JJNY : 4in1 คาดรายได้ท่องเที่ยวปีใหม่64หาย/TDRIท้วงรบ.กรณีอ.จะนะ/‘โจ้’ชวนจับตาเปิดหวูดรฟฟ./ก้าวไกลรับเสียงไม่พองัดข้อรบ.

คาดรายได้ท่องเที่ยวปีใหม่ 64 หายไปไม่ต่ำกว่า 1.4-1.6 หมื่นล้านบาท จาก COVID-19
https://prachatai.com/journal/2020/12/90804
 

 
13 ธ.ค. 2563 นายอนุสรณ์ ธรรมใจ อดีตกรรมการธนาคารแห่งประเทศไทยและอดีตคณบดีคณะเศรษฐศาสตร์ ม. รังสิต กล่าวถึงผลกระทบ COVID-19 ระลอกสองในไทยไม่รุนแรงเนื่องจากมีระบบติดตามไต่สวนโรคที่ดีจำกัดการแพร่ระบาดได้ (ประเทศไทยมีผู้ติดเชื้อในอันดับที่ 151 สหรัฐฯ อยู่ในอันดับที่ 1 และอินเดียอยู่ในอันดับที่ 2) แต่ส่งผลกระทบต่อรายได้จากภาคการท่องเที่ยวและการจัดงานอีเวนท์ คอนเสิร์ตต่างๆ กิจกรรมการเดินทางและท่องเที่ยวชะลอตัวกว่าที่คาดไว้เดิม โดยคาดว่า รายได้จากการท่องเที่ยวและกิจกรรมจับจ่ายใช้สอยที่เกี่ยวเนื่องกับการท่องเที่ยวช่วงปีใหม่ 2564 สูญเสียไปไม่ต่ำกว่า 14,100-16,920 ล้านบาทในช่วงปลายปีนี้หลังมีการแพร่ระบาด COVID-19 ระลอกสอง ช่วงเทศกาลปีใหม่ปีที่แล้วรายได้นักท่องเที่ยวชาวไทยอยูที่ประมาณ 28,200 ล้านบาท สำนักวิจัยหลายแห่งมีผลสำรวจตรงกันว่า ชาวไทยโดยเฉพาะคนกรุงเทพลดงบประมาณใช้จ่ายช่วงปีใหม่ลงมาอย่างชัดเจน เฉพาะในกรุงเทพฯจะมีเงินสะพัดในช่วงเทศกาลปีใหม่ประมาณ 30,000 ล้านบาทต่ำกว่าค่าเฉลี่ยในช่วงสองทศวรรษที่ผ่านมา
 
ทางการต้องดำเนินการอย่างจริงจังในการลับลอบเข้าเมืองผิดกฎหมายตามแนวชายแดนไม่ผ่านการกักกันโรค หากไม่สามารถดำเนินการได้อย่างมีประสิทธิภาพจะส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจปีหน้าและอัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจอาจต่ำกว่า 4% ได้ ส่วนการแพร่ระบาดระลอกสองอย่างรุนแรงในหลายประเทศคู่ค้าสำคัญของไทยจะส่งผลกระทบต่อภาคส่งออกของไทยในช่วงปลายปีต่อเนื่องไปถึงไตรมาสแรกปีหน้า
 
นายอนุสรณ์ กล่าวอีกว่าความผันผวนของตลาดการเงินโลกจากการปรับฐานใหญ่ของราคาหุ้น ราคาทองคำ น้ำมันและสินค้าโภคภัณฑ์จะมีมากขึ้นในช่วงปลายปีนี้ ราคาทองคำอาจกลับมาปรับตัวสูงขึ้นอีกครั้งหนึ่ง มีโอกาสทดสอบ 2,000 ดอลลาร์ต่อออนซ์ช่วงไตรมาสแรกปีหน้า ระยะสั้นในสัปดาห์หน้าราคาทองคำอาจเข้าทดสอบระดับ 1,845-1,850 ดอลลาร์ต่อออนซ์ คาดว่าราคาทองคำแท่งราคารับซื้อในประเทศในสัปดาห์หน้าจะอยู่ที่บาทละ 26,150-26,600 บาทและราคาทองรูปพรรณราคารับซื้ออยู่ที่บาทละ 25,681-27,000 บาท ราคาทองคำได้ปรับฐานลงมาก่อนหน้านี้หลังจากเข้าทดสอบระดับ 1,875 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ล่าสุด ราคาทองคำ spot ปรับตัวเพิ่มขึ้นจากการที่นักลงทุนโยกเงินมาอยู่ในสินทรัพย์ปลอดภัยมากขึ้นหลังจากเกิดความไม่แน่นอนและความล่าช้าของการออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจรอบใหม่ของรัฐสภาสหรัฐอเมริกา ความวิตกกังวลต่อผลกระทบของการออกจากอียูของสหราชอาณาจักรแบบไร้ข้อตกลง (No Deal Brexit) และสัญญาณของแรงกดดันเงินเฟ้อที่เพิ่มขึ้นจากราคาสินค้าโภคภัณฑ์ที่ปรับตัวสูงขึ้น 
 
