กระทู้นี้ยาวเพราะกลัวพลาดรายละเอียดอะไรไป ใครต้องการใจความสั้นๆขออภัย ณ ที่นี้ค่ะ
เล่าอาการที่เป็นก่อนนะคะว่าเป็นมานานแค่ไหนและมีอาการแค่ไหนก่อนจะตัดสินใจเข้ารักษาอาการภูมิแพ้
เริ่มเป็นภูมิแพ้อากาศน่าจะตอนม.ต้นแต่ว่าตอนนั้นเป็นนักกีฬาของโรงเรียน ออกกำลังกายวันละ2-4ชม. 5-6วันต่อสัปดาห์ อาการแพ้เลยไม่ได้รุนแรงไม่รู้ว่าเพราะออกกำลังหรือเพิ่งเป็นโรคนี้กันแน่ ก็คือเวลาเข้าห้องแอร์จะเย็นจมูกจี๊ดๆต้องแอบหายใจทางปากบ้างเพราะจะหายใจดังวี๊ดๆกลัวเพื่อนล้อและตอนนอนต้องนอนตะแคงเพราะจะหายใจไม่ออก เมื่อนอนแบบนี้จะทำให้หายใจได้ข้างนึงบางทีก็หายใจดัง บางทีก็เงียบ น้ำมูกจะเยอะมากและด้วยผู้ปกครองเคยเป็นโรคหอบแต่กลับมองว่าเราเป็นน้อยกว่าเขาเยอะ จึงไม่เคยรักษาโรคภูมิแพ้เลยแม้แต่นิดเดียว อาศัยแต่การออกกำลัง กินอาหารที่มีวิตามินซี นานวันไปเหมือนยิ่งแพ้ เริ่มหายใจดังแทบทุกวันก็ต้องหายใจทางปากแทนเพื่อไม่ให้โดนด่าว่ารบกวนการนอนคนที่บ้าน ไม่รู้ว่าไอ้การทำแบบนี้ยิ่งทำให้แพ้มากขึ้นกว่าเดิมไหม
พออายุ18ปี ก็ออกจากบ้านทำงานเลี้ยงตัวเอง ช่วงนี้ลำบากมากเพราะออกมาแต่ตัวจริงๆ โฟกัสแค่ว่าสิ้นเดือนจะเอาเงินที่ไหนจ่าย พรุ่งนี้จะเอาที่ไหนกิน การดูแลสุขภาพจึงเข้าขั้นแย่ กินอาหารแค่พออิ่มไม่ได้สนใจเรื่องครบหมู่มากนัก ตั้งแต่ตอนนี้แหล่ะที่เลิกออกกำลังกายไป อาการเริ่มหนักขึ้นไปเรื่อยๆสะสมถึงอายุ26ปี เรียกว่าหายใจทางปากทุกคืนจนเฉยๆไปแล้ว ซึ่งช่วงนี้ไม่ใช่แค่การนอนตะแคงแล้วจะหายใจได้นะ ต้องเอาผ้าห่มมาคลุมหน้าหรือใส่หน้ากากอนามัยเพื่อให้ส่วนจมูกมันอุ่น จมูกถึงจะไม่ตันทั้ง2ข้าง
แล้วทะเลาะกับแฟนกันเรื่องการหางานหนักมาก เพราะเราอยู่ห้องแอร์ไม่ไหวเลยมันเจ็บจมูก ต้องหายใจทางปากซึ่งมากๆเข้าปากก็เหม็น แถมการยืนเผยอปากตลอดเวลา น้ำมูกก็ไหลจนต้องเดินไปเข้าห้องน้ำหรือแอบสั่งน้ำมูกบ่อยๆและใต้ตาคล้ำ เสียบุคลิกมาก พอจะกินยาแก้แพ้ก็ง่วงแถมบรรเทานิดเดียว แฟนก็ไม่ให้กินกลัวเสียสุขภาพ ทำงานที่ไหนไม่เกิน3เดือนต้องลาออกเพราะป่วยบ่อย สุดท้ายก็เลยต้องมาขายของออนไลน์อยู่ในบ้าน ขายดีมั่งเจ๊งมั่ง หางานพาทไทม์ทำวนอยู่แบบนี้
ซึ่งที่ผ่านมาเราศึกษาข้อมูลการรักษาโรคภูมิแพ้มาตลอด แล้วมักจะเจอการแนะนำว่าให้ออกกำลังกายสิ ให้กินครบหมู่สิ เราค่อนข้างไม่เชื่ออย่างมากเพราะวัยเด็กที่ผ่านมาก็ทำแบบนั้นซึ่งก็เป็นอยู่ดีแต่ก็คิดแหล่ะว่ามันอาจจะบรรเทาอาการได้ล่ะมั้งเพราะพอต้องออกมาทำงานแล้วมันก็หนักขึ้น เลยหันมาวิ่งบ้าง เต้นลีลาศบ้างได้สัก3เดือน ก็ดีนะเพราะว่ามีแรงมากขึ้นแต่ไม่ได้รู้สึกว่าอาการมันจะดีขึ้นยังไงเลย
มี1ข้อมูลใหม่ของชีวิตเรา แฟนบอกว่าเห้ย... บนโลกใบนี้มีสิ่งที่เรียกว่ายาพ่นจมูกนะ(เห็นอาการมาตั้งนานเพิ่งมาแนะนำอะไรตอนนี้ - -*) เราก็เลยศึกษาและคิดเอาเองว่า โห้..นี่มันยาสวรรค์+นรกชัดๆ สวรรค์ตรงที่ทำให้คุณหายใจได้เหมือนคนปกติแต่ผลข้างเคียงหนัก อย่างน้อยก็อาจทำให้คุณเสพติดยาตัวนี้ได้ (ไม่ใช่ยาเสพติดนะ หมายถึงติดอาการหายใจได้ด้วยยาตัวนี้จนไม่ยอมหยุดยาเพราะส่วนใหญ่จะบอกว่าห้ามใช้เกิน3วันมั่ง 7วันมั่ง)
