ถุงมือเรื่องสั้น เรื่องที่ 4 ครับ ^^
เรื่องนี้จะดราม่า เศร้าๆ ซึ้งๆ
มันเกี่ยวกับแม่ที่พาลูกไปบวช
ลูกคนนี้ก่อนบวช ถูกคนรังเกียจชิงชังเพราะความเลวที่เขาเคยก่อ
ถึงขนาดว่าจะบวชอยู่แล้วยังถูกสบประมาทจากบางคน ว่าอาจจะหลอกเอาเงินหรือเปล่าที่มาขอบวชนี่
เขามีลูกชายตัวน้อยหนึ่งคน ซึ่งถูกแม่ทอดทิ้งไว้ให้แม่ผู้เป็นย่าเลี้ยง
(ให้ตายเหอะ! เหมือนกรรมการเลยตรงนี้ !!!)
ตามไปดูกันครับว่า ท้ายที่สุด เหตุการณ์จะลงเอย อย่างไร...

สำหรับพนักงานขับรถโดยสารที่นั่งหลังพิงกับเบาะและมือจับแต่พวงมาลัยรถยนต์มาเกือบยี่สิบปี การที่ผู้โดยสารบางคนนั่งยิ้มอยู่คนเดียวไม่ใช่เรื่องแปลกสำหรับเขาเลย และเที่ยวกลับสู่จังหวัดใหญ่สุดชายแดนฝั่งตะวันออกเที่ยวนี้เขาก็ได้เห็นภาพคนนั่งยิ้มบนรถอีก หล่อนเป็นหญิงวัยกลางคนที่นั่งถัดจากเบาะของเขาไปทางด้านหลังนี่เอง
ดูจากลักษณะภายนอก หล่อนน่าจะอายุราวห้าสิบ ผิวขาว ทรงผมดัดยาวระต้นคอ ทาปากสีชมพูเรื่อ ๆ สวมเสื้อลูกไม้สีขาวกับกางเกงสีน้ำตาล ส่วนเด็กชายที่นั่งคู่กันนั้นน่าจะไม่เกินแปดขวบ เขาสวมเสื้อเชิ้ตมีลวดลายกับกางเกงยีนปอน ๆ ใส่รองเท้าฟองน้ำ สีหน้าและแววตาแช่มชื่นแม้อากาศค่อนข้างร้อนอบอ้าว สิ่งที่ช่วยให้ทุกคนรู้สึกว่าการรอคอยไม่น่าเบื่อหน่ายจนเกินไปก็คือเสียงพัดลมเพดานตัวเล็กใต้หลังคาที่ครางหึ่ง ๆ มันเป่าลมใส่หน้าผู้หญิงคนนี้จนผมของหล่อนปลิวยุ่งเหยิง
เมื่อเขาติดเครื่องยนต์และขับรถออกมาจากท่า พัดลมทุกตัวก็หยุดหมุน ปล่อยให้อากาศจากภายนอกตัวรถไหลเข้ามาปะทะหน้าตาของผู้โดยสารแทน ผู้หญิงที่นั่งด้านหลังเขารวบปลายผมเอาไว้ด้วยมือข้างหนึ่งแล้วทอดสายตาออกไปนอกหน้าต่างที่เปิดกว้างไว้จนสุดขอบบาน
รถแล่นผ่านไร่ข้าวโพดทั้งบนเนินและที่ราบ มันแล่นต่อไปบนถนนที่บางตอนก็เป็นเนินสูงและมีร่มเงาจากไม้ใหญ่สองข้างทางโอบล้อม ไม่ถึงยี่สิบนาทีเด็กชายที่นั่งจ้องภาพเบื้องหน้าถนนมาตลอดทางเริ่มมีอาการง่วงงุน ตาปรือ
“มา นอนตักย่านี่”
หล่อนรั้งกายเขาให้ซบหัวลงมาบนตัก ลูบไล้แขนน้อย ๆ นั้นแผ่วเบา เจ้าหนูขยับตัวในท่าเอนนอนแล้วหลับไปในทันที
