ทุกอย่างเริ่มต้นด้วยความเข้าใจในตลาด
เดม่อนมักจะถามคำถามที่เรียบง่ายและเป็นคำถามที่ถามได้ตลอดชาติว่าผลิตภัณฑ์ชิ้นนี้แตกต่างจากสินค้าอื่นๆในตลาดยังไง?
นักลงทุนต้องการรู้ว่าผลิตภัณฑ์ของเราจะสามารถดึงดูดผู้บริโภคได้ยังไง?ดังนั้นเราควรรู้ว่าเราขายอะไร
เรากำลังอยู่ในสถานะการขายหรือไม่
เรากำลังแก้ไขปัญหาหรือไม่
เราทำให้ชีวิตดีขึ้นหรือเปล่า
เราไม่จำเป็นต้องเริ่มต้นด้วยการตลาดแบบรวดเร็วอย่างสายฟ้าแลบทั่วประเทศ แต่ให้เริ่มต้นแบบเล็กๆ ให้มีความรอบคอบเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์ของเรา หลงใหลในความคิดของเรา หมกมุ่นอยู่กับการเปิดตัวสินค้าและธุรกิจของเรา นี่คือส่วนหนึ่งของเราและเป็นตัวแทนของเราว่าเราเป็นใคร ดังที่เดม่อนพูดไว้ในรายการตอนล่าสุดว่า "ทุนไม่ใช่สิ่งที่นำไปสู่ความสำเร็จ
แต่เป็นการมีไฟและความหิวโหยที่จะทำทุกวิถีทางเพื่อไปให้ถึงที่นั่น" ดังนั้นเราต้องแน่ใจมั่นใจว่านี่คือสิ่งที่เราหลงใหลและเต็มใจที่จะก้าวไปให้ไกลสุดๆ
เราสามารถทำเรื่องผิดพลาดได้ เราเต็มใจที่จะปรับเปลี่ยนปรับตัว เพื่อที่เราจะได้มีเรื่องราวดีๆที่จะเล่าให้รุ่นต่อไปฟังเมื่อเราเติบโตไปไกลแล้ว
บทเรียนที่ผู้ประกอบการจำนวนมากเรียนรู้ไปสู่เส้นทางที่ยากลำบาก คือพวกเขาไม่สามารถทำได้ด้วยตัวเองเสมอไป หากเราดำเนินธุรกิจที่เป็นส่วนนึงของงานอดิเรกเรา เราอาจทำไม่ทันตามไม่ทันคนอื่นเขา สิ่งที่ยิ่งใหญ่นั้นต้องการความช่วยเหลือ ความช่วยเหลือนี้อาจอยู่ในรูปแบบของพันธมิตรที่มีทักษะมาทำให้ฟรีหรือ บริษัทอื่นที่สามารถให้บริการเราได้
ตัวอย่างเช่นการผลิตสินค้าด้วยตัวเราเองแทบจะเป็นไปไม่ได้ในการทำให้ขายทันมีคุณภาพระดับหนึ่ง ดังนั้นให้เราหาพันธมิตรด้านเชี่ยวชาญด้านการผลิตที่สามารถทำให้คุณภาพสินค้าดีและเพิ่มความเร็วในการผลิตและราคาตามที่เราต้องการ
“ มันเป็นบทเรียนพื้นฐานของการเริ่มต้น บริษัท ถ้าเราไม่รู้ว่าจะทำอะไรให้หาคนที่ทำได้มาช่วย ผมไม่สามารถทำสิ่งนี้ได้โดยลำพังไม่ว่าจะมีความรู้หรือการจัดหาเงินทุนด้วยตัวเองดีแค่ไหน”
ความมั่นใจของเราเอง
รู้จักธุรกิจของเราเองทั้งภายในและภายนอกเพื่อให้เรามั่นใจในการนำเสนอขายของเรา ในฐานะเจ้าของธุรกิจ เราต้องมีแนวคิดทางธุรกิจที่จะทำให้เราก้าวไปสู่การขาย เราต้องสามารถอธิบายธุรกิจของเราได้เพียงไม่กี่ประโยค (ไม่เกิน10คำ) หากเราใช้เวลา ไปถึง10 นาทีในการอธิบายธุรกิจขอเรา
แสดงว่าเราไม่เข้าใจในธุรกิจของเราจริงๆ จำไว้ว่าเราจะต้องถ่ายทอดความคิดเกี่ยวกับธุรกิจของเราในช่วงแรก ๆเท่านั้น เราต้องการให้ใครก็ตามที่เรานำเสนอให้มีช่วงเวลาที่ต้องร้องว้าว ทำให้นักลงทุนเริ่มเชื่อมั่นในตัวเราและสินค้าของเรา จากนั้นเราก็สามารถตรวจสอบคำถามและคำตอบโดยละเอียดได้
แนวคิด
ผลิตภัณฑ์ของเรา - เราเป็นคนแรกหรือเปล่าที่คิดสินค้าชิ้นนี้ขึ้นมา?