ซึ่งข้อมูลของยาพ่นนี้ก็ได้มาจากหลายทาง1ในนั้นที่ทำให้เราตัดสินใจพลาดจนต้องพลิกชีวิตก็มาจากกระทู้ในนี้นี่แหล่ะ ด้วยสรรพคุณดุดเดือดเลือดพล่านนี้เราจึงชั่งใจนานเกือบ2ปีก็ดันวนกลับมาอ่านกระทู้แนะนำยาพ่นอีก เลยตัดสินใจลองซื้อยี่ห้อนึงมาพ่นแล้วก็เข้าห้างอยู่ค่อนวันเพราะทำธุระ
โอโหหหหหหห มันเหมือนขึ้นสวรรค์อ่ะ คนที่หายใจติดๆขัดๆตลอด24ชม. มีน้ำมูกไหล6-7วันต่อสัปดาห์ อยู่ดีๆหายใจได้เต็มปอดไม่ติดไม่ขัดอะไร อาจจะดูเว่อร์แต่มันดีเกิน ดีมาก ดีจนเข้าใจเลยว่าทำไมบางคนถึงเลิกยาตัวนี้ไม่ได้ ซึ่งหลังจากวันนี้เราก็หักดิบ เลิกพ่นแต่ก็ทนได้อยู่20กว่าวัน ซึ่งหลังจากใช้ยานี่แหล่ะมันมีอาการหนักขึ้น หายใจไม่ค่อยออกนอนไม่ค่อยหลับ ขนาดนอนไป14ชม.ประดุจซ้อมตายตื่นมาก็ยังไม่สดชื่น เราเลยตัดสินใจพ่นยาอีก มันก็รู้สึกดีมากๆแต่รอบนี้คือหมดฤทธิ์ยาปุ๊ปก็หายใจแทบไม่ได้เลย มีแค่เวลาเดินเท่านั้นที่ยังพอหายใจได้ข้างนึงแบบวี๊ดๆแต่ถ้าอยู่นิ่งๆไม่ว่าจะนั่งหรือยืนต้องหายใจทางปากเพราะหายใจไม่ทัน ดังนั้นตอนนอนไม่ต้องพูดถึง..ไม่ได้เลยสักนิดเดียว เอาแผ่นแปะจมูกมาช่วยง้างแค่ไหนก็ไม่ไหวแล้วจึงพ่นยาติดกัน5วัน ถึงรู้ว่ามีคำเตือนอยู่เต็มอกว่ามันห้ามใช้เกิน3วันก็เหอะ พอคืนวันที่5ก็ตัดสินใจไม่พ่นแต่นรกมันเริ่มขึ้นแล้ว กว่าจะนอนหลับใช้เวลา2ชม. หลับได้เต็มที่2ชม.ก็ตื่น วนๆแบบนี้จนไม่นอนซะเลย กะว่าเอาให้สลบกันไปข้าง เป็นแบบนี้2วันจนได้อ่านโพสต์เรื่องการนอนกรนของคุณฟักกลิ้ง hero เราวนอ่านเรื่องของเขา อ่านโพสต์ของเพจจ่า drama เกี่ยวกับหายใจด้วย cpap ผลเสียของการนอนกรนที่อาจทำให้เราไหลตายได้บลาๆ จนกระทั่งได้ไปเจอคอมเม้นเรื่องการจี้จมูกด้วยคลื่นวิทยุซึ่งเรื่องนี้ก็เคยศึกษามาบ้างแต่ครั้งนี้ หลังจากที่ไม่นอนมา2วันจึงตั้งใจศึกษาเต็มที่และเสริชหาว่าทำได้ที่ร.พ.ไหนบ้าง ก็ได้มาเจอกระทู้นี้
https://pantip.com/topic/36677613
เรียกว่าวันนั้นไม่ทำงานทำการแล้ว ศึกษาแต่เรื่องนี้จนดึกก็พยายามนอนอีกครั้ง ...ไม่หลับเจ้าค่ะ สุดท้ายก็ตัดสินใจเอาเว้ย..ไปทำเลย ร.พ.เอกชนใกล้ๆนี่แหล่ะ โควิทก็ระบาดไม่อยากเดินทางไกลก็ปลุกสามีแล้วซัดกันเรื่องนี้นานกว่า4ชม.จนเขาok ก็เอาเลย ขึ้นแท็กซี่ตรงไปร.พ.เวชธานี

พอไปถึงก็ทำเรื่องคุยอะไรไม่ได้นาน ระหว่างที่วัดไข้ วัดชีพจร พยาบาลก็ถามว่าทราบข้อมูลมาจากที่ไหน ใครแนะนำ ได้เลือกคุณหมอไหมคะว่าต้องการรักษากับท่านไหน เราก็ตอบๆไปและบอกว่าใครก็ได้เพราะไม่ได้รู้เรื่องอะไรของโรงพยาบาลนี้หรอกแค่เคยเช่าห้องอยู่แถวนี้และใกล้บ้านปัจจุบันดูๆแล้วน่าเชื่อถือก็มาทำ XD พยาบาลก็เลยเลือกคุณหมอให้(ขออนุญาตไม่บอกชื่อ) เป็นคุณหมอผู้ชาย เขาก็ซักประวัติเช่นเคยรักษาที่ไหนมาก่อนไหม(ไม่เคย) เคยรักษาภูมิแพ้มาบ้างหรือเปล่า(ไม่เคย) รักษาเองด้วยการซื้อร้านขายยาหรอ(ใช่ค่ะ) บลาๆ จนคุณหมอขอส่องจมูกก็ถามต่อว่าไปพ่นยาอะไรมา