เครดิตรูปภาพ
https://siamrath.co.th/n/117042
𝓛𝓸𝓿𝓮 ความรัก
ใต้ร่มไม้ซุ้มต้นเฟื่องฟ้าที่ใช้ปลูกมาเพื่อเป็นร่มให้โต๊ะม้าหินอ่อน
ข้างอาคารในมหาวิทยาลัยแห่งหนึ่ง
นักศึกษาชายสองคนนั่งอยู่กับนักศึกษาสาวหนึ่งคน
กำลังทำงานกลุ่มในปีสุดท้ายของการศึกษา
หากแต่ถ้าดูลักษณะท่าทางก็พอจะรู้ว่าปฏิสัมพันธ์
ระหว่างทั้งสามเป็นอย่างไร
สุริยา นั่งฝั่งเดียวกับ จันทรา
ส่วนฝั่งตรงข้าม
ก็คือเมฆา ที่นั่งก้มหน้าดูงานที่โต๊ะ
ส่วนทั้งสองนั่งอยู่ตรงข้ามกำลังหยอกล้อกันอยู่ตามประสาคู่รักในคณะและสาขาเดียวกัน
ทั้งสามคนเหลือโปรเจกต์ชิ้นสุดท้ายที่ต้องส่ง
เพื่อจะได้สำเร็จการศึกษาในเทอมสุดท้ายของปีการศึกษานี้
“ตกลงจะแบ่งกันไปทำส่วนไหนกันบ้าง ?” เสียงจากเมฆา หรือ เมฆ
พูดขึ้นเพื่อพยายามเรียกความสนใจ
ทั้งคู่หยุดหยอกกันแล้วหันมาบอกด้วยสีหน้ากำลังมีความสุขว่า
“งานฐานรากกับส่วนตัวอาคาร เรากับจันทร์ จะไปทำเอง เป็นสองส่วนที่ต้องคำนวณร่วมกันอยู่แล้ว” สุริยาเอ่ยมา
ขณะที่กำลังเล่นกับแฟนสาวที่ทำหน้างอเพราะโดนหยอกแรงไปหน่อย
“ได้ งั้นส่วนโครงหลังคาซึ่งเป็นงานออกแบบส่วนแรกที่จะถ่ายน้ำหนักลงมาที่ด้านล่าง
เราจะรีบไปทำมาให้เสร็จไม่เกินวันมะรืน
เสร็จแล้วจะเอาค่าน้ำหนักมาให้ออกแบบ เสา ผนัง และฐานราก
เผื่อจะได้มีเวลาเหลือมากหน่อย”
รีบพูดตัดบทด้วยเป็นคนเอาจริงเอาจังกับงาน
เจ้าของเสียงชายหนุ่มหน้าตาคม
ผิวเข้มตามแบบนักศึกษาที่มีพื้นฐานชีวิตมาจากความยากลำบากในวัยเด็ก
ตั้งใจเรียนจนผลักดันตัวเองให้ได้ทุนมาเรียนในมหาวิทยาลัยแห่งนี้
หน้าตาท่าทางก็ไม่เชิงว่าจะไม่น่าดู
ตามลักษณะออกจะไปทางหน้าตาคมเข้มดีเสียด้วยซ้ำไป
แต่เป็นเพราะท่าทางเคร่งขรึมจริงจัง
เลยยังไม่มีใครกล้าเข้ามาให้ความสนใจนักศึกษาคณะวิศวกรรมโยธาปีสุดท้าย
ที่ผลการเรียนจัดได้ว่าอยู่ในระดับต้นๆของสาขาคนนี้
แม้จะเป็นคณะยอดนิยมของสาวๆในมหาวิทยาลัยมากกว่าสาขาอื่นก็ตาม
“งั้นอีกสองวันเราเอาค่าน้ำหนักที่เลือกวัสดุที่ใช้ตามแบบคือเมทัลชีท
รวมทั้งประมาณค่าแรงและค่าวัสดุในการก่อสร้างส่วนโครงหลังคาอาคารทั้งหมด
มาให้ที่คณะนะ ที่เหลือนายกับจันทร์ก็ไปจัดการต่อ
แล้วเอางานมารวมตรวจทานกันอีกที
จะได้ส่งไม่เกินอาทิตย์หน้าก่อนสอบปลายภาค” เมฆสรุป
“ได้ๆ เอาตามนั้น” หนุ่มสุริยา หน้าตาดีผิวขาวด้วยเป็นลูกคนที่มีฐานะ
มีความพร้อมทุกด้านกว่านักศึกษาคนอื่นๆ นั่งอยู่กับสาวหน้าตาสวย
แต่อยากมาเรียนในสายวิศวกรรมเพราะนิสัยส่วนตัวออกจะเป็นสาวลุยๆ
จันทราหรือ จันทร์ เป็นนักศึกษาสาวเพียงไม่กี่คนในคณะ ที่มาเรียนสายงานก่อสร้าง
เนื่องด้วยธุรกิจทางบ้านเป็นเครือข่ายร้านขายวัสดุระดับภาค
หวังจะไปใช้ความรู้กลับไปช่วยกิจการทางบ้านเมื่อเรียนจบ
ด้วยความน่ารักสดใส จนได้รับเลือกเป็นดาวสาขา
สุดท้ายก็ได้สุริยาที่มีความเพียบพร้อมมาเป็นแฟน
เหมือนสำนวนของไทยเมื่อเทียบสิ่งที่เหมะสมกันว่า