ความชอบหลงไหลของเรา - ทำไมสินค้าชิ้นนี้จึงสำคัญสำหรับเรา? เราเต็มใจที่จะเสียสละเวลาให้กับมันด้วยอะไร?
สินค้าต้นแบบ - เราต้องแสดงสินค้าต้นแบบก่อนเข้าสู่กระบวนการผลิตหรือไม่?
การวิจัยตลาด - เราจะหาลูกค้าได้ยังไง? พวกเขาได้รับอิทธิพลจากใคร? พวกเขาตัดสินใจอย่างไรในการซื้อสินค้าของเรา?
คุณค่าที่ได้สร้างให้กับลูกค้า?
ต้นทุนสินค้า - การสร้างสินค้าในปัจจุบันและอนาคตของเรามีค่าใช้จ่ายเท่าไหร่?
แบรนด์ของสินค้า- เราจะใช้แบรนด์ของเราเพื่อส่งเสริมผลิตภัณฑ์หรือไลฟ์สไตล์อย่างไร?
การตลาด - วิธีใดที่ดีที่สุดในการเผยแพร่ข่าวสารเกี่ยวกับสินค้าของเรา?
แหล่งเงินทุน- เราต้องการเงินทุนเท่าไร? เราสามารถเปลี่ยนเงินเป็นผลกำไรได้อย่างไร?
ทรัพยากรบุคคลและองค์กร - อะไรที่เราสนับสนุนส่งเสริมพนักงาน?
เราสามารถให้คนนกลุ่มอื่นมาทำงานบริการบางอย่างให้กับเราได้หรือไม่?
การตรวจสอบผลิตภัณฑ์ - เรารู้หรือไม่ว่าลูกค้าของเราพอใจหรือเปล่า?
รู้จักธุรกิจของตัวเรา
เราไม่จำเป็นต้องรู้ทุกอย่าง อย่างสมบูรณ์แบบตั้งแต่เริ่มต้น หากเราดูแนวคิดก่อนหน้านี้เป็น เราอาจไม่เคยเริ่มต้น การมองแนวคิดเหล่านี้เป็นหนทางสู่ธุรกิจที่ประสบความสำเร็จจะช่วยให้เราตอบคำถามของตัวเราเองและคลายความสงสัยของเราเองได้
“ อย่ารอให้ถึงเวลาที่เหมาะสม! เพราะจะทำให้เราต้องรอตลอดไป ใช้เวลาให้เป็นประโยชน์และทำให้มันสมบูรณ์แบบที่สุดสำหรับเรา”
เตรียมการเปิดตัว
นักลงทุนทุกคนมีความแตกต่างกันและจะมองหาสิ่งที่แตกต่างกันในตัวของเรา บางคนจะมุ่งเน้นไปที่ตัวเลขบางคนจะให้ความสำคัญกับตัวเราและบางคนจะมุ่งเน้นไปที่วิธีที่พวกเขาสามารถช่วยเราได้ นักลงทุนทุกคนอยากรู้ว่าเราจะทำเงินได้อย่างไรจากการลงทุนในตัวเราและบริษัทของเรา
ส่วนหนึ่งของคำถามที่เดย์ม่อนชอบถามในรายShark tank บ่อยๆ
สินค้านี้เติมเต็มความว่างเปล่าในตลาดด้วยอะไร?
