แชร์ประสบการณ์ เก็บเงินให้ได้1ล้าน ก่อนอายุ30 ผมเชื่อว่าผมทำได้คุณก็ทำได้

ก่อนที่จะตัดสินใจเขียนกระทู้นี้ ผมคิดอยู่นานเหมือนกันว่าจะเขียนมันดีมั้ย เพราะเดี๋ยวก็มีคนว่าอวดรวยบ้าง หมั่นใส้บ้าง แต่เป็นไงเป็นกันเขียนก็เขียนเพื่อเป็นกำลังใจให้คนอื่นๆ ถึงเงิน1ล้านบาทมันจะไม่ได้เยอะมากมายแต่เชื่อว่ากระทู้นี้จะเป็นกำลังใจให้คนที่ตามหาล้านแรกได้ 
มาเริ่มกันเลย
ขอย้อนกลับไปอดีตสักหน่อยนึงนะครับเพื่อที่จะได้รู้จักผมมากขึ้นหน่อย ผมเกิดในครอบครัวค้าขายเป็นลูกพ่อค้าแม่ค้าธรรมดาคนนึง เพราะฉนั้นเราจะได้เห็นพ่อ-แม่ทำงานหนักมาตั้งแต่เล็กๆ แต่ผมเชื่อว่าผมโชคดีที่พ่อแม่เลี้ยงผมมาให้คิดและตัดสินใจได้ด้วยตัวเอง ซึ่งมันทำให้เกิดจุดเปลี่ยนอะไรๆหลายๆอย่างในชีวิตเดี๋ยวจะค่อยๆเล่าต่อไป สมัยเด็กๆผมก็เป็นเด็กปรกติคนนึงอยู่กับพ่อกับแม่ แต่เมื่อผมอยู่ ป.4 พ่อแม่ผมมีปัญหากันทำให้ครอบครัวต้องแยกกันอยู่ชั่วคราวซึ่งแน่นอนผมต้องไปอยู่กับแม่ที่บ้านตายาย การที่ผมต้องไปอยู่กับแม่โดยที่พ่อเป็นหัวหน้าครอบครัวทำให้พ่อต้องให้เงินผมไปโรงเรียนเดือนละ1ครั้ง และแม่ก็ไม่ได้เข้ามาควบคุมการใช้เงินของผม ทำให้ผมต้องบริหารค่าใช่จ่ายของตัวเองให้เหลือพอที่จะมีชีวิตต่อให้ครบ1เดือน โชคดีที่พ่อให้เงินค่อนข้างเยอะมันก็เลยผ่านไปได้สบายๆแถมมีเงินเก็บ เชื่อว่าเหตุการณ์นี้มันสร้างวินัยทางการเงินให้ผมพอสมควร
ต่อมาเมื่อผมอยู่มัธยม พ่อกับแม่คุยกันได้เเละกลับไปอยู่ด้วยกัน แต่ความโชคร้ายดันมาตกที่ผม5555 เพราะแถวบ้านผมไม่มีโรงเรียนดีๆ ผมเลยต้องอยู่กับตากับยายต่อไปอีก6ปี 555 
ในช่วงที่ผมอยู่มัธยม ก็เหมือนปรกติ ผมได้ค่าขนมเป็นเดือนๆ แต่ประเด็นมันอยู่ที่ว่ามันมีบางครั้งที่พ่อแม่ผมลืมให้ ผมก็ไม่ได้ทวงอะไร ก็เดือนหน้าก็ได้ ช่วงมัธยมรายจ่ายก็มากขึ้น เพราะอยากได้อะไรก็เก็บเงินซื้อเองทั้งหมด ซึ่งผมก็ค่อนข้างประหยัดเลยที่เดียวเหละในส่วนนี้ว่าประหยัดยังไงขอข้ามไปนะพูดแล้วขำตัวเอง ก็เป็นชีวิตที่ปรกติ แต่ช่วงม.ปลายเพื่อนเริ่มเรียนพิเศษกันเยอะมาก มันทำให้ผมเรียนตามเพื่อนไม่ทัน ผมเริ่มอ่านหนังสือมากขึ้นเพราะว่าไม่สามารถที่จะจ่ายเงินค่าเรียนพิเศษเหมือนเพื่อนๆได้แล้วเพื่อนๆก็เก่งกันมากชนิดที่ว่าบางคนถึงขนาดได้เหรียญโอลิมปิกวิชาการระดับประเทศกันเลย ส่วนตัวผมหน่ะเหรอเคยไปแข่งกับเค้าเหมือนกันได้แค่รางวัลชมเชยหน่ะ แต่ถึงอย่างไรมันก็ไกลมากสำหรับผมแล้วแหละ ผมแก้ปัญหาเรียนตามเพื่อนไม่ทันด้วยการเรียนออนไลน์ฟรีกับเว็ปที่ชื่อ trueplookpanya ทำให้ผมพอที่จะตามเพื่อนได้ทันโดยไม่หมดตัวซะก่อน5555 ตรงนี้ขอบคุณtrue ที่ทำให้เด็กด้อยโอกาสอย่างผมพอจะมีที่ยืนในสังคมการศึกษาบ้าง โดยรวมช่วงมัธยมก็เป็นคนธรรมดาๆคนนึงที่จนๆ
