สวัสดีค่ะ วันนี้เราจะมาแชร์ประสบการณ์ของโรคฝีคัณฑสูตรค่ะ
ก่อนอื่นเลยเราจะบอกว่า เราไม่ได้เป็น แต่แฟนของเราเป็นค่ะ เราอยู่กับเค้า 24 ชั่วโมง ตั้งแต่ต้นจนจบ ทุกขั้นตอน ทุกรายละเอียด ก่อนจะมาแชร์ประสบการณ์เราขออนุญาตแฟนเราแล้ว จุดประสงค์ครั้งนี้ คือ อยากให้คนที่เป็นโรคนี้ มีกำลังใจในการรักษา อย่าไปกลัวค่ะ เป็นโรคที่ไม่อยากให้ใครเป็นจริงๆ แต่ถ้าเป็นแล้ว รักษาได้ รักษาเถอะค่ะ คุณจะรู้สึกดีขึ้นมากๆ
รายละเอียดอาจจะยาวและเยอะนะคะ เพราะอยากให้ข้อมูลได้มากที่สุดค่ะ
เริ่มเรื่องเลยนะคะ ..
1. ช่วงประมาณปลายปี 61 แฟนเราเจ็บก้นเค้าให้เราดู มีตุ่มอะไรที่แก้มก้นแถวๆล่องก้น เราจับดูก็เป็นไตๆแข็งๆเหมือนสิวเม็ดใหญ่ แต่ไม่มีหัวหนองนะคะ เป็นไตๆขึ้นมา เราบอกแฟนว่า สิวเม็ดใหญ่หรือเปล่า (แฟนเราเวลาเป็นสิวชอบมีแต่สิวหัวช้าง) เราเลยเข้าใจว่า สิวเม็ดใหญ่ แต่แฟนเราบอกว่าเจ็บมาก ไม่เหมือนสิว พออีกวันมันแข็งและบวมขึ้นมีลอยช้ำเขียว เราตกใจเราบอกว่าให้แฟนไปหมอ
2. แฟนเราไปหาหมอที่ รพ.รัฐแห่งนึงในจังหวัดที่อยู่ (เราอยู่ตจว.) ทาง รพ.ให้ไปศัลยกรรมทั่วไป ตอนนั้น รพ. ขาดแคลนหมอศัลยกรรมทั่วไป แฟนเราเลยได้เจอหมอชนบท หมอบ้าน ที่มาแทนหมอศัลยกรรมคนเดิมชั่วคราวหมอได้เปิดดูอาการและบอกว่า น่าจะเป็นสิวอักเสบมากๆๆ ไม่มีอะไร และให้กลับบ้าน
3. แต่เรารู้สึกไม่โอเคกับการวินิฉัยโรคของ รพ. เราเลยให้แฟนเราไปคลินิกแถวบ้าน เราเสริชหาว่าคลินิกนี้คุณหมอเก่ง คุณหมอบอกว่าน่าจะเป็นริดสีดวง เราเลยถามคุณหมอว่า ควรทำยังไง รักษายังไง คุณหมอบอกว่า ควรผ่าตัดและให้เรากลับไป รพ. เดิมอีกรอบ เพราะหมอผ่าที่คลินิกไม่ได้ วันนั้นคุณหมอให้ยา 1 ชุด .. จากนั้นเราก็เสริชหาข้อมูลเกี่ยวกับริดสีดวง แต่ตำแหน่งริดสีดวงส่วนใหญ่อยู่ใกล้รูทวาร แต่ตำแหน่งของแฟนเรา มันอยู่แก้มก้นห่างจากรูทวารประมาณ 3-4 เซน ระหว่างเสริชก็มีคำว่า ฝีขึ้นมา เราก็อ่านไปด้วยเรื่องฝี แต่ยังไม่คิดว่าแฟนเราเป็นฝี เพราะลักษณะคือ ไม่มีหนอง แต่เป็นเขียวช้ำ เป็นไต และแฟนเรานั่งไม่ได้ คือ ทรมานเจ็บ