หล่อนก้มลงมองร่างเล็ก ๆ ที่ซบหลับด้วยความรู้สึกเต็มตื้น เจ้าหนูเพิ่งจะมีพ่อที่ได้บวชเป็นพระเมื่อไม่กี่ชั่วโมงที่ผ่านมา ทั้งคู่มีใบหน้าราวกับถอดมาจากพิมพ์เดียวกัน
สำหรับผู้หญิงคนหนึ่งที่ผ่านความทุกข์ระทมจากชีวิตคู่ที่ล่มสลายพร้อม ๆ กับทรัพย์สินถิ่นฐาน จนต้องไปอาศัยร่มไม้ชายคาของเครือญาติที่ห่างไกล เหตุการณ์ที่ต่อเนื่องจากวันวานจนถึงวันนี้คือห้วงเวลาที่เปี่ยมล้นด้วยความหมายจนเรียกได้ว่าเป็นยาสมานดวงใจให้หล่อนและญาติพี่น้องทุกคน
“มันจะบวชแน่ ๆ ใช่ไหม หรือจะมาโกหกเอาเงินจากเอ็งกันแน่ กันยา”
เสียงเครียด ๆ จากพี่ชายคนโตของหล่อนพูดอย่างไม่สบอารมณ์นัก เขายังชังน้ำหน้าลูกชายของหล่อนเพราะผูกใจเจ็บที่พ่อของมันทำกับเขาเอาไว้ชนิดที่ไม่ควรให้อภัยได้อีก
“สันดานจองหองนักโคตรเหง้าของไอ้เวรนี่ กูละเกลียดพ่อมันจนไม่อยากมองหน้าลูกเอ็งเลย”
หล่อนไม่เคยเถียงได้แม้แต่คำเดียว ได้แต่ปาดน้ำตาให้กับความทุกข์ตรมขมขื่นที่ทั้งผัวและทั้งพี่ชายกระหน่ำสาดใส่กันมาโดยตลอด ชีวิตครอบครัวที่ผู้นำจ่อมจมอยู่กับสุรายาเมาและความก้าวร้าวรุนแรงทำให้ลูกชายคนโตของหล่อนกับเขาเดินตามรอยผู้เป็นพ่อไม่ผิดเพี้ยน
“ไม่เห็นมันทำอะไรเลยวัน ๆ ไอ้ ห่ เอ๊ย คอยแม่หุงหาให้กินจนตัวโตยังกับควาย”
เสียงลุงป้าที่อยู่ใกล้ ๆ กันก่นด่าอย่างนึกรังเกียจ เด็กหนุ่มออกจากโรงเรียนมาตั้งแต่ชั้นมัธยมสอง ปล่อยตัวให้ไหลลอยไปกับกลุ่มเพื่อนวัยรุ่นจนไม่สนใจเดือนปี พออายุยี่สิบก็หายตัวไปจากบ้าน
“มันไปทำงานในร้านอาหารที่หัวหิน”
หล่อนตอบใคร ๆ ไปตามที่รู้ และจะเป็นจริงเช่นไรก็สุดที่จะคิด หลังจากนั้นอีกสักสองปีต่อมา หล่อนก็มีหลานชายวัยทารกที่ต้องเลี้ยงดูให้เขากับเมียที่เป็นเด็กสาวมาจากดอย
“แม่มันเป็นอีก้อโว้ย ไอ้หัวโตนี่ เฮ้ย…ทำไมไม่ไปอยู่ดอยกับแม่เอ็งวะ”
คำหยอกเย้าที่ล้วนแต่เป็นการสบประมาทดังขึ้นรอบข้าง หล่อนก้มหน้าก้มตาเลี้ยงหลานชายคนนี้บนความอัตคัด เพราะชีวิตของลูกชายกับเมียที่เป็นลูกจ้างในร้านอาหารริมหาดจะมีเงินส่งมาให้เป็นค่านมค่ากับข้าวลูกก็เดือนละไม่เกินพันบาท วินัยใช้จ่ายและเก็บออมที่ไม่เคยมีบวกกับอานุภาพน้ำเมาที่เขาปรนเปรอตนเองอย่างลืมตัวจึงก่อเกิดเป็นเหตุวิวาทกับหมู่อันธพาล จนทำให้ต้องเปลี่ยนสภาพเป็นคนคุกในที่สุด
