 

เย็นวันนั้น เราเก็บของออกจากบ้านเขา โดยให้เพื่อนมารับ และไปอาศัยอยู่ที่บ้านเพื่อน โดยไม่ได้บอกครอบครัวเรา ส่วนเขา วันนั้นเขาไปนอนบ้านแม่เขา เราได้แต่ไลน์บอกเขาว่าเก็บของออกมาหมดแล้ว เก็บผ้า พับผ้า เก็บกวาดบ้านให้เรียบร้อยแล้ว เขาไลน์มาบอกแค่ว่า ให้อยู่บ้าน อาบน้ำนอน แต่เราเองที่ไม่กลับไป เพราะเราเองไม่รู้ว่า กลับไปแล้ว เราต้องโดนไล่ออกอีกกี่ครั้ง

เช้าวันรุ่งขึ้น เรามีเลือดไหลออกจาช่องคลอด เพื่อนรีบพาไปโรงพยาบาล คุณหมอวินิจฉัยว่า “เรามีภาวะแท้งคุกคาม” คุณหมอสั่งแอดมิดที่โรงพยาบาล เราไม่ได้บอกครอบครัว เราบอกเพียงแต่ สามีเรา เรานอนโรงพยาบาล 3 คืน 4 วัน เพื่อนเรามานอนเฝ้าคืนแรก เราอยู่ โรงพยาบาลเพียงคนเดียว รอสามีมาหา มาเยี่ยม แต่ผลสุดท้าย เขาก็ไม่มา เขาให้เหตุผลว่า เป็นห่วงมาก อยากมาใจจะขาด แต่ไม่อยากเจอครอบครัวเรา เราก็อธิบายกับเขาว่า เราไม่ได้บอกครอบครัวเรา แต่เขาก็ไม่เชื่อ บอกว่าเราโกหก ไม่เชื่อใจ และกลัวว่าเราจะหลอกให้เขาออกมาเพื่อทำร้ายร่างกายเขา (เราก็แบบ หลอนอะไรของเขาเนี่ย..คิดถึงขั้นนั้นไปได้ยังไง) แต่ก็ยังไลน์มา แสดงความเป็นห่วงอยู่เรื่อยๆ โทรหา วีดิโอคอลหาเรื่อยๆ แต่ตัวไม่มา

วันออกจากโรงพยาบาล เขาบอกว่าจะมารับ แต่เรารอจนเที่ยง เขาก็ไม่มา ไม่อ่านไลน์ เราเลยให้เพื่อนมารับ และไปนอนที่บ้านเช่าที่แถวบ้านเพื่อนเนื่องจากเกรงใจที่เพื่อนเราเองก็มีครอบครัว 
 
จากที่เราไปอยู่บ้านพักคนเดียว จนวันนี้ ก็ประมาณ 3 สัปดาห์ ก่อนหน้านี้สามีก็มีถามมาว่า เธออยู่ตรงไหน เป็นอย่างไร ไปหาได้ไหม แต่สุดท้ายเขาก็ไม่มา เขาไลน์มาบ้าง หายไปบ้าง ไปๆมาๆ อ่านไลน์เราบ้าง บางครั้งก็หายไป 2 – 3 วัน เราพยายามเข็มแข็งเพื่อลูกในท้อง แต่พอเราอยู่คนเดียว เช่น ขับรถไปทำงาน หรือขับรถกลับห้องพัก หรืออยู่ในห้องคนเดียว เราร้องไห้ตลอดเวลา
 
แล้วเขาก็หายไป ล่าสุดวันอาทิตย์ที่ 31 มกราคม 2564 ตรวจสอบแล้วพบว่า “เราโดนเขาบล็อกไลน์”

จนเมื่อวันที่ 2 กุมภาพันธ์ 2564 เราส่งข้อความหาเขา เนื่องจากเราทนไม่ไหว เราบอกว่า ให้เขาทำอะไรให้ชัดเจน ไม่ใช่มาๆหายๆแบบนี้ จะทิ้งก็ทิ้ง มาบอกตรง ๆ ไม่ใช่มาบอกว่า เหงา ว่าเป็นห่วง มาบอกเราว่า มีอะไรโทรมาได้ตลอด 24 ชั่วโมง นอนไม่หลับให้โทรมา มาบอกลูกฝันดี มาถามลูกเป็นยังไง มาถามเธอเป็นยังไง ทานอะไรหรือยัง แต่ไม่ทำอะไรให้ชัดเจนเลย
 
เขาโทรกลับมาด้วยน้ำเสียงที่โมโหมาก ๆ ว่า มันทำไม มันจะเป็นจะตายหรือ มันอยู่สงบๆไม่ได้หรือ เราเลยถามเขาตรง ๆ ว่าเขาจะเอายังไง เขาตอบว่า “เธอไม่ใช่คนโง่นะ อำเภอก็ไปกันมาแล้ว เซ็นเอกสารหย่าก็เซ็นมาแล้วพยานก็มี” เราเลยร้องไห้ ถามเขาอีกครั้งว่า หมายความว่ายังไง เขาเลยพูดออกมาว่า...ไม่รักแล้ว....ทิ้งแล้ว...ไม่เอาแล้ว