4. แฟนเรากลับไปหาหมอ ที่ รพ. รัฐที่เดิมอีกครั้ง ที่นี่เจอหมอคนใหม่ ไม่ใช่คนเดิม พอหมอเปิดดู พยาบาลแนะนำหมอว่า ควรจะกีดไหม เพราะมันเหมือนมีเลือดคลั่งให้ระบายออกมา แต่หมอบอกว่า อาการนี้ น่าจะเกิดจากการนั่งนานเกินไปและนั่งเก้าอี้แข็งๆทำให้กล้ามเนื้ออักเสบ กีดแผลไปเจ็บตัวเปล่าๆ หมอ บอกตำแหน่งนี้น่าจะอักเสบที่กล้ามเนื้อก้น หมอเลยจัดยากล้ามเนื้อมา และยาฆ่าเชื้อคู่มาด้วย .. แต่ก็ไม่หายอาการคือหนักกว่าเดิม เขียวช้ำกว่าเดิม และเจ็บ เราสงสารแฟนมาก เราร้องไห้กลัวเค้าจะเป็นอะไร แต่เรามาคิดได้ว่า เวลานี้เราควรเข้มแข็ง เราจัดการเสริชหาข้อมูลอีกครั้ง แต่เราไปเสริชเกี่ยวกับกล้ามเนื้ออย่างที่หมอกล่าว มันก็ตรงกับตำแหน่งที่แฟนเราเป็น เราจัดการซื้อเบาะ เก้าอี้นิ่มๆ ให้แฟนเรา เพราะเราเชื่อว่า อาจจะเป็นแบบที่คุณหมอบอก แต่ความรู้สึกเราก็ยังรู้สึกว่า มันไม่ใช่ แต่ทำอะไรได้เราทำไปก่อน
5. อาการไม่ดีขึ้นแฟนเรากลับไปหาหมออีกครั้ง เจอหมอคนแรกอีก เราไม่แน่ใจว่าหมอจำได้ไหม แต่หมออ่านในประวัติ หมอมาบอกว่า ต้องผ่าตัด ให้หนองออกมา น่าจะเป็นฝี ให้ผ่าตัดวันนี้เลย เรากับแฟนตกใจมาก เพราะว่าผ่าตัดมันเป็นอะไรที่เรื่องใหญ่มากๆ ไม่เคยคิดว่าต้องผ่าตัด และไม่ได้ทำใจว่าต้องผ่าตัด ลางานอะไรก็ยังไม่ได้ลา คือ งง ไปหมด บวกกับแฟนเรากลัวมากๆและเราก็ไม่มั่นใจหมอว่าอะไรยังไง แฟนเราบอกไม่พร้อมผ่า คุณหมอเลยบอกว่า งั้นเอายาฆ่าเชื้อไปกิน ถ้าอาการไม่ดีขึ้นยังไงก็ต้องผ่า ... กลับบ้านเราหัวใจเราเต้นตุบๆ เรากลัวแทนแฟนมากๆ กลัวไปหมด งง กับการวินิจฉัยของแต่ละหมอมากๆ สับสนไปหมด นั่งเงียบกันสักพัก เรามาเสริชหาข้อมูลฝี และก็มีฝีคัณฑสูตรขึ้นมา เราก็อ่านนะ แต่ไม่คิดว่าใช่ คิดว่าแฟนเราน่าจะฝีธรรมดา แต่อีกใจก็กลัวเป็นอย่างอื่นที่แรงร้ายกว่า เพราะแฟนเรามีอาการถ่ายเป็นเลือดนิดๆด้วย และท้องผูก ถ่ายไม่ออก ในใจตอนนั้นสับสนว้าวุ่นมาก .. แต่หลังจากกินยาไป อาการดีขึ้น(เพราะหนองยุบ) แฟนนั่งได้บ้าง ไตยุบลง เจ็บน้อยลง เราดีใจเราคิดว่าเรามาถูกทางหล่ะ ... แต่พอยาหมด อาการก็กลับมาอีกครั้ง ...
