ขอคำปรึกษาเรื่องการเลือกวิชาเลือกกฏหมายป.ตรี ให้สอดคล้องกับสายงานและการต่อป.โทในอนาคตหน่อยครับ

สวัสดีปีใหม่เพื่อน ๆ พี่ ๆ ชาวพันทิปทุกท่านนะครับ ตอนนี้หลาย ๆ มหาลัยเกรดก็น่าจะเริ่มออกกันแล้ว อย่างรามที่จขกท.เรียนอยู่ เกรดของเทอม 1 ปี 63 ที่เพิ่งสอบไปก็ออกพอดีแต่ยังไม่ครบนะครับ 

จขกท.เรียนกฏหมายรามมาได้สักพักแล้วครับ แต่ตอนที่เข้าใหม่ ๆ ยังไม่ได้สนใจสายนี้มาก เพราะยังแก้ปัญหาการพูดติดอ่างของตัวเองไม่ได้ซึ่งเป็นอุปสรรคต่อการทำงานเป็นอย่างมากไม่ว่างานอะไร (เลยออกจะสิ้นหวังต่อตัวเองอยู่หน่อย ๆ แบบมองไม่เห็นอนาคตอ่ะถ้ายังเป็นแบบนั้นต่อไป)

แต่ด้วยความช่วยเหลือและการสนับสนุนจากครอบครัวและเพื่อน ๆ ที่รักก็ทำให้ จขกท.ผ่านพ้นปัญหานี้มาได้ด้วยดีครับ ทำให้ตอนนี้มีความมั่นใจมากขึ้น ว่าเราก็ทำได้และจะมีอนาคตที่ดีอย่างคนอื่นเขาได้เช่นกัน (ขอบคุณทุกคนมา ณ ที่นี้มากครับ)

ทีนี้เมื่อมั่นใจแล้ว ก็ต้องมาสู่ขั้นตอนการวางแผนว่าจะทำอะไรยังไงนะครับ ส่วนตัว จขกท. เป็นคนชอบภาษาอังกฤษเป็นทุนเดิมมาตั้งแต่เด็ก ๆ และมีพื้นฐานภาษาอังกฤษค่อนข้างดีอยู่ครับ

สมัยอยู่ม.แม่ฟ้าหลวง ที่หลาย ๆ คนคงจะรู้กันดีว่าเรียนเป็นภาษาอังกฤษล้วน นอกจากวิชาการออกเสียง (Pronunciation) ซึ่งเป็นวิชาภาคปฏิบัติเพียงวิชาเดียวที่มีปัญหา วิชาพื้นฐานอื่น ๆ ในเทอมแรก จขกท.ได้ B หมดครับ อันนี้คือเข้าเลคเชอร์ตลอด แต่ไม่ค่อยอ่านหนังสือเท่าไหร่นะครับ

(แต่ต้องซิ่วออกมาเพราะวิชาที่เลือกลงทดแทนเพราะลงซ่อมตัวนั้นไม่ได้อย่างภาษาฝรั่งเศสไม่มีพื้นฐานมาก่อนเลยครับ พอ F ติดกันสองเทอมเลยต้องออกครับ ซึ่งผมเข้าใจการกระทำตัวเองดี และเป็นปมที่ค้างในใจมาตลอดเลย) 

ทีนี้พอแก้ปัญหาได้ ก็เริ่มพูดคุยกับคุณพ่อครับว่าเรียนกฏหมายมาเนี่ยทำงานได้เยอะหลากหลายมากเลยนะ ยิ่งถ้าได้ภาษาอังกฤษด้วยนี่ยิ่งไปไกล เพราะทนายคนไทยที่รู้ภาษาอังกฤษนั้นมีน้อยมาก (ลูกค้าคุณพ่อที่อยู่ในแวดวงกฏหมายก็ยืนยันเป็นเสียงเดียวกันครับว่าดีมากถ้าจะมาสายนี้ อนาคตสบายแน่นอน) แค่ทำงานให้คำปรึกษากฏหมายลูกค้าต่างชาติที่มาลงทุนในไทยก็อยู่ได้สบายแล้วครับ ยังไม่รวมโอกาสในการไปเป็นอาจารย์พิเศษตามมหาลัยอีก (อันนี้จะขอยกไว้ทีหลังนะครับ)

หลังจากนั้นจขกท.ก็เลยไปหาข้อมูลการทำงานสาย Law Firm ในพันทิปนี่อยู่พักใหญ่ครับ จุดร่วมหลาย ๆ กระทู้โดยรวมแล้วคือ ภาษาต้องดีอย่างเดียวเลย ในการทำงานก็จะแบ่งแยกย่อยออกเป็นหลายแผนกหลายสายตามความถนัดเฉพาะทางเลย

แต่ที่ยังไม่ชัดเจนและค่อนข้างหาข้อมูลยากหน่อยคือการเลือกวิชาเลือกกฏหมาย (บังคับเลือก 9 หน่วยกิต 3 ตัว) ในช่วงปีสามและสี่ครับ (ถ้าลงเต็มหน่วยกิตทุกเทอมและผ่านหมดคิดว่าจบเร็วหน่อยครับ) 

วิชาเลือกกฏหมายนั้นถ้าว่าตามภาษานิสิตคณะอื่นก็น่าจะเป็นการเลือกสายเฉพาะทางแล้วล่ะครับ ว่าเรียนมาจะไปทำงานสายไหน ขอแบ่งวิชาเป็นหมวด ๆ เลยนะครับ

1) กฏหมายเอกชนและกฏหมายธุรกิจ 

ถ้าจะไปทำงานสายลอว์เฟิร์มแน่นอนว่าก็ต้องเป็นกฏหมายธุรกิจใช่มั้ยครับ วิชาที่จขกท.เลือกอยู่ในใจคือ วิชาการให้คำปรึกษาปัญหากฏหมายทางธุรกิจ อันนี้น่าจะยืนมาแน่นอนเลย (ไม่ได้เรียนมาแล้วจะให้คำปรึกษายังไงล่ะครับ 555+)

แต่จขกท.รู้สึกว่า วิชาสัญญาสำคัญทางธุรกิจนี่ก็น่าจะจำเป็นสำหรับสายงานเฟิร์ม 

อีกตัวนึงก็ กฏหมายทรัพย์สินทางปัญญา 2 ที่เป็นขั้นสูงต่อจากตัววิชาบังคับอยู่แล้ว ซึ่ง จขกท.เคยได้ยินว่า นักกฏหมายสาย IP เนี่ยรายได้สูงมากกกก เพราะต่างชาติเขาให้ความสำคัญกับความคิดไอเดียนี่นะครับ

อีกอย่าง จขกท.อยากเป็นนักเขียนนิยายและนักวาดมาก่อนครับ ก่อนที่จะมาเรียนสายกฏหมายเนี่ย ก็พยายามฝึกฝนอยู่เรื่อย ๆ ครับ เรียกว่าอยู่กับสายอาร์ทติสมาตลอดเลยก็ได้ เลยคิดว่าวิชานี้น่าจะเหมาะกับสายเราอยู่

เพื่อน จขกท.เคยบอกไว้ว่าถ้าอยากเป็นศิลปินต้องมีอาชีพสำรองด้วยที่เลี้ยงชีพอยู่รอดได้ เพราะงั้นการเป็นทนายก็สมเหตุสมผลครับ เป็นอาชีพหลักที่ใช้ทำมาหากินเลี้ยงชีพ

ส่วนศิลปินคืออาชีพที่อยากทำ อันนี้เพื่อหล่อเลี้ยงจิตวิญญาณตัวเองล้วน ๆ ครับ ทำเพราะอยากทำ สนุกกับมัน (แต่ก่อนจะสนุกได้ก็ต้องมีกินก่อนนะ 555+)

และจากที่อยู่มา คลุกคลีกับเพื่อนสายวาดมาเยอะ ก็เห็นดราม่ากันมาเยอะมากครับ ทั้งก๊อปงานแล้วแอบอ้างเป็นของตัวเอง (โดนทั้งวาดทั้งนิยายครับ อันนี้จขกท.โดนมาแล้วตอนเขียนในเด็กดี บอกเลยโคตรแค้นครับ...)

ทั้งโกงเงินค่าคอมมิชชั่นกันบ้าง (มาสั่งแล้วหายหัวไปเลย ไม่ยอมโอนเงิน) โกงค่าอดอปบ้าง (ลูกค้าไม่ยอมจ่ายต่อให้ครบ รึไม่ก็ไปบิดประมูลไว้หลายเจ้าแต่ไม่มีเงินจ่าย ไม่เอา ก็ต้องเสียเวลาประมูลกันใหม่รึตามทวงให้จ่ายให้ได้ถ้าเจ้าตัวเคยจ่ายมาก่อนนะครับ)