นอกจากนี้ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐฯ ยังได้รับแรงกดดันจากตัวเลขขอรับสวัสดิการการว่างงานเพิ่มขึ้น ยอดขายปลีก ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ทั้งภาคการผลิตและภาคบริการ ใบอนุญาตก่อสร้างและดัชนีที่อยู่อาศัยสร้างใหม่น่าจะออกมาในทิศทางที่แสดงให้เห็นถึงการชะลอตัวลงของเศรษฐกิจในช่วงปลายปีเมื่อเทียบกับไตรมาสสาม และต้องติดตามดูความเคลื่อนไหวจากการประชุมของธนาคารกลางสหรัฐฯ ธนาคารกลางยุโรปและธนาคารกลางญี่ปุ่นในสัปดาห์หน้า และคาดการณ์ว่า ธนาคารกลางของประเทศหลักจะยังไม่มีมาตรการผ่อนคลายทางการเงินเพิ่มเติม เนื่องจากคงดูผลของการฉีดวัคซีนก่อนว่ามีประสิทธิผลแค่ไหนในการหยุดยั้งการแพร่ระบาดเพื่อให้กิจกรรมทางเศรษฐกิจกลับคืนสภาวะปรกติ อย่างไรก็ตาม ดอลลาร์สหรัฐฯน่าจะอ่อนค่าลงต่อเนื่องเมื่อเทียบกับเงินบาท เงินบาทในช่วงหนึ่งเดือนที่ผ่านมาแข็งค่าขึ้นมาแล้วเกือบ 4% และ มีแนวโน้มจะทดสอบระดับ 29.50 บาทต่อดอลลาร์ได้ช่วงปลายปี เนื่องจากเงินทุนยังคงไหลเข้าตลาดหุ้นและตลาดพันธบัตรอย่างต่อเนื่อง ในช่วงหนึ่งเดือนที่ผ่านมา นักลงทุนต่างชาติอยู่ในสถานะซื้อสุทธิในตลาดหุ้นเกือบ 5 หมื่นล้านบาท และ ตลาดพันธบัตรเกือบ 2 หมื่น ระยะเวลาสั้นๆหนึ่งเดือนเงินทุนระยะสั้นไหลเข้าแล้วเกือบ 7 หมื่น อย่างไรก็ตาม อาจจะมีการปรับฐานครั้งใหญ่ของตลาดหุ้นในช่วงปลายปี และ มีการเทขายทำกำไรในช่วงปลายปีก่อนวันหยุดยาวเพื่อลดความเสี่ยงจากการลงทุน ขอให้ติดตามการเคลื่อนย้ายเงินทุนของนักลงทุนสถาบันต่างชาติเพราะจะเป็นตัวกำหนดทิศทางตลาดการเงินของไทย 
 