และเพียงไม่ถึงปีหลังจากนั้น แม่ของเด็กก็ขาดการติดต่อ และค่อย ๆ ห่างหายไปจากชีวิตของลูกชายกับหลานชายของหล่อนราวกับคลื่นกระทบฝั่ง
ดวงตะวันยามบ่ายคล้อยเคลื่อนลงสาดแสงเข้ามาทางด้านข้างเต็มร่าง ทำให้หล่อนต้องเลื่อนบานกระจกลงเพื่อคลี่ผ้าม่านสีทึบออกบังแดดให้หลานชายที่ยังคงหลับบนตักในท่าเดิม หล่อนนึกถึงหยดน้ำตาของลูกชายที่ไหลรินยามก้มลงกราบแทบเท้าแม่ก่อนที่จะปลงผมเมื่อเย็นวาน มันไหลรินพร้อมกันไปกับน้ำตาของหล่อนที่ถูกกักเก็บไว้ภายในมาเนิ่นนานเกือบเท่าอายุของเขา ยามนั้นหลานน้อยมองดูภาพพ่อกับย่ากอดกันร้องไห้ด้วยสีหน้าเจื่อน ๆ และมิรู้ที่จะทำอันใดนอกจากยืนเกาะหลังของผู้เป็นย่าเอาไว้
พิธีบวชอย่างเรียบง่ายโดยผู้มีจิตศรัทธาที่ต้องการสนับสนุนและให้โอกาสผู้ต้องขังเมื่อพ้นโทษ ทำให้หล่อนยิ่งซาบซึ้งและตื้นตันใจนักกับภาพของลูกชายที่โกนผม โกนคิ้ว และเปลี่ยนจากชุดธรรมดาเป็นการครองจีวรท่ามกลางเสียงสวดมนต์ภาษาบาลีที่หล่อนไม่เคยเข้าใจแต่ก็พร้อมที่จะรับฟัง
สิ่งที่ไม่มีใครรู้นอกจากหล่อนเพียงผู้เดียวก็คือ คำอธิษฐานให้พ่อของเขาได้รับส่วนในผลบุญครั้งนี้บ้างแม้เพียงเสี้ยวหนึ่ง และแม้ว่าชีวิตของหล่อนกับเขาจะไม่มีโอกาสกลับมาหวนคืนร่วมคู่กันใหม่
หล่อนแตะหลังมือบนแก้มของหลานชายแผ่วเบา เมื่อรู้สึกว่ายังอุ่นในระดับเป็นปกติก็โล่งใจ หลับตาลงพร้อมกับเอนหลังพิงเบาะด้วยความรู้สึกปีติที่เอิบอาบทั่วร่าง ที่หางตามีน้ำตาซึมออกมาช้า ๆ แต่หล่อนไม่ได้สนใจเช็ดออก
ภาพน้ำตาของผู้หญิงที่นั่งหลับตาและยิ้มคนเดียวในเบาะหลังบนกระจกด้านข้างทำให้พนักงานขับรถรู้สึกทึ่งและพลอยดีใจอยู่ลึก ๆ บางทีเขาก็อยากรู้เหมือนกันว่าหล่อนดีใจกับเรื่องไร และมันก็ดีกว่าผู้โดยสารบางคนที่มักหลุดปากบ่นว่าหรือแสดงสีหน้าไม่พอใจออกมาให้เขาเห็น