6. ครั้งนี้ เราเริ่มมั่นใจนิดนึงว่า แฟนเราคงเป็นฝี (แต่ก็ยังกลัวว่าจะเป็นอย่างอื่นอยู่นิดๆ).. แต่เราเสริชหาข้อมูลอีกครั้งว่า แผนกศัลยกรรมทั่วไปใน รพ.นี้ คุณหมอมีกี่ท่าน และใครบ้างที่ประจำอยู่ เราเจออาจารย์ในแผนกนั้น แต่ท่านไม่ได้เข้าทุกวัน เราไปหาให้ตรงวันที่อาจารย์หมอท่านนั้นมา เราคุยกับแฟนว่าถ้าคุณหมอให้ผ่าก็ผ่าเลยนะคือเราให้แฟนเตรียมตัวและทำใจด้วย เพราะแฟนเราเจ็บมานาน 2 -3 เดือนแล้ว ไม่อยากให้ทนรักษาก่อนที่จะเป็นอะไรมากกว่านี้ แต่ปรากฏว่าวันที่เราไป อาจารย์ไปประจำที่อายุรกรรม (แต่เราไม่รู้ว่าคุณหมออยู่อายุรกรรม) เราไปถึงคือ วันนั้นไม่มีคุณหมอศัลยกรรมคนไหนลงตรวจเลย แต่แฟนเราเจ็บมากๆแล้ว เราเลยบอกให้หมอแผนกอื่นดูก่อนได้ไหม (อาจจะวินิจฉัยได้ว่าเป็นโรคอื่นด้วย) ทาง รพ. เลยบอกงั้นไป อายุรกรรม พอไปถึงหน้าห้องตรวจก็มีชื่อคุณหมอท่านที่เราอยากเจอติดอยู่หน้าห้อง เราเลยรู้ว่า คุณหมอมาช่วยงานที่แผนกนี้ พอเจอคุณหมอ คุณหมอบอก ฝี แฟนเราบอกเจ็บมาก แถมตอนแรกฝีขึ้นมา 1 ที่ ตอนนี้เพิ่มมาอีก 1 ที่ เป็น 2 ที่ ใกล้ๆกัน และคุณหมอบอก ทนได้ไหม แฟนเราบอก ทนไม่ได้แล้วครับ คุณหมอบอก ผ่าตัดเย็นนี้เลย แอดมินเลย เรากับแฟนเตรียมตัวไว้แล้ว ก็ตกลงทันที
7. เย็นวันนั้น เรากังวลมาก แต่เราทำเฉยๆ ให้แฟนเราสบายใจ เพราะเราไม่รู้เลยว่า การผ่าตัดมันยังไง อะไรยังไงและครั้งแรกที่แฟนเราไม่สบายก็ผ่าตัดเลย การผ่าตัดครั้งนั้นก็คือบล็อกหลังและคว้านเนื้อออก ระหว่างที่ผ่าตัดแฟนเราบอกว่า หมอคนที่ผ่าไม่ใช่อาจารย์หมอคนนั้น แต่เป็นหมออีกคนที่ไม่เคยเจอ (เราเดาว่าเป็นหมอผ่าตัดแต่ไม่ได้ลงตรวจ) ตอนผ่าตัดหมอบอก ไม่ใช่ฝีนะ คนไข้ไปทำอะไรมา เหมือนฟกช้ำ แต่หมอก็คว้านเนื้อที่เขียวช้ำไปแล้ว แฟนเราเป็นฝี 2 จุด แต่หมอคว้านเนื้อออกจุดเดียว เพราะหมอบอกไม่ใช่ฝี อีกจุดที่ช้ำหมอไม่ผ่า หมอบอกเดี๋ยวหายเอง ผ่าตัดแปปเดียว 20 นาที ก็ออกมา พยาบาลก็มาแนะนำการดูแลรักษาให้เราเตรียม กะละมังไว้สำหรับแช่ก้น ล้างแผลยังไง เราเลยถามว่า ตกลงแฟนเราเป็นอะไร ก็ไม่มีใครบอกได้ ตกลงฟกช้ำ สิว ฝี คือ งง ไปหมด แต่การดูแลรักษาเหมือนคนเป็นฝี
8. พอเช้ามาคุณหมอคนที่ผ่าออกตรวจ เราถามหมอว่า แฟนเราเป็นฝีใช่ไหม คุณหมอก็อ้ำๆอึ้งๆ และพูดจาดูเหมือนรีบร้อนไม่อยากคุย ก็บอกสิวฝี อะไรไป งง ไปหมด และอีกจุดที่ช้ำเจ็บอยู่ ปล่อยไว้แบบนี้หรอ คุณหมอบอกเดี๋ยวยุบไปเอง