เยื่อบุจมูกบวมจนปิดจมูกทั้ง2ข้างเลย(บอกชื่อยาไป) คุณหมอก็ให้ความรู้มาว่ายาพ่นแบบนี้ไม่เหมาะกับคน"เป็นภูมิแพ้" เพราะจะเกิดเอฟเฟครีบราวน์(เรียกแบบนี้มั้งนะคะ ไม่แน่ใจ) ก็คือยานี้เหมาะกับคนปกติที่เป็นหวัดเฉยๆแต่กับคนเป็นโรคภูมิแพ้นี่จะทำให้คล้ายกับลูกโป่ง ซึ่งร่างกายเนี่ยมันแพ้อะไรก็ตามแหล่ะมันเลยมีอาการหวัด คัดจมูกบลาๆเกินปกติใช่ไหม ทีนี้พอเอายาไปกดมันแต่ตัวปัญหาเช่นสารก่อภูมิแพ้ยังอยู่มันก็รับไว้เรื่อยๆแล้วพอฤิทธิ์ยาหมด มันก็จะระเบิดบู้มมออกมา
เราก็เลยอ๋อออ เข้าใจแล้วค่ะ คุณหมอก็ถามว่าจะรักษาตามอาการก่อนไหมเพราะว่าไม่เคยรักษามาก่อนอาจจะกลัวการผ่าตัดแต่ที่นี่มีการรักษาด้วยการจี้จมูกจากคลื่นวิทยุ เห็นผลดีกว่ามาก ถ้าตามอาการของเราแล้วหมอแนะนำการรักษาแบบนี้แต่ถ้าไม่สบายใจก็รักษาด้วยการกินยากับพ่นจมูกที่ไม่ใช่แบบที่เราซื้อเองไปก่อน เผื่อว่าจะดีขึ้นบลาๆ เราก็สวนคุณหมอไปว่า"จี้จมูกเลยค่ะคุณหมออออ หนูมาเพราะรู้ว่าร.พ.มีการรักษาแบบนี้" 55555 คุณหมอก็แบบชะงักนิดนึงไม่รู้ตกใจอะไรXDแต่ก็ok แล้วบอกให้เราออกไปรอด้านนอกก่อน ให้คุณพยาบาลเตรียมอุปกรณ์ให้พร้อม
รอประมาณ10นาที พยาบาลก็มาเรียกให้เข้าไปใหม่
ตอนนี้เข้าสู่การขบวนการรักษา เริ่มจากให้นั่งเก้าอี้แล้วคุณหมอก็ส่องจมูก เช็ดจมูกแล้วก็พ่นยาชา รอสักแป๊ป ระหว่างรอคุณหมอก็แจ้งว่าเดี๋ยวต่อไปจะฉีดยาชานะซึ่งบอกก่อนนะครับว่าอาจมีอาการใจสั่น รู้สึกเย็นคล้ายจะเป็นลมได้ แล้วก็จะรู้สึกว่าจมูกชา เพดานปากชาอย่าตกใจไปถ้าไม่ไหวจริงๆให้แจ้งนะ พอครบเวลาคุณหมอก็ลองส่องจมูก เอาเครื่องมือมาแตะๆแล้วถามว่าเจ็บไหมก็ตอบไปว่าไม่ คุณหมอก็เลยฉีดแล้วอาการที่คุณหมอเตือนไว้ก็มาครบเลยจ้ะ ก็ทนไปแล้วรอยาชาออกฤทธิ์ คุณหมอมาซ้ำข้างซ้ายอีกรอบก็เริ่มจัดการเอาเข็มคลื่นวิทยุมา แทงลึกพอควร ด้านขวาไม่เจ็บแต่รู้นะว่าแทงเข้าเนื้อแล้ว คือรู้แบบรู้จริงๆ เช่นรู้ว่าปลายเข็มกำลังแทงเนื้อ กำลังเข้ามาในเนื้อแค่มันไม่เจ็บเท่านั้นเอง ซึ่งเหมือนจะแทงจากล่างขึ้นบนคือแทง1จุดค้างไว้จะมีเสียงวิทยุตี๊ดๆแล้วก็ถอนออก แทงข้างบนใหม่ประมาณนี้3ครั้ง เลือดจะไหลลงคอเรื่อยๆ คุณหมอก็บอกว่ากลืนได้เลยไม่มีปัญหาอะไร เลือดเราเอง จะหายใจทางจมูกหรือปากก็ได้ ไม่ต้องเกรงใจให้หายใจไปปกติเลย พอคุณหมอย้ายไปข้างซ้ายนี่แหล่ะมันมีเข็มนึงคุณหมอแทงลึกมากแล้วมันกึ้กๆอะไรไม่รู้ ความรู้สึกเหมือนแทงโดนกระดูกเลย แค่รู้สึกเฉยๆนะไม่ได้โดนจริงหรอก มันแอบเจ็บก็ร้องเอ๋งไปที คุณหมอก็หยุดแทงเข้าไปอีก แล้วก็วนแทงไปจนครบ ดูซ้ายดูขวาอีกรอบก็ปิดแผลล่ะมั้งไม่แน่ใจว่าปิดตอนไหน คุณหมอถามอาการเช่นยังชาอยู่ไหม เจ็บบ้างหรือเปล่า บลาๆ แล้วคุณหมอก็ให้ไปรอดูอาการนอกห้องครึ่งชม.พอครบเวลาก็ถามอาการต่อซึ่งปกติดี คุณหมอก็เลยสั่งยาและอุปกรณ์ล้างจมูกพร้อมสอนวิธีล้างให้เพราะเราไม่เคยทำมาก่อนและไม่ให้ออกกำลังกาย1อาทิตย์เพราะเดี๋ยวแผลเปิด เรียบร้อยแล้วก็ลงไปจ่ายเงินรอยาแล้วกลับบ้านได้เลย ตอนนี้จะเริ่มหายใจทางจมูกได้แล้วจากที่หายใจไม่ได้เลยสักนิดเดียว มันก็ยังวี๊ดๆอยู่ คุณหมอก็ได้แจ้งไว้ว่าบางคนจะไม่สามารถหายใจได้ทันที อาจจะยังตันอยู่ก็ไม่ต้องกังวล เนื่องจากเราเป็นเยอะคุณหมอบอกว่าเกิดขึ้นได้ รอให้แผลมันดีขึ้นแล้วจะหายใจได้เพิ่มขึ้นเองยังไงก็ไม่เกิน2อาทิตย์ ซึ่งตอนที่อยู่ร.