รถปรับเกียร์ต่ำเมื่อถึงทางขึ้นเนินอีกครั้ง วินาทีต่อมาคือห้วงที่หล่อนไม่มีโอกาสรู้ได้เลยนอกจากความปีติในชีวิตที่เปลี่ยนผ่านไปสู่นิรันดร์ในทันใด ขณะที่คนขับรถรู้ เขาตกตะลึงพรึงเพริดก่อนที่สมองจะสั่งการให้มือพยายามบังคับรถเพื่อเลี่ยงการปะทะ แต่ถึงแม้ว่าเขาทำได้รวดเร็วอย่างที่สุดแต่ทุกอย่างก็ยังสายเกินไป เมื่อวินาทีต่อจากนั้นคือแรงกระแทกมหาศาลอันเกิดจากการพุ่งชนของรถพ่วงสิบแปดล้อที่ไถลออกมาจากช่องทางฝั่งตรงข้ามด้วยความเร็วสูงในขณะที่ลงเนิน
เสียงเหล็กกระทบเหล็ก เสียงกระจกแตกพร้อมกับท่อนไม้หักระเนระนาด และเสียงตะโกนกรีดร้องอย่างโหยหวน ท่ามกลางกลิ่นไอน้ำมันเชื้อเพลิง กลิ่นการเผาไหม้ และกลิ่นคาวเลือดเนื้อในร่างกายมนุษย์ที่กระจัดกระจายปะปนกันไปกับเศษซากชิ้นส่วนของตัวรถทั่วบริเวณผิวถนนทางขึ้นเขา กลายเป็นความสยดสยอง โกลาหล และสับสนอลหม่านอย่างที่ไม่มีใครคาดคิดมาก่อน
ทว่า ไกลออกไปภายในศาลาทำวัตรเย็นที่วัดเล็ก ๆ แห่งหนึ่ง ยังคงมีเสียงบทสวดและคำแปลที่ผสานกันไประหว่างพระสงฆ์กลุ่มเดิมกับพระหนุ่มที่บวชใหม่ในวันนี้
พระหนุ่มพนมมือหว่างอกก้มลงดูหนังสือบทสวดที่กางไว้ตรงพื้นเบื้องหน้าอย่างตั้งใจ บางตอนมีรอยยิ้มน้อย ๆ ที่มุมปากเมื่อใจเผลอนึกถึงภาพใบหน้าลูกชายที่ดูเคอะเขินเมื่อย่าพาเข้ามากราบลา เด็กชายเม้มปากแน่นแต่นัยน์ตาแจ่มใสขณะที่พยายามนั่งคุกเข่าเพื่อกราบพ่อที่กลายเป็นพระสงฆ์อีกรูปหนึ่ง
“โยมแม่พาหลานกลับเถอะ ไม่ต้องเป็นห่วง อาตมาอยู่ได้”
เขายังจำประโยคที่พูดกับแม่ก่อนที่ทั้งคู่จะหันหลังเดินจากไป ครั้นพอรู้สึกตัว สงฆ์ใหม่หลุบตาลงต่ำเมื่อถึงบทแผ่เมตตา และร่วมเปล่งเสียงออกมาอย่างชัดถ้อยชัดคำโดยมีภาพของแม่กับลูกชายลอยเด่นในห้วงคิด
“สัตว์ทั้งหลายที่เป็นเพื่อนทุกข์ เกิดแก่เจ็บตาย จงอย่ามีเวรซึ่งกันและกันเลย...”
กราบสุดท้ายที่เขาก้มลงจนหน้าผากจรดพื้นกระดานก่อนจะลงจากอาสนะทำให้รู้สึกอุ่นวาบไปทั่วทั้งร่างและสัมผัสได้ถึงปีติในหัวใจ ขอให้บุญแรกจากชีวิตของเขาในวันนี้ส่งผลให้แม่ได้อยู่เย็นเป็นสุขเหมือนคนอื่นบ้างเถิด เพราะลูกชายเลว ๆ ของแม่ได้ตายไปแล้วตั้งแต่ที่เขาตั้งใจก้มลงเพื่อกราบเท้าแม่เมื่อเย็นวานนี้
………………………….จบ………………………….
