บันทึกความทรงจำ

ดิฉันคิดอยากเขียนบันทึกความทรงจำเกี่ยวกับครอบครัวมานานแล้ว แต่ติดภาระหน้าที่การงานและครอบครัวเลยไม่ได้ลงมือสักที อยากแบ่งปันเรื่องราวประสบการณ์ชีวิตที่ผ่านมาเกือบ 50 ปี ถ้าหากบันทึกนี้มีข้อคิดที่ทำให้เกิดประโยชน์กับใครก็ตาม ขอยกผลบุญให้ก้บน้องสาวที่ล่วงลับไปแล้วนะคะ แต่ถ้าหากมีข้อผิดพลาดประการใด ดิฉ้นขอน้อมรับไว้แต่เพียงผู้เดียว ดิฉันเขียนจากความทรงจำ เรื่องราวอาจจะกระโดดไปมา ต้องขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วยค่ะ
 
ดิฉันจะขอเริ่มต้นเรื่องราวจากบ้านหลังแรกก่อนนะคะ เพราะย้ายบ้านทั้งหมด 3 ครั้ง (ก่อนแต่งงาน) 
 
ครอบครัวดิฉันเป็นครึ่งไทยจีน คืออากงอาม่าฝั่งแม่มาจากเมืองจีน ส่วนอากงฝั่งพ่อมาจากจีนแล้วแต่งงานกับอาม่าที่เมืองไทย บ้านหลังแรกที่เราอยู่กันเป็นตึกแถว 4 ชั้น เป็นแหล่งชุมชนค่อนข้างคึกคัก ไม่ไกลตลาด ตอนนั้นแม่ของดิฉันเป็นแม่บ้าน ทำอาหารอร่อยมาก แม่ดูแลบ้านสะอาดสะอ้าน ส่วนพ่อทำงานเอกชน พ่อทำงานหนักขยันขันแข็ง ส่วนแม่ก็เป็นคนประหยัดมัธยัสถ์ พ่อแม่มีลูก 4 คน พ่อให้ความสำคัญกับการเรียนมากที่สุด ส่งลูกทุกคนให้เรียนโรงเรียนคาทอลิกซึ่งค่าใช้จ่ายสูง 
 
ดิฉันจำได้ว่าแม่รับจ้างเย็บผ้าโหล แม่ซื้อจักรเย็บผ้าแล้วมีพี่ผู้หญิงจะส่งวัตถุดิบให้แม่แล้วจ่ายเงินให้หลังงานเสร็จ แต่ผ่านไปสักพักหนึ่งแม่ถูกพี่คนนั้นโกงเงินเลยเลิกทำ พ่อแม่ทะเลาะกันบ่อยเรื่องเงินและเรื่องอากงอาม่าฝั่งพ่อที่ไม่ค่อยชอบแม่ เพราะแม่เข้ากับผู้ใหญ่ไม่เก่งและมักจะพูดจาไม่ค่อยน่าฟัง แม่ใจร้อนขี้โมโห ถ้าดิฉันกับน้องสาวทะเลาะตีกัน แม่จะหวดเราด้วยไม้กวาด สายยาง ไม้ขนไก่ สายวัด เข็มขัด ไม้แขวนเสื้อ หรืออะไรก็ตามที่อยู่ใกล้มือแม่ในตอนนั้น แม่จะหวดเราเยอะมากๆ เราโดนตีร้องไห้สะอีกสะอื้น ทำให้เรากลัวแม่มากๆ ดิฉันจำได้ว่าจะวิ่งหนีแม่ขึ้นไปชั้น 4 แต่น้องสาววิ่งช้ากว่าเลยโดนหนักมาก แม่จะหวดเราจนหายโมโหถึงหยุด อ้อ ตอนนั้นพ่อกับแม่มีลูกแค่ 2 คน คือดิฉันกับน้องสาว ส่วนน้องอีก 2 คนยังไม่เกิดค่ะ 
 
ดิฉันคิดว่าแม่เลี้ยงดิฉันและน้องเหมือนที่เคยถูกเลี้ยง แม่ไม่เคยกอด ไม่เคยหอม ไม่เคยแสดงความรักเลย ดิฉันคิดว่าสมัยก่อนคนจีนจะดีใจถ้ามีลูกชายเพราะจะได้สืบสกุล แต่แม่มีดิฉันกับน้องสาว อากงอาม่าเลยให้ย้ายออกจากบ้าน (ถ้ามีลูกชาย สถานการณ์อาจแตกต่างค่ะ) ในส่วนนี้ทำให้ดิฉันและน้องสาวไม่ค่อยได้รับความอบอุ่นและความรักจากครอบครัว ดิฉันกับน้องสาวเป็นคนเงียบไม่ค่อยพูด เก็บความรู้สึกและเก็บกด
 
