คิดถึง 2 บทที่ 24



.


              รสชาติของการเป็นผู้ใหญ่มันขม
               จนไม่เข้าใจว่าทำไมตอนเด็กถึงใฝ่หา...

               ชั่วโมงเรียนสุดท้ายของวันนี้ เป็นกิจกรรมโฮมรูม อาจารย์ที่ปรึกษาปล่อยให้พวกเธอเล่นตามอัธยาศัย  อาจารย์พาพวกเธอเอาท์ดอร์ ทว่าก็อยู่ไม่ไกลจากบริเวณอาคารเรียน ด้านหลังอาคารร่มรื่นมาก ปกคลุมไปด้วยร่มเงาของต้นไม้หลากหลายชนิด

                อาจารย์พาพวกเธอออกมานั่งเล่นพูดคุยกันที่ใต้ร่มต้นประดู่ด้านหลังอาคารเรียน เยื้อง ๆ อาคารเป็นสนามเปตอง และบ้านพักครู ด้วยสภาพแวดล้อมภูมิทัศน์ของโรงเรียนเต็มไปด้วยป่าไม้ ไร่นาของชาวบ้าน ทำให้บรรยากาศร่มรื่นมาก ๆ ลมพัดมาทีเย็นสบาย

              อาจารย์ให้นั่งต่อกันเป็นแถวตอนสี่แถว พูดคุยกันสักหน่อยก่อนจะแยกย้ายตามอัธยาศัย เมื่อให้โอวาทเสร็จอาจารย์ก็ปล่อยแยกย้ายกัน แต่ห้ามไปไกลเกินกว่าบริเวณนี้ เพราะท้ายชั่วโมงอาจารย์จะเช็คชื่อ ห้ามแอบกลับก่อนโรงเรียนเลิกเด็ดขาด ไม่อย่างนั้นได้ติด มส.ไว้ก่อนแน่นอนในวิชาของอาจารย์

               บอสและเพื่อน ๆ นั่งจับกลุ่มคุยกันปกติ นั่งล้อมวงกันกับพื้น มีเพื่อนต่างหมู่บ้านนั่งคุยด้วย เวลาเรียนก็เล่นด้วยกันบ้าง นอกเวลาเรียนก็เล่นหมู่บ้านของใครของมัน สายตาของเธอดันมองไปเห็นเห็ดชนิดหนึ่งอยู่ใกล้ ๆ โคนต้นกระบก ปกคลุมไปด้วยใบไม้แต่ก็ยังมีบางส่วนของดอกเห็ดโผล่ออกมาให้เห็น

                “เดี๋ยวกูมานะ!” บอสบอกเพื่อนและรีบลุกไปอย่างเร็ว กลัวเพื่อนเห็นและวิ่งแย่ง บอสเดินมายังต้นกระบกเขี่ยใบไม้ออก เป็นเห็ดจริง ๆ ด้วย ดอกเห็ดมีสีน้ำตาลเข้มทั้งดอก เห็ดชนิดนี้กินได้มีรสชาติขม เรียกว่าเห็ดขมนั่นเอง มันต้องมีเพื่อนแน่ ๆ ต้องมีกลุ่มเห็ดอีก ไม่อย่างนั้นดอกนี้คงไม่เกิดแน่นอน

               เธอเดินวนไปวนมาใกล้ ๆ ต้นบกอยู่หลายรอบก็ไม่มี เกิดมาได้เนอะดอกเดียวไอ้เห็ด บ่นอยู่คนเดียว ถึงจะมีรสชาติขมมันก็อร่อย และเธอก็ชอบกินเห็ดชนิดนี้ด้วย

               “อี่บอสมืงทำไรอ่ะ เดินหาอะไร” น้ำคงจะเห็นเธอเดินวนแค่ตรงต้นกระบกหลายรอบแล้ว จึงตะโกนถาม มีเพื่อน ๆ หลายคนหันมามองตามเสียงตะโกนของน้ำด้วย “มืงหาเห็ดเหรอ”

               “อือ เห็ดขมมืง” บอสเดินกลับมาหาเพื่อน ๆ นั่งลงที่เดิม ชูเห็ดให้เพื่อน ๆ ดู กลิ่นของมันก็หอมละมุนมาก ก้านขาอวบแน่น ดอกเห็ดกะทัดรัดไม่อ่อนไม่แก่จนเกินไป แบบนี้แหละเป็นช่วงวัยของเห็ดที่อร่อยที่สุด น่าจะเจอเป็นกลุ่มสักสิบดอกอะไรแบบนี้ บอสมองและนึกในใจอยู่คนเดียว