สุริยันย่อมอยู่คู่ควรกับจันทราก็เป็นได้
คุยเสร็จก็ลุกเก็บแบบอาคารที่เป็นโปรเจกต์สุดท้ายม้วนใส่กระบอกใส่เอกสาร ลุกเดินออกไป
สุริยาเอ่ยขึ้นลอยๆตามหลังว่า “จริงจังตลอด ไม่เคยเปลี่ยนเลยเมฆเนี่ย
ทำตัวแบบนี้สาวๆคนไหนมาจีบก็หงายหลังกลับไปทุกราย”
พูดด้วยความคิดเป็นห่วงเพื่อนด้วยสุจริตใจ
ยังไงก็เรียนกันมาตั้งสี่ปี ออกไปฝึกงานภาคสนามก็ไปด้วยกัน
เป็นคนเอาจริงเอาจังกับชีวิตเพราะภูมิหลังไม่ได้สบายเหมือนตัวเอง
ตัวสุริยาเองเกิดมาไม่ต้องดิ้นรนมากนัก แต่เขาเองก็ไม่เคยดูถูกเพื่อนเลยแม้แต่สักครั้ง
อะไรที่พอจะช่วยได้ไม่ว่าจะเป็นค่าอุปกรณ์หรือค่าเดินทางไปฝึกงานเขาก็ได้ช่วยเหลือตลอด
จนใกล้จะจบในไม่กี่เดือนนี้
ว่าไปก็เหมือนเป็นการช่วยเหลือตัวเองไปในตัวด้วย
เพราะเขาเป็นลูกคนมีฐานะ ติดความสบาย
ก็ได้เพื่อนคนนี้ช่วยติวและทำงานด้วยกันหลายชิ้นจนผ่านมาได้
เพราะความขยันของ เมฆ นี่เอง
ทั้งยังมาได้แฟนหน้าตาดี และเหมาะสมกันเหมือนชีวิตในฝันจริงๆ
คล้อยหลังจากที่เดินออกมา
ภาพแห่งความหลังเมื่อสี่ปีก่อนก็ลอยขึ้นมาในใจชายหนุ่มที่ดูเฉยชา
แต่ว่าหัวใจกำลังรู้สึกบางอย่างไม่สามารถบอกใครได้
ภาพของเขาอยู่ในชุดนักศึกษาใหม่เอี่ยม
ซื้อมาจากเงินกองทุนกู้ยืมเพื่อการศึกษาเพียงชุดเดียว
หน้าตาเปื้อนแป้ง ลิปติกและสีผสมอาหารเต็มหน้าตา
เพราะถูกรุ่นพี่มาทำการรับน้องตามแบบชาวเกียร์
ตามประเพณีรับน้องสาขาในวันแรกที่คณะวิศวกรรรมศาสตร์
เขาเป็นคนนิ่งๆก็เลยโดนแกล้งมากกว่าคนอื่นหน่อย
แต่เรื่องแค่นี้เขาเข้าใจและทนได้สบายๆ
จนมาถึงช่วงพักตอนบ่าย
กำลังจะเดินไปล้างหน้าเพื่อเตรียมตัวเข้าพิธีบายศรีสู่ขวัญในตอนเย็น
พลันมีเสียงใสๆดังขึ้นมาจากด้านหลัง
“เธอๆ เอานี่ไปสิ เช็ดแป้งให้หมดก่อน ถึงจะล้างหน้าได้สะดวก เราเตรียมมาหลายผืนแบ่งกัน”
หันกลับไปมอง
ก็เหมือนกับมีใครมาเปิดม่านความรู้สึก
ที่ไม่เคยเปิดใจรับใครมาก่อน
ทำให้ใจเขาเต้นแรงกว่าปกติ
หน้าตาสดใสยิ้มยื่นผ้าเช็ดหน้าขนหนูผืนเล็กมาให้
ป้ายชื่อที่ห้อยด้วยสายคล้องที่รุ่นพี่ทำมาให้เขียนไว้ว่า “จันทร์”
มันอาจจะเป็นเหมือน 𝙛𝙞𝙧𝙨𝙩 𝙞𝙢𝙥𝙧𝙚𝙨𝙨𝙞𝙤𝙣
แปลเป็นไทยได้อาจจะหมายถึงความทรงจำครั้งแรกที่เจอ
จนทำให้ฉันต้องจดจำเธอไปจนตาย
หรืออะไรก็ตามแต่
ตั้งแต่วันนั้น จันทร์ หรือ จันทรา
ก็ได้ลอย เข้ามาอยู่ในความทรงจำของเขา
โดยไม่เคยเลือนหายจากห้วงความคิดได้อีกเลย
ได้เรียนด้วยกันในสาขา
ตั้งแต่วิชาพื้นฐานตามรหัสนักศึกษาแยกตามสาขาวิชา
จนเข้าวิชาเฉพาะทางตั้งแต่ปีสองก็อยู่กลุ่มเดียวกันตลอด
แอบเฝ้ามองดูห่างๆ โดยที่เจ้าตัวจะรู้หรือเปล่าก็ไม่แน่ใจ
ด้วยความแตกต่างทั้งทางฐานะ และ สังคม
ทำให้ต้องก้มหน้าเวลาที่เดินผ่านหรือเข้าใกล้
แต่สาวเจ้าก็มิวายทักทายให้ตลอดเพราะเป็นคนจิตใจดี
และนี่ก็อีกคนหนึ่ง สุริยา
“ว่าไง เมฆ งานคำนวณวิชา SOIL ENGINEERเสร็จหรือยัง?”
