สอบถามเรื่องเงินประกันการทำงาน

สอบถามเรื่องเงินประกันงานค่ะ นายจ้างสามารถหักเงินประกันงานเราได้กี่% หรือกี่บาทของเงินเดือนคะ เราทำงานตำแหน่งธุรการบัญชีที่บริษัทขนส่งเอกชน เงินเดือน9000ถ้วน พึ่งเริ่มทำงานต้นเดือนธ.ค.เองค่ะ นายจ้างจะหักเงินประกันงานเรา10,000โดยถามเราว่าจะจ่ายเงินประกันงานยังไงจะให้หักจากเงินเดือนๆละ500หรือจะทยอยจ่ายให้เขาเป็นงวดๆ(3งวดหรือ6งวดให้ครบ10,000) ถ้าเป็นไปได้เขาอยากให้เราจ่ายเป็นก้อนทีเดียวเลยหรือเร็วได้เท่าไหร่ยิ่งดี เราประเมินจากสถานการณ์จากที่ทำงานเราคิดว่าเราคงจะออก เพราะมันไม่คุ้ม สวัสดิการมีแค่ประกันสังคมอย่างเดียว วันหยุดนักขัต13วัน บอกเราว่าเราหยุดไม่ได้เพราะเป็นบริษัทขนส่ง ไม่มีค่าล่วงเวลาอะไรทั้งนั้น จะให้หยุดชดเชยแทนแต่ต้องทำงานให้ครบ1ปีก่อนถึงจะมีสิทธิ์ ลาป่วยได้แต่หักเงิน ลากิจลาต่างๆยังไม่ได้เพราะอยู่ช่วงทดลองงาน(ตอนทำงานไม่ได้บอกว่ามีทดลองงาน สวัสดิการทดลองงานกับผ่านการทดลองงาาแล้วไม่มีความต่างกัน) จะสามารถใช้วันลาได้ก็ต่อเมื่อทำงานได้ครบ1ปี เราคิดว่าต่อให้เราทำครบปีเขาก็คงจะหาเรื่องมาหักเงินเราอยู่ดี บอกว่าตอนเราออกจะเช็คว่าเราทำบัญชีถูกไหมแต่ตอนเราไปทำงานให้เราเริ่มเองหมดเลยไม่สอนงานไม่บอกอะไรสักอย่าง อยากรู้ว่าถ้าเราเซนสัญญาไปแล้วถ้าเราจะไปร้องเรียนมันจะไม่มีผลอะไรเพราะยินยอมใช่ไหม แล้วเงินประกันงานสามารถเรียกได้ตั้งแต่ทำงานเดือนแรกที่ยังอยู่ในช่วงทดลองงานหรอ ที่ทำงานเดิม ทดลองงานได้รายวัน ปรับเป็นประจำแล้วค่อยหักเงินประกันมีสิทธิ์ลาได้ตามกำหนดยกเว้นพักร้อนต้องรอให้ครบ1ปี แบบนี้เราทำอะไรได้บ้าง อ่อลืมบอกก่อนหน้าให้เราทำงาน8.30ชม. จ-ส พอจะให้เซนสัญญาปรับให้เหลือ8ชม.แล้ว
คำตอบที่ได้รับเลือกจากเจ้าของกระทู้
ความคิดเห็นที่ 1
1. ถ้าลักษณะหรือสภาพการทำงานของคุณมีความเกี่ยวข้องกับการเงินหรือทรัพย์สินของนายจ้าง นายจ้างก็มีสิทธิเรียกหรือรับหลักประกันความเสียหาย แต่จำนวนมูลค่าเงินประกันที่นายจ้างเก็บต้องไม่เกินหกสิบเท่าของอัตราค่าจ้างรายวันโดยเฉลี่ยที่ลูกจ้างได้รับ (หรือเป็นสองเท่าของค่าจ้าง)
คุณได้รับค่าจ้างเดือนละ 9,000 บาท หรือเฉลี่ยวันละ 300 บาท x 60 เท่า  = เรียกเก็บเงินประกันไม่เกิน 18,000 บาท

2. ค่าจ้างวันละ 300 บาท น้อยกว่าอัตราค่าจ้างขั้นต่ำ

3. ประกันสังคมไม่ใช่สวัสดิการ แต่เป็นสิทธิและหน้าที่ตามกฎหมายที่นายจ้าง-ลูกจ้างต้องนำส่งเงินเข้ากองทุน

4. พ.ร.บ. คุ้มครองแรงงานฯ มาตรา 29 วรรคสี่ ในกรณีนายจ้างไม่อาจให้ลูกจ้างหยุดตามประเพณีได้ เนื่องจากลักษณะหรือสภาพของงานตามที่กำหนดในกฎกระทรวง ให้นายจ้างตกลงกับลูกจ้างว่าจะให้ลูกจ้างหยุดชดเชยในวันอื่นแทน หรือนายจ้างจะจ่ายเป็นค่าทำงานในวันหยุด
ซึ่งกฎกระทรวง ฉบับที่ 4 (พ.ศ. 2541) ข้อ 2 กำหนดให้งานขนส่งเป็นงานที่นายจ้างอาจให้ลูกจ้างหยุดตามประเพณี
เพราะฉะนั้น ถ้านายจ้างให้คุณทำงานในวันหยุดตามประเพณี ก็ต้องให้คุณหยุดชดเชยในวันอื่นแทนหรือจ่ายเป็นค่าทำงานในวันหยุด
ทั้งนี้ ควรเช็คด้วยว่าบริษัทฯ ประกาศวันหยุดตามประเพณีไว้อย่างไร เพราะวันหยุดตามประเพณีที่ราชการหยุด ไม่ได้หมายความว่าจะต้องเป็นวันหยุดตามประเพณีของบริษัทฯ เสมอไป

5. มาตรา 32, 57 ลูกจ้างมีสิทธิลาป่วยได้เท่าที่ป่วยจริง โดยได้รับค่าจ้างตลอดระยะเวลาที่ลา แต่ปีหนึ่งไม่เกิน 30 วันทำงาน
มาตรา 76 ห้ามนายจ้างหักค่าจ้าง เว้นแต่จะได้รับความยินยอมเป็นหนังสือจากลูกจ้างตามมาตรา 77

6. การลางาน กฎหมายไม่มีเขียนว่าต้องทำงานครบหนึ่งปีก่อนจึงจะมีสิทธิลา
ที่กฎหมายเขียนมีเฉพาะการหยุดพักผ่อนประจำปี ที่ลูกจ้างต้องทำงานครบหนึ่งปีก่อน จึงจะหยุดพักผ่อนประจำปีได้
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่