อัพเดทจากกระทู้ที่แล้วนะคะ
ตอนนี้เกือบ 1 ปีที่ผ่านมาจิตใจเริ่มแย่ขึ้นมากๆจากที่พ่อมีโลกสองใบ และแม่ได้เสียในเดือนมีนาปีที่แล้ว ตอนนี้ทุกอย่างมันแย่มาก จนเริ่มหาทางออกไม่ได้เพราะทุกอย่างไม่ว่าจะมองไปทางไหนก็เหมือนโดนขีดเส้นไว้หมดจนตอนนี้เริ่มไม่มีแม้กระทั่งที่ที่เราจะสามารถส่งเสียงออกไปได้เลย
เพราะหลังจากที่แม่เสีย เราก็ต้องได้อยู่กับย่าส่วนพ่อก็ยังไปๆมาๆ แต่ปัญหาที่หนูหนักใจอยู่ตอนนี้ก็คือคุณย่าเป็นคนที่หัวโบราณมากๆ
คือปกติในตอนที่แม่อยู่แม่จะช่วยซับพอร์ตอยู่ตลอดเวลาไม่ว่าจะเป็นเรื่องอะไรก็ตาม แต่ต่างจากคุณย่าที่หลังจากแม่เสียท่านจะเป็นเหมือนผู้ปกครองแทนแม่ แล้วจะตัดสินใจทุกอย่างโดย บางทีท่านก็ไม่ถามถึงจิตใจของหลานเลย ในหลายๆ ท่านมักจะเอาความคิดตัวเองมาที่หนึ่ง ช่างเช่น
หนูแพลนไว้ว่าหนูจะเริ่มทำธุรกิจค้าขายของกับเพื่อนที่เป็นสาวสอง ท่านก็จะพูดอะไรในเชิงลบ ที่ฝังแล้วบางทีผู้ใหญ่ก็ไม่ควรจะว่าเด็กได้ถึงขนาดนี้เพียงเพราะเค้าไม่ใช่ผู้หญิง บ้างครั้งก็เข้าใจว่าท่านอาจเป็นห่วง แต่บ้างครั้งก็ดูเกินไปจนเริ่มรู้สึก เหนื่อยและไม่ใช่แค่เรื่องนี้เพราะมีอีกหลายๆเรื่องที่ไม่ว่าเราจะทำอะไรจะพูดอะไรท่านก็พูดให้เราหมดกำลังใจอยู่สเมอจนเรากลายเป็นคนเริ่มขาดความมันใจในตัวเอง มากๆเพราะไม่ว่าจะทำอะไรก็จะไม่ดีไปหมดจนเราไม่สามารถตัดสินใจอะไรด้วยตัวเองได้เลย
ทุกอย่างมันบีบหัวใจไปหมด จนหนึ่งปีที่ผ่านมาไม่มีวันไหนเลยที่ไม่ร้องไห้
จนบางครั้งก็เหนื่อยที่จะพยายามเพราะว่าไม่ว่าจะทำอะไรเค้าก็จะทำให้เราหมดกำลังใจและใช้เชือกผูกคอเราไว้ให้ไปในทางที่เค้าต้องการ....
(แม่ไม่มี พ่อก็มีครอบครัวใหม่ ครอบครัวไม่มีใครรับฝังเราเลย ชีวิตตอนนี้ถึงจุดที่ต่ำสุดเท่าที่เคยเจอมาแล้ว)
หนีออกจากบ้านดีไหมคะ อยากเริ่มต้นด้วยการตัดสินใจอะไรที่เป็นของเราจริงๆ เพราะไม่ไหวกับสิ่งรอบข้างตอนนี้
หนีออกบ้านดีไหม
ตอนนี้เกือบ 1 ปีที่ผ่านมาจิตใจเริ่มแย่ขึ้นมากๆจากที่พ่อมีโลกสองใบ และแม่ได้เสียในเดือนมีนาปีที่แล้ว ตอนนี้ทุกอย่างมันแย่มาก จนเริ่มหาทางออกไม่ได้เพราะทุกอย่างไม่ว่าจะมองไปทางไหนก็เหมือนโดนขีดเส้นไว้หมดจนตอนนี้เริ่มไม่มีแม้กระทั่งที่ที่เราจะสามารถส่งเสียงออกไปได้เลย
เพราะหลังจากที่แม่เสีย เราก็ต้องได้อยู่กับย่าส่วนพ่อก็ยังไปๆมาๆ แต่ปัญหาที่หนูหนักใจอยู่ตอนนี้ก็คือคุณย่าเป็นคนที่หัวโบราณมากๆ
คือปกติในตอนที่แม่อยู่แม่จะช่วยซับพอร์ตอยู่ตลอดเวลาไม่ว่าจะเป็นเรื่องอะไรก็ตาม แต่ต่างจากคุณย่าที่หลังจากแม่เสียท่านจะเป็นเหมือนผู้ปกครองแทนแม่ แล้วจะตัดสินใจทุกอย่างโดย บางทีท่านก็ไม่ถามถึงจิตใจของหลานเลย ในหลายๆ ท่านมักจะเอาความคิดตัวเองมาที่หนึ่ง ช่างเช่น
หนูแพลนไว้ว่าหนูจะเริ่มทำธุรกิจค้าขายของกับเพื่อนที่เป็นสาวสอง ท่านก็จะพูดอะไรในเชิงลบ ที่ฝังแล้วบางทีผู้ใหญ่ก็ไม่ควรจะว่าเด็กได้ถึงขนาดนี้เพียงเพราะเค้าไม่ใช่ผู้หญิง บ้างครั้งก็เข้าใจว่าท่านอาจเป็นห่วง แต่บ้างครั้งก็ดูเกินไปจนเริ่มรู้สึก เหนื่อยและไม่ใช่แค่เรื่องนี้เพราะมีอีกหลายๆเรื่องที่ไม่ว่าเราจะทำอะไรจะพูดอะไรท่านก็พูดให้เราหมดกำลังใจอยู่สเมอจนเรากลายเป็นคนเริ่มขาดความมันใจในตัวเอง มากๆเพราะไม่ว่าจะทำอะไรก็จะไม่ดีไปหมดจนเราไม่สามารถตัดสินใจอะไรด้วยตัวเองได้เลย
ทุกอย่างมันบีบหัวใจไปหมด จนหนึ่งปีที่ผ่านมาไม่มีวันไหนเลยที่ไม่ร้องไห้
จนบางครั้งก็เหนื่อยที่จะพยายามเพราะว่าไม่ว่าจะทำอะไรเค้าก็จะทำให้เราหมดกำลังใจและใช้เชือกผูกคอเราไว้ให้ไปในทางที่เค้าต้องการ....
(แม่ไม่มี พ่อก็มีครอบครัวใหม่ ครอบครัวไม่มีใครรับฝังเราเลย ชีวิตตอนนี้ถึงจุดที่ต่ำสุดเท่าที่เคยเจอมาแล้ว)
หนีออกจากบ้านดีไหมคะ อยากเริ่มต้นด้วยการตัดสินใจอะไรที่เป็นของเราจริงๆ เพราะไม่ไหวกับสิ่งรอบข้างตอนนี้