ในช่วงมหาลัย 
 ก็อย่างเดิมผมได้เงินเป็นเดือน แต่ความพิเศษมันอยู่ที่ว่าพ่อแม่ผมเค้าเหมาจ่ายแล้วเค้าไม่รู้ว่า ค่าหนังสือมันก็อย่างแพงบางเล่มก็1000++ ทำให้ผมต้องประหยัดสุดๆ แบบกินมาม่า เช้าเย็น555 ลืมบอกไปผมกู้ กยศ นะครับ แต่มันก็ไม่ได้พอใช้อะไร ในปีหนึ่งผมก็ตั้งใจเรียนดี ผมเรียนวิศวะที่ลาดกระบังนะครับ ภาควิชาอะไรไม่ขอบอกเดี๋ยวเค้าตามตัวผมเจอ5555 ผมอยู่กับเพื่อนที่เรียนเก่งแล้วพวกมันก็มีตังค์กันเยอะเหลือเกิน555 ชอบชวนผมไปกินข้าว ซึ่งปี1ผมก็ต้องปฎิเสธไปทุกครั้งเพราะไม่มีตังค์ไปกินกับเค้า555 แต่ปี2-4ก็ไปด้วยครับเพราะพอมีตังค์ เอาเป็นว่าเรื่องประหยัดตอนปี1เล่าพอประมาณละกันจริงๆชีวิตอนาจกว่านี้อีกเยอะเล่าแล้วน้ำตาจะไหล55 ช่วงปลายปี1นี่ก็เป็นจุดเปลี่ยนสำคัญในชีวิตผมเหมือนกันเพราะผมเจอกับแก็งค์ amwayครับ แต่ขอบอกผมไม่ได้ทำขายตรงอไรกับเค้านะครับ ช่วงนั้นเค้าอยากให้คนสมัครเป็นดาวไลน์เค้าก็บิ้วความอยากมีอยากรวยให้ แต่ขอบอกใช้ไม่ได้กับผม แต่ผมได้รู้จัก alibaba จากคนที่จะชวนผมเป็นดาวไลน์เนี่ยแหละครับ มันเป็นจุดเปลี่ยนสำหรับผมเลย 
ต่อมาผมอยู่ปี2 ผมได้ทุนการศึกษาจากบริษัทdaikin (ด้วยความสำนึกตอนนี้แอร์บ้านผมทุกตัวเป็นdaikin 5555 จริงๆของเค้าดีกว่ายี่ห้ออื่นๆด้วยครับผมเคยทำงานโรงงานผลิตแอร์ยี่ห้ออื่นด้วยทำให้รู้daikinมันสุดยอดกว่าจริงๆรู้เพราะไปฝึกงานมา555) หลังจากผมได้ทุนโอนเข้าบัญชีมา ผมก็เอาไปซื้อของมาขาย เป็นสินค้าที่คนต้องการ แต่ไม่มีคนขายหนะครับผมเริ่มต้นด้วยการนั่งรถไฟฟรีไปซื้อของจากย่านค้าส่งของคนจีนในกทม.มาด้วยเงินประมาณ1200บาท เอาไปขายในกลุ่มเฟสบุ๊ค แต่ช่วงแรกก็ได้น้อยนะครับเพราะว่าผมมือใหม่ไม่ได้มีของให้เลือกเยอะแล้วก็ไม่ได้มีกลุ่มลูกค้าในมือเยอะ ต่อมาผมเริ่มสร้างร้านกับLnwshop ทำอยู่นานครับแต่เจ๊ง555 ผมก็อยุดทำไปช่วงนึงเพราะขายได้ไม่ดี ช่วงนี้ผมบอกพ่อแม่ว่าไม่ต้องส่งเงินมาให้แล้วครับ จากนี้ไปผมจะลองเลี้ยงตัวเองให้ได้ ก็จะมีรายจ่ายประจำอยู่เดือนละหมื่นกว่าบาทครับ มันทำให้ผมต้องขวนขวายทำงานไปอีก แต่ผมถือคติว่าเราลำบากดีกว่าให้พ่อแม่ลำบากครับ พอทำได้ก็ทำไป เหนื่อยก็พักนอนตื่นมาก็หาย 