                “ดอกอวบดีแท้” น้ำพูด เห็นจะสนใจอยู่คนเดียวทั้งกลุ่ม ส่วนคนอื่น ๆ ก็แค่มองเป็นเรื่องไร้สาระ แล้วก็เม้าส์กันต่อ

               “น้ำไปหาเห็ดปะ เผื่อได้สมทบกัน หาเล่น ๆ ไงมืง เผื่อมันมีเพื่อนมันเยอะไง” บอสพูดทีเล่นทีจริง ปรายตามองเพื่อน ลุ้นว่าน้ำจะพาไปหรือเปล่า จะให้เดินหาคนเดียวก็เขินแปลก ๆ ต้องหาแนวร่วมก่อน

               “ไปก็ไป” น้ำไม่ปฏิเสธ เอากับเธอด้วยคน ทั้งสองลุกออกจากกลุ่มเพื่อนเพื่อไปหาเห็ดขมกัน

               “สุนิสากับน้ำผึ้งไปไหนกันน่ะ” อาจารย์ฑิฆัมพรถามพวกเธอ เมื่อเห็นเดินออกห่างจากเพื่อน ๆ

               “หาเห็ดค่าครู ฮา” บอสตอบอาจารย์ที่ปรึกษาพร้อมหัวเราะ อาจารย์ก็หัวเราะไปด้วย

               “ตามสบาย”

                สภาพภูมิทัศน์โรงเรียนของเธอเป็นป่าเสียส่วนใหญ่ มีต้นกุงขึ้นเองตามธรรมชาติปะปนตึกอาคารเรียน ต้นประดู่ ต้นกะบก ต้นแดงมีอยู่หลายต้น ก็ที่แห่งนี้เคยเป็นป่าช้าเก่าที่ร้างไปนานแล้ว ก่อนก่อตั้งโรงเรียนขึ้น จึงได้บรรยากาศแบบป่าพอสมควร

                ตาเล่าให้ฟังบ่อย ๆ อย่างภูมิใจว่าตาเป็นคนมาถางป่าสร้างโรงเรียนเองกับคนในตำบล เริ่มแรกทำเป็นเพลิงหมาแหงนก่อน เรียนถึงชั้น ม.3 ผู้อำนวยการโรงเรียนคนแรกใช่ร่วมกันกับผู้อำนวยการโรงเรียนประจำจังหวัด หมายถึงผู้อำนวยการท่านนี้ปกครองสองโรงเรียนในเวลานั้น ผู้อำนวยการคนปัจจุบันพึ่งจะเป็นคนที่สามเอง ที่มารับช่วงต่อ

               หน้าดินปกคลุมไปด้วยใบตองแห้ง เธอกับน้ำใช้ไม้เขี่ยใบไม้เดินหาเห็ดกันอยู่สองคน เจอเห็ดอะไรก็เอาหมด

               “บอส! เห็ดปลวกอี่ห่า เย้!” รู้สึกว่าน้ำจะดวงเฮงมาก ๆ เดินหาไปหามาเจอกลุ่มเห็ดปลวกกลุ่มใหญ่มาก ต้นของมันเรียวและเล็ก ดอกมีลักษณะแหลมเล็ก ๆ น้ำดีใจรีบนั่งลงเก็บใส่กรวยกระดาษที่เตรียมมาด้วยทันที เพื่อน ๆ หลายคนเห็นเช่นนั้นบางคนก็ลุกมาหาเห็ดตามพวกเธอด้วย

               “ป๊าด! มืงคือดวงดีแถะวะ” บอสอุทาน อิจฉานิดหน่อยแต่ก็งั้น ๆ เธอเขี่ยใบไม้หาต่อ ไม่ใช่แค่น้ำที่ดวงดี เธอก็ดวงดีเหมือนกัน เจอเห็ดตะไคสองดอก ดอกตูมกับดอกบานเลยแหละ กลิ่นนี่หอมเชียว “น้ำเห็ดไคสองดอก”

               “ป๊าด! มีเพื่อนมันมั้ย”

