เมื่อธนาคารกลางสหรัฐ (Fed) ประกาศลดอัตราดอกเบี้ย ตลาดการเงินมักเกิดความผันผวนทันที โดยเฉพาะในตลาด ฟอเร็กซ์ (Forex) ซึ่งสกุลเงินต่าง ๆ มีปฏิกิริยาต่างกันตามความสัมพันธ์กับดอลลาร์สหรัฐ
แล้วสกุลเงินอะไรที่จะได้รับผลกระทบ？
1.ดอลลาร์สิงคโปร์ (SGD)
เมื่อ Fed ลดดอกเบี้ย ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐมักอ่อนค่า ทำให้ SGD มีแนวโน้มแข็งค่าขึ้น เมื่อเทียบกับ USD
นักลงทุนมักโยกเงินจาก USD ไปถือ SGD เพื่อหาผลตอบแทนหรือความมั่นคง
วิธีบริหารค่าเงินของสิงคโปร์:
สิงคโปร์ ไม่ได้ใช้อัตราดอกเบี้ย เพื่อควบคุมค่าเงินเหมือนหลายประเทศ ซึ่ง SGD จะถูกปรับ แข็งค่า/อ่อนค่า เทียบกับตะกร้าสกุลเงินคู่ค้าหลักภายในกรอบนโยบาย (policy band) และระดับกรอบนโยบายจะไม่เปิดเผยอย่างชัดเจน ทำให้ค่าเงินมีความเสถียรและลดความผันผวน
ข้อดีสำหรับนักลงทุน:
-SGD ถือเป็นสกุลเงินที่ เสถียรและน่าเชื่อถือ
-ได้รับความสนใจจากนักลงทุนที่ต้องการ รักษามูลค่าและลดความเสี่ยง
-การอ่อนค่าของ USD เป็นตัวกระตุ้นให้ SGD แข็งค่าขึ้นโดยอ้อม
2.ฟรังก์สวิส (CHF) และทองคำ (Gold)
-บทบาทเป็นสินทรัพย์ปลอดภัย (Safe-haven) : ทั้ง CHF และทองคำถือเป็นสินทรัพย์กึ่งหลบภัย (Quasi-safe-haven) นักลงทุนมักถือเมื่อเกิด ความไม่แน่นอนในตลาดหรือค่าเงินดอลลาร์อ่อนค่า นอกจากนี้ การลดดอกเบี้ยของ Fed มักทำให้ USD อ่อนค่า ส่งผลให้ CHF และทองคำมีแนวโน้มแข็งค่าขึ้น
ปัจจัยสนับสนุน:
-ความต้องการสินทรัพย์ปลอดภัยเพิ่มขึ้นเมื่อตลาดผันผวน
-CHF มีความเชื่อมั่นสูงจากเสถียรภาพทางเศรษฐกิจของสวิตเซอร์แลนด์
-ทองคำถือเป็นเครื่องมือ ป้องกันเงินเฟ้อและความเสี่ยงทางการเงิน
ข้อดีสำหรับนักลงทุน:
-ใช้เป็น hedge ป้องกันความเสี่ยง ในช่วงตลาดผันผวน
-เหมาะสำหรับนักลงทุนที่ต้องการ รักษามูลค่าในระยะยาว
3.เยนญี่ปุ่น (JPY)
JPY มักเคลื่อนไหวสวนทางกับ USD เมื่อ Fed ลดดอกเบี้ย ทำให้ดอลลาร์อ่อนค่า นักลงทุนอาจโยกเงินจาก USD ไปถือ JPY หรือสินทรัพย์ในญี่ปุ่นที่ปลอดภัย
นโยบายของ BOJ (ธนาคารกลางญี่ปุ่น):
-BOJ มัก ไม่ใช้อัตราดอกเบี้ยเพียงอย่างเดียว ในการควบคุมค่าเงิน
-ใช้มาตรการ QE (Quantitative Easing) และ QT (Quantitative Tightening) เพื่อปรับสภาพคล่องและค่าเงิน
-การบริหารค่าเงินของ JPY มักขึ้นอยู่กับ สถานการณ์เศรษฐกิจและเงินเฟ้อภายในประเทศ
ความผันผวนและผลกระทบต่อเศรษฐกิจ:
-ค่าเงินเยนอาจ แข็งค่าหรือผันผวนสูง ขึ้นอยู่กับนโยบาย BOJ และปัจจัยทางเศรษฐกิจ เช่น การส่งออกและเงินเฟ้อ
-การแข็งค่าของเยนส่งผลกระทบต่อ การแข่งขันทางการค้าระหว่างประเทศ เนื่องจากญี่ปุ่นพึ่งพาการส่งออกสูง
โดยรวม 3 สกุลหลักนี้คาดว่าจะได้รับผลกระทบจากการลดดอกเบี้ยของ Fed ทั้งนี้นักลงทุนควรหาข้อมูลเพิ่มเติม เพื่อการลงทุนที่แม่นยำ
อ่านข่าวฉบับเต็มได้ที่ :
https://www.ebc.com/th/forex/269433.html 
สกุลเงินอะไรได้รับผลกระทบหลังจาก Fed ลดดอกเบี้ย?