เสียงเดินมาจากข้างหลังของสุริยาเพื่อนร่วมสาขาคนนี้นี่เอง
เพื่อนคนนี้นิสัยดี ร่าเริง ไม่จำเป็นต้องเคร่งเครียดกับชีวิต
แต่ก็มีความจริงใจอย่างที่สุด
อาศัยช่วยเหลือเขาทุกอย่างตั้งแต่เรื่องเล็กๆน้อยๆ
แม้แต่กระทั่งเคยให้เครื่องคิดเลขราคาแพงที่อ้างว่าไม่ได้ใช้แล้วเพราะอยากได้รุ่นใหม่กว่า
หรือว่าที่แท้จริงสงสารเรา
ที่บางครั้งยังต้องไปยืมเครื่องคนอื่นตอนทำงานหรือสอบเพราะยังเก็บเงินซื้อไม่ได้
อุปกรณ์เขียนแบบสมัยก่อนแม้กระทั้งกระดาษ ดินสอ ปากกายังซื้อมาเผื่อให้ตลอด
ออกไปฝึกงานก็มาขออยู่ร่วมกลุ่ม ออกค่าใช้จ่ายเดินทาง
แม้กระทั่งค่าอาหารเวลาไปนอกสถานที่แทบจะทุกครั้ง
โดยไม่เคยแสดงออกว่าเป็นการดูถูกเขาเลย
“เมฆ ไม่ต้องออกหรอก พวกเราพอมีออกกันเองได้ นายเก็บเงินไว้ทำอย่างอื่นที่จำเป็นเถอะ” พูดแบบนี้ทุกครั้ง
ที่มีการออกค่าใช้จ่ายในการทำงานกลุ่มซึ่งส่วนที่เป็นของเขา สุริยาจะออกแทนให้เสมอ
แต่เจ้าตัวไม่เคยคิดว่าเขาเป็นภาระเลย กลับให้ความสนิทสนมด้วยความถูกชะตาหรืออย่างไรก็ไม่รู้ได้
“เสร็จแล้ว จะดูเลยไหม?” ตอบแบบไม่ต้องคิดเลยว่าคำตอบที่กลับมาจะเป็นแบบไหน
เพราะเขาทำเสร็จตั้งนานแล้วและรู้ใจว่าเพื่อนหมายถึงอะไร
“รู้ทันจริงๆ ขอดูตัวอย่างไปปรับค่า factor of safety อีกนิดนะ
เดี๋ยวอาจารย์จะดูออกว่าค่าผลการคำนวณมันจะเหมือนกันเกินไป”
เสียงเพื่อนตอบมาพร้อมหยิบรายงานเข้าไปเปิดดู
และทำส่วนของตัวเองต่อให้เสร็จทันส่งในเวลาที่กำหนด
ที่จริงเขาเองได้รับการยอมรับจากทุกคนในสาขาอยู่แล้ว
เพราะเป็นคนเรียบร้อย ขยัน เอาจริงเอาจัง
แต่ออกจะเก็บตัวไปหน่อย
สำหรับสุริยาแม้แต่เรื่องส่วนตัวเมื่อเรียนในคลาสเดียวกันมาเกือบสี่ปี
ตั้งแต่แยกสาขาทำให้คุยกันได้ทุกเรื่อง
นับเป็นเพื่อนที่สนิทใส่ใจดูแล ไม่เคยแสดงทีท่ารังเกียจ
เพียงคนเดียวได้ช่วยดูแลเขาเสมอมา
คือ สุริยา นี่เอง
บ่ายวันหนึ่ง
ขณะทำแลปทดสอบการเซตตัวของคอนกรีต
สุริยาก็เดินเข้ามาตบไหล่แอบเอ่ยใกล้ๆตัวเขาว่า
“เมฆ เราว่าจะไปขอเป็นแฟนกับจันทร์ กลัวคนมาจีบไปก่อนนายว่าจะดีไหม?”