พ.เราหายใจได้แต่พอตกกลางคืนก็กลับมาหายใจไม่ได้ละ เราก็นอนหมอนสูงแล้วตะแคงนอนเอา เริ่มหลับได้แล้วแต่ไม่ยาวถึง8ชม. ถึกเนอะ ก่อนหน้าก็ไม่หลับมา3วันแท้ๆ
วันแรกยังมีอาการเลือดไหลลงคอเล็กน้อยมากๆและเราไม่เคยปวดจมูกเลย ยาพาราที่หมอให้มาไม่ได้กินสักเม็ด ส่วนยาตัวอื่นๆกินไปปกติแล้วก็พ่นจมูกด้วยยาที่หมอให้มาเช้าเย็น หมอบอกว่ามันจะไม่เห็นผลเหมือนอันที่เราซื้อมาเองเพราะเป็นคนละตัวยากัน ออกฤทธิ์ช้าแต่ดีกว่า 2อาทิตย์ถึงจะเห็นผล ต้องพ่นเพื่อลดความบวมของเยื่อบุโพรงจมูก ช่วงอาทิตย์แรกนี่มันหายใจไม่ดีสักทีนะจนตอนล้างจมูกครั้งนึงเผลอสั่งน้ำมูกแรงไปหน่อย ก้อนน้ำมูกเหลวใหญ่มากๆ หลุดพรวดดออกมา โล่งเฉยเลย น่ากลัว
เราก็ล้างจมูกเช้าเย็นจนครบ1อาทิตย์ก็ไปพบหมอตามนัด ตรวจแล้วหมอก็ชมว่าดูแลดี แผลแห้งดีมากไม่มีปัญหาอะไรเลย ให้ยาแก้แพ้มาเพิ่มแต่บอกว่าถ้ามันดีขึ้นแล้วก็ลองไม่ต้องกินดูนะ จะได้รู้ว่ามันดีขึ้นเพราะยาหรือเพราะการจี้จมูก
ผ่านไปอีก2อาทิตย์โดยไม่ได้กินยาแพ้ (รวมเป็น3อาทิตย์)ก็ไปพบหมอให้เสียตังค์เล่นเพราะไม่มีอะไรผิดปกติ จมูกข้างขวาที่ปิดแผลหลุดไปเองน่าจะตอนล้างจมูก ส่วนข้างซ้ายยังเหนียวหนึบ คุณหมอก็นัดอีก2อาทิตย์ถ้ายังไม่หลุดจะเอาออกให้ รอบนี้ไม่ได้ยาอะไรเลยและนัดล่าสุดก็ไม่ได้ไปเพราะข่าวโควิทระบาดอีกรอบ+รู้สึกกระเป๋าตังค์กรอบแล้ว ขออนุญาตหมอในใจไม่ไปแล้วนะคะ 555
นับจากวันที่เริ่มรักษาจนตอนนี้ผ่านไปจะครบ2เดือนแล้ว อาการก็ดีขึ้นเรื่อยๆจนตอนนี้หายใจโล่งเลย เปิดแอร์ก็ไม่เป็นอะไร ซึ่งเรียกว่าเราต้องปรับตัวเลยนะเพราะมันมีความรู้สึกอยู่ตลอดว่าเมื่อไหร่จะตัน เมื่อไหร่จะขัดๆแต่มันไม่ยอมมีอาการที่ว่ามัวแต่จับผิดอาการอยู่แต่แบบนี้แหล่ะ555 แล้วก็หายใจไม่ค่อยยาว ไม่ค่อยเป็นจังหวะคงที่เพราะมันไม่ชินที่หายใจทางจมูกได้อ่ะ ไม่รู้จะอธิบายยังไงดี XD ยังต้องคอยล้างจมูกวันละครั้งหรือ2-3วันครั้งเพราะมันก็ยังมีน้ำมูกไหลในคอนี๊ดดดนึง นานๆที แล้วช่วงนี้เปิดแอร์นอน พอตื่นมาจะมีน้ำมูกแห้งแข็งอยู่เล็กน้อยก็ต้องคอยล้างเพราะเคยขี้เกียจล้างไปอาทิตย์นึง มันมีอะไรขัดๆอยู่ในจมูกข้างขวา แอบเจ็บนิดนึงจนเราไม่กล้าออกกำลังกายเพราะคิดว่าแผลเปิด สุดท้ายพอล้างจมูก2รอบ ขี้มูกออกมาก้อนแข็งใหญ่มาก ตกใจเจ้าค่ะ!แล้วก็กลับมาหายใจโล่งปอดเหมือนเดิม โอ๊ย...ขนลุก
สุดท้ายก็แค่จะบอกว่าตอนนี้หายใจโล่งปอดไม่ติดขัดอะไรอีกแล้วนอกจากแค่ต้องคอยล้างจมูกหน่อย เจออากาศเปลี่ยนแปลงเช่นจากข้างนอกร้อนๆไปเข้าห้องแอร์ก็ฮัดเช้ยสัก1ครั้งพอเป็นพิธีก็ไม่มีอาการใดต่อ แต่งหน้าโดนแป้งได้แล้ว เราเหมือนคนปกติแล้วนะ เย้~~~
หวังว่ากระทู้นี้จะมีประโยชน์แก่ชาวภูมิแพ้อากาศนะคะ ขอบคุณที่อ่านจนจบค่ะ