รายชื่อให้เลือกตอบครับ
1. Chi River
2. Christian Trevelyan Grey
3. KTHc
4. Ladylongleg - 2326325 (คุณเล็ก)
5. Lady Star 919 (น้องดาว)
6. Psycho G
7. Soul Master
8. TOSHARE - 5212378
9. WANG JIE (กรรมการ)
10. แจ๊คในสวนถั่ว
11. ดินสอสีน้ำ
12. นลินมณี
13. ป้ามล - 3650985
14. รัชต์สารินท์
15. ไร้นาม - 3842840
16. ลุงแผน
17. ลูนาติก
18. วนิล - 3188982
19. สวนดอก
20. สิงห์ริมถนน
🦅🐥🙏 THE GLOVES 2020 ถุงมือเรื่องสั้น#105 Week#24 FINAL : "บุญแรก" - ถุงมือขนนก 🙏🦅🐥
เรื่องนี้จะดราม่า เศร้าๆ ซึ้งๆ
มันเกี่ยวกับแม่ที่พาลูกไปบวช
ลูกคนนี้ก่อนบวช ถูกคนรังเกียจชิงชังเพราะความเลวที่เขาเคยก่อ
ถึงขนาดว่าจะบวชอยู่แล้วยังถูกสบประมาทจากบางคน ว่าอาจจะหลอกเอาเงินหรือเปล่าที่มาขอบวชนี่
เขามีลูกชายตัวน้อยหนึ่งคน ซึ่งถูกแม่ทอดทิ้งไว้ให้แม่ผู้เป็นย่าเลี้ยง (ให้ตายเหอะ! เหมือนกรรมการเลยตรงนี้ !!!)
ตามไปดูกันครับว่า ท้ายที่สุด เหตุการณ์จะลงเอย อย่างไร...
ดูจากลักษณะภายนอก หล่อนน่าจะอายุราวห้าสิบ ผิวขาว ทรงผมดัดยาวระต้นคอ ทาปากสีชมพูเรื่อ ๆ สวมเสื้อลูกไม้สีขาวกับกางเกงสีน้ำตาล ส่วนเด็กชายที่นั่งคู่กันนั้นน่าจะไม่เกินแปดขวบ เขาสวมเสื้อเชิ้ตมีลวดลายกับกางเกงยีนปอน ๆ ใส่รองเท้าฟองน้ำ สีหน้าและแววตาแช่มชื่นแม้อากาศค่อนข้างร้อนอบอ้าว สิ่งที่ช่วยให้ทุกคนรู้สึกว่าการรอคอยไม่น่าเบื่อหน่ายจนเกินไปก็คือเสียงพัดลมเพดานตัวเล็กใต้หลังคาที่ครางหึ่ง ๆ มันเป่าลมใส่หน้าผู้หญิงคนนี้จนผมของหล่อนปลิวยุ่งเหยิง
เมื่อเขาติดเครื่องยนต์และขับรถออกมาจากท่า พัดลมทุกตัวก็หยุดหมุน ปล่อยให้อากาศจากภายนอกตัวรถไหลเข้ามาปะทะหน้าตาของผู้โดยสารแทน ผู้หญิงที่นั่งด้านหลังเขารวบปลายผมเอาไว้ด้วยมือข้างหนึ่งแล้วทอดสายตาออกไปนอกหน้าต่างที่เปิดกว้างไว้จนสุดขอบบาน
รถแล่นผ่านไร่ข้าวโพดทั้งบนเนินและที่ราบ มันแล่นต่อไปบนถนนที่บางตอนก็เป็นเนินสูงและมีร่มเงาจากไม้ใหญ่สองข้างทางโอบล้อม ไม่ถึงยี่สิบนาทีเด็กชายที่นั่งจ้องภาพเบื้องหน้าถนนมาตลอดทางเริ่มมีอาการง่วงงุน ตาปรือ
“มา นอนตักย่านี่”
