Steel Cabinet is my Destiny.
ผมรู้สึกผูกพันกับตู้และผมหลงรักงานเหล็ก ผมเลยมีความคิดว่าถ้าหากผมต้องใช้เวลาในชีวิตไปกับอะไรซักอย่างอีกซักสิบปี ผมจะขอหาวิธี
ใช้ไปกับสิ่งที่ผมหลงรักและรู้สึกผูกพัน อย่างน้อยถ้าหากบทสรุปสุดท้ายมันอาจจะทำให้เจ็บ เมื่อมองในด้านดีๆมันก็อาจจะยังเป็นความเจ็บ
แบบสุขๆ หรือไม่ก็อาจจะเจ็บไปสุขไป 555 และแล้วผมก็ตัดสินใจเลือกทำตู้เหล็ก...จะไหวมั้ยเนี่ย?
เหล็ก, สนิม และความหลงใหล
หลายคนอาจชอบเหล็กจากหลากหลายเหตุผล ไม่ว่าจะเป็นเรื่องความประหยัด ใช้งานง่าย ทน ฯลฯ ซึ่งผมก็ไม่เถียง เพียงแต่เหตุผลเหล่านี้
ไม่ได้มีน้ำหนักมากพอที่จะทำให้ผมชื่นชอบถึงขั้นลุ่มหลงได้ กระทั่งหลังจากที่ผมได้คลุกคลีและดำดิ่งสู่โลกของงานเหล็กซักระยะนึง
ผมจึงสำเหนียกได้ว่า...ความดีงามที่ถูกรังสรรค์ขึ้นจากเหล็ก มักจะมีร่องรอยอันเป็นเสน่ห์เฉพาะตัว อีกทั้งยังมี "สนิม" ที่เปรียบเสมือน
เครื่องปรุงรสชั้นดี ให้งานเหล็กมีความกลมกล่อมและเท่หาใดเทียม...เหล่านี้ต่างหากที่ทำให้ผมรู้สึกหลงใหลและอิ่มเอม 555 เน่าสนิท!
: ทุกคร้ังที่ได้ยินคำถาม "ไม่กลัวสนิมรึ" ผมมักตอบติดตลกว่า "เหล็กเป็นสนิมนั่นแหละดีแล้ว นั่นหมายความว่าเป็นเหล็กแท้ แต่เมื่อไรก็ตาม
ที่เหล็กไม่เป็นสนิม ผมกลับจะรู้สึกเป็นกังวลมากกว่า" ...จนถึงตอนนี้ ก็ยังไม่เคยมีใครขำกับตลกมุกนี้ของผมเลยแม้แต่ซักคนเดียว 555
จุดเริ่มต้นของการทำตู้เหล็ก
ตู้เหล็กหลังแรกถูกทำขึ้นด้วยเหตุจูงใจอะไรผมจำไม่ได้แน่ชัดนัก จำได้เพียงว่าหลังจากสร้างบ้านเสร็จ เคลียร์ทุกอย่างออกจากหน้างาน
ปรากฎว่าเหลือช่างเหล็กตกสำรวจอยู่หนึ่งคน 555 ช่างตกสำรวจ คือ ช่างที่ไม่ได้ทำงานประจำและยังว่างงานอยู่ ด้วยความเห็นอกเห็นใจ
และชื่นชอบในฝีมือการทำงานผมเลยตัดสินใจคุยกับช่างว่า "มาเรามาทำตู้เหล็กกัน" (ถึงตอนนี้ก็ยังสงสัยว่าทำไมไม่คิดทำอย่างอื่นว๊า )
ง่ายๆแบบนั้นนั่นแหละครับ "จุดเริ่มต้น"

: ช่างผู้โชคดีกับการทำเก้าอี้บาร์ ช่วงเบรคจากงานตู้เหล็ก
เหล่าบรรดาตู้ที่ถูกรังสรร
ตู้ทุกหลังเริ่มแรกจะถูกวาดภาพคร่าวๆในหัว, วาดเป็นลายเส้นแบบง่ายๆในกระดาษ หรือไม่ก็เป็นการออกแบบง่ายๆในคอม