บอกเลยโอ๊ยเยอะครับ คืออาจจะวาดไม่เก่งแต่อยู่ได้ด้วยคดีความในวงการเดียวกันแน่ ๆ ล่ะ อีกอย่างคืออยากช่วยเพื่อนในวงการเดียวกันด้วยครับ อย่างน้อยเราไม่เก่งเท่าเค้าแต่เราช่วยเหลือเวลาเดือดร้อนได้ เราก็มีชื่อเสียงที่ดีในกลุ่มเพื่อนไปอีกแบบนึงเลย มีอะไรฟ้องร้องกันอยากหาทนายเค้าก็มาหาเราได้เลยไรงี้ครับ 



2) กฏหมายเฉพาะและวิชาทั่วไปสำหรับนักกฏหมาย ในหมวดนี้แน่นอนว่าต้องเรียน ภาษาอังกฤษสำหรับนักกฏหมาย อยู่แล้วครับ

แต่ที่จขกท.รู้สึกสนใจอีกอย่างคือ สถาบันกฏหมายอเมริกัน / กฏหมายแองโกล - อเมริกัน (ผมไม่รู้นะครับว่าสองเล่มนี้ต่างกันยังไง แต่ที่เคยอ่าน อันสถาบันกฏหมายอเมริกันเป็นเล่มเดียวของรามที่เป็นภาษาอังกฤษทั้งเล่มครับ)

ส่วนตัวที่สนใจเพราะสมัยเด็ก บ้านจขกท.เคย apply กรีนการ์ดโดยผ่านน้าที่ทำงานและแต่งงานอยู่อเมริกานานแล้วครับ (แต่ภายหลังมีปัญหานิดหน่อยซึ่งจะไม่ขอพูดถึงนะครับ) ก็เลยแบบ เออ ถ้ายังงี้เราเรียนกฏหมายเป็นทนาย ขอใบเขียวอยู่อเมริกาเอง ให้ทางนั้นยอมรับด้วยความสามารถของตัวเองเอาก็ได้ 

ไอ้เรื่องอยู่ไม่อยู่นี่ยังไม่ได้ตัดสินใจนะครับ เพราะหลังโควิด จขกท.เห็นแล้วว่าอเมริกาเองก็มีปัญหาเหมือนกัน ไม่ได้สวยหรูอย่างที่เคยคิดไว้ในวัยเด็ก (ที่น่ากลัวมากคือความอิสระจนไม่ยอมทำตามกฏอย่างที่ควรจะเป็นเช่นการใส่หน้ากากนั่นล่ะครับ) วิกฤตครั้งนี้ทำให้เห็นเลยครับว่าเมืองไทยที่เราเห็นมีปัญหาเยอะแยะมาตลอด แต่พอถึงเวลาเรารับมือและช่วยเหลือกันได้ดี มีน้ำใจกันมากนะครับ นี่แหละข้อดีเมืองไทยที่ทำให้ผมอยากอยู่

(คนรอบตัวที่บ้าน และสภาพสังคมแถวมหาลัยที่เคยอยู่อาศัยมาคือดีเลยครับ ความสะดวกสบายถือว่าดีระดับนึงเลย ผมไม่รู้นะว่าที่หลายคนเจอปัญหาในหน้าข่าวรายวันนี่คือส่วนไหนยังไง)

อย่างว่าล่ะครับ ตอนเราเด็ก ๆ เราก็อยากจะไปเห็นโลกใหม่ ๆ ที่เรายังไม่เคยพบเจอมาก่อน แต่พอโตมาถึงได้รู้ว่ามันไม่ได้ดีอย่างที่คิด แต่ถึงยังไงถ้าได้มีโอกาสไปอยู่ไปทำงานตรงนั้นก็ถือว่าเป็นการเพิ่มโอกาสทางเลือกให้ชีวิตนะครับ ดีกว่าไม่มีเลย



3) กฏหมายระหว่างประเทศ 

แน่นอนว่าคนจะทำงานสายลอว์เฟิร์มย่อมต้องมีความรู้เกี่ยวกับกฏหมายระหว่างประเทศเป็นอย่างดี โดยเฉพาะสายธุรกิจ แต่หมวดนี้เท่าที่ดูเหมือนสายนี้จะไปสายการเมืองหรือการทูตความสัมพันธ์ระหว่างประเทศมากกว่า ซึ่งถ้าใครมีแผนไปสอบสายราชการกระทรวงต่างประเทศ หรือทำงานสายกฏหมาย (ยุติธรรม ศาล) ฝ่ายต่างประเทศอันนี้คิดว่าคุ้มครับ

