ตามที่เราทราบกัน ในเมื่อมีสิ่งมีชีวิตหลากสายพันธ์ในบริเวณใด ย่อมก่อให้เกิดเป็นห่วงโซ่อาหารเพื่อควบคุมกันเองและปรับให้อยู่ในระดับสมดุล อย่างไรก็ตามเมื่อมีสายพันธ์ต่างถิ่น (Alien Species) หลุดรอดเข้ามา มักจะทำให้ห่วงโซ่อาหารเสียสมดุล ซึ่งครั้งนี้นอกจากจะทำลายระบบนิเวศแล้วยังเข้าไปทำลายระบบชลประทานอีกด้วยครับ
เรามาทำความรู้จักกับหอยแมลงภู่ Quagga กันก่อนครับ
หอยแมลงภู่ Quagga เป็นหอยน้ำจืดขนาดเล็ก มีความยาวประมาณ 4 เซนติเมตรเมื่อโตเต็มที่ โดยปกติจะกินแพลงตอนและสาหร่ายขนาดเล็กเป็นอาหาร โดยมันได้ชื่อว่า Quagga เนื่องจากเปลือกหอยของมันมีลายทางแล้วค่อยๆ จางลงไปในอีกด้านหนึ่ง ทำให้นักวิทยาศาสตร์ที่พบเห็นตั้งชื่อมันตามชื่อของม้าลายพันธ์ย่อยที่มีลายทางเพียงครึ่งเดียว
โดยปกติเจ้าหอย Quagga มีถิ่นอาศัยอยู่ที่แม่น้ำ Dnieper ในประเทศยูเครนครับ อย่างไรก็ตามมีการค้นพบหอยชนิดดังกล่าวในแหล่งน้ำจืดในทวีปอเมริกาเหนือ โดยเฉพาะบริเวณรัฐมิชิแกน ประเทศ US โดยมีการสันนิฐานว่ามันติดมากับน้ำเสียที่ปล่อยมาจากเรือเดินสมุทร อย่างไรก็ตามนักวิจัยอีกหลายคนคิดว่ามันอาจมาจากการนำเข้าเพื่อเป็นอาหาร และหลุดรอดออกมาสู่แหล่งน้ำในธรรมชาติก็เป็นได้ครับ
ภัยพิบัติจากหอยแมลงภู่
เมื่อหอย Quagga อยู่ในธรรมชาติโดยไม่มีผู้ล่ามันแล้ว มันก็จะเริ่มทำสิ่งที่มันถนัดคือการบริโภคสาหร่ายขนาดเล็กและแพลงตอนต่างๆ ทำให้แหล่งอาหารของปลาเล็กปลาน้อยลดลง เมื่อต้นสายของห่วงโซ่อาหารมีปริมาณลดลง ปลาขนาดกลางที่กินปลาเล็ก ไปจนถึงปลาขนาดใหญ่ และลูกปลานานาชนิดก็จะขาดสารอาหารและมีจำนวนลดลงไปด้วย
นอกจากผลกระทบต่อสภาพแวดล้อมแล้ว หอยมหาภัยชนิดนี้ก็พร้อมที่จะเข้าทำลายระบบชลประทานไปจนถึงระบบผลิตไฟฟ้าพลังงานน้ำอีกด้วย โดยหอย Quagga จะเข้าไปติด เกาะ อุดตัน ทำให้การส่งน้ำเป็นไปด้วยความยากลำบาก ในหลายๆ ที่ต้องมีการทำความสะอาดใบพัดปั่นไฟฟ้า หรือท่อน้ำต่างๆ เพื่อให้การไหลเวียนของน้ำดีขึ้นครับ
การแพร่กระจายเข้าสู่อังกฤษ
ในปี 2014 ประเทศอังกฤษเริ่มทีรายงานการพบเจอหอย Quagga ครั้งแรก โดยสำนักงานสิ่งแวดล้อมในแม่น้ำ Thames ใกล้สนามบินนานาชาติฮีทโธรว์ ทางภาครัฐของอังกฤษมีความพยายามที่จะจัดการและจำกัดไม่ให้เหล่าหอยแพร่กระจายไปยังส่วนอื่นของประเทษครับ อย่างไรก็ตามได้ใรการค้นพบหอยชนิดดังกล่าวทางตะวันออกของประเทศอังกฤษ นั่นเป็นสัญญาณว่าภัยพิบัติทางธรรมชาติกำลังมาเยือนแล้ว
การชะลอการแพร่กระจายของหอยมรณะ
ถึงแม้ว่าจะมีการตรวจพบหอย Quagga ในหลายบริเวณ แต่ก็ยังอยู่ในระยะเริ่มต้น ทางหน่วยงานของประเทศอังกฤษยังมีความหวังว่าจะสามารถหยุดยั้งการแพร่กระจายของหอยได้ครับ
