บันทึกแห่งการเดินทางของสาวสองวัย: พระยาพาลาซโซ

พระยาพาลาซโซ 
By Auntie & Yayee

     เมื่อก่อนเวลาเดินทางด้วยเรือด่วนเจ้าพระยา จะมองทิวทัศน์สองฝั่งแม่น้ำ ชอบดูบ้านเรือนสมัยโบราณที่ตั้งอยู่ริมแม่น้ำ และเมื่อผ่านช่วงสะพานพระราม 8 ไปแล้ว ก่อนถึงสะพานพระปิ่นเกล้าจะสะดุดกับคฤหาสน์หลังใหญ่หลังหนึ่ง จะสงสัยมาก ว่าบ้านใครนะ ทำไมเจ้าของถึงปล่อยให้รกร้าง จนมาถึงวันนี้ที่บ้านหลังนั้นได้รับการบูรณะจนกลับมาใช้งานได้อีกครั้งกลายเป็นโรงแรมพระยา พาลาซโซ ที่เรากำลังจะไปชมความสวยงามกันในวันนี้
การเดินทางไปที่พระยา พาลาซโซนั้นไปได้ทางเดียว คือ ทางเรือ ซึ่งเดินทางได้จาก 2 ท่าเรือแล้วแต่ความสะดวกของลูกค้า จะขึ้นเรือที่ท่าพระอาทิตย์ หรือ ท่าเรือวัดราชาธิวาส อยู่ในซอยสามเสน 9 ก็ได้ แต่ถ้าอยากจอดรถสะดวกสบาย แนะนำให้เลือกขึ้นเรือที่ท่าเรือวัดราชาธิวาส เมื่อมาจอดรถที่ลานจอดรถของวัดแล้วให้โทรแจ้งทางโรงแรม ประมาณ 15 นาที เรือของโรงแรมก็จะมาเทียบท่า

ที่นั่งท้ายลำให้นั่งชมวิวเก็บภาพบรรยากาศการเดินทาง

ภายในเรือมีเสื้อชูชีพพร้อมสำหรับผู้โดยสาร นั่งชมวิวไปใช้เวลาประมาณ 10 นาทีก็มาถึงท่าเรือของโรงแรม

ท่าเรือของโรงแรม

เมื่อเดินผ่านประตูเข้ามาจะสัมผัสได้ถึงความร่มรื่นของเงาไม้ มีต้นไม้ใหญ่และดอกไม้ปลูกอยู่ระหว่างทางเดินเข้ามาในตัวอาคารซึ่งเป็นคฤหาสน์โบราณที่ปลูกแบบตะวันตก

สระว่ายน้ำของโรงแรม

ในวันนี้เราจะมารับประทานอาหารกันที่ห้องอาหารของโรงแรม เมื่อเปิดประตูเข้ามาในตัวอาคารชั้นล่าง ก็จะเจอห้องอาหาร ขนาดไม่ได้ใหญ่มาก แต่สามารถจัดวางให้แต่ละโต๊ะมีความเป็นส่วนตัว ภายในห้องอาหารตกแต่งอย่างสวยงาม มีมุมที่ยอกเล่าความเป็นมาของคฤหาสน์หลังนี้ก่อนที่จะมาเป็นพระยาพาลาสโซ

บริเวณโถงทางเดินด้านหน้า

มุมนั่งพักผ่อน ถ่ายรูปสวยๆ

มุมรับประทานอาหารส่วนตัว

อีกมุมหนึ่งที่ถ่ายรูปสวย

บรรยากาศภายในห้องอาหาร

มุมรับประทานสำหรับครอบครัวใหญ่

การจัดอุปกรณ์บนโต๊ะอาหาร


สำหรับอาหารที่เราจะรับประทานกันในวันนี้ จองมาเป็น set menu 10 อย่าง ซึ่งทางโรงแรมจะคัดสรรเมนูอาหารไทยทั้งคาวและหวานไว้ให้ นอกจากใน set แล้ว ถ้าอยากลองชิมอาหารจานอื่นๆที่มีอีกมากมาย ก็สามารถสั่งเพิ่มได้ อาหารทั้งหมดของที่นี่จะเป็นอาหารไทยโบราณที่มีความเป็นมาตั้งแต่สมัยสุโขทัยจนถึงปัจจุบัน