รักษาโรคภูมิแพ้โพรงจมูกอักเสบที่เป็นมานานเกิน10ปี หนักถึงขั้นนอนไม่ได้ด้วยการจี้จมูกจากคลื่นความถี่วิทยุ
เล่าอาการที่เป็นก่อนนะคะว่าเป็นมานานแค่ไหนและมีอาการแค่ไหนก่อนจะตัดสินใจเข้ารักษาอาการภูมิแพ้
เริ่มเป็นภูมิแพ้อากาศน่าจะตอนม.ต้นแต่ว่าตอนนั้นเป็นนักกีฬาของโรงเรียน ออกกำลังกายวันละ2-4ชม. 5-6วันต่อสัปดาห์ อาการแพ้เลยไม่ได้รุนแรงไม่รู้ว่าเพราะออกกำลังหรือเพิ่งเป็นโรคนี้กันแน่ ก็คือเวลาเข้าห้องแอร์จะเย็นจมูกจี๊ดๆต้องแอบหายใจทางปากบ้างเพราะจะหายใจดังวี๊ดๆกลัวเพื่อนล้อและตอนนอนต้องนอนตะแคงเพราะจะหายใจไม่ออก เมื่อนอนแบบนี้จะทำให้หายใจได้ข้างนึงบางทีก็หายใจดัง บางทีก็เงียบ น้ำมูกจะเยอะมากและด้วยผู้ปกครองเคยเป็นโรคหอบแต่กลับมองว่าเราเป็นน้อยกว่าเขาเยอะ จึงไม่เคยรักษาโรคภูมิแพ้เลยแม้แต่นิดเดียว อาศัยแต่การออกกำลัง กินอาหารที่มีวิตามินซี นานวันไปเหมือนยิ่งแพ้ เริ่มหายใจดังแทบทุกวันก็ต้องหายใจทางปากแทนเพื่อไม่ให้โดนด่าว่ารบกวนการนอนคนที่บ้าน ไม่รู้ว่าไอ้การทำแบบนี้ยิ่งทำให้แพ้มากขึ้นกว่าเดิมไหม
พออายุ18ปี ก็ออกจากบ้านทำงานเลี้ยงตัวเอง ช่วงนี้ลำบากมากเพราะออกมาแต่ตัวจริงๆ โฟกัสแค่ว่าสิ้นเดือนจะเอาเงินที่ไหนจ่าย พรุ่งนี้จะเอาที่ไหนกิน การดูแลสุขภาพจึงเข้าขั้นแย่ กินอาหารแค่พออิ่มไม่ได้สนใจเรื่องครบหมู่มากนัก ตั้งแต่ตอนนี้แหล่ะที่เลิกออกกำลังกายไป อาการเริ่มหนักขึ้นไปเรื่อยๆสะสมถึงอายุ26ปี เรียกว่าหายใจทางปากทุกคืนจนเฉยๆไปแล้ว ซึ่งช่วงนี้ไม่ใช่แค่การนอนตะแคงแล้วจะหายใจได้นะ ต้องเอาผ้าห่มมาคลุมหน้าหรือใส่หน้ากากอนามัยเพื่อให้ส่วนจมูกมันอุ่น จมูกถึงจะไม่ตันทั้ง2ข้าง
แล้วทะเลาะกับแฟนกันเรื่องการหางานหนักมาก เพราะเราอยู่ห้องแอร์ไม่ไหวเลยมันเจ็บจมูก ต้องหายใจทางปากซึ่งมากๆเข้าปากก็เหม็น แถมการยืนเผยอปากตลอดเวลา น้ำมูกก็ไหลจนต้องเดินไปเข้าห้องน้ำหรือแอบสั่งน้ำมูกบ่อยๆและใต้ตาคล้ำ เสียบุคลิกมาก พอจะกินยาแก้แพ้ก็ง่วงแถมบรรเทานิดเดียว แฟนก็ไม่ให้กินกลัวเสียสุขภาพ ทำงานที่ไหนไม่เกิน3เดือนต้องลาออกเพราะป่วยบ่อย สุดท้ายก็เลยต้องมาขายของออนไลน์อยู่ในบ้าน ขายดีมั่งเจ๊งมั่ง หางานพาทไทม์ทำวนอยู่แบบนี้
ซึ่งที่ผ่านมาเราศึกษาข้อมูลการรักษาโรคภูมิแพ้มาตลอด แล้วมักจะเจอการแนะนำว่าให้ออกกำลังกายสิ ให้กินครบหมู่สิ เราค่อนข้างไม่เชื่ออย่างมากเพราะวัยเด็กที่ผ่านมาก็ทำแบบนั้นซึ่งก็เป็นอยู่ดีแต่ก็คิดแหล่ะว่ามันอาจจะบรรเทาอาการได้ล่ะมั้งเพราะพอต้องออกมาทำงานแล้วมันก็หนักขึ้น เลยหันมาวิ่งบ้าง เต้นลีลาศบ้างได้สัก3เดือน ก็ดีนะเพราะว่ามีแรงมากขึ้นแต่ไม่ได้รู้สึกว่าอาการมันจะดีขึ้นยังไงเลย
มี1ข้อมูลใหม่ของชีวิตเรา แฟนบอกว่าเห้ย... บนโลกใบนี้มีสิ่งที่เรียกว่ายาพ่นจมูกนะ(เห็นอาการมาตั้งนานเพิ่งมาแนะนำอะไรตอนนี้ - -*) เราก็เลยศึกษาและคิดเอาเองว่า โห้..นี่มันยาสวรรค์+นรกชัดๆ สวรรค์ตรงที่ทำให้คุณหายใจได้เหมือนคนปกติแต่ผลข้างเคียงหนัก อย่างน้อยก็อาจทำให้คุณเสพติดยาตัวนี้ได้ (ไม่ใช่ยาเสพติดนะ หมายถึงติดอาการหายใจได้ด้วยยาตัวนี้จนไม่ยอมหยุดยาเพราะส่วนใหญ่จะบอกว่าห้ามใช้เกิน3วันมั่ง 7วันมั่ง)