มาช่วงปี3-4
จากที่เคยเล่าผมรู้จักalibaba ผมรู้ครับว่ามันมีของหลายอย่างขายส่ง ประกอบกับมีเงินทุนจากdaikinที่ได้มาใหม่(ผมได้มา1หมื่นครับ)จากนั้นผมควานของมาขายครับ หาทุกวัน ทำทุกวัน(ผมอ่อนอังกฤษมากครับใช้google แปลเอา อาศัยหาเยอะๆ สนใจก็ถามไป พิมผิดๆถูกๆไป จริงๆก็ใช้ความหน้าด้านเข้าว่าหน่ะครับ ) เเรกๆผมยอมรับเลยครับผมศึกษาจากผู้นำตลาด ผมเลียนแบบเค้าบ้าง5555 แต่ท้ายที่สุดผมหาสไตล์ตัวเองเจอนะครับ555 หลังจากผมได้ของล็อตแรกมานะครับ ใจหายครับร้านส่งมาให้ผิดนิดนึงแต่มันก็ขายได้ครับ ผลตอบรับออกมาค่อนข้างดี ผมขายได้กำไรเท่าตัวใน1เดือน (คือกำไร1หมื่นหน่ะครับถึงจะไม่เยอะแต่รู้สึกดีมากครับจำได้ว่าขายออกแต่ละชิ้นตื่นเต้นจนตัวสั่นเลยครับ)ช่วงหลังจากนั้นผมยิ่งทำงานหนักเลยครับ เทอมแรกที่ผมขายของเยอะผมเกรดร่วงครับ5555 แต่ก็กู้มาได้ในเทอมหลังๆครับ คือผมทำงานเพิ่มทุกวันหน่ะครับ ช่วงนี้เป็นช่วงที่พอเก็บเงินได้ครับ ก็สองปีเก็บเงินได้เป็นแสนอยู่ครับ แล้วก็เป็นช่วงที่ผมน้ำหนักขึ้นยอะเลยครับ ตอนนี้ก็ยังไม่ลง เพราะมีกินเยอะขึ้น5555 จริงๆก็ได้ลองทำอย่างอื่นหลายอย่างนะครับ แต่ส่วนมากมันก็เจ๊ง แต่เชื่อผมเถอะครับทำด้วยความตั้งใจ ทุ่มเทให้สุด ถ้าเจ๊งก็ไม่เป็นไร ทำซัก10อย่างมันปังแค่อย่างเดียวก็รวยแล้วครับไม่มีใครทำแล้วปังตั้งแต่เเรกครับ อีกอย่างนะครับผมขอพูดดักคอไว้เลย อย่าพูดว่าทำงานเพิ่มไม่ได้ต้องตั้งใจเรียนก่อนนะครับ ผมจริงๆแล้วจบ เกียรตินิยมอันดับ 1 จากวิศวะลาดกระบังครับ ผมทำงานไปด้วยได้ผมก็เชื่อว่าคุณก็ทำได้ครับ  ที่เล่าให้ฟังไม่ได้จะอวดอะไรครับ แค่อยากจะบอกว่าถ้าเราพยายามเราทำได้ครับ แล้วผมถือคติไม่เพิ่มเพดานรายจ่ายที่ไม่จำเป็นนะครับ เพราะว่าถึงจะมีรายได้เยอะขึ้นแต่ถ้ารายจ่ายที่ไม่จำเป็นเยอะมันก็ไม่เก็บ แล้วก็ถ้าอยากทราบว่าผมเก็บเงินทำไม ผมจะเก็บเงินให้ได้5ล้านให้มีเงินให้พ่อแม่ไม่ให้เค้าลำบากตอนแก่ แล้วจะไปบวชหน่ะครับ555 
แล้วก็ช่วงนี้ผมเอาเงินเก็บไปซื้อหุ้นครับ2แสน ปัจจุบันเจ๊งไป1แสน 5555 (คนเราไม่ได้ทำอะไรประสบความสำเร็จทุกเรื่องหลอกครับ สำเร็จไม่สำเร็จมันไม่สำคัญเท่าได้ลองทำมันหรือยังครับ แล้วลองทำมันอย่างตั้งใจรึป่าว) แล้วก่อนจะเรียนจบผมมีหนี้กยศอยู่แสนกว่าบาทครับผมก็ใช้คืนกองทุนทั้งหมดก่อนเรียนจบครับ ที่มีน้อยเพราะปี2ผมทำงานแล้วพอเลี้ยงตัวเองได้ก็เลยอยุดกู้ให้เงินไปถึงคนที่ต้องการมันมากกว่าผมครับ (การใช้เงินคืนกยศ ในปี4 ซึ่งเป็นช่วงปลอดดอกเบี้ยเป็นการกระทำที่ผิดหลักเศรษศาสตร์มากครับเพราะถ้าผมเอาเงินไปลงทุนคงได้ผลต้อบแทนอีกเยอะ555 แต่ว่าผมรีบคืนครับ กองทุนจะมีเงินให้น้อง)