ใครคือคนซื้อสินค้าคุณ?
บริษัทนี้ได้ทำการตลาดกับผู้บริโภคอย่างถูกต้องใช่ไหม?
คุณขายอะไรบ้าง?
ช่องทางการจัดจำหน่ายมีอะไรบ้าง?
เขานี้รู้จักอุตสาหกรรมของเขาดีแค่ไหนหรอ?ก็
ธุรกิจนี้กำลังอยู่ในช่วงขาขึ้นหรือไม่? หรือกำลังอยู่ในจุดสูงสุด?
มีที่ว่างให้บริษัทนี้สำหรับผลกำไรและการเติบโตหรือไม่?
เราต้องการอะไร?
เราต้องอะไรบางอย่างมากกว่าเงินหรือเปล่า? ธุรกิจของเราจะเติบโตเร็วขึ้นหรือไม่หากเรามีพันธมิตรที่มีเส้นสาย? เราสามารถละทิ้งความเป็นเจ้าของได้มากเพียงใด? และยังดีกว่าหากเราเป็นพันธมิตรกับบุคคลที่เหมาะสมสำหรับองค์กรเรา
ในระหว่างการเสนอขายการแสดงให้นักลงทุนเห็นว่าเราเข้าใจและรู้คุณค่าของธุรกิจของเราว่ามันเป็นสิ่งสำคัญโดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อขอเงินสำหรับการลงทุน เมื่อขอน้อยเกินไปแสดงว่าเราไม่รู้ว่าจะให้คุณค่าตัวเองอย่างไรหรือขาดความมั่นใจในตัวเอง ขอมากเกินไปและอาจแสดงว่าเราไม่เต็มใจที่จะทุ่มเททุกอย่างให้กับธุรกิจ ขอสิ่งที่เราต้องการ และหากเราต้องการเงิน 250,000 บาทเพื่อซื้อสินค้าคงคลังและเราต้องสามารถแสดงให้นักลงทุนเห็นว่าเรามีความต้องการที่จะทำให้มันกลายเป็นกำไรได้ จากนั้นให้ถามคำถามนักลงทุนเพื่อขอเงินเลย
ความคาดหวังของเรา
มั่นใจในตัวเองและสิ่งที่เรากำลังทำ หากเราไม่มั่นใจให้ถามตัวเองว่าทำไมเราถึงรู้สึกแบบนี้? จำไว้ว่าความกลัวสามารถเอาชนะได้ด้วยการศึกษาและที่ปรึกษาที่ดี ก้าวไปข้างหน้าและทำให้มันเกิดขึ้น
“ อย่าเพิ่งสับสนและอย่าได้คิดว่าเราจะสามารถเสนอราคาให้นักลงทุนซักคนได้แล้งก็ได้เงินลงทุนเลภายใน8นาทีและพวกเขาก็คิดว่า ‘นี่คือบริษัทสร้างเงินล้าน มันไม่ใช่อย่างนั้นครับ ผมเคยถูกปฏิเสธจากธนาคารกว่า27ที่ และshark ก็ยิ่งกว่านายธนาคารซะอีกครับ
ทีนี้ก็กลับบ้านไปเตรียมตัวมาใหม่นะครับ
Credit: daymondjohn.com
ภาพจาก FB Daymond john
นำเสนอธุรกิจแบบ Shark Tank โดย เดม่อน จอห์นแห่ง FUBU
ทุกอย่างเริ่มต้นด้วยความเข้าใจในตลาด
เดม่อนมักจะถามคำถามที่เรียบง่ายและเป็นคำถามที่ถามได้ตลอดชาติว่าผลิตภัณฑ์ชิ้นนี้แตกต่างจากสินค้าอื่นๆในตลาดยังไง?