9.พอกลับถึงบ้านเราเห็นแผลของแฟนเรา เราก็ได้แต่ยิ้มให้ คือ จริงๆเราตกใจ มันเป็นการคว้านแบบไม่ตกแต่งแผลเลย เราทำแผลแบบใจเย็น เราทำแบบนี้ เราทำเองกับสลับไปให้พยาบาลทำแผลให้เพื่อความสะอาด ตลอด3 เดือนจนกว่าเนื้อเต็ม หาอาหารที่ดี บำรุงร่างกายและแผล ให้แฟนเรากินเสมอ ระหว่างนี้คือไม่มีอะไรดีขึ้นเลยแผลก็เจ็บ ฝีก็ปวด พอเนื้อเริ่มเต็มเริ่มปิดรูระบายก็ยิ่งปวด
10. ถึงตอนนี้ก็กลางปีของ 62 แล้ว แฟนเรายังไปทำแผลที่ รพ. เกือบทุกวัน สลับกับเราทำให้ พยาบาลที่ทำแผลก็แปลกใจว่า ทำไมไม่หาย มารู้ตอนหลังว่า เค้าไม่อยากพูดถึงวิธีการรักษาของคุณหมอ เค้าก็ทำแผลไปเรื่อยๆอาการตอนนี้คือ แผลปิด แต่หนองอยากออก พี่พยาบาลเค้าก็กีดแผลให้เพื่อหนองระบาย และก็ล้างแผลแบบนี้เรื่อยมาตลอด พอระบายออก แฟนเราดีขึ้น วันไหนไม่ได้ระบายหนองแฟนเราจะหงุดหงิด ทะเลาะกับเรา คือ เราพูดจาอะไรคือไม่เข้าหูไปหมด แฟนเราจะอ้างตลอดว่า เค้าเจ็บแผล เค้าเลยหงุดหงิดง่าย จะทำกิจกรรมในชีวิตประจำได้ไม่มากนัก จะไปดูหนัง กินข้าว ฟังเพลง ไปเที่ยวทางไกล คือ ทุกอย่างบันทอนชีวิตเรา 2 คนมาก จะนั่งตรงไหนก็ต้องคอยถามว่า เจ็บไหม สะดวกไหม โอเคไหม เดินมากแผลก็พอง เพราะล่องก้นสีกัน เพื่อนชวนไปเที่ยวไปไหนก็ต้องดูกิจกรรมว่าทำได้ไหม แต่ไม่กล้าบอกเพื่อนเพราะแฟนเราอาย แต่ที่บันทอนจิตใจสุดคืออารมณ์ของแฟนเรา จากคนที่อารมณ์เย็นๆ กลับเป็นอารมณ์ร้อน ภาวะเครียดเกิดขึ้น เพราะ กลัวว่า ตกลงเป็นฝีไหม ตกลงรักษาถูกไหม และถ้าเป็นอะไรที่มากกว่าฝีครอบครัวจะทำยังไง จะหยุดงานทำยังไง รายได้จะยังไง คือแฟนเราเครียดและมาลงที่เราหมด เราทะเลาะเสียใจกันบ่อยมาก ส่วนนึงอาจจะมาจากโรคนี้ และส่วนนึงอาจจะมาจากตัวเราเองทั้งคู่ เราก็พยายามปรับวิธีการให้เรากับแฟนกลับมาเหมือนเดิม
ต่อข้างล่างค่ะ
แชร์ประสบการณ์เป็นโรคฝีคัณฑสูตร การผ่าตัดฝี และการบันทอนจิตใจของโรคนี้ตลอดระยะเวลา 2 ปีกว่า กับการรักษาผิดๆถูกๆ
ก่อนอื่นเลยเราจะบอกว่า เราไม่ได้เป็น แต่แฟนของเราเป็นค่ะ เราอยู่กับเค้า 24 ชั่วโมง ตั้งแต่ต้นจนจบ ทุกขั้นตอน ทุกรายละเอียด ก่อนจะมาแชร์ประสบการณ์เราขออนุญาตแฟนเราแล้ว จุดประสงค์ครั้งนี้ คือ อยากให้คนที่เป็นโรคนี้ มีกำลังใจในการรักษา อย่าไปกลัวค่ะ เป็นโรคที่ไม่อยากให้ใครเป็นจริงๆ แต่ถ้าเป็นแล้ว รักษาได้ รักษาเถอะค่ะ คุณจะรู้สึกดีขึ้นมากๆ
รายละเอียดอาจจะยาวและเยอะนะคะ เพราะอยากให้ข้อมูลได้มากที่สุดค่ะ
เริ่มเรื่องเลยนะคะ ..