หล่อนรั้งกายเขาให้ซบหัวลงมาบนตัก ลูบไล้แขนน้อย ๆ นั้นแผ่วเบา เจ้าหนูขยับตัวในท่าเอนนอนแล้วหลับไปในทันที
หล่อนก้มลงมองร่างเล็ก ๆ ที่ซบหลับด้วยความรู้สึกเต็มตื้น เจ้าหนูเพิ่งจะมีพ่อที่ได้บวชเป็นพระเมื่อไม่กี่ชั่วโมงที่ผ่านมา ทั้งคู่มีใบหน้าราวกับถอดมาจากพิมพ์เดียวกัน
สำหรับผู้หญิงคนหนึ่งที่ผ่านความทุกข์ระทมจากชีวิตคู่ที่ล่มสลายพร้อม ๆ กับทรัพย์สินถิ่นฐาน จนต้องไปอาศัยร่มไม้ชายคาของเครือญาติที่ห่างไกล เหตุการณ์ที่ต่อเนื่องจากวันวานจนถึงวันนี้คือห้วงเวลาที่เปี่ยมล้นด้วยความหมายจนเรียกได้ว่าเป็นยาสมานดวงใจให้หล่อนและญาติพี่น้องทุกคน
“มันจะบวชแน่ ๆ ใช่ไหม หรือจะมาโกหกเอาเงินจากเอ็งกันแน่ กันยา”
เสียงเครียด ๆ จากพี่ชายคนโตของหล่อนพูดอย่างไม่สบอารมณ์นัก เขายังชังน้ำหน้าลูกชายของหล่อนเพราะผูกใจเจ็บที่พ่อของมันทำกับเขาเอาไว้ชนิดที่ไม่ควรให้อภัยได้อีก
“สันดานจองหองนักโคตรเหง้าของไอ้เวรนี่ กูละเกลียดพ่อมันจนไม่อยากมองหน้าลูกเอ็งเลย”
หล่อนไม่เคยเถียงได้แม้แต่คำเดียว ได้แต่ปาดน้ำตาให้กับความทุกข์ตรมขมขื่นที่ทั้งผัวและทั้งพี่ชายกระหน่ำสาดใส่กันมาโดยตลอด ชีวิตครอบครัวที่ผู้นำจ่อมจมอยู่กับสุรายาเมาและความก้าวร้าวรุนแรงทำให้ลูกชายคนโตของหล่อนกับเขาเดินตามรอยผู้เป็นพ่อไม่ผิดเพี้ยน
“ไม่เห็นมันทำอะไรเลยวัน ๆ ไอ้ ห่ เอ๊ย คอยแม่หุงหาให้กินจนตัวโตยังกับควาย”
เสียงลุงป้าที่อยู่ใกล้ ๆ กันก่นด่าอย่างนึกรังเกียจ เด็กหนุ่มออกจากโรงเรียนมาตั้งแต่ชั้นมัธยมสอง ปล่อยตัวให้ไหลลอยไปกับกลุ่มเพื่อนวัยรุ่นจนไม่สนใจเดือนปี พออายุยี่สิบก็หายตัวไปจากบ้าน
“มันไปทำงานในร้านอาหารที่หัวหิน”
หล่อนตอบใคร ๆ ไปตามที่รู้ และจะเป็นจริงเช่นไรก็สุดที่จะคิด หลังจากนั้นอีกสักสองปีต่อมา หล่อนก็มีหลานชายวัยทารกที่ต้องเลี้ยงดูให้เขากับเมียที่เป็นเด็กสาวมาจากดอย
“แม่มันเป็นอีก้อโว้ย ไอ้หัวโตนี่ เฮ้ย…ทำไมไม่ไปอยู่ดอยกับแม่เอ็งวะ”