เป็นคำที่บาดหัวใจเรามากเลย เราเลยบอกเขาว่า ขอบคุณที่บอกกันตรง ๆ แล้วเราก็วางสายไป 
 
คืนนั้นเขาก็โทรมาอีก ...... แต่เราไม่ได้รับ

รุ่งขึ้นเรามาทำงานตามปกติ ช่วงสายๆ เขาโทรมา เรารับสาย ฟังเฉยๆ ทั้งหมดทั้งมวลของคำพูดเขาคือ พ่อแม่เราไม่ดีอย่างนั้นอย่างนี้ ไม่มีเลยสักนิดที่จะโทษตัวเอง ไม่มีสักนิดที่จะนึกถึงความรู้สึกเรา ไม่มีแม้แต่คำขอโทษที่เคยทำร้ายจิตใจเรา เราได้แต่ร้องไห้ เราทนเงียบไม่ไหวเลยตอบไปว่า ....”อยากเลิกก็ยอมเลิกแล้ว แล้วจะมาเอาอะไรจากเราอีก” พอเขาได้ยินเราเสียงดัง เขาก็วางสายไป 

และเราก็ไม่ได้ติดต่อเขาอีก รวมถึงพยายามห้ามตัวเองไม่ให้ติดต่อเขาด้วย ส่วนเขาไม่มีทางติดต่อเราแน่นอนอยู่แล้ว
 
จบค่ะ นิยายสนุกไหม ... ถ้ามันเป็นแค่นิยายก็ดีสิคะ  เราเองก็ไม่นึกไม่ฝันว่า ชีวิตเราเกิดมา 30 ปี ทำไมต้องมาเผชิญกับเรื่องราวเยอะแยะยุ่งเหยิงอะไรขนาดนี้
 
สิ่งที่ทำได้ตอนนี้คือ ตัดใจ คิดถึงลูกให้มาก ๆ ส่วนทางพ่อแม่เรานั้น ที่เราไม่พูดถึงเพราะ เขารู้แล้วว่า เราออกจากบ้านนั้นแล้ว และเขาก็ยื่นคำขาดกับเรามาว่า ถ้าเด็กไม่มีพ่อ ถ้าไม่มีงานแต่ง ก็ให้ไปเอาออก ... เรารู้ว่าลึกๆแล้วพ่อแม่เราไม่ได้ใจร้ายแบบนั้น แต่เราแค่ยังไม่พร้อมกลับบ้านค่ะ ขออยู่กับตัวเองให้สบายใจ หรือจนกว่าท้องจะโตจนช่วยเหลือตัวเองไม่ได้นู่นแหละค่ะ ขออยู่แบบสงบ ๆ สักพัก เราเองมีงานทำที่มั่งคง มีเงินเดือนแน่นอน ก็คิดว่าอนาคต เลี้ยงลูกเองได้โดยไม่ต้องพึ่งพาพ่อเขา 
ก็คิดว่าในใบเกิดก็อาจจะไม่ใส่ชื่อพ่อค่ะ แล้วก็คงให้ลูกใช้นามสกุลเรา ส่วนพ่อเขา เราก็ไม่ได้รอให้กลับมา เพราะเราวางแผนอนาคตแบบไม่มีเขาไว้แล้ว แต่ถ้าเขาจะมาก็ต้องมาแบบชัดเจน จดทะเบียนสมรส มาคุยกันแบบมีคนกลางเป็นพยาน แต่ถ้ากลับมาแบบลมๆแล้งๆ เหมือนที่ผ่านมา ก็ไม่ต้องมาแล้วค่ะ 
 
ทุกวันนี้มีลูกเป็นกำลังใจ เป็นห่วงเขามากเพราะเคยเกือบแท้งมาแล้ว ก็พยายามดูแลตัวเอง และรักษาสภาพจิตใจให้ดีที่สุด ไปซื้อหนังสือเลี้ยงลูกมาอ่าน คนแถวห้องพักก็ดีค่ะ เห็นเราท้อง และอยู่คนเดียว เขาก็ชวนเราไปทานข้าวกับเขา จนตอนนี้เราผูกปิ่นโตกับเขาแล้ว เราเรียกเขาว่าพ่อกับแม่ พ่อกับแม่จะเน้น ข้าวกล้อง ไข่ต้ม ผักเยอะๆ ค่ะ เขาบอกว่าแม่ท้องต้องทานไข่ต้มเยอะๆ เราก็ช่วยเขาซื้อวัตถุดิบและอาสาล้างจานค่ะ ตอนนี้ก็สบายใจดี มีบางช่วงอย่างที่บอก เวลาอยู่คนเดียวก็มีน้ำตาไหลบ้างค่ะ แต่ก็พยายามฮึดให้สุดๆ เพื่อลูกในท้องค่ะ
 
ขอบคุณทุก ๆ ท่านที่เข้ามาอ่าน ค่ะ
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่