อย่างไรก็ตามเมื่อย้อนกลับมาดูวิธีมาตรฐานที่ใช้กำจัดหอยมหาภัยก็มีหลายวิธีที่ลองกันครับ เช่น การปรับค่าความเป็นกรดด่างของน้ำให้มีความเป็นกรดสูงอย่างฉับพลัน พอหอยได้รับน้ำกรดเข้าไป มันก็จะตาย อย่างไรก็ตามวิธีนี้จะทำให้หอยชนิดอื่นๆ หรือสิ่งมีชีวิตในน้ำได้รับผลกระทบไปด้วย อีกวิธีหนึ่งที่นักวิทยาศาสตร์นำมาใช้คือการรณรงค์ให้มีการจับปลาขนาดกลาง เพื่อให้มีกรบริโภคปลาขนาดเล็กลดลงครับ เมื่อปลาขนาดเล็กมีมากขึ้นมันก็จะช่วยล่าหอย Quagga ให้หมดไปไม่มาก็น้อย
ไม่ว่าจะใช้วิธีไหน สุดท้ายมนุษย์และการกระทำของมนุษย์เป็นสาเหตุสำคัญที่ทำให้หอย Quagga แพร่ไปที่ทวีปอเมริกาเหนือและยุโรปตะวันตกครับ ซึ่งกรณีสายพันธ์ต่างถิ่นที่เข้าไปทำลายสิ่งแวดล้อมอย่างปลาซักเกอร์ที่สร้างความเสียหายในแหล่งน้ำในไทยเป็นอันมาก ดังนั้นเราควรร่วมมือกันรักษาธรรมชาติของเราไม่ให้ระบบนิเวศถูกทำลายครับ
ฝากติดตาม กด like กด share ข้อมูลดีๆ ได้ทาง
https://www.facebook.com/Unboxthinking
หรือ
https://www.blockdit.com/pages/5f4b6519e807060cb777cdbf ด้วยนะครับ ผมสัญญาว่าจะพยายามวิเคราะห์ข้อมูลดีๆ มาให้เรื่อยๆ นะครับผม
หอยตัวร้ายทำลายระบบชลประทาน !! เมื่อหอย Quagga รุกราน US และอังกฤษ
ตามที่เราทราบกัน ในเมื่อมีสิ่งมีชีวิตหลากสายพันธ์ในบริเวณใด ย่อมก่อให้เกิดเป็นห่วงโซ่อาหารเพื่อควบคุมกันเองและปรับให้อยู่ในระดับสมดุล อย่างไรก็ตามเมื่อมีสายพันธ์ต่างถิ่น (Alien Species) หลุดรอดเข้ามา มักจะทำให้ห่วงโซ่อาหารเสียสมดุล ซึ่งครั้งนี้นอกจากจะทำลายระบบนิเวศแล้วยังเข้าไปทำลายระบบชลประทานอีกด้วยครับ
เรามาทำความรู้จักกับหอยแมลงภู่ Quagga กันก่อนครับ
หอยแมลงภู่ Quagga เป็นหอยน้ำจืดขนาดเล็ก มีความยาวประมาณ 4 เซนติเมตรเมื่อโตเต็มที่ โดยปกติจะกินแพลงตอนและสาหร่ายขนาดเล็กเป็นอาหาร โดยมันได้ชื่อว่า Quagga เนื่องจากเปลือกหอยของมันมีลายทางแล้วค่อยๆ จางลงไปในอีกด้านหนึ่ง ทำให้นักวิทยาศาสตร์ที่พบเห็นตั้งชื่อมันตามชื่อของม้าลายพันธ์ย่อยที่มีลายทางเพียงครึ่งเดียว
โดยปกติเจ้าหอย Quagga มีถิ่นอาศัยอยู่ที่แม่น้ำ Dnieper ในประเทศยูเครนครับ อย่างไรก็ตามมีการค้นพบหอยชนิดดังกล่าวในแหล่งน้ำจืดในทวีปอเมริกาเหนือ โดยเฉพาะบริเวณรัฐมิชิแกน ประเทศ US โดยมีการสันนิฐานว่ามันติดมากับน้ำเสียที่ปล่อยมาจากเรือเดินสมุทร อย่างไรก็ตามนักวิจัยอีกหลายคนคิดว่ามันอาจมาจากการนำเข้าเพื่อเป็นอาหาร และหลุดรอดออกมาสู่แหล่งน้ำในธรรมชาติก็เป็นได้ครับ