               “กูหาดูก่อน” พูดจบบอสก็เขี่ยใบตองหาต่ออย่างอกตั้งใจ มีเพื่อน ๆ ตามมาหาด้วย ก็ไม่เป็นไร บริเวณโรงเรียนตั้งกว่าง หาได้หมด ยกเว้นสนามฟุตบอลไม่มีเห็ดเกิดแน่นอน

               “สองคนนั้นหาเห็ดไปถึงไหนนั่น เจอสักดอกบ้างมั้ย” อาจารย์ฑิฆัมพรตะโกนถาม อาจารย์กับเพื่อนก็ยังเม้าส์กันไม่หยุด

               “สองดอกค่าอาจารย์ ฮา “ น้ำตะโกนตอบอาจารย์ เธอเองก็ขำเหมือนกัน เหมือนหาได้เยอะ ทั้งที่เจอแค่สองดอกเอง รวมกับเห็ดขมก็แค่สามดอก แต่ก็สนุกและอยากหาเรื่อย ๆ

               “บอส เราเดินไปทางบ้านพักครูมนูญป่ะ” น้ำชวน น่าสนใจเหมือนกัน ตรงนั้นยังไม่มีใครเดินไปเขี่ยใบไม้หาสักคน เมื่อตกลงกันได้พวกเธอก็เดินเขี่ยใบไม้หาเห็ดไปทางบ้านพักครูกันเลย

               เดินไกลออกมาจากกลุ่มเพื่อนเรื่อย ๆ บรรยากาศใกล้บ้านพักครูเงียบเชียบ มองออกไปไม่ไกลเห็นเพื่อนสองสามคนเดินเขี่ยใบไม้หาเห็ดอยู่ บรรยากาศมันเงียบเหงาวังเวงพิลึก บอสชักเริ่มกลัวแปลก ๆ ทว่าก็ยังเขี่ยใบไม้หาต่อไป

               อาณาเขตฝั่งนี้ทางโรงเรียนล้อมรั้วลวดหนามเอาไว้ ข้ามไปก็เป็นไร่มันสำปะหลังของจ๋อมแล้ว ที่นาของจ๋อมติดกับโรงเรียนของเธอ และถัดไปเป็นป่าเก็บเห็ดเล็ก ๆ ด้านหลังบ้านพักครูเป็นล่องน้ำไหล บอสมองดูแล้วรู้สึกเสียวสันหลังแปลก ๆ

               “น้ำเราไปจากตรงนี้กันเถอะ วังเวงว่ะ เราเดินหาออกมาไกลเพื่อนแล้วนะ” เธอชวนน้ำเดินออกห่างจากล่องน้ำไหล เธอเคยได้ฟังได้ดูภาพยนตร์ทางผีผ่าน ก็คิดเอาเองว่าร่องน้ำตรงนี้น่ากลัว อาจจะเป็นทางผีผ่านก็ได้

               “กลับก็กลับ” น้ำตอบ ไม่รู้น้ำรู้สึกเหมือนเธอหรือเปล่า รู้สึกวังเวงเย็นแบบแปลก ๆ ยังดีที่ชวนแล้วไม่ปฏิเสธ ทั้งสองคนรีบเดินออกห่างจากด้านหลังบ้านพักครูกัน

               ก่อนกลับมาเธอมองไปที่ป่าเล็ก ๆ บนที่นาของจ๋อม ป่าย่อม ๆ เหมือนเกาะ แต่มันดันอยู่บนผืนดินไม่ใช่ผืนน้ำ ป่าแห่งนั้นมีที่มา พอมองไปก็ขนลุกโดยไม่รู้ตัว มองไปที่ป่ากลางนาของจ๋อม ทั้งสงสาร สมเพชเวทนาก็มิปาน

              เมื่อหลายเดือนก่อน ญาติของจ๋อมมาทำการปิดชีวิตตัวเองที่ป่าแห่งนั้น โดยการแขวนคอตัวเอง บอสมองแล้วก็ขนลุก น้ำเห็นเธอมองก็มองตาม น้ำคงจะนึกถึงเรื่องนั้นเหมือนกับเธอ ทั้งสองคนมองหน้ากัน สุดท้ายก็พากันวิ่งเตลิดออกมา เพื่อน ๆ มองกันใหญ่ คงนึกว่าพวกเธอวิ่งหยอกกันปกติธรรมดา