นักลงทุนต้องการรู้ว่าผลิตภัณฑ์ของเราจะสามารถดึงดูดผู้บริโภคได้ยังไง?ดังนั้นเราควรรู้ว่าเราขายอะไร
เรากำลังอยู่ในสถานะการขายหรือไม่
เรากำลังแก้ไขปัญหาหรือไม่
เราทำให้ชีวิตดีขึ้นหรือเปล่า
เราไม่จำเป็นต้องเริ่มต้นด้วยการตลาดแบบรวดเร็วอย่างสายฟ้าแลบทั่วประเทศ แต่ให้เริ่มต้นแบบเล็กๆ ให้มีความรอบคอบเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์ของเรา หลงใหลในความคิดของเรา หมกมุ่นอยู่กับการเปิดตัวสินค้าและธุรกิจของเรา นี่คือส่วนหนึ่งของเราและเป็นตัวแทนของเราว่าเราเป็นใคร ดังที่เดม่อนพูดไว้ในรายการตอนล่าสุดว่า "ทุนไม่ใช่สิ่งที่นำไปสู่ความสำเร็จ แต่เป็นการมีไฟและความหิวโหยที่จะทำทุกวิถีทางเพื่อไปให้ถึงที่นั่น" ดังนั้นเราต้องแน่ใจมั่นใจว่านี่คือสิ่งที่เราหลงใหลและเต็มใจที่จะก้าวไปให้ไกลสุดๆ
เราสามารถทำเรื่องผิดพลาดได้ เราเต็มใจที่จะปรับเปลี่ยนปรับตัว เพื่อที่เราจะได้มีเรื่องราวดีๆที่จะเล่าให้รุ่นต่อไปฟังเมื่อเราเติบโตไปไกลแล้ว
บทเรียนที่ผู้ประกอบการจำนวนมากเรียนรู้ไปสู่เส้นทางที่ยากลำบาก คือพวกเขาไม่สามารถทำได้ด้วยตัวเองเสมอไป หากเราดำเนินธุรกิจที่เป็นส่วนนึงของงานอดิเรกเรา เราอาจทำไม่ทันตามไม่ทันคนอื่นเขา สิ่งที่ยิ่งใหญ่นั้นต้องการความช่วยเหลือ ความช่วยเหลือนี้อาจอยู่ในรูปแบบของพันธมิตรที่มีทักษะมาทำให้ฟรีหรือ บริษัทอื่นที่สามารถให้บริการเราได้
ตัวอย่างเช่นการผลิตสินค้าด้วยตัวเราเองแทบจะเป็นไปไม่ได้ในการทำให้ขายทันมีคุณภาพระดับหนึ่ง ดังนั้นให้เราหาพันธมิตรด้านเชี่ยวชาญด้านการผลิตที่สามารถทำให้คุณภาพสินค้าดีและเพิ่มความเร็วในการผลิตและราคาตามที่เราต้องการ
“ มันเป็นบทเรียนพื้นฐานของการเริ่มต้น บริษัท ถ้าเราไม่รู้ว่าจะทำอะไรให้หาคนที่ทำได้มาช่วย ผมไม่สามารถทำสิ่งนี้ได้โดยลำพังไม่ว่าจะมีความรู้หรือการจัดหาเงินทุนด้วยตัวเองดีแค่ไหน”
ความมั่นใจของเราเอง
รู้จักธุรกิจของเราเองทั้งภายในและภายนอกเพื่อให้เรามั่นใจในการนำเสนอขายของเรา ในฐานะเจ้าของธุรกิจ เราต้องมีแนวคิดทางธุรกิจที่จะทำให้เราก้าวไปสู่การขาย เราต้องสามารถอธิบายธุรกิจของเราได้เพียงไม่กี่ประโยค (ไม่เกิน10คำ) หากเราใช้เวลา ไปถึง10 นาทีในการอธิบายธุรกิจขอเรา
