ประกาศแล้วจ้า DOD-RBF พร้อมขออนุญาตทันทีวันที่ 29 ม.ค.64 ชี้โรงสกัดพร้อม

กระทู้สนทนา
RBF-DODออกโรงคึก จ่อขออนุญาตกัญชง
Source - ทันหุ้น
Tuesday, January 26, 2021 09:03
อย.แจงชัดเปิดรับ ขออนุญาตปลูกกัญชงเชิงพาณิชย์ 29 มกราคมนี้ ทั้งรายใหญ่-รายย่อย เน้นที่มา ที่ไปต้องมีคนรับซื้อ ส่วนการออกกฎหมายให้สินค้าอาหาร เครื่องดื่ม เร่งทยอยใน 4 เดือน ทันผลผลิต ด้าน RBF-DOD ประกาศเดินหน้า ขออนุญาตทันที ชี้โรงสกัด พร้อมลุย
ภญ.สุภัทรา บุญเสริม รองเลขาธิการคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) เปิดเผยผ่านรายการ "ทันหุ้น-ทันเกม" ว่า วันที่ 29 มกราคมนี้ ทาง อย. จะเปิดให้ทุกภาคส่วน ทั้งผู้ประกอบการ ต้นน้ำ คือ ผู้ปลูก กลางน้ำ คือ โรงสกัด และปลายน้ำ คือ กลุ่มผู้ประกอบการสินค้าต่างๆ เข้าขอรับการอนุญาตปลูกและใช้ต้นกัญชงในพื้นที่ขนาดใหญ่เพื่อการดำเนินการทางธุรกิจได้ โดยหลักการการให้อนุญาตนั้นจะเข้มงวด เนื่องจากส่วนของช่อดอกและหรือเมล็ด ซึ่งยังเป็นยาเสพติดอยู่ จึงต้องมีการชี้แจงที่มาที่ไปอย่างชัดเจน กล่าวคือ ในการปลูกนั้นจะต้องมีกลุ่มผู้ประกอบการรับซื้อ ทั้งรายเล็กรายใหญ่ เพื่อนำไปผลิตเพื่อการค้า ซึ่งจะต้องไม่มีผลผลิตเหลือค้าง เพราะไม่ต้องการให้ผลผลิตตกอยู่ในมือที่ไม่มีที่มาที่ไป
"ประเด็นใหญ่นั้นคือส่วนของช่อดอกและเมล็ดนั้น จะต้องมีผู้รับซื้อพวกนี้จะต้องส่งไปโรงสกัด ซึ่งจะมีการเช็กความถูกต้องเข้มงวด ส่วนใบก้านที่ไม่ได้มีสารเสพติดนั้น สามารถแจงที่หลังได้"
หลังจากการอนุญาตปลูกเพื่อการค้าแล้ว ทาง อย. จะดำเนินการทยอยออกฎหมายออกมาสำหรับผลิตภัณฑ์ต่างๆ อาทิ เครื่องสำอาง อาหารเสริม เครื่องดื่มต่างๆ ซึ่งเชื่อว่า 3-4 เดือนกฎหมายจะออกมาได้ เป็นช่วงเดียวกับที่ผลผลิตออกมา โดยระหว่างนี้ผู้ประกอบการต้องทำการศึกษา เตรียมตัวไว้เมื่อผลผลิตออกมีวัตถุดิบ โดยจะกฎหมายจะออกมาให้ทันการ ซึ่งผู้ประกอบการจะใช้กัญชงในประเทศ เพราะการนำเข้ายังถือเป็นการนำเข้ายาเสพติด
ภญ.สุภัทรา ยอมรับว่า มีเอกชนในตลาด หลักทรัพย์ที่เข้ามาศึกษาอบรมรอบแรกกับ อย. จำนวนมาก โดยมีบริษัทเครื่องดื่ม ทั้งเครื่องดื่มทั่วไป และกลุ่มเครื่องดื่มชูกำลัง ผู้ผลิตอาหารเสริม เครื่องสำอาง ซึ่งสามารถมาขออนุญาตได้ 29 มกราคมนี้ และ อย. ก็จะมีการอบรมรอบ 2 เดือนกุมภาพันธ์นี้
เช่นเดียวกับโรงสกัดซึ่งเป็นธุรกิจกลางน้ำ ส่งสินค้าให้ผู้ประกอบการอุปโภคบริโภค ก็สามารถมาขออนุญาตได้ โดยโรงสกัดใหญ่จะมี 2 กลุ่ม คือ 1.โรงสกัดเอาสาร CBD มาใช้ ต้องมีเทคโนโลยีชั้นสูงในการลงทุน ตอนนี้เริ่มมีบริษัทมาสอบถาม และตั้งโรงงานแล้ว 2.กลุ่มที่สกัดด้วยการบีบเอาน้ำมัน จะใช้เทคโนโลยีที่น้อยกว่า มีโรงสกัดทำได้แล้วเช่นกัน ซึ่งถ้าโรงสกัดสามารถทำสาร CBD ออกมา โดยมี THC ซึ่งเป็นสารเสพติด เพียง 0.2% ก็สามารถนำไปใช้ทั่วไปได้ เพราะไม่ถือเป็นสารเสพติด ส่วนการขายนั้นไม่มีข้อกำหนด สามารถขายทั้งในประเทศ และส่งออกได้
DOD-RBF พร้อมลุย