ข้าวตังหน้าตั้ง

มังกรคาบแก้ว

หลังจากที่นั่งโต๊ะเรียบร้อย อาหารก็เริ่มเสริฟไล่เรียงมาจากเมนูเรียกน้ำย่อยของทางโรงแรมที่ไม่ได้อยู่ใน set menu อย่างเช่น ข้าวตังหน้าตั้ง และมังกรคาบแก้ว ที่มีทั้งความสวยงามและอร่อย เปิดตัวมาด้วยความงามแบบนี้ ทำให้คาดหวังว่าอาหารในเซ็ตของเราจะเป็นยังไง แล้วก็ไม่ผิดหวัง ทุกจานอร่อยแบบรสชาติของอาหารไทยดั้งเดิม จัดรูปลักษณ์มาได้สวยงามทุกจาน เริ่มตั้งแต่ กุ้งโสร่ง ตัวแทนของอาหารสมัยอยุธยา คือ การเอากุ้งที่หมักด้วยเครื่องเทศพันด้วยเส้นหมี่แล้วทอดจนกรอบ รับประทานกับน้ำจิ้ม  ล่าเตียง อาหารไทยในกาพย์เห่ชมเครื่องคาวหวานในรัชกาลที่ 2 ของกรุงรัตนโกสินทร์ เมนูสุดปราณีต ที่หารับประทานได้ยาก หมี่กรอบกระทงทอง  ที่มีความผสมผสานเอาหมี่กรอบมาใส่ในกระทงกรอบๆ พล่าหมู หมูผัดส้มเสี้ยว ที่ไม่เคยรับประทานที่ไหนมาก่อนเลย ฉู่ฉี่กุ้งแม่น้ำ เอากุ้งแม่น้ำตัวโตๆมาทำฉู่ฉี่รสชาติกลมกล่อม ยำทวายและแกงรัญจวน ตัวแทนอาหารในสมัยรัชกาลที่ 5 ที่นี่ทำแกงรัญจวนได้ถึงเครื่องและอร่อยมากๆ ผัดผักนพเก้า นอกจากนี้ยังสั่งแกงจืดสาคูไข่เค็ม มาลองชิม เป็นเมนูที่มีความครีเอทสุดๆเอาสาคูนุ่มๆมาห่อไข่เค็ม เอามาทำเป็นแกงจืด ปิดท้ายด้วยของหวานอย่างบัวลอย และขนมอินทนิล ที่มีความหอมหวานของกะทิและความนุ่มนวลของตัวขนม เมนูอาหารยังมีอีกมากมายที่ยังไม่ได้ลองชิม ติดไว้คราวหน้าจะมาลองใหม่

อาหารหลากหลายเมนู

โดยสรุปในภาพรวมชอบอาหารที่นี่มาก ทั้งรสชาติอาหารที่ทำรสชาติแบบไทยไม่ได้เอาใจฝรั่ง มีความสวยงามเป็นอาหารตา ราคาไม่ได้จัดว่าสูงเมื่อเทียบกับวัตถุดิบที่ใช้ ความปราณีตของอาหารในแต่ละจาน และการบริการที่ดีเยี่ยม  ถ้าอยากรับประทานอาหารแบบเป็นส่วนตัวในโอกาสพิเศษ หรืออยากจะมาจัดเลี้ยงที่นี่แบบกลุ่มเล็กๆ หรือมาลองชิมอาหารไทยโบราณ พระยาพาลาสโซ จะเป็นตัวเลือกที่ดีมากในอันดับต้นๆอีกที่หนึ่ง

หลังอาหารได้เดินเล่น ชมสถานที่ เก็บภาพสวยๆบนชั้นสองของอาคาร ที่บอกเล่าประวัติความเป็นมาตั้งแต่ยังเป็นบ้านบางยี่ขัน จนมาถึงพระยาพาลาสโซในวันนี้

โถงทางเดินชั้นบน

ความสวยงามของห้องชั้นบน

ประวัติความเป็นมา

อีกฝั่งหนึ่งของห้องชั้นบน

ระเบียงทางเดินชั้นสอง เดินไปห้องพัก

ถ่ายรูป เดินย่อยอาหารเรียบร้อย ก็ได้เวลาอำลาพระยาพาลาสโซ กลับบ้านกันแล้ว เดินกลับไปที่ท่าเรือ ลงเรือลำเดิมกลับไปขึ้นที่ท่าเรือวัดราชาธิวาส ด้วยความประทับใจ

การจองที่นั่งรับประทานอาหาร ต้องจองล่วงหน้า ที่ เบอร์โทร 081-402-8118 หรือถ้าใครอยากจะดื่มด่ำบรรยากาศมากกว่านี้จะเข้าพักที่โรงแรมนี้เลยก็ได้ ก็ติดต่อได้ที่เบอร์นี้เช่นกัน

กระทู้เก่าสามารถ รับอ่านรับชมเเลกเปลี่ยนได้ที่  บันทึกแห่งการเดินทางของสาวสองวัย:พิพิธภัณฑ์ศิริราชพิมุขสถาน   ค่ะ
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่