1. ช่วงประมาณปลายปี 61 แฟนเราเจ็บก้นเค้าให้เราดู มีตุ่มอะไรที่แก้มก้นแถวๆล่องก้น เราจับดูก็เป็นไตๆแข็งๆเหมือนสิวเม็ดใหญ่ แต่ไม่มีหัวหนองนะคะ เป็นไตๆขึ้นมา เราบอกแฟนว่า สิวเม็ดใหญ่หรือเปล่า (แฟนเราเวลาเป็นสิวชอบมีแต่สิวหัวช้าง) เราเลยเข้าใจว่า สิวเม็ดใหญ่ แต่แฟนเราบอกว่าเจ็บมาก ไม่เหมือนสิว พออีกวันมันแข็งและบวมขึ้นมีลอยช้ำเขียว เราตกใจเราบอกว่าให้แฟนไปหมอ
2. แฟนเราไปหาหมอที่ รพ.รัฐแห่งนึงในจังหวัดที่อยู่ (เราอยู่ตจว.) ทาง รพ.ให้ไปศัลยกรรมทั่วไป ตอนนั้น รพ. ขาดแคลนหมอศัลยกรรมทั่วไป แฟนเราเลยได้เจอหมอชนบท หมอบ้าน ที่มาแทนหมอศัลยกรรมคนเดิมชั่วคราวหมอได้เปิดดูอาการและบอกว่า น่าจะเป็นสิวอักเสบมากๆๆ ไม่มีอะไร และให้กลับบ้าน
3. แต่เรารู้สึกไม่โอเคกับการวินิฉัยโรคของ รพ. เราเลยให้แฟนเราไปคลินิกแถวบ้าน เราเสริชหาว่าคลินิกนี้คุณหมอเก่ง คุณหมอบอกว่าน่าจะเป็นริดสีดวง เราเลยถามคุณหมอว่า ควรทำยังไง รักษายังไง คุณหมอบอกว่า ควรผ่าตัดและให้เรากลับไป รพ. เดิมอีกรอบ เพราะหมอผ่าที่คลินิกไม่ได้ วันนั้นคุณหมอให้ยา 1 ชุด .. จากนั้นเราก็เสริชหาข้อมูลเกี่ยวกับริดสีดวง แต่ตำแหน่งริดสีดวงส่วนใหญ่อยู่ใกล้รูทวาร แต่ตำแหน่งของแฟนเรา มันอยู่แก้มก้นห่างจากรูทวารประมาณ 3-4 เซน ระหว่างเสริชก็มีคำว่า ฝีขึ้นมา เราก็อ่านไปด้วยเรื่องฝี แต่ยังไม่คิดว่าแฟนเราเป็นฝี เพราะลักษณะคือ ไม่มีหนอง แต่เป็นเขียวช้ำ เป็นไต และแฟนเรานั่งไม่ได้ คือ ทรมานเจ็บ
4. แฟนเรากลับไปหาหมอ ที่ รพ. รัฐที่เดิมอีกครั้ง ที่นี่เจอหมอคนใหม่ ไม่ใช่คนเดิม พอหมอเปิดดู พยาบาลแนะนำหมอว่า ควรจะกีดไหม เพราะมันเหมือนมีเลือดคลั่งให้ระบายออกมา แต่หมอบอกว่า อาการนี้ น่าจะเกิดจากการนั่งนานเกินไปและนั่งเก้าอี้แข็งๆทำให้กล้ามเนื้ออักเสบ กีดแผลไปเจ็บตัวเปล่าๆ หมอ บอกตำแหน่งนี้น่าจะอักเสบที่กล้ามเนื้อก้น หมอเลยจัดยากล้ามเนื้อมา และยาฆ่าเชื้อคู่มาด้วย .. แต่ก็ไม่หายอาการคือหนักกว่าเดิม เขียวช้ำกว่าเดิม และเจ็บ เราสงสารแฟนมาก เราร้องไห้กลัวเค้าจะเป็นอะไร แต่เรามาคิดได้ว่า เวลานี้เราควรเข้มแข็ง เราจัดการเสริชหาข้อมูลอีกครั้ง แต่เราไปเสริชเกี่ยวกับกล้ามเนื้ออย่างที่หมอกล่าว มันก็ตรงกับตำแหน่งที่แฟนเราเป็น เราจัดการซื้อเบาะ เก้าอี้นิ่มๆ ให้แฟนเรา เพราะเราเชื่อว่า อาจจะเป็นแบบที่คุณหมอบอก แต่ความรู้สึกเราก็ยังรู้สึกว่า มันไม่ใช่ แต่ทำอะไรได้เราทำไปก่อน
5. อาการไม่ดีขึ้นแฟนเรากลับไปหาหมออีกครั้ง เจอหมอคนแรกอีก เราไม่แน่ใจว่าหมอจำได้ไหม แต่หมออ่านในประวัติ หมอมาบอกว่า ต้องผ่าตัด ให้หนองออกมา น่าจะเป็นฝี ให้ผ่าตัดวันนี้เลย เรากับแฟนตกใจมาก เพราะว่าผ่าตัดมันเป็นอะไรที่เรื่องใหญ่มากๆ ไม่เคยคิดว่าต้องผ่าตัด และไม่ได้ทำใจว่าต้องผ่าตัด ลางานอะไรก็ยังไม่ได้ลา คือ งง ไปหมด บวกกับแฟนเรากลัวมากๆและเราก็ไม่มั่นใจหมอว่าอะไรยังไง แฟนเราบอกไม่พร้อมผ่า คุณหมอเลยบอกว่า งั้นเอายาฆ่าเชื้อไปกิน ถ้าอาการไม่ดีขึ้นยังไงก็ต้องผ่า ... กลับบ้านเราหัวใจเราเต้นตุบๆ เรากลัวแทนแฟนมากๆ กลัวไปหมด งง กับการวินิจฉัยของแต่ละหมอมากๆ สับสนไปหมด นั่งเงียบกันสักพัก เรามาเสริชหาข้อมูลฝี และก็มีฝีคัณฑสูตรขึ้นมา เราก็อ่านนะ แต่ไม่คิดว่าใช่ คิดว่าแฟนเราน่าจะฝีธรรมดา แต่อีกใจก็กลัวเป็นอย่างอื่นที่แรงร้ายกว่า เพราะแฟนเรามีอาการถ่ายเป็นเลือดนิดๆด้วย และท้องผูก ถ่ายไม่ออก ในใจตอนนั้นสับสนว้าวุ่นมาก .. แต่หลังจากกินยาไป อาการดีขึ้น(เพราะหนองยุบ) แฟนนั่งได้บ้าง ไตยุบลง เจ็บน้อยลง เราดีใจเราคิดว่าเรามาถูกทางหล่ะ ... แต่พอยาหมด อาการก็กลับมาอีกครั้ง ...