มาช่วงทำงานปีแรก อายุ22-23ปี
ผมเริ่มทำงานที่บริษัทใกล้บ่านเเห่งนึ่ง ในภาคตะวันออก ผมเริ่มได้เงินเดือน22000ครับ ซึ่งผมก็มีรายได้จากการขายของเหมือนตอนเรียนแหละครับ ตอนนั้นรายจ่ายผมมีไม่มากครับ ให้พ่อแม่เดือนละ12000 ค่าใช้จ่ายส่วนตัวนิดหน่อย  ก็ถือว่ารายจ่ายประจำไม่เยอะ ก็พอเก็บเงินได้นิดหน่อยครับ เพราะโดยส่วนตัวไม่ได้ใช้จ่ายเวอร์ ก็ใช้เสื้อผ้าธรรมดา มือถือราคาไม่เกินหมื่นเหมือนเดิมเพราะไม่รู้จะใช้ไปทำไม แต่เหตุการไม่คลาดฝันมันเกิดขึ้นครับ ผมเลิกกับแฟนที่คบมา7ปีครับคือคบกันตั้งแต่ม.4 ก็เป็นคนที่ผมรักมากนั้นแหละครับ แถมเป็นคนที่ทำให้ผมเห็นโอกาสในการค้าขายจากของตัวแรกที่เอามาขายด้วยครับ เลิกกันเพราะจุดเปลี่ยนผมทำงานไม่ค่อยมีเวลาเธอก็ไปเรียนต่างประเทศ ก็เลยไม่เข้าใจกันครับ เรื่องนี้เป็นเรื่องที่สะเทือนใจผมมากครับ ผมถึงกับไปง้อที่ต่างประเทศครับ ตอนนั้นบ้ามาก ไม่เคยขึ้นเครื่อง ภาษาอังกฤษงูๆปลาๆ ยอมรับว่ากลัวมากครับ แต่ความรักมันมีมากกว่าหนิครับ ก็ง้อได้ครับ กลับมา2วันเลิกกันอีก55555 ผมทำอะไรๆไม่ได้เป็นเดือน นอนไม่ได้กินไม่ได้ ตอนนั้น น้ำหนัก65 ลดเหลือ 55 ครับ555 ก็เป็นจุดเปลี่ยนชีวิตเลยครับ จริงๆผมเกือบจะเก็บล้านแรกได้ตั้งแต่ตอนนี้แล้วครับ 
 
ช่วง23-24
ช่วงนี้ผมmove on ไม่ได้ครับ ประกอบกับคู่แข่งมากขึ้น ผมไม่มีกระจิตใจทำงาน5555 สุดท้ายผมกระเด็นออกจากตลาดครับ ออกทั้ง ๆ ที่ร้านผมแทบจะเป็นส่วนหนึ่งของผู้นำตลาดแล้วครับ มันทำให้ผมรู้เลยครับการอยุดพัฒนาตัวเองเป็นเรื่องที่ไม่ควรทำอย่างยิ่งเลยครับ คนอื่นเค้าพัฒนาทุกๆวัน พร้อมกับของคงค้างติดมือมูลค่า1-2แสนบาท แต่ก็ช่างมันครับ ขายไม่ได้ทิ้งครับ5555(ทิ้งจริงๆครับลงถังขยะไปแล้วเพราะมันเป็นของมาไวไปไววัฎจักรชีวิตมันก็เลยสั้นครับขายไม่ได้มันคือขยะเลย) ช่วงเวลานี้เป็น black hole ของชีวิตผมเลยผมอยู่แต่ในห้อง เป็นอะไรที่ทุกข์ใจนานมากครับ ยอมรับครับว่าเป็นช่วงที่แย่มาก555 แล้วก็ผมลาออกจากงานครับเพราะบริษัทให้ผมยื่นภาษี เท็จ ผมไม่ทำครับผมถือว่าครั้งนึงผมเรียนจบมามีความรู้มีคุณภาพชีวิตที่ดีได้ก็เพราะเงินภาษีที่เก็บจากสังคมนี้ ให้ผมใช้ความรู้ความสามารถที่มีไปเอารัดเอาเปรียบประเทศให้นายทุนแลกกับเศษเงินของเค้า ความรู้สึกเหมือนหมาแย่งกระดูกหน่ะครับ ผมยอมออกจากงานครับ เพราะผมไม่สามารถที่จะทำกับประเทศนี้ที่มีพระคุณกับผมได้จริงๆ(หลายคนอาจจะยังไม่รู้นะครับ ไอ้ค่าเรียนที่เราจ่ายกัน20000บาทต่อเทอมหน่ะครับ จริงๆมัน80000นะครับ 60000ที่คุณไม่ต้องจ่ายคือภาษีครับ ลองคิดดูสิครับประเทศนี้ลงทุนกับเราๆท่านๆไปเท่าไหร่) จริงๆบริษัทก็เสนอให้ผมทำงานในส่วนอื่นด้วยครับ แต่ผมไม่อยากทำงานให้บริษัทแบบนี้อีกแล้ว (ออกจากงานช่วง covid-19 รอบแรก) 

ช่วง24-24ปี6เดือน(ปัจจุบัน)
เป็นช่วงที่ผมเริ่มงานใหม่ครับ ผมก็ไม่ได้ไปทำงานโรงงานนะครับ ขายของครับไม่บอกนะครับว่าขายอะไร(แต่ไม่ใช่ของมาไวไปไวเหมือนแต่ก่อน) ก็ปัญหาเยอะครับปัญหามีมาก็แก้ แต่มันก็ไปได้ด้วยดีครับ รายได้เริ่มเยอะขึ้น ก็เป็นช่วงที่ผมเก็บเงินล้านแรกได้ครับ ยอมรับครับว่ายากสำหรับผม แต่ก็ทำได้ครับ(ที่หัวกระทู้เขียนว่าก่อน30เพราะเดี๋ยวกระทู้มันจะล่อเป้าเกินไปหน่ะครับ อยากให้เป็นกระทู้ให้กำลังใจมากกว่ากระทู้ล้อเป้าครับ) แล้วก็คิดว่าทุกคนก็ทำได้ครับ ผมก็เจอปัญหาหลายอย่างนะครับ มีมาก็แก้ไป ยิ่งปัญหายากๆยิ่งดีครับเพราะหากคู่แข่งจะมาแข่งกับเราเค้าก็ต้องเจอปัญหาเดียวกัน  
ยิ่งเราทำได้ยากเท่าไหร่ คนอื่นจะมาแข่งขันมันก็ยากขึ้นเท่านั้น

กว่าจะได้ล้านแรกมามันก็ไม่ใช่ง่ายครับ จริงๆผมทำงานอีกหลายอย่างที่ไม่ได้เล่า อ่านหนังสือพัฒนาตัวเองก็เยอะ ไม่รู้จะเล่ายังไงให้หมด
อย่าลืมนะครับมีโอกาศอะไรเข้ามาคว้าเอาไว้ครับ ทำไปเถอะครับ ทำ10อย่าง สำเร็จแค่เพียงอย่างเดียวก็รวยแล้วครับ
ผมไม่ได้คิดว่านี่คือความสำเร็จ แต่ผมคิดว่านี่อาจจะเป็นเเรงบัลดาลใจให้ใครซักคนได้ครับ สำหรับผมชีวิตมันก็ต้องดิ้นรนต่อไป5555 
แล้วอย่าลืมหาความรู้พัฒนาตัวเองนะครับ โอกาสไม่ได้มีมาบ่อยๆ แต่เมื่อมันมีมาเราควรจะคว้ามันไว้ให้ได้ การที่จะคว้ามันได้มันต้องอาศัยความรู้ ความสามารถ ความพยายามครับ ทุกคนมีโอกาสครับเพียงแต่ว่าจะมองเห็นมันมั้ย เห็นแล้วทำได้มั้ย ถ้าเราพัฒนาตัวเองมากพอเราจะได้เปรียบตอนมีโอกาสครับ 

มีอะไรก็สอบถามได้นะครับ แต่ผมไม่ขอเปิดเผยตัวตนนะครับ ผมแค่หวังว่าจะเป็นเเรงบัลดาลใจให้ใครคนที่กำลังสู้กับชิวิตอยู่นะครับ

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่