สภาวะเงินไหลเข้าดังกล่าวส่งผลต่อเงินบาทแข็งค่าและเป็นการยากในการใช้มาตรการสกัดการแข็งค่าอย่างได้ผล จึงเห็นว่าผู้ประกอบการส่งออกจำเป็นต้องทำประกันความเสี่ยงจากความผันผวนและการแข็งค่าของเงินบาท โดยผู้ส่งออกควรทำสัญญาขายเงินดอลลาร์ล่วงหน้า หรือ ทำ Forward เอาไว้ ไม่จำเป็นต้องทำ Option ซึ่งต้องเสียค่าธรรมเนียมเพิ่มอีก แม้น option จะมีความยืดหยุ่นกว่า Forward ในการประกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยน แต่เนื่องจากทิศทางของเงินบาทเคลื่อนไหวในทิศทางแข็งค่าเป็นหลัก โอกาสอ่อนค่ามีน้อยมาก จึงไม่จำเป็นต้องใช้ Option ผู้ประกอบการควรไปเปิดบัญชีและฝากเงินสกุลต่างประเทศเอาไว้ หรือ ทำการค้าหรือลงทุนในรูปเงินสกุลท้องถิ่นเพื่อลดความเสี่ยงจากความผันผวนของค่าเงิน
 
เงินทุนระยะสั้นเก็งกำไรยังคงไหลเข้าตลาดการเงินเอเชียรวมทั้งไทย ส่งผลค่าเงินบาทและค่าเงินภูมิภาคยังแข็งค่าต่อเนื่อง ผู้ประกอบการต้องบริหารความเสี่ยงจากความผันผวนค่าเงินเอง เพราะการแทรกแซงค่าเงินบาทโดยทางการเป็นเรื่องที่มีข้อจำกัดและทำได้ยากขึ้นตามลำดับ 
 
นายอนุสรณ์ เสนอแนวทางต่อรัฐบาลและแบงก์ชาติรับมือเศรษฐกิจปีหน้าในช่วงท้าย ว่า การเชื่อมโยงเศรษฐกิจการเงินกับต่างประเทศ (Connectivity) มีความจำเป็นต่อการยกระดับขีดความสามารถในการแข่งขันและการช่วยกระจายความเสี่ยงในระบบเศรษฐกิจการเงิน การเชื่อมโยงทางการเงินจะทำให้การเชื่อมโยงการค้าในระดับภูมิภาคและอนุภูมิภาคดียิ่งขึ้น ธนาคารแห่งประเทศไทยต้องลดต้นทุนแฝงและเพิ่มประสิทธิภาพในระบบการชำระเงิน ทำให้ประชาชนเข้าถึงบริการพื้นฐานทางการเงิน (Financial Inclusion) พร้อมกับการได้รับการคุ้มครองในฐานะผู้ใช้บริการ เปลี่ยนรูปแบบการออมของประเทศให้เป็นการออมระยะยาวเพื่อให้สอดคล้องกับโครงการลงทุนระยะยาวที่ต้องการการระดมทุนระยะยาวมากยิ่งขึ้น 
 

 
TDRI ท้วงรัฐบาลกรณี อ.จะนะ 'ทั้งไม่ศึกษา-ไร้ความจริงใจ'
https://voicetv.co.th/read/I9w82Uwei
  
นักวิชาการอาวุโส ชี้ ต้องปัดตกมติเห็นชอบ ครม. กลับไปเริ่มศึกษาผลดี-ผลเสียใหม่แต่ต้น เสริม รบ.ต้องมีความจริงใจกับ ปชช.
 
ดร.เสาวรัจ รัตนคำฟู นักวิชการอาวุโส สถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนาประเทศไทย (ทีดีอาร์ไอ) เผยว่า โดยรวมแล้วโครงการเขตพัฒนาพิเศษเฉพาะกิจ อ.จะนะ จ.สงขลา ควรดำเนินการต่อหรือไม่ ต้องกลับไปที่จุดเริ่มต้นว่าผลการศึกษาและเปรียบเทียบข้อมูลส่วนได้ส่วนเสียอันเป็นที่ประจักษ์แก่สาธารณชนเป็นอย่างไร มีส่วนได้มากกว่าส่วนเสียเพียงพอหรือไม่ 
 