แต่สายทนายเอกชน บริษัทต่างชาตินี้ยังไม่แน่ใจว่ามีวิชาที่เข้าข่ายมั้ย 



ข้างบน ๆ นั่นคือวิชาหลักที่คิดว่าจะเลือกและจำเป็นต้องเลือกนะครับ แต่ถ้ามีวิชาที่จำเป็นต้องลงมากกว่าหนึ่งในนี้ก็คงต้องเอาไปอยู่ในส่วนวิชาเลือกเสรีทั่วไปที่เปิดให้เลือกของคณะไหนก็ได้แทนครับ (วิชาเลือกเสรี 6 หน่วยกิต 2 ตัว)

วิชาเลือกเสรีนี่เอาจริงตอนปี 1 เข้ารามใหม่ ๆ จขกท.ยังไม่ค่อยรู้เรื่องครับ ลงมั่วเลยนอกจากวิชาหลักที่ขึ้นมาให้ในหน้าแรกของนักศึกษาตอนลงทะเบียน บอกนี่วิชาบังคับ แต่เทอมหลัง ๆ มีแค่ช่องให้ใส่รหัสวิชาแล้วกดยืนยันอย่างเดียวเลยครับ (ลงวิชาจิตวิทยาทั่วไปไปตัวนึงแล้ว)

(ถ้าใครเรียนรามคงนึกออก มันไม่เหมือนม.ปิดทั่วไปอ่ะที่ขึ้นรายวิชาบังคับมาให้เลยว่าเทอมนี้ต้องลงอะไร เราต้องอ่านหลักสูตรเอาเอง)

และจากที่เขียนไว้ในหัวกระทู้นะครับว่าอยากเลือกวิชาป.ตรีที่สอดคล้องกับการต่อโทด้วย หลังจากที่ศึกษาหลักสูตรการเรียนต่อและหาทุนสายกฏหมายอยู่สักพัก 

จขกท.ก็เจอกับสิ่งนี้ครับ "ทุนพัชรกิติยาภา" ทุนเรียนต่อกฏหมาย ป.โท มหาลัยคอร์เนล ซึ่งเป็นหนึ่งในมหาลัยเครือไอวี่ลีกครับ!



ในแง่คุณสมบัติอื่น ๆ เนี่ยคิดว่าทำได้ครับ โทเฟลกับเนติบัณฑิต (ยังไงก็ยังไม่ถึงเวลานั้น ยังเป็นเรื่องของอนาคตคิดว่าพยายามได้ครับ) 

แต่ที่ชวนเครียดคือ เกรดเฉลี่ยป.ตรีต้องไม่ต่ำกว่า 3 เนี่ยสิ แต่ก็ยังพอมีโอกาสอยู่ครับ เพราะหน่วยกิตยังเหลืออยู่พอสมควร วิชาที่ผ่านหลัก ๆ ตอนนี้คือเก็บของปี 1 ปี 2 เกือบครบแล้วครับหลังจากลงสะเปะสะปะ ขาดบางตัว (แต่ของปี 2 เทอม 2 ยังไม่ได้ลงเพราะตามแก้ที่ F ช่วงแรกก่อน) เหลือของปี 3 ปี 4 ตามภาพเลยครับ





ของปี 2 เทอม 1 ผ่านเกือบหมดแล้วครับ ปี 2 เทอม 2 เก็บตัวอาญา 2 ผ่านไปแล้ว ที่เหลือยังไม่ได้ลง



สองภาพบนของสองปีนี่คือยังไม่ได้ลงครับ ยังพอมีโอกาสไต่ระดับเกรดให้เกิน 3 ได้ถ้าตั้งใจเต็มที่

เรื่องต่อโทนี่ ยังไงก็คิดว่าคงจะต่อโทนิติ มฟล. ด้วยถ้าในไทยนะครับ เป็นความรู้สึกที่อยากกลับไปแก้ไขตัวเองที่นั่นอีกครั้งหลังจากพลาดมาสมัยป.ตรี เรายังเด็กวุฒิภาวะไม่พอนะครับ อีกอย่างผมรักมหาลัยมฟล.ด้วย เพราะสภาพแวดล้อมทุกอย่างมันโอเคน่ะครับ อากาศ ผู้คน คือดี

ขอขอบคุณล่วงหน้าสำหรับคำตอบของพี่ ๆ ทนายที่อุตส่าห์เสียสละเวลามาชี้แนะผมด้วยนะครับ

ขึ้นปีใหม่แล้วก็จะพยายามทำอะไรที่ดีกว่าเดิมและไปข้างหน้านะครับ!
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่