นิ่ง
อึ้ง
พูดไม่ออก
ได้แต่ก้มหน้า พูดออกไปทั้งๆที่ใจยังสั่นๆว่า “ก็แล้วแต่นาย”
ตายังมองดูเครื่องสั่นของคอนกรีตพร้อมจับเวลา เพื่อให้ได้ตรงตามปริมาตรที่กำหนด
เท่าที่ดู จันทร์เอง ก็ไม่มีใครกล้ามาจีบเพราะเป็นสาวสวยในสาขาเพียงไม่กี่คน
ด้วยต้องขลุกกับเพื่อนชายเกือบ 95% ของจำนวนนักศึกษาในสาขา
และเพื่อนในสาขาบางคนก็ไปจีบสาวคณะอื่นกันบ้างแล้ว
“โอเค ถ้านายว่าอย่างนั้นเดี๋ยวเราเดินหน้าลุยเลยนะ ดูเหมือนว่าจันทร์ก็ยังไม่ชอบใครอยู่เหมือนกัน”
แล้วก็เป็นอย่างที่คิด
สุริยาได้คบหากับจันทราจริงๆ
เขาเองเสียอีกที่ควรจะยินดีด้วยเพราะถึงอย่างไรทั้งคู่ก็เป็นคนที่เหมาะสมกัน
และ
เป็นคนทั้งคู่ที่เขารัก
ถึงแม้จะเป็น
ความรักคนละแบบก็ตาม
กริ๊งๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ
เสียงโทรศัพท์ที่หอดังขึ้นในวันสุดท้ายของการปิดภาคการศึกษา
เพื่อนๆออกไปฉลองกันหมด
มีแต่เขาเท่านั้นที่กำลังเก็บของ
เพื่อจะกลับไปที่บ้านเกิดพร้อมเริ่มต้นอาชีพวิศกรอย่างเต็มตัว
ใครกันโทรมาเวลานี้ ?
เหลือบดูนาฬิกา เกือบห้าทุ่ม คนในหอแทบจะไม่มีใคร
อาจจะพูดได้ว่าทั้งหอ เหลืออาจจะเขาอยู่เพียงคนเดียว
รับสายแล้วปลายเสียงดังขึ้นมา
“เมฆ ช่วยด้วย สุริยาเป็นอะไรไม่รู้” เสียงนี้เขาจำได้ทันที
เสียงของจันทรา
รีบกรอกสายกลับไปอย่างร้อนรนเพราะเป็นคนของสำคัญของเขาทั้งคู่
“เกิดอะไรขึ้น แล้วตอนนี้อยู่กันที่ไหน?” พยายามตั้งสติแล้วถามออกไป
“พอดี จันทร์ออกมาฉลองเรียนจบกับ ยา(ชื่อเล่นของสุริยา)
กำลังจะกลับ
พอจะขึ้นรถ จู่ๆ ยา เขาก็หมดสติล้มลงไปเลย
โทรหาใครก็ไม่มีใครรับ เมฆรีบมานะเรากำลังไปที่โรงพยาบาล..........”
“ได้ๆ เดี๋ยวเราจะรีบไป ทำใจดีๆไว้ ยา ต้องไม่เป็นอะไร รอเราแป๊บเดียว”
วางสาย ละมือจากการเก็บของที่อยู่ตรงหน้า
วิ่งออกไปหน้าหอ
คว้ากุญแจมอเตอร์ไซค์ของเพื่อนที่เป็นรถส่วนกลางของเพื่อนสาขาทิ้งไว้ให้ใช้ที่หอ
ทุกหอมักจะมีรถใช้งานของเพื่อนที่สนิทกัน
แอบซ่อนกุญแจไว้หน้าหอเอาไว้ให้เพื่อนๆไว้ใช้
ไม่ต้องกลัวรถหาย
เพราะจะมีแค่เพื่อนเท่านั้นที่รู้ว่าเก็บลูกกุญแจไว้ตรงไหน
ไขกุญแจแล้วสตาร์ทขี่ออกไปอย่างร้อนรน
ที่โรงพยาบาล
จันทรายืนอยู่หน้าห้องฉุกเฉิน
ยืนร้องไห้ตัวสั่น
ตามองเข้าไปในช่องกระจกที่มีเจ้าหน้าที่กำลังทำงานแข่งกับเวลาอยู่ข้างใน
“หมอเขาว่า อย่างไรบ้าง?” เสียงถามอย่างเป็นกังวล เพราะเพิ่งเดินทางมาถึง
ร่างของจันทรายืนนิ่ง
เหมือนไม่ได้ยินเสียงที่ถาม
แล้วจู่ๆก็ทรุดลงไปหน้าห้องฉุกเฉินตรงนั้นเอง
“หมอ หมอ ช่วยด้วยครับ มีคนเป็นลม” เสียงเมฆตะโกนขึ้นพร้อมพุ่งร่างเข้าไปหาคนที่เขารักที่อยู่ข้างหน้า
เรื่องสั้น ความรัก
ใต้ร่มไม้ซุ้มต้นเฟื่องฟ้าที่ใช้ปลูกมาเพื่อเป็นร่มให้โต๊ะม้าหินอ่อน
ข้างอาคารในมหาวิทยาลัยแห่งหนึ่ง
