สวัสดีปีใหม่ครับ ....พรให้ประเสริฐ พรใดท่านชอบ ขอให้ท่านได้รับสิ่งนั้น
สิ่งที่ทำเพิ่มเติม
1. ใส่ชุดหูลาก
2. ใส่ถุงลม
3. ติดตั้งเครื่องเสียง
4. เปลี่ยนโช้ค Profender ปรับ 8
5. ถอด ถุงลม
6. เปลี่ยน สปริง Profender
เนื่องจาก กิจกรรมที่ชอบทำและงานที่ทำเลยทำให้มีการปรับปรุงรถให้เข้ากับชีวิตประจำวัน ...ผลที่ได้นั้นหรือ ....แก้ไปเรื่อย 55555+
เริ่มจากชุดหูลาก ถ้าใส่ไม่ระวังจะทำให้เกิดเสียงดังได้ เนื่องจากตัวยึดกันชนหลัง ออกแบบให้มีเหล็กค้ำ เลยทำไปไปเบียดกับส่วนหูลากได้ง่าย ... แก้ไข ดัดสิครับรออะไร
ใส่ถุงลม เนื่องจาก ต้องเอามอเตอร์ไซค์ ไปขี่เล่นด้วย พอบรรทุกมอเตอร์ไซค์ น้ำหนัก 103 กก. ผลที่ตามมาคือรถเกิดอาการ หยิ่งๆ (หน้าเชิด 5555+) ก็เลยหันไปคบถุง...ลม ยี่ห้อ ไฟว์สโตน ผลที่ได้ บรรทุก 103 กก. รถไม่หยิ่งแหละ หรือ หน้าไม่เชิดแล้ว การทรงตัวขณะบรรทุกและวิ่ง อาการรถเหมือนปกติทั่วไป
แต่....ตอนเอาน้ำหนักบรรทุกออก ต้องไป ปล่อยลมออกจากถุงลม และความนิ่มนวลแปลกๆไปพอสมควร คือ ถ้าขึ้นระนาด รถจะเด้งประมาณ 3 ครั้ง ที่นั้งแถวสองไม่สบายเอาเลย ทำให้เกิดการหาโช้คมาแก้ปัญหา และก็มองๆ หลายยี่ห้อ หวยมาออกที่ Profender ปรับ 8 ผลที่ได้ ....555555+
แก้รอบที่ 1 ขันน็อตโช้คแน่นไป ผลคือ โช้คให้อาการแน่นไป สาเหตุที่รู้ เนื่องจากลูกยางหูโช้ค ล้นออกมา หรือ ไส้ทะลักนั้นแหละ ที่สำคัญ ร้านที่ไปเปลี่ยน ทำตัวปรับระดับไฟหน้าอัตโนมัติแตก ....ร้านรับผิดชอบให้ครับ แต่สั่งของมาผิดรุ่น เลยแก้ปัญหาติดกาวเอา ใช้มา 20000 กม. ยังปกติดี
แก้รอบที่ 2 เนื่องจากติดซับแทงค์ ผิดตำแหน่ง หักเลี้ยวแล้วขึ้นเนิน มันเสียดสีกับยาง ผลคือ ได้ไปเยี่ยมโรงงาน Profender 55555+ ก็ย้ายจุดติดตั้งกันไปที่เจาะเป็นรูแล้วเอากาวอุดเอา 55555+ และปรับโช้คระดับ 4 ตามคำแนนะนำ ของโรงงาน ถ้าเป็นคนขับรถเร็วตลอดเวลา อาการรถแน่นๆแบบนี้คงชอบขับมันส์ดี แต่....ทันทีที่รถไปเจอถนนที่มีลอนคลื่น ผลคือโช้คยืดตัวไม่ทัน ทำให้แทนที่ล้อจะตกลงไป ดันดึงหน้ารถลงไป ...สรุปคือปรับ 4 เจอถนนแบบนี้ ได้อารมณ์ประมาณ เอาไม่ไผ่มาใส่แทนโช้ค 555555+ ......แก้ไขเบื่องต้น ปรับลงมา 3 และ 2
ตามลำดับ ผลที่ได้ นิ่มนวล แลกกับอาการ โคลงตามมา
....ชีวิตมันเศร้า..นั่งคิดนอนคิด อยู่ 2 อาทิตย์พร้อมหาข้อมูล ทดสอบ ผลคือ โช้คยันสปริง ไม่ใช่สปริงยันโช้ค อาการคือ โช้คทำงานเกินหน้าเกินตา ทำให้เมื่อเกิดการยุบและยืดเร็วๆ สปริงไม่มีความสามารถยืดโช้คออกมาได้ทัน ปรับมากยิ่งแน่น ปรับน้อยโคลง