ซึ่งข้อมูลของยาพ่นนี้ก็ได้มาจากหลายทาง1ในนั้นที่ทำให้เราตัดสินใจพลาดจนต้องพลิกชีวิตก็มาจากกระทู้ในนี้นี่แหล่ะ ด้วยสรรพคุณดุดเดือดเลือดพล่านนี้เราจึงชั่งใจนานเกือบ2ปีก็ดันวนกลับมาอ่านกระทู้แนะนำยาพ่นอีก เลยตัดสินใจลองซื้อยี่ห้อนึงมาพ่นแล้วก็เข้าห้างอยู่ค่อนวันเพราะทำธุระ
โอโหหหหหหห มันเหมือนขึ้นสวรรค์อ่ะ คนที่หายใจติดๆขัดๆตลอด24ชม. มีน้ำมูกไหล6-7วันต่อสัปดาห์ อยู่ดีๆหายใจได้เต็มปอดไม่ติดไม่ขัดอะไร อาจจะดูเว่อร์แต่มันดีเกิน ดีมาก ดีจนเข้าใจเลยว่าทำไมบางคนถึงเลิกยาตัวนี้ไม่ได้ ซึ่งหลังจากวันนี้เราก็หักดิบ เลิกพ่นแต่ก็ทนได้อยู่20กว่าวัน ซึ่งหลังจากใช้ยานี่แหล่ะมันมีอาการหนักขึ้น หายใจไม่ค่อยออกนอนไม่ค่อยหลับ ขนาดนอนไป14ชม.ประดุจซ้อมตายตื่นมาก็ยังไม่สดชื่น เราเลยตัดสินใจพ่นยาอีก มันก็รู้สึกดีมากๆแต่รอบนี้คือหมดฤทธิ์ยาปุ๊ปก็หายใจแทบไม่ได้เลย มีแค่เวลาเดินเท่านั้นที่ยังพอหายใจได้ข้างนึงแบบวี๊ดๆแต่ถ้าอยู่นิ่งๆไม่ว่าจะนั่งหรือยืนต้องหายใจทางปากเพราะหายใจไม่ทัน ดังนั้นตอนนอนไม่ต้องพูดถึง..ไม่ได้เลยสักนิดเดียว เอาแผ่นแปะจมูกมาช่วยง้างแค่ไหนก็ไม่ไหวแล้วจึงพ่นยาติดกัน5วัน ถึงรู้ว่ามีคำเตือนอยู่เต็มอกว่ามันห้ามใช้เกิน3วันก็เหอะ พอคืนวันที่5ก็ตัดสินใจไม่พ่นแต่นรกมันเริ่มขึ้นแล้ว กว่าจะนอนหลับใช้เวลา2ชม. หลับได้เต็มที่2ชม.ก็ตื่น วนๆแบบนี้จนไม่นอนซะเลย กะว่าเอาให้สลบกันไปข้าง เป็นแบบนี้2วันจนได้อ่านโพสต์เรื่องการนอนกรนของคุณฟักกลิ้ง hero เราวนอ่านเรื่องของเขา อ่านโพสต์ของเพจจ่า drama เกี่ยวกับหายใจด้วย cpap ผลเสียของการนอนกรนที่อาจทำให้เราไหลตายได้บลาๆ จนกระทั่งได้ไปเจอคอมเม้นเรื่องการจี้จมูกด้วยคลื่นวิทยุซึ่งเรื่องนี้ก็เคยศึกษามาบ้างแต่ครั้งนี้ หลังจากที่ไม่นอนมา2วันจึงตั้งใจศึกษาเต็มที่และเสริชหาว่าทำได้ที่ร.พ.ไหนบ้าง ก็ได้มาเจอกระทู้นี้ https://pantip.com/topic/36677613
เรียกว่าวันนั้นไม่ทำงานทำการแล้ว ศึกษาแต่เรื่องนี้จนดึกก็พยายามนอนอีกครั้ง ...ไม่หลับเจ้าค่ะ สุดท้ายก็ตัดสินใจเอาเว้ย..ไปทำเลย ร.พ.เอกชนใกล้ๆนี่แหล่ะ โควิทก็ระบาดไม่อยากเดินทางไกลก็ปลุกสามีแล้วซัดกันเรื่องนี้นานกว่า4ชม.จนเขาok ก็เอาเลย ขึ้นแท็กซี่ตรงไปร.พ.เวชธานี
พอไปถึงก็ทำเรื่องคุยอะไรไม่ได้นาน ระหว่างที่วัดไข้ วัดชีพจร พยาบาลก็ถามว่าทราบข้อมูลมาจากที่ไหน ใครแนะนำ ได้เลือกคุณหมอไหมคะว่าต้องการรักษากับท่านไหน เราก็ตอบๆไปและบอกว่าใครก็ได้เพราะไม่ได้รู้เรื่องอะไรของโรงพยาบาลนี้หรอกแค่เคยเช่าห้องอยู่แถวนี้และใกล้บ้านปัจจุบันดูๆแล้วน่าเชื่อถือก็มาทำ XD พยาบาลก็เลยเลือกคุณหมอให้(ขออนุญาตไม่บอกชื่อ) เป็นคุณหมอผู้ชาย เขาก็ซักประวัติเช่นเคยรักษาที่ไหนมาก่อนไหม(ไม่เคย) เคยรักษาภูมิแพ้มาบ้างหรือเปล่า(ไม่เคย) รักษาเองด้วยการซื้อร้านขายยาหรอ(ใช่ค่ะ) บลาๆ จนคุณหมอขอส่องจมูกก็ถามต่อว่าไปพ่นยาอะไรมา