จากนั้นก็เป็นการลงมือทำงานจริงกันเลย แล้วค่อยปรับแต่งรายละเอียดทีละจุดๆ ตามความถนัดส่วนตัว มาลองดูกันครับ

: ช่วงโควิด คุณแฟนแบ่งครีบปลาวาฬที่เลี้ยงไว้มาวางขายหน้าบ้าน เหล่าตู้ตู้ก็เลยต้องมารับ job ขายต้นไม้ประคองตัวไปพลางๆ 555
ตู้หัวเตียง
ตู้หลังนี้ย่อขนาดมาจากตู้หลังใหญ่ มีลิ้นชักเล็กๆไว้เก็บความลับ ด้วยขนาดที่เล็กเลยให้เป็นตู้หัวเตียง แรกตั้งใจจะทิ้งไว้ให้เป็นสนิม
ทั้งหลัง หรือไม่ก็ทำสีเหลือง แต่สุดท้ายก็กลายเป็นสีขาว 555 ก็ไม่รู้ว่าจะตั้งใจไว้แต่แรกทำไมเนอะ


ตู้มน
หลังนี้ออกแบบให้เรียบและน้อย มีมือจับข้างเดียว แรกเริ่มเดิมทีอยากให้เป็นผู้หญิงเพราะด้วยสรีระที่ดูอ่อนโยน มุมมนทั้ง 4 มุม
เลยอยากทำสีม่วงอมชมพูพาสเทลให้หวานๆนิด แต่สุดท้ายก็อดใจกับสนิมไม่ได้จริงๆ 555 สีสุดท้ายภายนอกสนิม ภายในสีครีม


ตู้บานเกล็ด
หลังนี้จากความชอบบานเกล็ดเป็นการส่วนตัวล้วนๆ ดูหนักแน่นขึงขัง เลยตั้งใจอยากให้เป็นผู้ชาย จะทำสีฟ้าเพื่อให้ดูแมนหน่อย
แต่สุดท้ายก็อดใจกับสนิมไม่ได้อีกเช่นเคย แต่ที่สำคัญหลังนี้ต้องมารับ job ให้กับกระถางสีชมพู ก็เลยต้องเป็น...ชายหัวใจชมพู 555
สีสุดท้ายภายนอกสนิม ภายในชมพูพาสเทลหวานแหวว อารมณ์ contrast เริ่มมา


ตู้แขวนผนัง
หลังนี้แขวนผนังที่บ้านของคุณแม่แฟน ท่านบอกว่าอยากได้ตู้แขวนไว้เก็บของจุกๆจิกๆที่ดูระเกะระกะในครัว ที่ต้องการคือเรียบและเบา
เลยทำสีขาวให้เข้ากับสีครัวที่เป็นสีอ่อนอยู่แล้ว จนถึงตอนนี้ก็ใช้งานได้ดี และของจุกจิกที่เกะกะสายตา...ก็ยังมีอยู่เรื่อยๆเช่นเดิม 555
หลังนี้สีที่ตั้งใจและสีสุดท้ายไม่มีเปลี่ยนแปลงครับ (ไม่กล้า 555)
ตู้รองเท้า
หลังนี้เป็นงานไม่ยากแต่ก็ไม่ง่าย ออกแบบให้ดูเรียบแต่มีแอบเก๋ที่มือจับ โดยเฉพาะหลังใหญ่ ที่ดูเผินๆก็เหมือนเป็นตู้ที่มีมือจับชิ้นเดียวใหญ่ๆ
แต่จริงๆแล้วตู้มีประตู 4 บาน มือจับแยกชิ้นอิสระตามแต่ละบาน หลังนี้เพื่อนสมัยมัธยมสั่งทำสำหรับรองเท้า 24 คู่ ส่วนหลังเล็กใส่ได้ 16 คู่
หลังนี้ทำสีทูโทน ขาว-ชมพู งดสนิม 555
ตู้ไม้
ปกติงานเหล็กจะเป็นงานของช่าง แต่เมื่อไรที่เป็นงานไม้ ผมจะได้ออกโรงเองเพราะช่างไม่ถนัด 555 แต่ก็ต้องออกตัวว่าผมก็ไม่ได้เป็นช่างไม้