...ชีวิต...ทางเลือกและโช้คในท้องตลาดผมแบ่งเป็น 3 เกรด โดยความคิดของผมเองนะ คือ ชุดเริ่มต้น ระดับกลาง และระดับผู้เชี่ยวชาญ
ระดับเริ่มต้นคือ โช้ค ที่มีขายทั่วไป ราคาไม่แพงมาก ปรับอะไรไม่ได้ ถ้าเกิดของเดิมเสียหาแบบนี้มาเปลี่ยน ก็จะได้ความรู้สึกดีมาระดับหนึ่ง
ระดับ กลางๆ ราคาแพงมานิดหนึ่ง ปรับความหนืดได้ หรือไม่ได้ก็มี แต่การปรับพวกนี้ ส่วนมาก ปรับแค่ compression อย่างเดียวเท่านั้น ไม่ค่อยเห็นมีใครทำให้ปรับ Rebound เลยนะ ส่วนเหตุผล บอกตรงๆ ไม่รู้
ระดับ ผู้เชี่ยวชาญ ราคาแพง มีทั้งปรับได้และปรับไม่ได้ แต่ถ้าปรับได้จะปรับได้ทั้ง 2 ทาง และสามารถซ่อมบำรุงได้ ตามระยะทางการใช้งานและปรับแต่งเพิ่มเติมได้ถ้าไม่พอใจแต่ใช้เงิน...มาก ดังนั้นเส้นทางของผมคือ
1. ถอดโช้คขายทิ้ง....หาตัวใหม่...นั้นคนรวยทำกัน ...ส่วนผม ...5555+ ใส่ของเดิมเท่านั้น
2. เปลี่ยนสปริงๆ ....ยี่ห้อไหนดีละ เสี่ยงอีกแล้ว...แต่หวยออก Profender เพราะใน 1 เส้นมี 2 ค่า K จริงอยากลองตัวอื่น แต่กำลังทรัพย์ไม่พอ สรุปคืออยากได้ไอโฟน12 5555+ เลยกัดฟันเลือก Profender
ผลที่ได้ โช้คมันก็ทำงานในส่วนที่มันจะเป็น อาการหนึบมาแล้ว แต่จ่ายไปเกือบ ห้าหมื่น ..บอกเลย ...อย่าหาทำ ถ้าขับรถไม่เกิน 120 กม./ชม. ของเดิมๆเอาอยู่ นิ่มนวลได้ เราไม่ได้ขับแบบซัดโค้งจนยางร้องควรครางบ่อยๆหรอกนอกจากตอนลองโช้ค....โชว์เพาว์ ว่าพี่พอได้(ภาษใต้) เสียเวลาเสียงานและเสียเงิน
เปลี่ยนเครื่องเสียง
บอกเลย ของติดรถพอฟังได้แล้ว ...แต่ถ้าเงินพอมีจ่ายซื้อความสุขได้ก็จ่ายไปตามกำลัง...เรื่องต้องระวังคือ ร้านที่ค้าขายแอบเนียนด้วยเล่ห์เหลี่ยม ยกตัวอย่าง เซ็ต 42,000 บาท มีลำโพง 7 ชิ้น แอมป์สองตัว แต่เชื่อมมัย ราคานี้ไม่รวมสายสันญาณ และอุปกรณ์กรองต่างๆที่ร้านจะหามาขาย 5555+ และอาจจะกลายเป็น 72,000 บาท เหมือนของผม ซึ่งต้องไปโกหกเมียอีก เพื่อของบประมาณเพิ่ม โดยชักแม่น้ำทั้ง 5 อาจไม่พอ แลละนำรวมทะเลเข้าไปด้วย ผลที่ได้ ....เศร้าใจหลาย เสียงร้องเกาะแถวประตู จ่ายไป 72,000 บาท ชีวิต สรุป ว่าจะจัดวางใหม่หรือใส่ DSP ดี ...ที่สำคัญจะโกหกเมียยังงัย 5555
ถอดถุงลม