นักศึกษาชายสองคนนั่งอยู่กับนักศึกษาสาวหนึ่งคน
กำลังทำงานกลุ่มในปีสุดท้ายของการศึกษา
หากแต่ถ้าดูลักษณะท่าทางก็พอจะรู้ว่าปฏิสัมพันธ์
ระหว่างทั้งสามเป็นอย่างไร
สุริยา นั่งฝั่งเดียวกับ จันทรา
ส่วนฝั่งตรงข้าม
ก็คือเมฆา ที่นั่งก้มหน้าดูงานที่โต๊ะ
ส่วนทั้งสองนั่งอยู่ตรงข้ามกำลังหยอกล้อกันอยู่ตามประสาคู่รักในคณะและสาขาเดียวกัน
ทั้งสามคนเหลือโปรเจกต์ชิ้นสุดท้ายที่ต้องส่ง
เพื่อจะได้สำเร็จการศึกษาในเทอมสุดท้ายของปีการศึกษานี้
“ตกลงจะแบ่งกันไปทำส่วนไหนกันบ้าง ?” เสียงจากเมฆา หรือ เมฆ
พูดขึ้นเพื่อพยายามเรียกความสนใจ
ทั้งคู่หยุดหยอกกันแล้วหันมาบอกด้วยสีหน้ากำลังมีความสุขว่า
“งานฐานรากกับส่วนตัวอาคาร เรากับจันทร์ จะไปทำเอง เป็นสองส่วนที่ต้องคำนวณร่วมกันอยู่แล้ว” สุริยาเอ่ยมา
ขณะที่กำลังเล่นกับแฟนสาวที่ทำหน้างอเพราะโดนหยอกแรงไปหน่อย
“ได้ งั้นส่วนโครงหลังคาซึ่งเป็นงานออกแบบส่วนแรกที่จะถ่ายน้ำหนักลงมาที่ด้านล่าง
เราจะรีบไปทำมาให้เสร็จไม่เกินวันมะรืน
เสร็จแล้วจะเอาค่าน้ำหนักมาให้ออกแบบ เสา ผนัง และฐานราก
เผื่อจะได้มีเวลาเหลือมากหน่อย”
รีบพูดตัดบทด้วยเป็นคนเอาจริงเอาจังกับงาน
เจ้าของเสียงชายหนุ่มหน้าตาคม
ผิวเข้มตามแบบนักศึกษาที่มีพื้นฐานชีวิตมาจากความยากลำบากในวัยเด็ก
ตั้งใจเรียนจนผลักดันตัวเองให้ได้ทุนมาเรียนในมหาวิทยาลัยแห่งนี้
หน้าตาท่าทางก็ไม่เชิงว่าจะไม่น่าดู
ตามลักษณะออกจะไปทางหน้าตาคมเข้มดีเสียด้วยซ้ำไป
แต่เป็นเพราะท่าทางเคร่งขรึมจริงจัง
เลยยังไม่มีใครกล้าเข้ามาให้ความสนใจนักศึกษาคณะวิศวกรรมโยธาปีสุดท้าย
ที่ผลการเรียนจัดได้ว่าอยู่ในระดับต้นๆของสาขาคนนี้
แม้จะเป็นคณะยอดนิยมของสาวๆในมหาวิทยาลัยมากกว่าสาขาอื่นก็ตาม
“งั้นอีกสองวันเราเอาค่าน้ำหนักที่เลือกวัสดุที่ใช้ตามแบบคือเมทัลชีท
รวมทั้งประมาณค่าแรงและค่าวัสดุในการก่อสร้างส่วนโครงหลังคาอาคารทั้งหมด
มาให้ที่คณะนะ ที่เหลือนายกับจันทร์ก็ไปจัดการต่อ
แล้วเอางานมารวมตรวจทานกันอีกที
จะได้ส่งไม่เกินอาทิตย์หน้าก่อนสอบปลายภาค” เมฆสรุป
“ได้ๆ เอาตามนั้น” หนุ่มสุริยา หน้าตาดีผิวขาวด้วยเป็นลูกคนที่มีฐานะ
มีความพร้อมทุกด้านกว่านักศึกษาคนอื่นๆ นั่งอยู่กับสาวหน้าตาสวย
แต่อยากมาเรียนในสายวิศวกรรมเพราะนิสัยส่วนตัวออกจะเป็นสาวลุยๆ
จันทราหรือ จันทร์ เป็นนักศึกษาสาวเพียงไม่กี่คนในคณะ ที่มาเรียนสายงานก่อสร้าง
เนื่องด้วยธุรกิจทางบ้านเป็นเครือข่ายร้านขายวัสดุระดับภาค
หวังจะไปใช้ความรู้กลับไปช่วยกิจการทางบ้านเมื่อเรียนจบ
ด้วยความน่ารักสดใส จนได้รับเลือกเป็นดาวสาขา
สุดท้ายก็ได้สุริยาที่มีความเพียบพร้อมมาเป็นแฟน
เหมือนสำนวนของไทยเมื่อเทียบสิ่งที่เหมะสมกันว่า
สุริยันย่อมอยู่คู่ควรกับจันทราก็เป็นได้