ที่มีความชำนาญ เพียงแค่ชอบเป็นการส่วนตัว แล้วก็พอมีความรู้ติดตัวนิดๆหน่อยๆ และงานไม้ที่ทำจะเป็นงานง่ายๆ ที่ไม่ต้องใช้เครื่องมือเยอะ
แต่ก็จะให้มีอะไรเก๋ๆนิดๆหน่อยพอกล้อมแกล้ม ซึ่งตอนนี้งานที่ทำออกมาแล้วก็คือ ตู้หัวเตียงและตู้รองเท้า ลองไปดูกันนะครับ
ตู้หัวเตียง
อยากทำตู้ไม้ที่มีสีเข้มๆแล้วตัดฉับด้วยสีภายในอ่อนๆ งานเลยได้ออกมาอย่างที่เห็น ตู้หัวเตียงไม้สนขาเหล็ก มีลิ้นชักสำหรับเก็บความลับเล็กๆ
ภายนอกทาด้วยสีประดู่หลายๆชั้นจนเข้ม ภายในสีฟ้าอ่อนๆ (บางคนเรียกฟ้าลูกกวาด) อารมณ์ contrast ก็เลยมา ส่วนตัวชอบ-ชอบมากครับหลังนี้
ตู้รองเท้า
หลังนี้อยากให้เรียบที่สุดเท่าที่จะเรียบได้ แต่ก็เกรงว่าจะมากเกินไปสำหรับหลายๆคน เลยให้มีมือจับที่เป็นเหล็กชิ้นเรียบๆแต่ใหญ่หน่อย
พอได้ดูดสายตา ซ่อนลิ้นชักไว้ภายในสำหรับเก็บถุงเท้า เจาะรูฝาหลังสำหรับระบายอากาศ หลังนี้จอดรองเท้าได้ 16 คู่เป็นอย่างน้อย
ทำจากไม้ยางพาราประสาน ย้อมสีธรรมชาติ เวลาใช้งานก็จะดูอุ่นๆใกล้ชิดธรรมชาติหน่อยนึง เหมาะมากสำหรับสายรักสิ่งแวดล้อม 555
งานเฟอร์นิเจอร์
นอกเหนือจากงานตู้ ผมก็เริ่มทำเฟอร์นิเจอร์ไว้บางส่วน ทุกชิ้นจะถูกออกแบบมาจากความชอบส่วนตัวเป็นหลัก ทำให้บางชิ้นอาจดูขัดหูขัดตาไปบ้าง
แต่นั่นก็มิใช่ปัญหาของผมแต่อย่างใด 555 อย่างไรก็ตาม ไม่พูดพล่ามทำเพลง สำหรับคนที่ชอบก็แล้วกันนะครับ
เก้าอี้บาร์ 3 ขา
บาร์ 3 ขา และเก้าอี้บาร์ไม้ผสมเหล็ก
เก้าอี้ขาเหล็ก
ตู้เหลือง
หลังนี้อาจถือได้ว่าเป็นงาน signature ของผม เป็นดีไซน์แรกสำหรับการทำตู้เหล็กครั้งแรกและเป็นหลังแรก ถูกออกแบบด้วยแนวคิด
“stand alone” คือ สวยได้ด้วยตัวเองไม่ว่าจะเอาไปวางตรงใหน ตั้งใจให้เข้าได้กับงานตกแต่งทุกสไตล์ เป็นตู้เหล็กปิดผิวด้านนอกและด้านใน
ด้วยเหล็กแผ่น มีลิ้นชัก (ขอบอกว่าทำลิ้นชักเหล็กยากเอาเรื่อง) ทำสีสองเฉด ภายนอกทำสีเหลือง golden autumn และภายในด้วยสีเดียวกัน
แต่เฉดอ่อนลง เคลือบผิวด้านด้วย PU ผมตั้งใจจะเก็บหลังนี้ไว้พื่อส่งต่อให้ถึงมือของใครบางคน...

ไม่รู้จะเอาไปใส่อะไร?