6. ครั้งนี้ เราเริ่มมั่นใจนิดนึงว่า แฟนเราคงเป็นฝี (แต่ก็ยังกลัวว่าจะเป็นอย่างอื่นอยู่นิดๆ).. แต่เราเสริชหาข้อมูลอีกครั้งว่า แผนกศัลยกรรมทั่วไปใน รพ.นี้ คุณหมอมีกี่ท่าน และใครบ้างที่ประจำอยู่ เราเจออาจารย์ในแผนกนั้น แต่ท่านไม่ได้เข้าทุกวัน เราไปหาให้ตรงวันที่อาจารย์หมอท่านนั้นมา เราคุยกับแฟนว่าถ้าคุณหมอให้ผ่าก็ผ่าเลยนะคือเราให้แฟนเตรียมตัวและทำใจด้วย เพราะแฟนเราเจ็บมานาน 2 -3 เดือนแล้ว ไม่อยากให้ทนรักษาก่อนที่จะเป็นอะไรมากกว่านี้ แต่ปรากฏว่าวันที่เราไป อาจารย์ไปประจำที่อายุรกรรม (แต่เราไม่รู้ว่าคุณหมออยู่อายุรกรรม) เราไปถึงคือ วันนั้นไม่มีคุณหมอศัลยกรรมคนไหนลงตรวจเลย แต่แฟนเราเจ็บมากๆแล้ว เราเลยบอกให้หมอแผนกอื่นดูก่อนได้ไหม (อาจจะวินิจฉัยได้ว่าเป็นโรคอื่นด้วย) ทาง รพ. เลยบอกงั้นไป อายุรกรรม พอไปถึงหน้าห้องตรวจก็มีชื่อคุณหมอท่านที่เราอยากเจอติดอยู่หน้าห้อง เราเลยรู้ว่า คุณหมอมาช่วยงานที่แผนกนี้ พอเจอคุณหมอ คุณหมอบอก ฝี แฟนเราบอกเจ็บมาก แถมตอนแรกฝีขึ้นมา 1 ที่ ตอนนี้เพิ่มมาอีก 1 ที่ เป็น 2 ที่ ใกล้ๆกัน และคุณหมอบอก ทนได้ไหม แฟนเราบอก ทนไม่ได้แล้วครับ คุณหมอบอก ผ่าตัดเย็นนี้เลย แอดมินเลย เรากับแฟนเตรียมตัวไว้แล้ว ก็ตกลงทันที
7. เย็นวันนั้น เรากังวลมาก แต่เราทำเฉยๆ ให้แฟนเราสบายใจ เพราะเราไม่รู้เลยว่า การผ่าตัดมันยังไง อะไรยังไงและครั้งแรกที่แฟนเราไม่สบายก็ผ่าตัดเลย การผ่าตัดครั้งนั้นก็คือบล็อกหลังและคว้านเนื้อออก ระหว่างที่ผ่าตัดแฟนเราบอกว่า หมอคนที่ผ่าไม่ใช่อาจารย์หมอคนนั้น แต่เป็นหมออีกคนที่ไม่เคยเจอ (เราเดาว่าเป็นหมอผ่าตัดแต่ไม่ได้ลงตรวจ) ตอนผ่าตัดหมอบอก ไม่ใช่ฝีนะ คนไข้ไปทำอะไรมา เหมือนฟกช้ำ แต่หมอก็คว้านเนื้อที่เขียวช้ำไปแล้ว แฟนเราเป็นฝี 2 จุด แต่หมอคว้านเนื้อออกจุดเดียว เพราะหมอบอกไม่ใช่ฝี อีกจุดที่ช้ำหมอไม่ผ่า หมอบอกเดี๋ยวหายเอง ผ่าตัดแปปเดียว 20 นาที ก็ออกมา พยาบาลก็มาแนะนำการดูแลรักษาให้เราเตรียม กะละมังไว้สำหรับแช่ก้น ล้างแผลยังไง เราเลยถามว่า ตกลงแฟนเราเป็นอะไร ก็ไม่มีใครบอกได้ ตกลงฟกช้ำ สิว ฝี คือ งง ไปหมด แต่การดูแลรักษาเหมือนคนเป็นฝี