บอกได้เลย ถุงลมใส่ในสปริง ถ้าไม่บรรทุก โช้คเดิม ความนิ่มนวลพอรับกันได้แล้ว อย่าไปหาที่ดีกว่านี้เลย มันจับคู่ยากมาก หลังจากเปลี่ยนโช้คมา 4 ตัว บอกได้เลยที่นั่งแถว 2 เข้าขั้นวิบัติ ดื่มแค่น้ำเปล่ายังอ้วกได้ ขึ้นระนาดลูกเดียวเด้งไปสามครั้งถึงจะหยุด ถ้ามีหลุมต่อเนื่องบอกได้เลยมีหัวโขกกระจกประตู สาเหตุหลังคือ ถุงลมไปทำให้ระยะให้ตัวน้อยไปและโช้คใหม่ที่ความถี่สูง ทำงานไม่เร็วพอ ก่อนจะตัดสินใจเปลี่ยนสปริงก็ไปถอดถุงลมออกก่อน เพื่อดูอาการ ผลที่ได้คือ แม้แต่ค่ากลางของโรงงานยังให้ความรู้สึกเป็นกระบอกไม้ไผ่ได้ 5555+ จบ
เปลี่ยนสปริง
ภาพเอาจากเวป Profender มาครับ แต่ตัดราคาทิ้งเนอะ ผมไม่ได้ค้าขาย
หลังจากตัดสินใจได้แล้วก็ไปเที่ยวโรงงาน Profender อีกครั้ง ดีหน่อยครั้งนี้ยกน้ำเปล่ามาต้อนรับแล้วในห้องรับรองมันน่าจะมีชา กาแฟ ขนมคบเคี้ยวบ้างเนอะ แซวนิดหนึ่ง ตอนเห็นสปริงตัวจริง แทบยากจะกลับเลยเส้นหนามาก ถึงขั้นเส้นใหญ่ ขนาด นายกยังเกรงใจ 5555+ นึกในใจ กลับไปคงได้ถอดขาย 5555+ แต่พอไปทดสอบ บอกได้เลยมันประทับใจพอสมควรแต่ไม่ถึงขนาดร้องว้าวนะ สรุป พอรับได้แต่พอไปบรรทุกมอเตอร์ไซค์ รถผมก็จะหยิ่งๆเชิดๆหน่อย แก้ไขโดยการปรับเบาะเอา 5555+ หมดปัญญา
สรุป เป็นเรื่อง อย่าหาทำถ้ามาว่างพอ ส่วนตัวรถนั้น พบปัญหานิดหน่อย ไม่รู้จะเคลมยังงัย เพราะได้คำตอบอมตะมา...พี่ทุกคันก็เป็นแบบนี้ครับ และตรวจหาไม่เจอ 5555+ เช่น
- เบาะ กาวที่ติดกับชุดถุงลมด้านข้างหลุด ทั้งเบาะ ซ้าย กว่า ช่างแนนะนำ พี่ไปดูรถ DEMO ก็เป็น 5555+
- ประตูหลังใส่ถุงกอล์ฟลำบากมาก
- ระบบล็อคเบาะแถว 3 ห่วย ล็อคได้บ้างไม่ได้บ้าง
- สีตัวรถกับกันชน ต่างกันเกินไป ...ช่างบอกเหมือนกันทุกคนทุกสี 55555+
- น้ำมันเครื่อง ถ้าใช้ถึง 10,000 กม. เสียงเครื่องยนต์ตอนเข้า 7,000 กม. ก็จะดังหน่อยนะ ซึ่งของเดิมก็ดังกว่าชาวบ้านอยู่แล้ว
- ระบบ เตือนการชนด้านหน้า ในวันฝนตกหนัก มันชองเตือนเอง ดีว่ามันไม่เบรกให้
- เกียร์ ฉลาดและทำงานค่อนข้างดีเลย
- ความประหยัดถ้าขับไม่เกิน 100 กม./ชม. ดีจนน่าใจหายระดับ 6.4 ลิตรต่อ 100 กม. ความเร็ว 120 ทำได้ 8.2 ลิตรต่อ 100 กม
- ห้องโดยสาร เงียบดีครับ
- น่าจะมีช่องแอร์แช่ขวดน้ำเนอะ
- ไฟ เดย์ไลท์ น่าจะปิดได้เนอะ
จบ ครับ แต่ถ้าซื้อคันใหม่ มิตซูไม่น่าจะมัดใจผมได้นะ แต่ไม่ใช่เหตุผลหลัก ถ้าเมียสั่งก็ซื้อมิตซูอีกนั้นแหละ อีกเรื่องผมมาแบ่งปัน ภาษาบ้านๆ และไม่ตรวจทานนะครับ จะถามเพิ่มเติมหรือเสริมแต่ง ตามสบายครับ
อัพเดท ปาเจโร่ สปอร์ต 2020 หลังจากใช้งาน 1 ปี 40,000.00 กม.