นักวิชาการจากทีดีอาร์ไอชี้ว่า ตั้งแต่ พ.ค. 2562 ที่คณะรัฐมนตรี (ครม.) มีมติเห็นชอบในหลักการการขยายผลโครงการเมืองต้นแบบ 'สามเหลี่ยมมั่นคง มั่งคั่ง ยั่งยืน' ไปสู่ เมืองต้นแบบที่ 4 อำเภอจะนะ จังหวัดสงขลา 'เมืองต้นแบบอุตสาหกรรมก้าวหน้าแห่งอนาคต' ส่งผลให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องต้องเข้าไปดำเนินการในพื้นที่ อาทิ กระทรวงการคลังที่ต้องประกาศให้พื้นที่อำเภอจะนะ จังหวัดสงขลา เป็นคลังสินค้าทัณฑ์บนและเขตปลอดอากร รวมถึงภาคเอกชนที่มีแผนงานโครงการลงทุนก่อสร้างโรงไฟฟ้าพลังงานไฟฟ้าทางเลือกหรือการจัดตั้งนิคมอุตสาหกรรมจะนะ
 
ทว่าปัญหาสำคัญที่นำไปสู่การต่อต้านของประชาชนในพื้นที่ เป็นเพราะ ขณะที่รัฐบาลมีมติเห็นชอบรับหลักการนั้น กลับ "ปราศจากการศึกษาผลประโยชน์และต้นทุนทางเศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อมอย่างถูกต้อง ตลอดจน กระบวนการมีส่วนร่วมของประชาชนในท้องถิ่นอย่างแท้จริง
 
คำถามไร้คนตอบ 
 
ดร.เสาวรัจ ชี้ว่า คำถามสำคัญที่รัฐบาลในฐานะผู้รับผิดชอบการพัฒนาพื้นที่ดังกล่าวต้องตอบแก่สังคมให้ได้หลายข้อกลับถูกเมินเฉย แม้จะมีมติเพื่อหวังพัฒนาเศรษฐกิจท้องถิ่น แต่ประชาชนในพื้นที่กลับไม่ได้รับการชี้แจงว่าผลประโยชน์ของโครงการต่อการจ้างงานทั้งหมดเป็นอย่างไร
 
ตามข้อมูลจากศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ (ศอ.บต.) พบว่าการลงทุนในอุตสาหกรรมรายใหญ่ประมาณ 50 ราย จะทำให้เกิดการจ้างงานโดยตรงประมาณ 25,000 ตำแหน่ง แต่ไม่ได้มีการพิจารณาจากภาครัฐว่า ตำแหน่งงานใหม่ที่ขึ้นมาจะมาแทนตำแหน่งงานเก่าที่เสียไปมากน้อยแค่ไหน รวมถึงกระบวนการเสริมทักษะและความรู้ต่างๆ ให้แรงงานจะมาจากแหล่งใด
 
ประชาชนท้องถิ่งยังไม่ได้รับการชี้แจงว่า โครงการของเอกชนทั้ง ท่าเรือน้ำลึก โรงไฟฟ้าพลังงานทางเลือก ตลอดจนนิคมอุตสาหกรรมจะนะ จะสามารถเชื่อมโยงเข้ากับเศรษฐกิจท้องถิ่นได้อย่างไร 
 
นักวิชาการทีดีอาร์ไอ ชี้ว่า เพื่อหาทางออกและแก้ไขปัญหาความขัดแย้งระหว่างรัฐและประชาชนในท้องถิ่นที่ได้รับผลกระทบทางลบจากโครงการดังกล่าว ครม.ควรพิจารณาทบทวนมติ 'เห็นชอบ' การเดินหน้าโครงการ โดยให้ศึกษาประเมินผลกระทบโครงการทั้งด้านเศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อม ที่มีความสมบูรณ์และรอบด้านมากขึ้น โดยมีหลักฐานเชิงประจักษ์หรือข้อมูลสนับสนุนที่ชัดเจนประกอบการตัดสินใจ ก่อนที่จะพิจารณาอย่างรอบคอบว่า ควรให้ดำเนินโครงการดังกล่าวต่อไปหรือไม่
 
นอกจากนี้ ภาครัฐควรแสดงความจริงใจและสร้างความโปร่งใสของโครงการ โดยกำหนดให้มีตัวแทนจากทั้งฝ่ายสนับสนุน ฝ่ายต่อต้าน และภาควิชาการ เข้ามาเป็นคณะทำงานศึกษาผลกระทบโครงการทั้งด้านเศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อมเพื่อให้เกิดการรับฟังความคิดเห็นอย่างรอบด้านและเป็นกลางให้มากที่สุด
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่