คำหยอกเย้าที่ล้วนแต่เป็นการสบประมาทดังขึ้นรอบข้าง หล่อนก้มหน้าก้มตาเลี้ยงหลานชายคนนี้บนความอัตคัด เพราะชีวิตของลูกชายกับเมียที่เป็นลูกจ้างในร้านอาหารริมหาดจะมีเงินส่งมาให้เป็นค่านมค่ากับข้าวลูกก็เดือนละไม่เกินพันบาท วินัยใช้จ่ายและเก็บออมที่ไม่เคยมีบวกกับอานุภาพน้ำเมาที่เขาปรนเปรอตนเองอย่างลืมตัวจึงก่อเกิดเป็นเหตุวิวาทกับหมู่อันธพาล จนทำให้ต้องเปลี่ยนสภาพเป็นคนคุกในที่สุด
และเพียงไม่ถึงปีหลังจากนั้น แม่ของเด็กก็ขาดการติดต่อ และค่อย ๆ ห่างหายไปจากชีวิตของลูกชายกับหลานชายของหล่อนราวกับคลื่นกระทบฝั่ง
ดวงตะวันยามบ่ายคล้อยเคลื่อนลงสาดแสงเข้ามาทางด้านข้างเต็มร่าง ทำให้หล่อนต้องเลื่อนบานกระจกลงเพื่อคลี่ผ้าม่านสีทึบออกบังแดดให้หลานชายที่ยังคงหลับบนตักในท่าเดิม หล่อนนึกถึงหยดน้ำตาของลูกชายที่ไหลรินยามก้มลงกราบแทบเท้าแม่ก่อนที่จะปลงผมเมื่อเย็นวาน มันไหลรินพร้อมกันไปกับน้ำตาของหล่อนที่ถูกกักเก็บไว้ภายในมาเนิ่นนานเกือบเท่าอายุของเขา ยามนั้นหลานน้อยมองดูภาพพ่อกับย่ากอดกันร้องไห้ด้วยสีหน้าเจื่อน ๆ และมิรู้ที่จะทำอันใดนอกจากยืนเกาะหลังของผู้เป็นย่าเอาไว้
พิธีบวชอย่างเรียบง่ายโดยผู้มีจิตศรัทธาที่ต้องการสนับสนุนและให้โอกาสผู้ต้องขังเมื่อพ้นโทษ ทำให้หล่อนยิ่งซาบซึ้งและตื้นตันใจนักกับภาพของลูกชายที่โกนผม โกนคิ้ว และเปลี่ยนจากชุดธรรมดาเป็นการครองจีวรท่ามกลางเสียงสวดมนต์ภาษาบาลีที่หล่อนไม่เคยเข้าใจแต่ก็พร้อมที่จะรับฟัง
สิ่งที่ไม่มีใครรู้นอกจากหล่อนเพียงผู้เดียวก็คือ คำอธิษฐานให้พ่อของเขาได้รับส่วนในผลบุญครั้งนี้บ้างแม้เพียงเสี้ยวหนึ่ง และแม้ว่าชีวิตของหล่อนกับเขาจะไม่มีโอกาสกลับมาหวนคืนร่วมคู่กันใหม่
หล่อนแตะหลังมือบนแก้มของหลานชายแผ่วเบา เมื่อรู้สึกว่ายังอุ่นในระดับเป็นปกติก็โล่งใจ หลับตาลงพร้อมกับเอนหลังพิงเบาะด้วยความรู้สึกปีติที่เอิบอาบทั่วร่าง ที่หางตามีน้ำตาซึมออกมาช้า ๆ แต่หล่อนไม่ได้สนใจเช็ดออก
ภาพน้ำตาของผู้หญิงที่นั่งหลับตาและยิ้มคนเดียวในเบาะหลังบนกระจกด้านข้างทำให้พนักงานขับรถรู้สึกทึ่งและพลอยดีใจอยู่ลึก ๆ บางทีเขาก็อยากรู้เหมือนกันว่าหล่อนดีใจกับเรื่องไร และมันก็ดีกว่าผู้โดยสารบางคนที่มักหลุดปากบ่นว่าหรือแสดงสีหน้าไม่พอใจออกมาให้เขาเห็น