1. ใส่ชุดหูลาก
2. ใส่ถุงลม
3. ติดตั้งเครื่องเสียง
4. เปลี่ยนโช้ค Profender ปรับ 8
5. ถอด ถุงลม
6. เปลี่ยน สปริง Profender
เนื่องจาก กิจกรรมที่ชอบทำและงานที่ทำเลยทำให้มีการปรับปรุงรถให้เข้ากับชีวิตประจำวัน ...ผลที่ได้นั้นหรือ ....แก้ไปเรื่อย 55555+
เริ่มจากชุดหูลาก ถ้าใส่ไม่ระวังจะทำให้เกิดเสียงดังได้ เนื่องจากตัวยึดกันชนหลัง ออกแบบให้มีเหล็กค้ำ เลยทำไปไปเบียดกับส่วนหูลากได้ง่าย ... แก้ไข ดัดสิครับรออะไร
ใส่ถุงลม เนื่องจาก ต้องเอามอเตอร์ไซค์ ไปขี่เล่นด้วย พอบรรทุกมอเตอร์ไซค์ น้ำหนัก 103 กก. ผลที่ตามมาคือรถเกิดอาการ หยิ่งๆ (หน้าเชิด 5555+) ก็เลยหันไปคบถุง...ลม ยี่ห้อ ไฟว์สโตน ผลที่ได้ บรรทุก 103 กก. รถไม่หยิ่งแหละ หรือ หน้าไม่เชิดแล้ว การทรงตัวขณะบรรทุกและวิ่ง อาการรถเหมือนปกติทั่วไป
แก้รอบที่ 1 ขันน็อตโช้คแน่นไป ผลคือ โช้คให้อาการแน่นไป สาเหตุที่รู้ เนื่องจากลูกยางหูโช้ค ล้นออกมา หรือ ไส้ทะลักนั้นแหละ ที่สำคัญ ร้านที่ไปเปลี่ยน ทำตัวปรับระดับไฟหน้าอัตโนมัติแตก ....ร้านรับผิดชอบให้ครับ แต่สั่งของมาผิดรุ่น เลยแก้ปัญหาติดกาวเอา ใช้มา 20000 กม. ยังปกติดี
แก้รอบที่ 2 เนื่องจากติดซับแทงค์ ผิดตำแหน่ง หักเลี้ยวแล้วขึ้นเนิน มันเสียดสีกับยาง ผลคือ ได้ไปเยี่ยมโรงงาน Profender 55555+ ก็ย้ายจุดติดตั้งกันไปที่เจาะเป็นรูแล้วเอากาวอุดเอา 55555+ และปรับโช้คระดับ 4 ตามคำแนนะนำ ของโรงงาน ถ้าเป็นคนขับรถเร็วตลอดเวลา อาการรถแน่นๆแบบนี้คงชอบขับมันส์ดี แต่....ทันทีที่รถไปเจอถนนที่มีลอนคลื่น ผลคือโช้คยืดตัวไม่ทัน ทำให้แทนที่ล้อจะตกลงไป ดันดึงหน้ารถลงไป ...สรุปคือปรับ 4 เจอถนนแบบนี้ ได้อารมณ์ประมาณ เอาไม่ไผ่มาใส่แทนโช้ค 555555+ ......แก้ไขเบื่องต้น ปรับลงมา 3 และ 2
ตามลำดับ ผลที่ได้ นิ่มนวล แลกกับอาการ โคลงตามมา
....ชีวิตมันเศร้า..นั่งคิดนอนคิด อยู่ 2 อาทิตย์พร้อมหาข้อมูล ทดสอบ ผลคือ โช้คยันสปริง ไม่ใช่สปริงยันโช้ค อาการคือ โช้คทำงานเกินหน้าเกินตา ทำให้เมื่อเกิดการยุบและยืดเร็วๆ สปริงไม่มีความสามารถยืดโช้คออกมาได้ทัน ปรับมากยิ่งแน่น ปรับน้อยโคลง