คุยเสร็จก็ลุกเก็บแบบอาคารที่เป็นโปรเจกต์สุดท้ายม้วนใส่กระบอกใส่เอกสาร ลุกเดินออกไป
สุริยาเอ่ยขึ้นลอยๆตามหลังว่า “จริงจังตลอด ไม่เคยเปลี่ยนเลยเมฆเนี่ย
ทำตัวแบบนี้สาวๆคนไหนมาจีบก็หงายหลังกลับไปทุกราย”
พูดด้วยความคิดเป็นห่วงเพื่อนด้วยสุจริตใจ
ยังไงก็เรียนกันมาตั้งสี่ปี ออกไปฝึกงานภาคสนามก็ไปด้วยกัน
เป็นคนเอาจริงเอาจังกับชีวิตเพราะภูมิหลังไม่ได้สบายเหมือนตัวเอง
ตัวสุริยาเองเกิดมาไม่ต้องดิ้นรนมากนัก แต่เขาเองก็ไม่เคยดูถูกเพื่อนเลยแม้แต่สักครั้ง
อะไรที่พอจะช่วยได้ไม่ว่าจะเป็นค่าอุปกรณ์หรือค่าเดินทางไปฝึกงานเขาก็ได้ช่วยเหลือตลอด
จนใกล้จะจบในไม่กี่เดือนนี้
ว่าไปก็เหมือนเป็นการช่วยเหลือตัวเองไปในตัวด้วย
เพราะเขาเป็นลูกคนมีฐานะ ติดความสบาย
ก็ได้เพื่อนคนนี้ช่วยติวและทำงานด้วยกันหลายชิ้นจนผ่านมาได้
เพราะความขยันของ เมฆ นี่เอง
ทั้งยังมาได้แฟนหน้าตาดี และเหมาะสมกันเหมือนชีวิตในฝันจริงๆ
คล้อยหลังจากที่เดินออกมา
ภาพแห่งความหลังเมื่อสี่ปีก่อนก็ลอยขึ้นมาในใจชายหนุ่มที่ดูเฉยชา
แต่ว่าหัวใจกำลังรู้สึกบางอย่างไม่สามารถบอกใครได้
ภาพของเขาอยู่ในชุดนักศึกษาใหม่เอี่ยม
ซื้อมาจากเงินกองทุนกู้ยืมเพื่อการศึกษาเพียงชุดเดียว
หน้าตาเปื้อนแป้ง ลิปติกและสีผสมอาหารเต็มหน้าตา
เพราะถูกรุ่นพี่มาทำการรับน้องตามแบบชาวเกียร์
ตามประเพณีรับน้องสาขาในวันแรกที่คณะวิศวกรรรมศาสตร์
เขาเป็นคนนิ่งๆก็เลยโดนแกล้งมากกว่าคนอื่นหน่อย
แต่เรื่องแค่นี้เขาเข้าใจและทนได้สบายๆ
จนมาถึงช่วงพักตอนบ่าย
กำลังจะเดินไปล้างหน้าเพื่อเตรียมตัวเข้าพิธีบายศรีสู่ขวัญในตอนเย็น
พลันมีเสียงใสๆดังขึ้นมาจากด้านหลัง
“เธอๆ เอานี่ไปสิ เช็ดแป้งให้หมดก่อน ถึงจะล้างหน้าได้สะดวก เราเตรียมมาหลายผืนแบ่งกัน”
หันกลับไปมอง
ก็เหมือนกับมีใครมาเปิดม่านความรู้สึก
ที่ไม่เคยเปิดใจรับใครมาก่อน
ทำให้ใจเขาเต้นแรงกว่าปกติ
หน้าตาสดใสยิ้มยื่นผ้าเช็ดหน้าขนหนูผืนเล็กมาให้
ป้ายชื่อที่ห้อยด้วยสายคล้องที่รุ่นพี่ทำมาให้เขียนไว้ว่า “จันทร์”
มันอาจจะเป็นเหมือน 𝙛𝙞𝙧𝙨𝙩 𝙞𝙢𝙥𝙧𝙚𝙨𝙨𝙞𝙤𝙣
แปลเป็นไทยได้อาจจะหมายถึงความทรงจำครั้งแรกที่เจอ
จนทำให้ฉันต้องจดจำเธอไปจนตาย
หรืออะไรก็ตามแต่
ตั้งแต่วันนั้น จันทร์ หรือ จันทรา
ก็ได้ลอย เข้ามาอยู่ในความทรงจำของเขา
โดยไม่เคยเลือนหายจากห้วงความคิดได้อีกเลย
ได้เรียนด้วยกันในสาขา
ตั้งแต่วิชาพื้นฐานตามรหัสนักศึกษาแยกตามสาขาวิชา
จนเข้าวิชาเฉพาะทางตั้งแต่ปีสองก็อยู่กลุ่มเดียวกันตลอด
แอบเฝ้ามองดูห่างๆ โดยที่เจ้าตัวจะรู้หรือเปล่าก็ไม่แน่ใจ
ด้วยความแตกต่างทั้งทางฐานะ และ สังคม
ทำให้ต้องก้มหน้าเวลาที่เดินผ่านหรือเข้าใกล้
แต่สาวเจ้าก็มิวายทักทายให้ตลอดเพราะเป็นคนจิตใจดี
และนี่ก็อีกคนหนึ่ง สุริยา
“ว่าไง เมฆ งานคำนวณวิชา SOIL ENGINEERเสร็จหรือยัง?”