รถปรับเกียร์ต่ำเมื่อถึงทางขึ้นเนินอีกครั้ง วินาทีต่อมาคือห้วงที่หล่อนไม่มีโอกาสรู้ได้เลยนอกจากความปีติในชีวิตที่เปลี่ยนผ่านไปสู่นิรันดร์ในทันใด ขณะที่คนขับรถรู้ เขาตกตะลึงพรึงเพริดก่อนที่สมองจะสั่งการให้มือพยายามบังคับรถเพื่อเลี่ยงการปะทะ แต่ถึงแม้ว่าเขาทำได้รวดเร็วอย่างที่สุดแต่ทุกอย่างก็ยังสายเกินไป เมื่อวินาทีต่อจากนั้นคือแรงกระแทกมหาศาลอันเกิดจากการพุ่งชนของรถพ่วงสิบแปดล้อที่ไถลออกมาจากช่องทางฝั่งตรงข้ามด้วยความเร็วสูงในขณะที่ลงเนิน
เสียงเหล็กกระทบเหล็ก เสียงกระจกแตกพร้อมกับท่อนไม้หักระเนระนาด และเสียงตะโกนกรีดร้องอย่างโหยหวน ท่ามกลางกลิ่นไอน้ำมันเชื้อเพลิง กลิ่นการเผาไหม้ และกลิ่นคาวเลือดเนื้อในร่างกายมนุษย์ที่กระจัดกระจายปะปนกันไปกับเศษซากชิ้นส่วนของตัวรถทั่วบริเวณผิวถนนทางขึ้นเขา กลายเป็นความสยดสยอง โกลาหล และสับสนอลหม่านอย่างที่ไม่มีใครคาดคิดมาก่อน
ทว่า ไกลออกไปภายในศาลาทำวัตรเย็นที่วัดเล็ก ๆ แห่งหนึ่ง ยังคงมีเสียงบทสวดและคำแปลที่ผสานกันไประหว่างพระสงฆ์กลุ่มเดิมกับพระหนุ่มที่บวชใหม่ในวันนี้
พระหนุ่มพนมมือหว่างอกก้มลงดูหนังสือบทสวดที่กางไว้ตรงพื้นเบื้องหน้าอย่างตั้งใจ บางตอนมีรอยยิ้มน้อย ๆ ที่มุมปากเมื่อใจเผลอนึกถึงภาพใบหน้าลูกชายที่ดูเคอะเขินเมื่อย่าพาเข้ามากราบลา เด็กชายเม้มปากแน่นแต่นัยน์ตาแจ่มใสขณะที่พยายามนั่งคุกเข่าเพื่อกราบพ่อที่กลายเป็นพระสงฆ์อีกรูปหนึ่ง
“โยมแม่พาหลานกลับเถอะ ไม่ต้องเป็นห่วง อาตมาอยู่ได้”
เขายังจำประโยคที่พูดกับแม่ก่อนที่ทั้งคู่จะหันหลังเดินจากไป ครั้นพอรู้สึกตัว สงฆ์ใหม่หลุบตาลงต่ำเมื่อถึงบทแผ่เมตตา และร่วมเปล่งเสียงออกมาอย่างชัดถ้อยชัดคำโดยมีภาพของแม่กับลูกชายลอยเด่นในห้วงคิด
“สัตว์ทั้งหลายที่เป็นเพื่อนทุกข์ เกิดแก่เจ็บตาย จงอย่ามีเวรซึ่งกันและกันเลย...”
กราบสุดท้ายที่เขาก้มลงจนหน้าผากจรดพื้นกระดานก่อนจะลงจากอาสนะทำให้รู้สึกอุ่นวาบไปทั่วทั้งร่างและสัมผัสได้ถึงปีติในหัวใจ ขอให้บุญแรกจากชีวิตของเขาในวันนี้ส่งผลให้แม่ได้อยู่เย็นเป็นสุขเหมือนคนอื่นบ้างเถิด เพราะลูกชายเลว ๆ ของแม่ได้ตายไปแล้วตั้งแต่ที่เขาตั้งใจก้มลงเพื่อกราบเท้าแม่เมื่อเย็นวานนี้