...ชีวิต...ทางเลือกและโช้คในท้องตลาดผมแบ่งเป็น 3 เกรด โดยความคิดของผมเองนะ คือ ชุดเริ่มต้น ระดับกลาง และระดับผู้เชี่ยวชาญ
ระดับเริ่มต้นคือ โช้ค ที่มีขายทั่วไป ราคาไม่แพงมาก ปรับอะไรไม่ได้ ถ้าเกิดของเดิมเสียหาแบบนี้มาเปลี่ยน ก็จะได้ความรู้สึกดีมาระดับหนึ่ง
ระดับ กลางๆ ราคาแพงมานิดหนึ่ง ปรับความหนืดได้ หรือไม่ได้ก็มี แต่การปรับพวกนี้ ส่วนมาก ปรับแค่ compression อย่างเดียวเท่านั้น ไม่ค่อยเห็นมีใครทำให้ปรับ Rebound เลยนะ ส่วนเหตุผล บอกตรงๆ ไม่รู้
ระดับ ผู้เชี่ยวชาญ ราคาแพง มีทั้งปรับได้และปรับไม่ได้ แต่ถ้าปรับได้จะปรับได้ทั้ง 2 ทาง และสามารถซ่อมบำรุงได้ ตามระยะทางการใช้งานและปรับแต่งเพิ่มเติมได้ถ้าไม่พอใจแต่ใช้เงิน...มาก ดังนั้นเส้นทางของผมคือ
1. ถอดโช้คขายทิ้ง....หาตัวใหม่...นั้นคนรวยทำกัน ...ส่วนผม ...5555+ ใส่ของเดิมเท่านั้น
2. เปลี่ยนสปริงๆ ....ยี่ห้อไหนดีละ เสี่ยงอีกแล้ว...แต่หวยออก Profender เพราะใน 1 เส้นมี 2 ค่า K จริงอยากลองตัวอื่น แต่กำลังทรัพย์ไม่พอ สรุปคืออยากได้ไอโฟน12 5555+ เลยกัดฟันเลือก Profender
ผลที่ได้ โช้คมันก็ทำงานในส่วนที่มันจะเป็น อาการหนึบมาแล้ว แต่จ่ายไปเกือบ ห้าหมื่น ..บอกเลย ...อย่าหาทำ ถ้าขับรถไม่เกิน 120 กม./ชม. ของเดิมๆเอาอยู่ นิ่มนวลได้ เราไม่ได้ขับแบบซัดโค้งจนยางร้องควรครางบ่อยๆหรอกนอกจากตอนลองโช้ค....โชว์เพาว์ ว่าพี่พอได้(ภาษใต้) เสียเวลาเสียงานและเสียเงิน
เปลี่ยนเครื่องเสียง
บอกเลย ของติดรถพอฟังได้แล้ว ...แต่ถ้าเงินพอมีจ่ายซื้อความสุขได้ก็จ่ายไปตามกำลัง...เรื่องต้องระวังคือ ร้านที่ค้าขายแอบเนียนด้วยเล่ห์เหลี่ยม ยกตัวอย่าง เซ็ต 42,000 บาท มีลำโพง 7 ชิ้น แอมป์สองตัว แต่เชื่อมมัย ราคานี้ไม่รวมสายสันญาณ และอุปกรณ์กรองต่างๆที่ร้านจะหามาขาย 5555+ และอาจจะกลายเป็น 72,000 บาท เหมือนของผม ซึ่งต้องไปโกหกเมียอีก เพื่อของบประมาณเพิ่ม โดยชักแม่น้ำทั้ง 5 อาจไม่พอ แลละนำรวมทะเลเข้าไปด้วย ผลที่ได้ ....เศร้าใจหลาย เสียงร้องเกาะแถวประตู จ่ายไป 72,000 บาท ชีวิต สรุป ว่าจะจัดวางใหม่หรือใส่ DSP ดี ...ที่สำคัญจะโกหกเมียยังงัย 5555