คำถามสุดคลาสสิคที่ทำให้ผมตัดสินใจรวบรวมเรื่องราวของตัวเอง ที่กระจัดกระจายอยู่ตามจุดต่างๆในบ้าน แล้วค่อยๆบรรจงจัดเรียงใส่ในตู้
ทีละชิ้นๆ อาจไม่ได้เลิศหรูดูดี แต่ทุกชิ้นก็แอบมีเรื่องราวเล็กๆที่ทำให้ผมยิ้มหรือแม้กระทั่งน้ำตาคลอ...ผมจะลองใส่เรื่องราวของผมดู
ความผูกพันที่มองไม่เห็นด้วยตาเปล่า
จำไม่ได้จริงๆ ว่าตัวเองเริ่มชอบตู้อย่างจริงจังตั้งแต่เมื่อไหร่? แต่ผมยังจำเรื่องราวเกี่ยวกับตู้เสื้อผ้าไม้หลังเก่า ที่บ้านหลังเก่าได้เป็นอย่างดี
จำได้ว่า...ตอนเล่นซ่อนแอบ ผมจะเอาตัวเองเข้าไปนั่งบนกองผ้าแล้วปิดตู้ กลิ่นผ้าที่คุ้นเคยของแม่ก็จะลอยมาเข้าจมูก แล้วผมก็จะโดนพี่ๆจับได้
จำได้ว่า...พ่อเอาตะปูตัวเล็กๆมาตอกข้างตู้ เพื่อให้พี่ๆได้เอาปฎิทินดารามาแขวนตกแต่ง ดาราดังๆยุคนั้น ต่างก็เวียนมาใช้บริการข้างตู้ประจำ
จำได้ว่า...พี่ๆช่วยกันเอาสีสากๆแป้งๆ มาทาภายในตู้ จากสีครีมอุ่นๆ เป็นสีชมพูแปร๊ดดด...แล้วมันก็บอกว่าอย่างนี้แหละสวยๆๆ 555
ทุกวันนี้พ่อกับแม่ผมไป long long holiday ด้วยกันทั้งคู่แล้ว พี่ๆของผมแต่ละคนก็เริ่มแก่ตัวกันตามวัยแล้ว ส่วนตัวผมเองก็มีลูกสาว ผมหวัง/อยาก
สร้างเรื่องราวเรื่องใหม่ ใส่ไว้ในตู้หลังใหม่ หลังที่ผมจะเก็บไว้ให้ลูกสาวเอาไปเป็นเรื่องราวเล่าต่อในวันที่เค้าเติบโตขึ้น, ผมแก่ตัวลงและจากเค้าไป
ให้เหมือนที่ผมยังจดจำเรื่องราวที่อยู่ในตู้หลังเก่า ที่พ่อกับแม่ของผมได้ฝากไว้เป็นความทรงจำ ที่อาจจะมีเลือนไปบ้าง...แต่ก็ไม่มีวันลืม
ใครหลายคน
เก็บเรื่องราว
ยัดลงในกล่อง
แล้วซุกไว้ที่มุมห้อง...
^_____^
เมื่อผมตัดสินใจทำตู้เหล็กขาย
ผมรู้สึกผูกพันกับตู้และผมหลงรักงานเหล็ก ผมเลยมีความคิดว่าถ้าหากผมต้องใช้เวลาในชีวิตไปกับอะไรซักอย่างอีกซักสิบปี ผมจะขอหาวิธี
ใช้ไปกับสิ่งที่ผมหลงรักและรู้สึกผูกพัน อย่างน้อยถ้าหากบทสรุปสุดท้ายมันอาจจะทำให้เจ็บ เมื่อมองในด้านดีๆมันก็อาจจะยังเป็นความเจ็บ
แบบสุขๆ หรือไม่ก็อาจจะเจ็บไปสุขไป 555 และแล้วผมก็ตัดสินใจเลือกทำตู้เหล็ก...จะไหวมั้ยเนี่ย?
เหล็ก, สนิม และความหลงใหล
หลายคนอาจชอบเหล็กจากหลากหลายเหตุผล ไม่ว่าจะเป็นเรื่องความประหยัด ใช้งานง่าย ทน ฯลฯ ซึ่งผมก็ไม่เถียง เพียงแต่เหตุผลเหล่านี้
ไม่ได้มีน้ำหนักมากพอที่จะทำให้ผมชื่นชอบถึงขั้นลุ่มหลงได้ กระทั่งหลังจากที่ผมได้คลุกคลีและดำดิ่งสู่โลกของงานเหล็กซักระยะนึง
ผมจึงสำเหนียกได้ว่า...ความดีงามที่ถูกรังสรรค์ขึ้นจากเหล็ก มักจะมีร่องรอยอันเป็นเสน่ห์เฉพาะตัว อีกทั้งยังมี "สนิม" ที่เปรียบเสมือน
เครื่องปรุงรสชั้นดี ให้งานเหล็กมีความกลมกล่อมและเท่หาใดเทียม...เหล่านี้ต่างหากที่ทำให้ผมรู้สึกหลงใหลและอิ่มเอม 555 เน่าสนิท!