               “ได้มั้ยเห็ดสองคนหนิ” อาจารย์ถาม พร้อมขอดูกรวยกระดาษใส่เห็ดของพวกเธอด้วย “นึกว่าได้เต็มกรวยแล้ว เห็นหาอยู่นาน ”

               เธอกับน้ำยิ้มให้อาจารย์แบบเขิน ๆ อย่างน้อยเธอก็ได้เห็ดตะไคนะ เอาไปย่างไฟกินเฉย ๆ ก็ได้ แค่สองดอกก็อร่อย ส่วนเห็ดขมก็เอากลับไปอย่างนั้นแหละ อุตส่าห์หาเจอ จะทิ้งก็เสียดาย ปล่อยให้มันแห้งไปกับเธอดีกว่า หาเจอทั้งทีจะทิ้งได้อย่างไรกัน

               และแล้วออดสุดท้ายก็ดังขึ้น อาจารย์และพวกเธอเก็บสัมภาระเดินไปเข้าแถวสวดมนต์ไหว้พระก่อนกลับบ้าน บอสเดินกลับบ้านเป็นกลุ่มกับเพื่อนทุกวัน ไม่ยอมขึ้นรถมอเตอร์ไซค์ไปกับพี่ปาวพี่แป้ง

               เดินกลับสนุกดี เพื่อนร่วมทางก็เยอะ ข้างทางมีผลไม้ให้กินด้วย แค่ต้องรอให้ถึงหน้าหนาวเท่านั้น พอถึงหน้าหนาวก็จะมีหมากหนามเล็บแมวให้กิน ลูกสุกมันจะมีสีดำ รสชาติเปรี้ยวอมหวาน ลำต้นมีหนาม เวลาเดินกลับบ้านก็เก็บกินไปด้วย สนุกดี

               ระหว่างทางเดินกลับ สองข้างทางจะมีป่ายูคาลิปตัสของชาวบ้านปลูกเอาไว้ เห็ดขมชอบเกิดตามป่ายูคาลิปตัสนี่แหละ บอสอยากเข้าไปเก็บเห็ดขมมาก ๆ แต่ไม่กล้าชวนเพื่อน เธอยังติดลมกับการหาเห็ดอยู่ ตอนนี้ก็มีรุ่นพี่ผู้หญิงบางกลุ่มเดินเข้าป่ายูคาลิปตัสไปหาเห็ด เสียงเขี่ยใบไม้ดังสวบ ๆ ออกมาด้านนอกให้ได้ยิน มองเข้าไปก็เห็น

                “พวกมืงไปหาเห็ดขมกันปะ นู่นพวกพี่กวางพี่เปรี้ยวกำลังหาอยู่นู่น” เหมือนสวรรค์เห็นใจเธอ เมื่อเตยชวนเพื่อน ๆ เข้าป่าหาเห็ด แม้จะใส่กระโปรงนักเรียนก็ไม่หวั่น ป่ายูคาลิปตัสก็ไม่ได้รกอะไรมาก ไม่มีหญ้าเกิดเลย มีเพียงใบของมันที่ร่วงลงมาแห้งปกคลุมหน้าดิน

                “ไป ๆ “ ด้วยความที่อยากไปอยู่แล้ว บอสตอบตกลงกับเตยก่อนคนแรกเลย น้ำ และชมพู่ก็เอาด้วย และสรุปพวกเธอก็เข้าป่าไปหาเห็ดขมกันทั้งกลุ่ม

              ป่าค่อนข้างกว้าง เข้าไปหาสักสิบคนก็หาไม่หมด ดังนั้นจึงไม่มีใครเขม่นใคร ต่างคนต่างเขี่ยใบไม้หา บอสหาไม้มาเขี่ยอย่างตั้งใจ เธอค่อย ๆ เขี่ยใบไม้แห้งออก ใช้วิชาที่ติดตัวมาแต่เด็ก ๆ ที่ตามไปหาเห็ดกับยาย เดินหาเรื่อย ๆ สักพักก็เจอเห็ดขมเป็นกลุ่ม ห้าดอกบ้าง ดอกเดียวบ้าง สองสามดอกบ้าง ได้สมทบกันไป