เสียงเดินมาจากข้างหลังของสุริยาเพื่อนร่วมสาขาคนนี้นี่เอง
เพื่อนคนนี้นิสัยดี ร่าเริง ไม่จำเป็นต้องเคร่งเครียดกับชีวิต
แต่ก็มีความจริงใจอย่างที่สุด
อาศัยช่วยเหลือเขาทุกอย่างตั้งแต่เรื่องเล็กๆน้อยๆ
แม้แต่กระทั่งเคยให้เครื่องคิดเลขราคาแพงที่อ้างว่าไม่ได้ใช้แล้วเพราะอยากได้รุ่นใหม่กว่า
หรือว่าที่แท้จริงสงสารเรา
ที่บางครั้งยังต้องไปยืมเครื่องคนอื่นตอนทำงานหรือสอบเพราะยังเก็บเงินซื้อไม่ได้
อุปกรณ์เขียนแบบสมัยก่อนแม้กระทั้งกระดาษ ดินสอ ปากกายังซื้อมาเผื่อให้ตลอด
ออกไปฝึกงานก็มาขออยู่ร่วมกลุ่ม ออกค่าใช้จ่ายเดินทาง
แม้กระทั่งค่าอาหารเวลาไปนอกสถานที่แทบจะทุกครั้ง
โดยไม่เคยแสดงออกว่าเป็นการดูถูกเขาเลย
“เมฆ ไม่ต้องออกหรอก พวกเราพอมีออกกันเองได้ นายเก็บเงินไว้ทำอย่างอื่นที่จำเป็นเถอะ” พูดแบบนี้ทุกครั้ง
ที่มีการออกค่าใช้จ่ายในการทำงานกลุ่มซึ่งส่วนที่เป็นของเขา สุริยาจะออกแทนให้เสมอ
แต่เจ้าตัวไม่เคยคิดว่าเขาเป็นภาระเลย กลับให้ความสนิทสนมด้วยความถูกชะตาหรืออย่างไรก็ไม่รู้ได้
“เสร็จแล้ว จะดูเลยไหม?” ตอบแบบไม่ต้องคิดเลยว่าคำตอบที่กลับมาจะเป็นแบบไหน
เพราะเขาทำเสร็จตั้งนานแล้วและรู้ใจว่าเพื่อนหมายถึงอะไร
“รู้ทันจริงๆ ขอดูตัวอย่างไปปรับค่า factor of safety อีกนิดนะ
เดี๋ยวอาจารย์จะดูออกว่าค่าผลการคำนวณมันจะเหมือนกันเกินไป”
เสียงเพื่อนตอบมาพร้อมหยิบรายงานเข้าไปเปิดดู
และทำส่วนของตัวเองต่อให้เสร็จทันส่งในเวลาที่กำหนด
ที่จริงเขาเองได้รับการยอมรับจากทุกคนในสาขาอยู่แล้ว
เพราะเป็นคนเรียบร้อย ขยัน เอาจริงเอาจัง
แต่ออกจะเก็บตัวไปหน่อย
สำหรับสุริยาแม้แต่เรื่องส่วนตัวเมื่อเรียนในคลาสเดียวกันมาเกือบสี่ปี
ตั้งแต่แยกสาขาทำให้คุยกันได้ทุกเรื่อง
นับเป็นเพื่อนที่สนิทใส่ใจดูแล ไม่เคยแสดงทีท่ารังเกียจ
เพียงคนเดียวได้ช่วยดูแลเขาเสมอมา
คือ สุริยา นี่เอง
บ่ายวันหนึ่ง
ขณะทำแลปทดสอบการเซตตัวของคอนกรีต
สุริยาก็เดินเข้ามาตบไหล่แอบเอ่ยใกล้ๆตัวเขาว่า
“เมฆ เราว่าจะไปขอเป็นแฟนกับจันทร์ กลัวคนมาจีบไปก่อนนายว่าจะดีไหม?”
