เมื่อฉันขึ้นรถไฟต่อรถไปยังกระบี่ ทำอย่างไร?

เนื่องจากผมอยากทำแบบนี้มาหลายครั้งแล้ว แต่ยังไม่มีโอกาสจะอำนวยสักที คือการขึ้นรถไฟล่องใต้ไปยาวๆ แล้วไปให้สุดที่ทะเลอันดามันสักจังหวัด โดยจังหวัดที่ผมเลือกที่จะเดินทางไปคราวนี้คือจังหวัดกระบี่ แต่ เอ๊ะ!! กระบี่ไม่มีรถไฟนี่หว่า แล้วทำยังไงล่ะทีนี้
แน่นอน วิธีที่ผมเลือกที่จะทำก็น่าจะมีหลายๆท่านเคยทำมาก่อนแล้ว นั่นคือเลือกที่จะลงรถไฟที่สถานีสุราษฎร์ธานี แล้วหาต่อรถโดยสารไปลงที่จังหวัดกระบี่

ผมจองรถด่วน ขบวน 85 (กรุงเทพฯ-นครศรีธรรมราช) ซึ่งจะออกจากกรุงเทพฯเวลาทุ่มครึ่ง ซึ่งผมคาดคะเนแล้วว่าจะสามารถวาร์ปจากที่ทำงานมาที่สถานีรถไฟกรุงเทพ(หัวลำโพง)ได้ทันเวลา ไม่น่าจะตกขบวน
ประเภทรถที่ผมจองเป็นรถนอนชั้น2 ปรับอากาศ ราคา 808 บาท คืนนี้ตั้งใจไว้ว่าจะนอนโรงแรมเคลื่อนที่ขบวนนี้ แล้วไปตื่นอีกทีรุ่งเช้า

ถือตั๋ว ถามเจ้าหน้าที่ว่าขบวนรถของผมจอดชานชาลาไหน เมื่อเจ้าหน้าที่บอกว่าชานชาลา9 ผมจึงตรงไปที่นั่น

เตรียมขึ้นขบวนรถ


ขึ้นมาบนขบวนรถ  รถยังไม่ออก ยังจอดเทียบชานชาลาอยู่   เตียงก็ยังไม่ได้ปู  แต่ผมขอขึ้นขบวนรถมาตากแอร์เย็นๆก่อน จะวางสัมภาระด้วย


สภาพที่นั่งเมื่อเจ้าหน้าที่ยังไม่ได้มาปูเตียง


หลังจากที่ล้อหมุน ขบวนรถได้ทำการเคลื่อนขบวน ก็จะมีเจ้าหน้าที่มาปรับจากเก้าอี้นั่งให้กลายเป็นเตียงนอน

นี่คือภาพหลังจากเจ้าหน้าที่ปูที่นอนให้แล้ว
ก็จะมีเตียงชั้นล่าง เตียงชั้นบน หมอน ผ้าห่ม ซึ่งถ้าเรานอนก็จะสามารถปิดผ้าม่านได้
***ข้อแนะนำ ควรพกผ้าปิดตามาด้วยนะ เพราะตู้โดยสารจะเปิดไฟตลอดคืน ไม่งั้นแสงจะเข้าตาจะทำให้นอนไม่หลับได้


เนื่องจากผมเอาผ้าปิดตามาด้วย ไม่รอช้า ปิดตาแล้วห่มผ้าห่มนอนหลับไปยาวๆตั้งแต่หัวค่ำ ตื่นอีกทีเกือบเช้า เป็นคืนที่นอนหลับได้สนิทมาก (หรือว่าผมเพลียสะสมมาจากทำงานทั้งวันกันแน่นะ?)

เช้าวันต่อมา
ได้เวลาตื่นมาชมวิวข้างทาง ตอนนี้คาดว่าจะอยู่ในเขตจังหวัดชุมพรแล้ว

เมื่อคืนหลับสบายมากกกกกกกกกกกกกกกก ไม่มีแสงเข้ามารบกวนสายตา ต้องให้เครดิตเจ้านี่ ผ้าปิดตา


ระหว่างทางได้ผ่านช่วงเขตชุมชนบ้าง เขตป่าบ้าง ได้เห็นสวนของชาวบ้าน หรือสัตว์เลี้ยง เช่น วัว ม้า ข้างทาง บรรยากาศริมทางรถไฟเป็นอะไรที่ผมชอบทุกครั้งเมื่อเดินทางไปที่ไหนก็ตาม (ไม่มีภาพวิวประกอบ ชมวิวด้วยตาเปล่าเพลินไปหน่อย)

วันนี้รถไฟเสียเวลาอยู่ จากกำหนดที่จะถึงสถานีสุราษฎร์ธานีเวลา 08:32 น. กลับถึงสถานีสุราษฎร์ธานีจริงๆในเวลา 10:09 น. สำหรับใครที่คิดจะเดินทางโดยรถไฟควรจะเผื่อเวลาไว้ด้วยนะครับในกรณีที่รถไฟเสียเวลา

ถึงแล้ว สถานีรถไฟสุราษฎร์ธานี

เนื่องจากสถานีรถไฟสุราษฎร์ธานีนี้ไม่ได้อยู่ในตัวอำเภอเมือง แต่อยู่ในอำเภอพุนพิน ซึ่งงานต่อไปของผมคือต้องหารถเมล์ไปยังตัวเมืองสุราษฎร์ธานี เพื่อไปต่อรถที่ตลาดเกษตร2 ซึ่งที่ตลาดเกษตร2แห่งนี้จะสามารถต่อรถทัวร์ รถตู้ไปยังจังหวัดอื่นๆได้มากมาย ใครที่ต้องการจะต่อรถไปกระบี่ ภูเก็ต พังงา ฯลฯ สามารถมาขึ้นรถที่ตลาดเกษตร2ได้ครับ