: ทุกคร้ังที่ได้ยินคำถาม "ไม่กลัวสนิมรึ" ผมมักตอบติดตลกว่า "เหล็กเป็นสนิมนั่นแหละดีแล้ว นั่นหมายความว่าเป็นเหล็กแท้ แต่เมื่อไรก็ตาม
ที่เหล็กไม่เป็นสนิม ผมกลับจะรู้สึกเป็นกังวลมากกว่า" ...จนถึงตอนนี้ ก็ยังไม่เคยมีใครขำกับตลกมุกนี้ของผมเลยแม้แต่ซักคนเดียว 555
จุดเริ่มต้นของการทำตู้เหล็ก
ตู้เหล็กหลังแรกถูกทำขึ้นด้วยเหตุจูงใจอะไรผมจำไม่ได้แน่ชัดนัก จำได้เพียงว่าหลังจากสร้างบ้านเสร็จ เคลียร์ทุกอย่างออกจากหน้างาน
ปรากฎว่าเหลือช่างเหล็กตกสำรวจอยู่หนึ่งคน 555 ช่างตกสำรวจ คือ ช่างที่ไม่ได้ทำงานประจำและยังว่างงานอยู่ ด้วยความเห็นอกเห็นใจ
และชื่นชอบในฝีมือการทำงานผมเลยตัดสินใจคุยกับช่างว่า "มาเรามาทำตู้เหล็กกัน" (ถึงตอนนี้ก็ยังสงสัยว่าทำไมไม่คิดทำอย่างอื่นว๊า )
ง่ายๆแบบนั้นนั่นแหละครับ "จุดเริ่มต้น"
: ช่างผู้โชคดีกับการทำเก้าอี้บาร์ ช่วงเบรคจากงานตู้เหล็ก
เหล่าบรรดาตู้ที่ถูกรังสรร
ตู้ทุกหลังเริ่มแรกจะถูกวาดภาพคร่าวๆในหัว, วาดเป็นลายเส้นแบบง่ายๆในกระดาษ หรือไม่ก็เป็นการออกแบบง่ายๆในคอม
จากนั้นก็เป็นการลงมือทำงานจริงกันเลย แล้วค่อยปรับแต่งรายละเอียดทีละจุดๆ ตามความถนัดส่วนตัว มาลองดูกันครับ
: ช่วงโควิด คุณแฟนแบ่งครีบปลาวาฬที่เลี้ยงไว้มาวางขายหน้าบ้าน เหล่าตู้ตู้ก็เลยต้องมารับ job ขายต้นไม้ประคองตัวไปพลางๆ 555
ตู้หัวเตียง
ตู้หลังนี้ย่อขนาดมาจากตู้หลังใหญ่ มีลิ้นชักเล็กๆไว้เก็บความลับ ด้วยขนาดที่เล็กเลยให้เป็นตู้หัวเตียง แรกตั้งใจจะทิ้งไว้ให้เป็นสนิม
ทั้งหลัง หรือไม่ก็ทำสีเหลือง แต่สุดท้ายก็กลายเป็นสีขาว 555 ก็ไม่รู้ว่าจะตั้งใจไว้แต่แรกทำไมเนอะ
ตู้มน
หลังนี้ออกแบบให้เรียบและน้อย มีมือจับข้างเดียว แรกเริ่มเดิมทีอยากให้เป็นผู้หญิงเพราะด้วยสรีระที่ดูอ่อนโยน มุมมนทั้ง 4 มุม
เลยอยากทำสีม่วงอมชมพูพาสเทลให้หวานๆนิด แต่สุดท้ายก็อดใจกับสนิมไม่ได้จริงๆ 555 สีสุดท้ายภายนอกสนิม ภายในสีครีม
ตู้บานเกล็ด
หลังนี้จากความชอบบานเกล็ดเป็นการส่วนตัวล้วนๆ ดูหนักแน่นขึงขัง เลยตั้งใจอยากให้เป็นผู้ชาย จะทำสีฟ้าเพื่อให้ดูแมนหน่อย
แต่สุดท้ายก็อดใจกับสนิมไม่ได้อีกเช่นเคย แต่ที่สำคัญหลังนี้ต้องมารับ job ให้กับกระถางสีชมพู ก็เลยต้องเป็น...ชายหัวใจชมพู 555
สีสุดท้ายภายนอกสนิม ภายในชมพูพาสเทลหวานแหวว อารมณ์ contrast เริ่มมา
ตู้แขวนผนัง
หลังนี้แขวนผนังที่บ้านของคุณแม่แฟน ท่านบอกว่าอยากได้ตู้แขวนไว้เก็บของจุกๆจิกๆที่ดูระเกะระกะในครัว ที่ต้องการคือเรียบและเบา
เลยทำสีขาวให้เข้ากับสีครัวที่เป็นสีอ่อนอยู่แล้ว จนถึงตอนนี้ก็ใช้งานได้ดี และของจุกจิกที่เกะกะสายตา...ก็ยังมีอยู่เรื่อยๆเช่นเดิม 555