นิ่ง
อึ้ง
พูดไม่ออก
ได้แต่ก้มหน้า พูดออกไปทั้งๆที่ใจยังสั่นๆว่า “ก็แล้วแต่นาย”
ตายังมองดูเครื่องสั่นของคอนกรีตพร้อมจับเวลา เพื่อให้ได้ตรงตามปริมาตรที่กำหนด
เท่าที่ดู จันทร์เอง ก็ไม่มีใครกล้ามาจีบเพราะเป็นสาวสวยในสาขาเพียงไม่กี่คน
ด้วยต้องขลุกกับเพื่อนชายเกือบ 95% ของจำนวนนักศึกษาในสาขา
และเพื่อนในสาขาบางคนก็ไปจีบสาวคณะอื่นกันบ้างแล้ว
“โอเค ถ้านายว่าอย่างนั้นเดี๋ยวเราเดินหน้าลุยเลยนะ ดูเหมือนว่าจันทร์ก็ยังไม่ชอบใครอยู่เหมือนกัน”
แล้วก็เป็นอย่างที่คิด
สุริยาได้คบหากับจันทราจริงๆ
เขาเองเสียอีกที่ควรจะยินดีด้วยเพราะถึงอย่างไรทั้งคู่ก็เป็นคนที่เหมาะสมกัน
และ
เป็นคนทั้งคู่ที่เขารัก
ถึงแม้จะเป็น
ความรักคนละแบบก็ตาม
กริ๊งๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ
เสียงโทรศัพท์ที่หอดังขึ้นในวันสุดท้ายของการปิดภาคการศึกษา
เพื่อนๆออกไปฉลองกันหมด
มีแต่เขาเท่านั้นที่กำลังเก็บของ
เพื่อจะกลับไปที่บ้านเกิดพร้อมเริ่มต้นอาชีพวิศกรอย่างเต็มตัว
ใครกันโทรมาเวลานี้ ?
เหลือบดูนาฬิกา เกือบห้าทุ่ม คนในหอแทบจะไม่มีใคร
อาจจะพูดได้ว่าทั้งหอ เหลืออาจจะเขาอยู่เพียงคนเดียว
รับสายแล้วปลายเสียงดังขึ้นมา
“เมฆ ช่วยด้วย สุริยาเป็นอะไรไม่รู้” เสียงนี้เขาจำได้ทันที
เสียงของจันทรา
รีบกรอกสายกลับไปอย่างร้อนรนเพราะเป็นคนของสำคัญของเขาทั้งคู่
“เกิดอะไรขึ้น แล้วตอนนี้อยู่กันที่ไหน?” พยายามตั้งสติแล้วถามออกไป
“พอดี จันทร์ออกมาฉลองเรียนจบกับ ยา(ชื่อเล่นของสุริยา)
กำลังจะกลับ
พอจะขึ้นรถ จู่ๆ ยา เขาก็หมดสติล้มลงไปเลย
โทรหาใครก็ไม่มีใครรับ เมฆรีบมานะเรากำลังไปที่โรงพยาบาล..........”
“ได้ๆ เดี๋ยวเราจะรีบไป ทำใจดีๆไว้ ยา ต้องไม่เป็นอะไร รอเราแป๊บเดียว”
วางสาย ละมือจากการเก็บของที่อยู่ตรงหน้า
วิ่งออกไปหน้าหอ
คว้ากุญแจมอเตอร์ไซค์ของเพื่อนที่เป็นรถส่วนกลางของเพื่อนสาขาทิ้งไว้ให้ใช้ที่หอ
ทุกหอมักจะมีรถใช้งานของเพื่อนที่สนิทกัน
แอบซ่อนกุญแจไว้หน้าหอเอาไว้ให้เพื่อนๆไว้ใช้
ไม่ต้องกลัวรถหาย
เพราะจะมีแค่เพื่อนเท่านั้นที่รู้ว่าเก็บลูกกุญแจไว้ตรงไหน
ไขกุญแจแล้วสตาร์ทขี่ออกไปอย่างร้อนรน
ที่โรงพยาบาล
จันทรายืนอยู่หน้าห้องฉุกเฉิน
ยืนร้องไห้ตัวสั่น
ตามองเข้าไปในช่องกระจกที่มีเจ้าหน้าที่กำลังทำงานแข่งกับเวลาอยู่ข้างใน
“หมอเขาว่า อย่างไรบ้าง?” เสียงถามอย่างเป็นกังวล เพราะเพิ่งเดินทางมาถึง
ร่างของจันทรายืนนิ่ง
เหมือนไม่ได้ยินเสียงที่ถาม
แล้วจู่ๆก็ทรุดลงไปหน้าห้องฉุกเฉินตรงนั้นเอง
“หมอ หมอ ช่วยด้วยครับ มีคนเป็นลม” เสียงเมฆตะโกนขึ้นพร้อมพุ่งร่างเข้าไปหาคนที่เขารักที่อยู่ข้างหน้า