ดิฉันโชคดีกว่าน้องสาว เพราะบางครั้งอากงให้นอนค้างที่บ้านอากงอาม่าวันเสาร์-อาทิตย์ ดิฉันคิดว่าอากงเอ็นดูดิฉันมากกว่าน้องสาว ดิฉันชอบนอนที่บ้านอากงอาม่า เพราะจะได้เล่นกับลูกอาแปะที่อายุรุ่นราวคราวเดียวกัน ทุกวันอาทิตย์อาแปะจะพาครอบครัวไปเที่ยว อาแปะทำงานบริษัทต่างชาติได้เงินเดือนสูง อาแปะพาครอบครัวไปกินบะหมี่ญี่ปุ่น ไปโรงหนัง ไปเที่ยวที่ต่างๆ ดิฉันเลยโชคดีไปด้วย อาแปะจะพาทุกคนไปซุปเปอร์มาร์เก็ต แล้วก็จะให้เด็กๆ เลือกขนมคนละอย่าง เขียนถึงตรงนี้ก็รู้สึกสงสารน้องสาวที่ไม่ได้รับโอกาสดีๆ แบบดิฉันเลย
 
แม่บอกว่ามีอยู่วันหนึ่งแม่จะไปธุระอะไรสักอย่าง แล้วแม่เอาน้องสาวไปฝากเพื่อนบ้าน แต่เพื่อนบ้านคงไม่กล้าปฏิเสธและแม่คงไปธุระนานเกินไป แม่บอกว่าพอไปรับน้องสาวที่บ้านนั้น เค้าขังน้องสาวไว้ในห้องน้ำ น้องสาวร้องไห้สะอีกสะอื้นจนไม่มีเสียง ไม่รู้ว่าถูกขังไว้นานเท่าไหร่ 
 
พ่อแม่ก็ยังทะเลาะกันบ่อยๆ ส่วนใหญ่แม่เป็นคนจุดปะทุ พ่อเป็นคนใจเย็น เงียบ ขี้เกรงใจ และยอมแม่เสมอ
 
พอดิฉันอายุ 6 ขวบ แม่ก็คลอดน้องชาย เหมือนน้องชายจะนำสิ่งดีๆ มาในครอบครัว พ่อได้งานทำบริษัทต่างชาติ เงินเดือนมากขึ้น พ่อทำงานกลับบ้านดึก หน้าที่ดูแลลูกๆ เป็นของแม่ตลอด จากนั้นอีก 1 ปีแม่ก็มีน้องชายคนเล็ก พ่อทำงานมั่นคงเลยจ้างแม่บ้านเป็นคนเชียงใหม่มาช่วยแม่ แม่สบายขึ้น ดิฉันรักพี่เลี้ยงมากๆ กินนอนด้วยกัน ดิฉันกินน้ำพริกอ่อง กินกระถิน กินชะอม ดิฉันจำได้ว่าเวลาพี่เลี้ยงกลับบ้าน เราไปส่งที่หัวลำโพง ดิฉันกลับบ้านร้องไห้คิดถึงพี่เลี้ยงมากๆ เสื้อผ้าที่พี่เค้าซักก็ใส่จนเหลือชุดสุดท้ายเก็บไว้ไม่ใส่ รอจนพี่เลี้ยงกลับมา   
 
วกมาเรื่องน้องชายนะคะ พ่อแม่รักน้องชายมากๆ โดยเฉพาะแม่ แม่จะหอมจะกอดน้องชายทั้งสอง แต่ไม่เคยทำแบบนั้นกับดิฉันและน้องสาวเลย ตอนนั้นดิฉันเคยสงสัยว่าเราคงจะถูกเก็บมาเลี้ยงเหมือนละครเรื่องดาวพระศุกร์ แม่ถึงไม่ค่อยรักเราเลย 
 
อีกเรื่องที่ดิฉันโชคดีคือดิฉันมีเพื่อนที่ดี แต่น้องสาวไม่ค่อยมีเพื่อน เข้าสังคมไม่เก่ง เงียบ เก็บกดจนส่งผลกระทบถึงสุขภาพจิต ตอนนั้นดิฉันไม่รักน้องสาวและรำคาญด้วย คุยไม่สนุก เล่นก็ไม่เป็น ดิฉันเป็นพี่สาวที่แย่มากๆ ค่ะ
 
พ่อทำงานหนักตลอดจนตัดสินใจเปิดธุรกิจของตัวเอง พ่อขอให้แม่มาช่วยทำงาน ซึ่งเป็นจุดเปลี่ยนทั้งดีและไม่ดีค่ะ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่