ภัยพิบัติจากหอยแมลงภู่
เมื่อหอย Quagga อยู่ในธรรมชาติโดยไม่มีผู้ล่ามันแล้ว มันก็จะเริ่มทำสิ่งที่มันถนัดคือการบริโภคสาหร่ายขนาดเล็กและแพลงตอนต่างๆ ทำให้แหล่งอาหารของปลาเล็กปลาน้อยลดลง เมื่อต้นสายของห่วงโซ่อาหารมีปริมาณลดลง ปลาขนาดกลางที่กินปลาเล็ก ไปจนถึงปลาขนาดใหญ่ และลูกปลานานาชนิดก็จะขาดสารอาหารและมีจำนวนลดลงไปด้วย
นอกจากผลกระทบต่อสภาพแวดล้อมแล้ว หอยมหาภัยชนิดนี้ก็พร้อมที่จะเข้าทำลายระบบชลประทานไปจนถึงระบบผลิตไฟฟ้าพลังงานน้ำอีกด้วย โดยหอย Quagga จะเข้าไปติด เกาะ อุดตัน ทำให้การส่งน้ำเป็นไปด้วยความยากลำบาก ในหลายๆ ที่ต้องมีการทำความสะอาดใบพัดปั่นไฟฟ้า หรือท่อน้ำต่างๆ เพื่อให้การไหลเวียนของน้ำดีขึ้นครับ
การแพร่กระจายเข้าสู่อังกฤษ
ในปี 2014 ประเทศอังกฤษเริ่มทีรายงานการพบเจอหอย Quagga ครั้งแรก โดยสำนักงานสิ่งแวดล้อมในแม่น้ำ Thames ใกล้สนามบินนานาชาติฮีทโธรว์ ทางภาครัฐของอังกฤษมีความพยายามที่จะจัดการและจำกัดไม่ให้เหล่าหอยแพร่กระจายไปยังส่วนอื่นของประเทษครับ อย่างไรก็ตามได้ใรการค้นพบหอยชนิดดังกล่าวทางตะวันออกของประเทศอังกฤษ นั่นเป็นสัญญาณว่าภัยพิบัติทางธรรมชาติกำลังมาเยือนแล้ว
การชะลอการแพร่กระจายของหอยมรณะ
ถึงแม้ว่าจะมีการตรวจพบหอย Quagga ในหลายบริเวณ แต่ก็ยังอยู่ในระยะเริ่มต้น ทางหน่วยงานของประเทศอังกฤษยังมีความหวังว่าจะสามารถหยุดยั้งการแพร่กระจายของหอยได้ครับ
อย่างไรก็ตามเมื่อย้อนกลับมาดูวิธีมาตรฐานที่ใช้กำจัดหอยมหาภัยก็มีหลายวิธีที่ลองกันครับ เช่น การปรับค่าความเป็นกรดด่างของน้ำให้มีความเป็นกรดสูงอย่างฉับพลัน พอหอยได้รับน้ำกรดเข้าไป มันก็จะตาย อย่างไรก็ตามวิธีนี้จะทำให้หอยชนิดอื่นๆ หรือสิ่งมีชีวิตในน้ำได้รับผลกระทบไปด้วย อีกวิธีหนึ่งที่นักวิทยาศาสตร์นำมาใช้คือการรณรงค์ให้มีการจับปลาขนาดกลาง เพื่อให้มีกรบริโภคปลาขนาดเล็กลดลงครับ เมื่อปลาขนาดเล็กมีมากขึ้นมันก็จะช่วยล่าหอย Quagga ให้หมดไปไม่มาก็น้อย
ไม่ว่าจะใช้วิธีไหน สุดท้ายมนุษย์และการกระทำของมนุษย์เป็นสาเหตุสำคัญที่ทำให้หอย Quagga แพร่ไปที่ทวีปอเมริกาเหนือและยุโรปตะวันตกครับ ซึ่งกรณีสายพันธ์ต่างถิ่นที่เข้าไปทำลายสิ่งแวดล้อมอย่างปลาซักเกอร์ที่สร้างความเสียหายในแหล่งน้ำในไทยเป็นอันมาก ดังนั้นเราควรร่วมมือกันรักษาธรรมชาติของเราไม่ให้ระบบนิเวศถูกทำลายครับ
ฝากติดตาม กด like กด share ข้อมูลดีๆ ได้ทาง https://www.facebook.com/Unboxthinking
หรือ https://www.blockdit.com/pages/5f4b6519e807060cb777cdbf ด้วยนะครับ ผมสัญญาว่าจะพยายามวิเคราะห์ข้อมูลดีๆ มาให้เรื่อยๆ นะครับผม