แสดงว่าเราไม่เข้าใจในธุรกิจของเราจริงๆ จำไว้ว่าเราจะต้องถ่ายทอดความคิดเกี่ยวกับธุรกิจของเราในช่วงแรก ๆเท่านั้น เราต้องการให้ใครก็ตามที่เรานำเสนอให้มีช่วงเวลาที่ต้องร้องว้าว ทำให้นักลงทุนเริ่มเชื่อมั่นในตัวเราและสินค้าของเรา จากนั้นเราก็สามารถตรวจสอบคำถามและคำตอบโดยละเอียดได้
แนวคิด
ผลิตภัณฑ์ของเรา - เราเป็นคนแรกหรือเปล่าที่คิดสินค้าชิ้นนี้ขึ้นมา?
ความชอบหลงไหลของเรา - ทำไมสินค้าชิ้นนี้จึงสำคัญสำหรับเรา? เราเต็มใจที่จะเสียสละเวลาให้กับมันด้วยอะไร?
สินค้าต้นแบบ - เราต้องแสดงสินค้าต้นแบบก่อนเข้าสู่กระบวนการผลิตหรือไม่?
การวิจัยตลาด - เราจะหาลูกค้าได้ยังไง? พวกเขาได้รับอิทธิพลจากใคร? พวกเขาตัดสินใจอย่างไรในการซื้อสินค้าของเรา?
คุณค่าที่ได้สร้างให้กับลูกค้า?
ต้นทุนสินค้า - การสร้างสินค้าในปัจจุบันและอนาคตของเรามีค่าใช้จ่ายเท่าไหร่?
แบรนด์ของสินค้า- เราจะใช้แบรนด์ของเราเพื่อส่งเสริมผลิตภัณฑ์หรือไลฟ์สไตล์อย่างไร?
การตลาด - วิธีใดที่ดีที่สุดในการเผยแพร่ข่าวสารเกี่ยวกับสินค้าของเรา?
แหล่งเงินทุน- เราต้องการเงินทุนเท่าไร? เราสามารถเปลี่ยนเงินเป็นผลกำไรได้อย่างไร?
ทรัพยากรบุคคลและองค์กร - อะไรที่เราสนับสนุนส่งเสริมพนักงาน?
เราสามารถให้คนนกลุ่มอื่นมาทำงานบริการบางอย่างให้กับเราได้หรือไม่?
การตรวจสอบผลิตภัณฑ์ - เรารู้หรือไม่ว่าลูกค้าของเราพอใจหรือเปล่า?
รู้จักธุรกิจของตัวเรา
เราไม่จำเป็นต้องรู้ทุกอย่าง อย่างสมบูรณ์แบบตั้งแต่เริ่มต้น หากเราดูแนวคิดก่อนหน้านี้เป็น เราอาจไม่เคยเริ่มต้น การมองแนวคิดเหล่านี้เป็นหนทางสู่ธุรกิจที่ประสบความสำเร็จจะช่วยให้เราตอบคำถามของตัวเราเองและคลายความสงสัยของเราเองได้
“ อย่ารอให้ถึงเวลาที่เหมาะสม! เพราะจะทำให้เราต้องรอตลอดไป ใช้เวลาให้เป็นประโยชน์และทำให้มันสมบูรณ์แบบที่สุดสำหรับเรา”
เตรียมการเปิดตัว
นักลงทุนทุกคนมีความแตกต่างกันและจะมองหาสิ่งที่แตกต่างกันในตัวของเรา บางคนจะมุ่งเน้นไปที่ตัวเลขบางคนจะให้ความสำคัญกับตัวเราและบางคนจะมุ่งเน้นไปที่วิธีที่พวกเขาสามารถช่วยเราได้ นักลงทุนทุกคนอยากรู้ว่าเราจะทำเงินได้อย่างไรจากการลงทุนในตัวเราและบริษัทของเรา
ส่วนหนึ่งของคำถามที่เดย์ม่อนชอบถามในรายShark tank บ่อยๆ
สินค้านี้เติมเต็มความว่างเปล่าในตลาดด้วยอะไร?