เยื่อบุจมูกบวมจนปิดจมูกทั้ง2ข้างเลย(บอกชื่อยาไป) คุณหมอก็ให้ความรู้มาว่ายาพ่นแบบนี้ไม่เหมาะกับคน"เป็นภูมิแพ้" เพราะจะเกิดเอฟเฟครีบราวน์(เรียกแบบนี้มั้งนะคะ ไม่แน่ใจ) ก็คือยานี้เหมาะกับคนปกติที่เป็นหวัดเฉยๆแต่กับคนเป็นโรคภูมิแพ้นี่จะทำให้คล้ายกับลูกโป่ง ซึ่งร่างกายเนี่ยมันแพ้อะไรก็ตามแหล่ะมันเลยมีอาการหวัด คัดจมูกบลาๆเกินปกติใช่ไหม ทีนี้พอเอายาไปกดมันแต่ตัวปัญหาเช่นสารก่อภูมิแพ้ยังอยู่มันก็รับไว้เรื่อยๆแล้วพอฤิทธิ์ยาหมด มันก็จะระเบิดบู้มมออกมา
เราก็เลยอ๋อออ เข้าใจแล้วค่ะ คุณหมอก็ถามว่าจะรักษาตามอาการก่อนไหมเพราะว่าไม่เคยรักษามาก่อนอาจจะกลัวการผ่าตัดแต่ที่นี่มีการรักษาด้วยการจี้จมูกจากคลื่นวิทยุ เห็นผลดีกว่ามาก ถ้าตามอาการของเราแล้วหมอแนะนำการรักษาแบบนี้แต่ถ้าไม่สบายใจก็รักษาด้วยการกินยากับพ่นจมูกที่ไม่ใช่แบบที่เราซื้อเองไปก่อน เผื่อว่าจะดีขึ้นบลาๆ เราก็สวนคุณหมอไปว่า"จี้จมูกเลยค่ะคุณหมออออ หนูมาเพราะรู้ว่าร.พ.มีการรักษาแบบนี้" 55555 คุณหมอก็แบบชะงักนิดนึงไม่รู้ตกใจอะไรXDแต่ก็ok แล้วบอกให้เราออกไปรอด้านนอกก่อน ให้คุณพยาบาลเตรียมอุปกรณ์ให้พร้อม
รอประมาณ10นาที พยาบาลก็มาเรียกให้เข้าไปใหม่
ตอนนี้เข้าสู่การขบวนการรักษา เริ่มจากให้นั่งเก้าอี้แล้วคุณหมอก็ส่องจมูก เช็ดจมูกแล้วก็พ่นยาชา รอสักแป๊ป ระหว่างรอคุณหมอก็แจ้งว่าเดี๋ยวต่อไปจะฉีดยาชานะซึ่งบอกก่อนนะครับว่าอาจมีอาการใจสั่น รู้สึกเย็นคล้ายจะเป็นลมได้ แล้วก็จะรู้สึกว่าจมูกชา เพดานปากชาอย่าตกใจไปถ้าไม่ไหวจริงๆให้แจ้งนะ พอครบเวลาคุณหมอก็ลองส่องจมูก เอาเครื่องมือมาแตะๆแล้วถามว่าเจ็บไหมก็ตอบไปว่าไม่ คุณหมอก็เลยฉีดแล้วอาการที่คุณหมอเตือนไว้ก็มาครบเลยจ้ะ ก็ทนไปแล้วรอยาชาออกฤทธิ์ คุณหมอมาซ้ำข้างซ้ายอีกรอบก็เริ่มจัดการเอาเข็มคลื่นวิทยุมา แทงลึกพอควร ด้านขวาไม่เจ็บแต่รู้นะว่าแทงเข้าเนื้อแล้ว คือรู้แบบรู้จริงๆ เช่นรู้ว่าปลายเข็มกำลังแทงเนื้อ กำลังเข้ามาในเนื้อแค่มันไม่เจ็บเท่านั้นเอง ซึ่งเหมือนจะแทงจากล่างขึ้นบนคือแทง1จุดค้างไว้จะมีเสียงวิทยุตี๊ดๆแล้วก็ถอนออก แทงข้างบนใหม่ประมาณนี้3ครั้ง เลือดจะไหลลงคอเรื่อยๆ คุณหมอก็บอกว่ากลืนได้เลยไม่มีปัญหาอะไร เลือดเราเอง จะหายใจทางจมูกหรือปากก็ได้ ไม่ต้องเกรงใจให้หายใจไปปกติเลย พอคุณหมอย้ายไปข้างซ้ายนี่แหล่ะมันมีเข็มนึงคุณหมอแทงลึกมากแล้วมันกึ้กๆอะไรไม่รู้ ความรู้สึกเหมือนแทงโดนกระดูกเลย แค่รู้สึกเฉยๆนะไม่ได้โดนจริงหรอก มันแอบเจ็บก็ร้องเอ๋งไปที คุณหมอก็หยุดแทงเข้าไปอีก แล้วก็วนแทงไปจนครบ ดูซ้ายดูขวาอีกรอบก็ปิดแผลล่ะมั้งไม่แน่ใจว่าปิดตอนไหน คุณหมอถามอาการเช่นยังชาอยู่ไหม เจ็บบ้างหรือเปล่า บลาๆ แล้วคุณหมอก็ให้ไปรอดูอาการนอกห้องครึ่งชม.