นายธนิน ศรีเศรษฐี ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ดีโอดี ไบโอเทค จำกัด (มหาชน) หรือ DOD เปิดเผยว่า บริษัทมีความพร้อมในการขอใบอนุญาตจาก อย. หาก อย.มีการพิจารณาเปิดให้ ผู้ประกอบการเข้าไปขอในวันที่ 29 มกราคม 2564 นี้ ซึ่งบริษัทมีโรงสกัดสมุนไพรอยู่แล้ว ที่ผ่านมามีการสกัดกระชายขาว มะระขี้นก และอื่นๆ ให้กับลูกค้า แต่การทำกัญชง กัญชา อาจจะมีการลงทุนบางอย่างที่ต้องใช้เครื่องจักรเฉพาะกระบวนการอุตสาหกรรมบางส่วนที่สามารถนำมาดัดแปลงพืชได้
"เรามีความพร้อมถ้าเปิดเราก็มีแผนที่จะเข้าไปขอใบอนุญาต มีแผนงานต่างๆ ที่จะทำ และเชื่อว่าจะเสร็จได้ไว เพราะเรามีเจตนาชัดเจนในเรื่องนี้ เรามีโรงสกัดสมุนไพรอยู่แล้ว หากขอใบอนุญาตเสร็จแล้วขั้นตอนต่อไปก็จะเป็นการวางแผนเรื่องของผลิตภัณฑ์ ซึ่งคาดว่าน่าจะใช้เวลาประมาณ 4 เดือน ถ้ากฎหมายชัดเจนเราคาดว่าภายในสิ้นปีนี้น่าจะได้เห็น เพราะจุดหนึ่งเรามีความพร้อมมากกว่าคนอื่นเรามีพื้นที่ และอาจจะมีการลงทุนเครื่องจักรเพิ่ม หรืออาจจะมีบางอุปกรณ์ที่นำมาใช้กับสารสกัดอื่นๆ"
นายสุรนาถ กิตติรัตนเดช ประธานเจ้าหน้าที่ ฝ่ายบัญชีและการเงิน บริษัท อาร์ แอนด์ บี ฟู้ด ซัพพลาย จำกัด (มหาชน) หรือ RBF เปิดเผยว่า ในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา บริษัทได้มีการให้ทุนสนับสนุนงานวิจัยให้กับมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ เพื่อการค้นคว้า วิจัย และพัฒนาผลิตภัณฑ์ที่ได้จากต้นกัญชงมาอย่างต่อเนื่อง ซึ่งเป็นอีกปัจจัยที่เข้ามาช่วยซัพพอร์ตความพร้อมให้กับบริษัท อย่างไรก็ดี หากว่าทาง อย. มีการออกใบอนุญาตให้จริงก็มองว่าจะช่วยสนับสนุนให้บริษัทมีผลิตภัณฑ์เกี่ยวเนื่องกับ Food Ingredients ใหม่ๆ ออกสู่ท้องตลาดเพิ่มมากขึ้น และช่วยในการขยายฐานลูกค้าและตลาดใหม่ๆ ให้กับธุรกิจได้มากขึ้นในอนาคต
มุ่งวิจัยสินค้าสุขภาพ
สำหรับแผนการดำเนินงานในปี 2564 บริษัทวางเป้าหมายรายได้รวมเติบโตไว้ที่ไม่น้อยกว่า 5-10% จากปีก่อน โดยบริษัทยังมีความสนใจและเดินหน้าขยายตลาดและเพิ่มฐานลูกค้าใหม่ รวมถึงมุ่งวิจัยและพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่อย่างต่อเนื่องโดยเฉพาะกลุ่มสินค้าเพื่อสุขภาพ ซึ่งกำลังเป็นเทรนด์ผู้บริโภคปัจจุบัน ทำให้มีออเดอร์ใหม่จากลูกค้าเข้ามาจำนวนมาก ทั้งนี้นอกจากจะเน้นขยายฐานตลาดในกลุ่มสินค้าเพื่อสุขภาพแล้ว ปี 2564 นี้บริษัทยังจะเน้นกลุ่มสินค้าอาหารสัตว์ด้วย เพราะเป็นตลาดที่กำลังเติบโตสูงจากจำนวนคนที่เลี้ยงสัตว์เพิ่มขึ้น
ด้านแผนทำตลาดในต่างประเทศบริษัทมีแผนที่จะขยายฐานลูกค้าใหม่เพิ่มมากขึ้น ด้วยการจะเข้าไปลงทุนโรงงานผลิตแป้งและซอส (Food Coating) และวัตถุแต่งรสและกลิ่น (Flavour) ที่เมืองซูราบายา ประเทศอินโดนีเซีย มูลค่าลงทุนรวม 200-250 ล้านบาท โดยในปัจจุบันบริษัทอยู่ระหว่างการพิจารณาทำเลใน การลงทุนสร้างโรงงาน และรอดูสถานการณ์โควิด-19 ให้ผ่อนคลายลงก่อนซึ่งคาดว่าภายในปี 2564 นี้จะได้ข้อสรุปของการลงทุนที่ชัดเจน
ที่มา: นสพ.ทันหุ้น ฉบับวันที่ 26 ม.ค. 2564
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่