8. พอเช้ามาคุณหมอคนที่ผ่าออกตรวจ เราถามหมอว่า แฟนเราเป็นฝีใช่ไหม คุณหมอก็อ้ำๆอึ้งๆ และพูดจาดูเหมือนรีบร้อนไม่อยากคุย ก็บอกสิวฝี อะไรไป งง ไปหมด และอีกจุดที่ช้ำเจ็บอยู่ ปล่อยไว้แบบนี้หรอ คุณหมอบอกเดี๋ยวยุบไปเอง
9.พอกลับถึงบ้านเราเห็นแผลของแฟนเรา เราก็ได้แต่ยิ้มให้ คือ จริงๆเราตกใจ มันเป็นการคว้านแบบไม่ตกแต่งแผลเลย เราทำแผลแบบใจเย็น เราทำแบบนี้ เราทำเองกับสลับไปให้พยาบาลทำแผลให้เพื่อความสะอาด ตลอด3 เดือนจนกว่าเนื้อเต็ม หาอาหารที่ดี บำรุงร่างกายและแผล ให้แฟนเรากินเสมอ ระหว่างนี้คือไม่มีอะไรดีขึ้นเลยแผลก็เจ็บ ฝีก็ปวด พอเนื้อเริ่มเต็มเริ่มปิดรูระบายก็ยิ่งปวด
10. ถึงตอนนี้ก็กลางปีของ 62 แล้ว แฟนเรายังไปทำแผลที่ รพ. เกือบทุกวัน สลับกับเราทำให้ พยาบาลที่ทำแผลก็แปลกใจว่า ทำไมไม่หาย มารู้ตอนหลังว่า เค้าไม่อยากพูดถึงวิธีการรักษาของคุณหมอ เค้าก็ทำแผลไปเรื่อยๆอาการตอนนี้คือ แผลปิด แต่หนองอยากออก พี่พยาบาลเค้าก็กีดแผลให้เพื่อหนองระบาย และก็ล้างแผลแบบนี้เรื่อยมาตลอด พอระบายออก แฟนเราดีขึ้น วันไหนไม่ได้ระบายหนองแฟนเราจะหงุดหงิด ทะเลาะกับเรา คือ เราพูดจาอะไรคือไม่เข้าหูไปหมด แฟนเราจะอ้างตลอดว่า เค้าเจ็บแผล เค้าเลยหงุดหงิดง่าย จะทำกิจกรรมในชีวิตประจำได้ไม่มากนัก จะไปดูหนัง กินข้าว ฟังเพลง ไปเที่ยวทางไกล คือ ทุกอย่างบันทอนชีวิตเรา 2 คนมาก จะนั่งตรงไหนก็ต้องคอยถามว่า เจ็บไหม สะดวกไหม โอเคไหม เดินมากแผลก็พอง เพราะล่องก้นสีกัน เพื่อนชวนไปเที่ยวไปไหนก็ต้องดูกิจกรรมว่าทำได้ไหม แต่ไม่กล้าบอกเพื่อนเพราะแฟนเราอาย แต่ที่บันทอนจิตใจสุดคืออารมณ์ของแฟนเรา จากคนที่อารมณ์เย็นๆ กลับเป็นอารมณ์ร้อน ภาวะเครียดเกิดขึ้น เพราะ กลัวว่า ตกลงเป็นฝีไหม ตกลงรักษาถูกไหม และถ้าเป็นอะไรที่มากกว่าฝีครอบครัวจะทำยังไง จะหยุดงานทำยังไง รายได้จะยังไง คือแฟนเราเครียดและมาลงที่เราหมด เราทะเลาะเสียใจกันบ่อยมาก ส่วนนึงอาจจะมาจากโรคนี้ และส่วนนึงอาจจะมาจากตัวเราเองทั้งคู่ เราก็พยายามปรับวิธีการให้เรากับแฟนกลับมาเหมือนเดิม
ต่อข้างล่างค่ะ