ถอดถุงลม
บอกได้เลย ถุงลมใส่ในสปริง ถ้าไม่บรรทุก โช้คเดิม ความนิ่มนวลพอรับกันได้แล้ว อย่าไปหาที่ดีกว่านี้เลย มันจับคู่ยากมาก หลังจากเปลี่ยนโช้คมา 4 ตัว บอกได้เลยที่นั่งแถว 2 เข้าขั้นวิบัติ ดื่มแค่น้ำเปล่ายังอ้วกได้ ขึ้นระนาดลูกเดียวเด้งไปสามครั้งถึงจะหยุด ถ้ามีหลุมต่อเนื่องบอกได้เลยมีหัวโขกกระจกประตู สาเหตุหลังคือ ถุงลมไปทำให้ระยะให้ตัวน้อยไปและโช้คใหม่ที่ความถี่สูง ทำงานไม่เร็วพอ ก่อนจะตัดสินใจเปลี่ยนสปริงก็ไปถอดถุงลมออกก่อน เพื่อดูอาการ ผลที่ได้คือ แม้แต่ค่ากลางของโรงงานยังให้ความรู้สึกเป็นกระบอกไม้ไผ่ได้ 5555+ จบ
เปลี่ยนสปริง
สรุป เป็นเรื่อง อย่าหาทำถ้ามาว่างพอ ส่วนตัวรถนั้น พบปัญหานิดหน่อย ไม่รู้จะเคลมยังงัย เพราะได้คำตอบอมตะมา...พี่ทุกคันก็เป็นแบบนี้ครับ และตรวจหาไม่เจอ 5555+ เช่น
- เบาะ กาวที่ติดกับชุดถุงลมด้านข้างหลุด ทั้งเบาะ ซ้าย กว่า ช่างแนนะนำ พี่ไปดูรถ DEMO ก็เป็น 5555+
- ประตูหลังใส่ถุงกอล์ฟลำบากมาก
- ระบบล็อคเบาะแถว 3 ห่วย ล็อคได้บ้างไม่ได้บ้าง
- สีตัวรถกับกันชน ต่างกันเกินไป ...ช่างบอกเหมือนกันทุกคนทุกสี 55555+
- น้ำมันเครื่อง ถ้าใช้ถึง 10,000 กม. เสียงเครื่องยนต์ตอนเข้า 7,000 กม. ก็จะดังหน่อยนะ ซึ่งของเดิมก็ดังกว่าชาวบ้านอยู่แล้ว
- ระบบ เตือนการชนด้านหน้า ในวันฝนตกหนัก มันชองเตือนเอง ดีว่ามันไม่เบรกให้
- เกียร์ ฉลาดและทำงานค่อนข้างดีเลย
- ความประหยัดถ้าขับไม่เกิน 100 กม./ชม. ดีจนน่าใจหายระดับ 6.4 ลิตรต่อ 100 กม. ความเร็ว 120 ทำได้ 8.2 ลิตรต่อ 100 กม
- ห้องโดยสาร เงียบดีครับ
- น่าจะมีช่องแอร์แช่ขวดน้ำเนอะ
- ไฟ เดย์ไลท์ น่าจะปิดได้เนอะ
จบ ครับ แต่ถ้าซื้อคันใหม่ มิตซูไม่น่าจะมัดใจผมได้นะ แต่ไม่ใช่เหตุผลหลัก ถ้าเมียสั่งก็ซื้อมิตซูอีกนั้นแหละ อีกเรื่องผมมาแบ่งปัน ภาษาบ้านๆ และไม่ตรวจทานนะครับ จะถามเพิ่มเติมหรือเสริมแต่ง ตามสบายครับ