ใครคือคนซื้อสินค้าคุณ?
บริษัทนี้ได้ทำการตลาดกับผู้บริโภคอย่างถูกต้องใช่ไหม?
คุณขายอะไรบ้าง?
ช่องทางการจัดจำหน่ายมีอะไรบ้าง?
เขานี้รู้จักอุตสาหกรรมของเขาดีแค่ไหนหรอ?ก็
ธุรกิจนี้กำลังอยู่ในช่วงขาขึ้นหรือไม่? หรือกำลังอยู่ในจุดสูงสุด?
มีที่ว่างให้บริษัทนี้สำหรับผลกำไรและการเติบโตหรือไม่?
เราต้องการอะไร?
เราต้องอะไรบางอย่างมากกว่าเงินหรือเปล่า? ธุรกิจของเราจะเติบโตเร็วขึ้นหรือไม่หากเรามีพันธมิตรที่มีเส้นสาย? เราสามารถละทิ้งความเป็นเจ้าของได้มากเพียงใด? และยังดีกว่าหากเราเป็นพันธมิตรกับบุคคลที่เหมาะสมสำหรับองค์กรเรา
ในระหว่างการเสนอขายการแสดงให้นักลงทุนเห็นว่าเราเข้าใจและรู้คุณค่าของธุรกิจของเราว่ามันเป็นสิ่งสำคัญโดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อขอเงินสำหรับการลงทุน เมื่อขอน้อยเกินไปแสดงว่าเราไม่รู้ว่าจะให้คุณค่าตัวเองอย่างไรหรือขาดความมั่นใจในตัวเอง ขอมากเกินไปและอาจแสดงว่าเราไม่เต็มใจที่จะทุ่มเททุกอย่างให้กับธุรกิจ ขอสิ่งที่เราต้องการ และหากเราต้องการเงิน 250,000 บาทเพื่อซื้อสินค้าคงคลังและเราต้องสามารถแสดงให้นักลงทุนเห็นว่าเรามีความต้องการที่จะทำให้มันกลายเป็นกำไรได้ จากนั้นให้ถามคำถามนักลงทุนเพื่อขอเงินเลย
ความคาดหวังของเรา
มั่นใจในตัวเองและสิ่งที่เรากำลังทำ หากเราไม่มั่นใจให้ถามตัวเองว่าทำไมเราถึงรู้สึกแบบนี้? จำไว้ว่าความกลัวสามารถเอาชนะได้ด้วยการศึกษาและที่ปรึกษาที่ดี ก้าวไปข้างหน้าและทำให้มันเกิดขึ้น
“ อย่าเพิ่งสับสนและอย่าได้คิดว่าเราจะสามารถเสนอราคาให้นักลงทุนซักคนได้แล้งก็ได้เงินลงทุนเลภายใน8นาทีและพวกเขาก็คิดว่า ‘นี่คือบริษัทสร้างเงินล้าน มันไม่ใช่อย่างนั้นครับ ผมเคยถูกปฏิเสธจากธนาคารกว่า27ที่ และshark ก็ยิ่งกว่านายธนาคารซะอีกครับ
ทีนี้ก็กลับบ้านไปเตรียมตัวมาใหม่นะครับ
Credit: daymondjohn.com
ภาพจาก FB Daymond john