                เธอแลดูจะตั้งใจหากว่าใคร ๆ เพราะเธอไม่ได้จะมาเล่น ๆ เธอหวังจะเอาไปประกอบอาหารกันเลยต่างหาก เพราะความตั้งใจหรือไรไม่รู้ เธอหาเจออยู่คนเดียว เดินมาเจอกลุ่มเห็ดตลอด จนชมพู่ต้องเดินประกบคู่เธอ หวังว่าจะเจอและก็เจอจริง ๆ

              ทุกคนเขี่ยหาเห็ดไปด้วย คุยกันถึงเรื่องตลก ๆ ไปด้วย หัวเราะเฮฮากันในป่าโดยเฉพาะเตยที่เป็นคนพูดเสียงดังอยู่แล้ว เพิ่มบรรยากาศในป่าไม่เงียบเหงา พอรู้ตัวว่าใช้เวลานานมากแล้วในการหาเห็ดทุกคนจึงพากันกลับ เห็นได้จากการที่ไม่มีนักเรียนคนไหนเดินผ่านหรือขับรถผ่านแล้ว เหลือก็แต่กลุ่มพวกเธอกับรุ่นพี่ไม่กี่คนนี่แหละ

               พอถึงเวลากลับ ทุกคนขอดูเห็ดของกันและกัน ต่างพากันเก็บได้ทีละสองสามดอก มีเธอที่ได้เยอะสุด เอาไปก็ไม่พอทำกิน จะย่างไฟเหมือนเห็ดไคก็ไม่ได้ เนื่องจากมันมีรสขมมาก ดังนั้นเพื่อน ๆ จึงลงมติเป็นเอกฉันท์ เอาเห็ดขมที่เก็บได้ให้เธอทุกคน โชคดีจึงเป็นของเธอ บอสดีใจมากเก็บอาการเอาไว้สุดกำลัง แล้วพวกเธอก็เดินกลับบ้านกัน

              เห็ดของทุกคนที่นำมาให้เธอ รวมกันแล้ว พอทำกินได้มื้อหนึ่งเลย คนละดอกสองดอก รวมของตนที่เก็บได้ ก็ถือว่าเยอะพอสมควร เห็ดขมถึงจะมีรสชาติขมทว่ามันคือเห็ดสุดโปรดของเธอ ทำดี ๆ พิถีพิถันมันก็ไม่ขม ต้องใจเย็นทุกขั้นตอนในการทำมาก ๆ ไม่ได้ไปเก็บซื้อกินยายก็ยังซื้อ ด้วยความชอบกินของหลาน

               กลับมาถึงบ้านบอสนำเห็ดที่เก็บได้มาอวดยาย ยายยิ้มและหัวร่อเธอ ไปโรงเรียนได้เห็ดมาด้วย เธอไม่ได้บอกยายหรอกว่าเข้าไปเก็บในป่ายูคาลิปตัสข้างทางด้วย ยายเข้าใจว่าหาที่บริเวณโรงเรียนอย่างเดียว ซึ่งมันก็เป็นไปได้ เนื่องจากสภาพแวดล้อมของโรงเรียนเป็นป่า

               บอสเปลี่ยนชุดนักเรียนเรียบร้อย ทำงานบ้านช่วยพี่สาวเรียบร้อย จึงขอให้ยายทำก้อยเห็ดขมให้กิน บอสได้ยินคนอื่นพูดมา ไม่เคยกินเลย ส่วนมากจะเป็นแกงมากกว่า จึงขอให้ยายช่วยทำให้กินหน่อย แต่ยายให้ทำเอง ในเมื่ออยากกินก็ทำเอง

                เมนูที่จะทำนั่นก็คือ ก้อยเห็ดขม บอสนำเห็ดไปล้างดินออกให้สะอาด ตั้งแต่สองน้ำเป็นต้นไป เมื่อแน่ใจแล้วว่าสะอาดก็นำมาต้มน้ำเปล่า ยายบอกให้ไปเก็บใบฝรั่งมาใส่ด้วย ใบฝรั่งจะช่วยทำให้ลดการขมของเห็ดได้ บอสก็รีบวิ่งไปเก็บมาใส่ จะต้มกี่น้ำก็ได้ จนแน่ใจว่าเห็ดจืดแล้ว จึงจะสามารถนำมาประกอบอาหารได้
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่