หลังนี้สีที่ตั้งใจและสีสุดท้ายไม่มีเปลี่ยนแปลงครับ (ไม่กล้า 555)
ตู้รองเท้า
หลังนี้เป็นงานไม่ยากแต่ก็ไม่ง่าย ออกแบบให้ดูเรียบแต่มีแอบเก๋ที่มือจับ โดยเฉพาะหลังใหญ่ ที่ดูเผินๆก็เหมือนเป็นตู้ที่มีมือจับชิ้นเดียวใหญ่ๆ
แต่จริงๆแล้วตู้มีประตู 4 บาน มือจับแยกชิ้นอิสระตามแต่ละบาน หลังนี้เพื่อนสมัยมัธยมสั่งทำสำหรับรองเท้า 24 คู่ ส่วนหลังเล็กใส่ได้ 16 คู่
หลังนี้ทำสีทูโทน ขาว-ชมพู งดสนิม 555
ตู้ไม้
ปกติงานเหล็กจะเป็นงานของช่าง แต่เมื่อไรที่เป็นงานไม้ ผมจะได้ออกโรงเองเพราะช่างไม่ถนัด 555 แต่ก็ต้องออกตัวว่าผมก็ไม่ได้เป็นช่างไม้
ที่มีความชำนาญ เพียงแค่ชอบเป็นการส่วนตัว แล้วก็พอมีความรู้ติดตัวนิดๆหน่อยๆ และงานไม้ที่ทำจะเป็นงานง่ายๆ ที่ไม่ต้องใช้เครื่องมือเยอะ
แต่ก็จะให้มีอะไรเก๋ๆนิดๆหน่อยพอกล้อมแกล้ม ซึ่งตอนนี้งานที่ทำออกมาแล้วก็คือ ตู้หัวเตียงและตู้รองเท้า ลองไปดูกันนะครับ
ตู้หัวเตียง
อยากทำตู้ไม้ที่มีสีเข้มๆแล้วตัดฉับด้วยสีภายในอ่อนๆ งานเลยได้ออกมาอย่างที่เห็น ตู้หัวเตียงไม้สนขาเหล็ก มีลิ้นชักสำหรับเก็บความลับเล็กๆ
ภายนอกทาด้วยสีประดู่หลายๆชั้นจนเข้ม ภายในสีฟ้าอ่อนๆ (บางคนเรียกฟ้าลูกกวาด) อารมณ์ contrast ก็เลยมา ส่วนตัวชอบ-ชอบมากครับหลังนี้
ตู้รองเท้า
หลังนี้อยากให้เรียบที่สุดเท่าที่จะเรียบได้ แต่ก็เกรงว่าจะมากเกินไปสำหรับหลายๆคน เลยให้มีมือจับที่เป็นเหล็กชิ้นเรียบๆแต่ใหญ่หน่อย
พอได้ดูดสายตา ซ่อนลิ้นชักไว้ภายในสำหรับเก็บถุงเท้า เจาะรูฝาหลังสำหรับระบายอากาศ หลังนี้จอดรองเท้าได้ 16 คู่เป็นอย่างน้อย
ทำจากไม้ยางพาราประสาน ย้อมสีธรรมชาติ เวลาใช้งานก็จะดูอุ่นๆใกล้ชิดธรรมชาติหน่อยนึง เหมาะมากสำหรับสายรักสิ่งแวดล้อม 555
งานเฟอร์นิเจอร์
นอกเหนือจากงานตู้ ผมก็เริ่มทำเฟอร์นิเจอร์ไว้บางส่วน ทุกชิ้นจะถูกออกแบบมาจากความชอบส่วนตัวเป็นหลัก ทำให้บางชิ้นอาจดูขัดหูขัดตาไปบ้าง
แต่นั่นก็มิใช่ปัญหาของผมแต่อย่างใด 555 อย่างไรก็ตาม ไม่พูดพล่ามทำเพลง สำหรับคนที่ชอบก็แล้วกันนะครับ
เก้าอี้บาร์ 3 ขา
บาร์ 3 ขา และเก้าอี้บาร์ไม้ผสมเหล็ก
เก้าอี้ขาเหล็ก
ตู้เหลือง
หลังนี้อาจถือได้ว่าเป็นงาน signature ของผม เป็นดีไซน์แรกสำหรับการทำตู้เหล็กครั้งแรกและเป็นหลังแรก ถูกออกแบบด้วยแนวคิด
“stand alone” คือ สวยได้ด้วยตัวเองไม่ว่าจะเอาไปวางตรงใหน ตั้งใจให้เข้าได้กับงานตกแต่งทุกสไตล์ เป็นตู้เหล็กปิดผิวด้านนอกและด้านใน
ด้วยเหล็กแผ่น มีลิ้นชัก (ขอบอกว่าทำลิ้นชักเหล็กยากเอาเรื่อง) ทำสีสองเฉด ภายนอกทำสีเหลือง golden autumn และภายในด้วยสีเดียวกัน
แต่เฉดอ่อนลง เคลือบผิวด้านด้วย PU ผมตั้งใจจะเก็บหลังนี้ไว้พื่อส่งต่อให้ถึงมือของใครบางคน...