แล้วสกุลเงินอะไรที่จะได้รับผลกระทบ？
1.ดอลลาร์สิงคโปร์ (SGD)
เมื่อ Fed ลดดอกเบี้ย ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐมักอ่อนค่า ทำให้ SGD มีแนวโน้มแข็งค่าขึ้น เมื่อเทียบกับ USD
นักลงทุนมักโยกเงินจาก USD ไปถือ SGD เพื่อหาผลตอบแทนหรือความมั่นคง
วิธีบริหารค่าเงินของสิงคโปร์:
สิงคโปร์ ไม่ได้ใช้อัตราดอกเบี้ย เพื่อควบคุมค่าเงินเหมือนหลายประเทศ ซึ่ง SGD จะถูกปรับ แข็งค่า/อ่อนค่า เทียบกับตะกร้าสกุลเงินคู่ค้าหลักภายในกรอบนโยบาย (policy band) และระดับกรอบนโยบายจะไม่เปิดเผยอย่างชัดเจน ทำให้ค่าเงินมีความเสถียรและลดความผันผวน
ข้อดีสำหรับนักลงทุน:
-SGD ถือเป็นสกุลเงินที่ เสถียรและน่าเชื่อถือ
-ได้รับความสนใจจากนักลงทุนที่ต้องการ รักษามูลค่าและลดความเสี่ยง
-การอ่อนค่าของ USD เป็นตัวกระตุ้นให้ SGD แข็งค่าขึ้นโดยอ้อม
2.ฟรังก์สวิส (CHF) และทองคำ (Gold)
-บทบาทเป็นสินทรัพย์ปลอดภัย (Safe-haven) : ทั้ง CHF และทองคำถือเป็นสินทรัพย์กึ่งหลบภัย (Quasi-safe-haven) นักลงทุนมักถือเมื่อเกิด ความไม่แน่นอนในตลาดหรือค่าเงินดอลลาร์อ่อนค่า นอกจากนี้ การลดดอกเบี้ยของ Fed มักทำให้ USD อ่อนค่า ส่งผลให้ CHF และทองคำมีแนวโน้มแข็งค่าขึ้น
ปัจจัยสนับสนุน:
-ความต้องการสินทรัพย์ปลอดภัยเพิ่มขึ้นเมื่อตลาดผันผวน
-CHF มีความเชื่อมั่นสูงจากเสถียรภาพทางเศรษฐกิจของสวิตเซอร์แลนด์
-ทองคำถือเป็นเครื่องมือ ป้องกันเงินเฟ้อและความเสี่ยงทางการเงิน
ข้อดีสำหรับนักลงทุน:
-ใช้เป็น hedge ป้องกันความเสี่ยง ในช่วงตลาดผันผวน
-เหมาะสำหรับนักลงทุนที่ต้องการ รักษามูลค่าในระยะยาว
3.เยนญี่ปุ่น (JPY)
JPY มักเคลื่อนไหวสวนทางกับ USD เมื่อ Fed ลดดอกเบี้ย ทำให้ดอลลาร์อ่อนค่า นักลงทุนอาจโยกเงินจาก USD ไปถือ JPY หรือสินทรัพย์ในญี่ปุ่นที่ปลอดภัย
นโยบายของ BOJ (ธนาคารกลางญี่ปุ่น):
-BOJ มัก ไม่ใช้อัตราดอกเบี้ยเพียงอย่างเดียว ในการควบคุมค่าเงิน
-ใช้มาตรการ QE (Quantitative Easing) และ QT (Quantitative Tightening) เพื่อปรับสภาพคล่องและค่าเงิน
-การบริหารค่าเงินของ JPY มักขึ้นอยู่กับ สถานการณ์เศรษฐกิจและเงินเฟ้อภายในประเทศ
ความผันผวนและผลกระทบต่อเศรษฐกิจ:
-ค่าเงินเยนอาจ แข็งค่าหรือผันผวนสูง ขึ้นอยู่กับนโยบาย BOJ และปัจจัยทางเศรษฐกิจ เช่น การส่งออกและเงินเฟ้อ
-การแข็งค่าของเยนส่งผลกระทบต่อ การแข่งขันทางการค้าระหว่างประเทศ เนื่องจากญี่ปุ่นพึ่งพาการส่งออกสูง
โดยรวม 3 สกุลหลักนี้คาดว่าจะได้รับผลกระทบจากการลดดอกเบี้ยของ Fed ทั้งนี้นักลงทุนควรหาข้อมูลเพิ่มเติม เพื่อการลงทุนที่แม่นยำ
อ่านข่าวฉบับเต็มได้ที่ : https://www.ebc.com/th/forex/269433.html