พอครบเวลาก็ถามอาการต่อซึ่งปกติดี คุณหมอก็เลยสั่งยาและอุปกรณ์ล้างจมูกพร้อมสอนวิธีล้างให้เพราะเราไม่เคยทำมาก่อนและไม่ให้ออกกำลังกาย1อาทิตย์เพราะเดี๋ยวแผลเปิด เรียบร้อยแล้วก็ลงไปจ่ายเงินรอยาแล้วกลับบ้านได้เลย ตอนนี้จะเริ่มหายใจทางจมูกได้แล้วจากที่หายใจไม่ได้เลยสักนิดเดียว มันก็ยังวี๊ดๆอยู่ คุณหมอก็ได้แจ้งไว้ว่าบางคนจะไม่สามารถหายใจได้ทันที อาจจะยังตันอยู่ก็ไม่ต้องกังวล เนื่องจากเราเป็นเยอะคุณหมอบอกว่าเกิดขึ้นได้ รอให้แผลมันดีขึ้นแล้วจะหายใจได้เพิ่มขึ้นเองยังไงก็ไม่เกิน2อาทิตย์ ซึ่งตอนที่อยู่ร.พ.เราหายใจได้แต่พอตกกลางคืนก็กลับมาหายใจไม่ได้ละ เราก็นอนหมอนสูงแล้วตะแคงนอนเอา เริ่มหลับได้แล้วแต่ไม่ยาวถึง8ชม. ถึกเนอะ ก่อนหน้าก็ไม่หลับมา3วันแท้ๆ
วันแรกยังมีอาการเลือดไหลลงคอเล็กน้อยมากๆและเราไม่เคยปวดจมูกเลย ยาพาราที่หมอให้มาไม่ได้กินสักเม็ด ส่วนยาตัวอื่นๆกินไปปกติแล้วก็พ่นจมูกด้วยยาที่หมอให้มาเช้าเย็น หมอบอกว่ามันจะไม่เห็นผลเหมือนอันที่เราซื้อมาเองเพราะเป็นคนละตัวยากัน ออกฤทธิ์ช้าแต่ดีกว่า 2อาทิตย์ถึงจะเห็นผล ต้องพ่นเพื่อลดความบวมของเยื่อบุโพรงจมูก ช่วงอาทิตย์แรกนี่มันหายใจไม่ดีสักทีนะจนตอนล้างจมูกครั้งนึงเผลอสั่งน้ำมูกแรงไปหน่อย ก้อนน้ำมูกเหลวใหญ่มากๆ หลุดพรวดดออกมา โล่งเฉยเลย น่ากลัว
เราก็ล้างจมูกเช้าเย็นจนครบ1อาทิตย์ก็ไปพบหมอตามนัด ตรวจแล้วหมอก็ชมว่าดูแลดี แผลแห้งดีมากไม่มีปัญหาอะไรเลย ให้ยาแก้แพ้มาเพิ่มแต่บอกว่าถ้ามันดีขึ้นแล้วก็ลองไม่ต้องกินดูนะ จะได้รู้ว่ามันดีขึ้นเพราะยาหรือเพราะการจี้จมูก
ผ่านไปอีก2อาทิตย์โดยไม่ได้กินยาแพ้ (รวมเป็น3อาทิตย์)ก็ไปพบหมอให้เสียตังค์เล่นเพราะไม่มีอะไรผิดปกติ จมูกข้างขวาที่ปิดแผลหลุดไปเองน่าจะตอนล้างจมูก ส่วนข้างซ้ายยังเหนียวหนึบ คุณหมอก็นัดอีก2อาทิตย์ถ้ายังไม่หลุดจะเอาออกให้ รอบนี้ไม่ได้ยาอะไรเลยและนัดล่าสุดก็ไม่ได้ไปเพราะข่าวโควิทระบาดอีกรอบ+รู้สึกกระเป๋าตังค์กรอบแล้ว ขออนุญาตหมอในใจไม่ไปแล้วนะคะ 555
นับจากวันที่เริ่มรักษาจนตอนนี้ผ่านไปจะครบ2เดือนแล้ว อาการก็ดีขึ้นเรื่อยๆจนตอนนี้หายใจโล่งเลย เปิดแอร์ก็ไม่เป็นอะไร ซึ่งเรียกว่าเราต้องปรับตัวเลยนะเพราะมันมีความรู้สึกอยู่ตลอดว่าเมื่อไหร่จะตัน เมื่อไหร่จะขัดๆแต่มันไม่ยอมมีอาการที่ว่ามัวแต่จับผิดอาการอยู่แต่แบบนี้แหล่ะ555 แล้วก็หายใจไม่ค่อยยาว ไม่ค่อยเป็นจังหวะคงที่เพราะมันไม่ชินที่หายใจทางจมูกได้อ่ะ ไม่รู้จะอธิบายยังไงดี XD ยังต้องคอยล้างจมูกวันละครั้งหรือ2-3วันครั้งเพราะมันก็ยังมีน้ำมูกไหลในคอนี๊ดดดนึง นานๆที แล้วช่วงนี้เปิดแอร์นอน พอตื่นมาจะมีน้ำมูกแห้งแข็งอยู่เล็กน้อยก็ต้องคอยล้างเพราะเคยขี้เกียจล้างไปอาทิตย์นึง มันมีอะไรขัดๆอยู่ในจมูกข้างขวา แอบเจ็บนิดนึงจนเราไม่กล้าออกกำลังกายเพราะคิดว่าแผลเปิด สุดท้ายพอล้างจมูก2รอบ ขี้มูกออกมาก้อนแข็งใหญ่มาก ตกใจเจ้าค่ะ!แล้วก็กลับมาหายใจโล่งปอดเหมือนเดิม โอ๊ย...ขนลุก
สุดท้ายก็แค่จะบอกว่าตอนนี้หายใจโล่งปอดไม่ติดขัดอะไรอีกแล้วนอกจากแค่ต้องคอยล้างจมูกหน่อย เจออากาศเปลี่ยนแปลงเช่นจากข้างนอกร้อนๆไปเข้าห้องแอร์ก็ฮัดเช้ยสัก1ครั้งพอเป็นพิธีก็ไม่มีอาการใดต่อ แต่งหน้าโดนแป้งได้แล้ว เราเหมือนคนปกติแล้วนะ เย้~~~
หวังว่ากระทู้นี้จะมีประโยชน์แก่ชาวภูมิแพ้อากาศนะคะ ขอบคุณที่อ่านจนจบค่ะ