ไม่รู้จะเอาไปใส่อะไร?
คำถามสุดคลาสสิคที่ทำให้ผมตัดสินใจรวบรวมเรื่องราวของตัวเอง ที่กระจัดกระจายอยู่ตามจุดต่างๆในบ้าน แล้วค่อยๆบรรจงจัดเรียงใส่ในตู้
ทีละชิ้นๆ อาจไม่ได้เลิศหรูดูดี แต่ทุกชิ้นก็แอบมีเรื่องราวเล็กๆที่ทำให้ผมยิ้มหรือแม้กระทั่งน้ำตาคลอ...ผมจะลองใส่เรื่องราวของผมดู
ความผูกพันที่มองไม่เห็นด้วยตาเปล่า
จำไม่ได้จริงๆ ว่าตัวเองเริ่มชอบตู้อย่างจริงจังตั้งแต่เมื่อไหร่? แต่ผมยังจำเรื่องราวเกี่ยวกับตู้เสื้อผ้าไม้หลังเก่า ที่บ้านหลังเก่าได้เป็นอย่างดี
จำได้ว่า...ตอนเล่นซ่อนแอบ ผมจะเอาตัวเองเข้าไปนั่งบนกองผ้าแล้วปิดตู้ กลิ่นผ้าที่คุ้นเคยของแม่ก็จะลอยมาเข้าจมูก แล้วผมก็จะโดนพี่ๆจับได้
จำได้ว่า...พ่อเอาตะปูตัวเล็กๆมาตอกข้างตู้ เพื่อให้พี่ๆได้เอาปฎิทินดารามาแขวนตกแต่ง ดาราดังๆยุคนั้น ต่างก็เวียนมาใช้บริการข้างตู้ประจำ
จำได้ว่า...พี่ๆช่วยกันเอาสีสากๆแป้งๆ มาทาภายในตู้ จากสีครีมอุ่นๆ เป็นสีชมพูแปร๊ดดด...แล้วมันก็บอกว่าอย่างนี้แหละสวยๆๆ 555
ทุกวันนี้พ่อกับแม่ผมไป long long holiday ด้วยกันทั้งคู่แล้ว พี่ๆของผมแต่ละคนก็เริ่มแก่ตัวกันตามวัยแล้ว ส่วนตัวผมเองก็มีลูกสาว ผมหวัง/อยาก
สร้างเรื่องราวเรื่องใหม่ ใส่ไว้ในตู้หลังใหม่ หลังที่ผมจะเก็บไว้ให้ลูกสาวเอาไปเป็นเรื่องราวเล่าต่อในวันที่เค้าเติบโตขึ้น, ผมแก่ตัวลงและจากเค้าไป
ให้เหมือนที่ผมยังจดจำเรื่องราวที่อยู่ในตู้หลังเก่า ที่พ่อกับแม่ของผมได้ฝากไว้เป็นความทรงจำ ที่อาจจะมีเลือนไปบ้าง...แต่ก็ไม่มีวันลืม
ใครหลายคน
เก็บเรื่องราว
ยัดลงในกล่อง
แล้วซุกไว้ที่มุมห้อง...
^_____^