เมื่อเดินออกจากอาคารสถานีรถไฟสุราษฎร์ธานีไปแล้ว ให้มองไปทางซ้ายมือเลยครับ (ตามลูกศรในภาพ)

จะเห็นรถเมล์ส้มจอดอยู่ เดินไปขึ้นรถได้เลยครับ รถจะวิ่งจากตัวอำเภอพุนพิน ไปยังปลายทางตลาดเกษตร1ในตัวเมืองสุราษฎร์ธานี (ตลาดเกษตร1 อยู่ตรงข้ามฝั่งถนนกับตลาดเกษตร2)


บรรยากาศบนรถเมล์ส้ม


ผมใช้เวลานั่งบนรถเมล์ส้มประมาณ 50นาทีครับ  ค่าโดยสารคนละ15บาท นั่งไปเรื่อยๆไม่ต้องกลัวจะลงผิดป้าย เพราะเราลงที่สุดระยะรถที่ตลาดเกษตร1 พอดี


เมื่อออกจากตลาดเกษตร1 มาแล้ว ให้มองหาทางเข้าตลาดเกษตร2 ต่อเลยครับ จะมีป้ายใหญ่ๆติดไว้อยู่ (ขออภัยสายไฟบังป้าย) ให้เดินเข้าไปในซอยนี้เลยนะครับ เดินเข้าไปประมาณ200เมตร แล้วมองทางด้านซ้ายมือเข้าไว้


ใช่ครับ ถึงแล้ว อาคารนี้แหละครับ


เมื่อถึงแล้ว ให้เดินไปอีกด้านนึงของอาคารนะครับ ไม่ใช่ด้านที่ติดกับถนนที่เราเดินเข้ามา หรือจะสอบถามคนในอาคารก็ได้นะครับ กันพลาด
เมื่อเดินไปเรื่อยๆก็จะเจอรถบัสสุราษฎร์ธานี-กระบี่ ของผมได้รถรอบเที่ยงครึ่ง (12:30น.) ราคาค่าโดยสารคนละ150บาทครับ

ตั๋วโดยสาร อย่าทำหายนะครับ เก็บไว้กับตัวตลอดการเดินทาง เผื่อเค้าเรียกตรวจ


ถึงสถานีขนส่งผู้โดยสารจังหวัดกระบี่ เวลาประมาณ 15:55น. ใช้เวลาการเดินทางประมาณ3ชั่วโมงครึ่งครับ


ส่วนจะหาต่อรถอะไร ไปไหนจากสถานีขนส่งผู้โดยสารจังหวัดกระบี่  ถ้ารีบมีแท็กซี่ครับ แต่ราคาเหมา แพงมากนะครับ (ถ้าไปกันหลายคน มีคนช่วยหารก็โอเคอยู่นะครับ)  ถ้าไม่รีบนักก็มีรถสองแถวเข้าเมืองอีกทีครับ

สรุปค่าใช้จ่ายจาก กทมฯ-กระบี่
1.รถไฟตู้นอนกรุงเทพฯ-สุราษฎร์ธานี ค่าโดยสาร 808 บาท ใช้เวลาเดินทาง 14ชั่วโมงครึ่ง (รวมเวลาที่รถไฟเสียเวลาเข้าไปด้วยแล้ว)
2.รถเมล์พุนพิน-สุราษฎร์ธานี  ค่าโดยสาร  15บาท ใช้เวลาเดินทาง 50 นาที
3.รถบัสสุราษฎร์ธานี-กระบี่ ค่าโดยสาร  150บาท ใช้เวลาเดินทาง 3ชั่วโมงครึ่ง

รวมเวลาเดินทาง (ไม่นับเวลาระหว่างรอรถออก) 19 ชั่วโมง
รวมค่าใช้จ่าย 973 บาท

ความเห็นส่วนตัวเพิ่มเติมนะครับ ถ้าเอาสะดวกสบาย รวดเร็วทันใจก็เครื่องบินเหอะครับ ช่วงโปรฯราคาถูกๆไปเครื่องบินดีกว่าครับ แต่ถ้าช่วงเทศกาลหรือช่วงคนเดินทางเยอะที่ตั๋วเครื่องบินมันราคาสูงขึ้นมากแล้ว การใช้รถไฟแล้วต่อรถไปกระบี่ก็เป็นอีกทางเลือกนึงสำหรับคนที่มีเวลาเหลือๆ เน้นชมวิวข้างทาง ใช้ชีวิตหวานเย็นสไลว์ไลฟ์ไม่รีบไม่ร้อน วิวข้างทางรถไฟตอนเช้าๆสวยนะครับ
สำหรับตัวผมเองปลายทางไม่ใช่ทุกสิ่งทุกอย่างของการไปเที่ยว แต่มันมีสิ่งที่ได้พบเจอระหว่างการเดินทาง ได้เห็นชุมชน สัตว์เลี้ยงริมทาง ป่าไม้ สวนไร่ แม่น้ำ ภูเขา ผมชอบดูอะไรแบบนี้ด้วยไงครับ สุดท้ายแล้วก็แล้วแต่ว่าตัวเองเลือกการเดินทางแบบไหนนี่แหละครับ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่