ควรใช้ชีวิตต่อไงดี

พ่อกับแม่เราเลิกกันได้ประมาณ2ปีกว่าแล้ว  สาเหตุคือแม่นอกใจ  ไปคบกับคนที่ทำงาน   ซึ่งพ่อก็ทำงานที่เดียวกับแม่   เราจำวันนั้นได้ดี เราทะเลาะกับแม่หนักมาก  จนพ่อเอ่ยปากที่ว่า ถ้าทำลูก กูกระทืบแน่
แต่เขาก็ทำเราจริงๆ  วันนั้นแม่เก็บของ ออกจากบ้านทันที พาน้องสาวเราไปด้วย ไปอยู่กับแฟนใหม่ทันที  แฟนใหม่แม่เราเป็นทอม
ั้และตั้งแต่นั้นมา ชีวิตเราก็เปลี่ยนไปหมด มันแย่ไปหมด  เราเจอเรื่องแบบนี้ตอนอายุ14ปีเอง  เอาตรงๆชีวิตเรา เรารู้สึกว่ามันแย่มาแต่เกิดแล้ว
เราก็ใช่ชีวิตให้ปกติที่สุด  ไปโรงเรียน  แต่แม่ก็ดันทำงานที่โรงเรียนด้วย  มันเลยทำให้เรา ต้องเจอคำสารพัดมากมาย ทุกวันนี้ยังจำฟังใจตลอด  แต่เราก็เลือกที่จะอดทน ทั้งๆที่โดนล้อมาตลอด  จนกระทั่งวันนึง เขาจะมาคุยกับเรา แต่เราไม่คุยด้วย จนทำให้มีปากเสียงกันกลางโรงเรียน  วันนั้นเป็นวันที่สติแตกที่สุด  ขึ้นกู
แต่ครูก็ห้ามไว้  จนเวลามันผ่านมาสักพักนึง ถึงวันแม่ วันนั้นเราจำได้ว่าเรากำลังจะกลับบ้าน แต่น้องเดินมาหาเราบอกไปหาแม่หน่อยได้ไหม  เราก็ยอมไป  เพราะพี่คนนึงขอไว้  พอไปถึงเขาก็หอมแก้มเราพร้อมร้องไห้ เขาก็บอกว่าแม่รักหนูนะ  แต่เราก็ไม่อะไรก็ขี่รถออกมา  เมื่อเวลาผ่านไป เราก็เริ่มใจอ่อน เริ่มคุยเริ่มอะไรบ้าง เพราะเขาเป็นคนจ่ายค่าเทอม ดูแลอะไรหมดทุกอย่าง  แต่เราอยู่กับพ่อ
เราก็ไปหาเขาบ้าง  แต่เราไม่คุยไม่ยุ่งกับแฟนใหม่เขาเลย  จนหลังๆมา เขาก็ให้เงินบ้าง พาไปกินหมูกระทะ  พ่อเราไม่ได้ห้าม  แต่ก็สอนเสมอ  เราก็ขอบคุณเขาตลอด แต่ต้องหลังจากแม่บอกเท่านั้น  
ตัดภาพมาปัจจุบัน  เราก็ไปหาแม่บ่อยขึ้น ที่ห้องเช่า  แต่ทุกครั้งที่เราไป เรามักจะไม่ได้เจอแม่เลย ถึงเจอ ก็แทบไม่ได้คุย  แต่เวลาที่เจอบางครั้ง มันก็ไม่ถึง20นาทีเลยด้วยซ้ำ  มันเป็นแบบนี้มาตลอด  หรือบางที เราก็มักจะเจอกันเฉพาะแค่แม่เดือดร้อน หรือเราเข้าโรงพยาบาล  นานเข้าๆ มันก็ทำให้เรารู้สึกน้อยใจ  ถึงแม่จะไม่มีเวลาให้เรา  แต่แม่ก็ควรมีเวลาให้น้องบ้าง  น้องเราเป็นผญ แม่มักจะบ่นเสมอ ว่าเขาทำงานงกๆ ก็เพราะหาเงินมาให้ใช้  
เขาแทบไม่มีเวลาให้ลูกเลย กลับจากที่ทำงาน เขาก็ไปหาญาติแฟนเขาทุกวัน  บางทีที่เราถามว่าเมื่อไหร่จะกลับ เขาก็บอกกำลังกลับ  ทั้งๆที่เขายังนั่งอยู่ที่นั่น  จนบางที เราแทบไม่เชื่อคำพูดเขาแล้ว
แต่แล้ว มันก็เป็นเรื่อง  ก่อนหน้านี้ประมาณ1เดือน  แม่ขอให้เราไปเที่ยวด้วย  เราก็บอกว่า ถ้าครั้งนี้หนูไปแล้วไม่มีความสุข(เพราะไปกับญาติแฟนแม่) แม่ก็ไม่ต้องมาขอหนูอีกเลย
จากนั้นพอถึง1วันก่อนเดินทาง เราก็เตรียมของ อยู่บ้านพ่อ  พ่อก็บอกว่า คิดดีๆนะ เขาไม่ใช่ญาติเรามันจะมีความสุขหรอ  เราก็ฟังไว้  จากนั้นเราก็โทรถามแม่ว่าจะกลับบ้านที่โมง  เขาบอก3ทุ่ม  เราก็เลยรอ2ทุ่ม จะได้ไปรอบ้านแม่  แต่พอเราไปถึง รอจน4ทุ่ม เขาก็ไม่กลับ โทรไปก็บอกกำลังกลับ มันมักจะใช้เวลาไม่นาน ระยะทางไม่ถึง2โล   เรารอจนหงุดหงิด เราเลยตะโกนบอกน้องว่า เราไม่ไปแล้ว ไปส่งเราบ้าน  น้องก็ขี่รถไปส่ง  มันก็ส่วนทางกับแม่พอดี
แม่เลยบอก มันอะไร
เราก็ตอบว่า แม่น่าจะรู้ดี
แม่เขาก็บอก กูขี่รถซื้อของให้เขาอยู่(ตอนนั้นแม่ขี่รถมาคนเดียว)
เราเลยบอก ไม่ไปแล้ว ตอนนั้นเราร้องไห้หนักมาก
เขาเลยบอก จะให้มันพังใช่ไหม
เราเราบอกเออ  เขาก็บอกได้ กูจะพังมันเอง  ละบอกให้น้องมาส่งเราบ้าน
เราขอบอกก่อนเลยว่า  แม่ยอมแฟนแม่มาตลอด แต่แม่ไม่เคยยอมลูกเลย
แม่อยากได้บ้านหลังนึง เพราะเขาก็เข้าเลข4แล้ว  แต่แม่ก็ไปปรึกษาแม่แฟน พอได้บ้าน เริ่มส่งบ้าน กลับมาบอกเราว่า ถ้าแม่เป็นอะไร ให้เราส่งบ้านต่อด้วย  แม่ไม่เคยปรึกษาเราเลยสักครั้ง  ทางญาติแฟนแม่ เขาใช้อะไร แม่ก็ยอมทุกอย่าง  ที่แม่บอกว่า กูวิ่งซื้อของให้เขา  ทำมันให้เราคิดว่า การที่เราจะไปเที่ยว มันต้องเตรียมของล่วงหน้าไม่ใช่หรอ
และบางครั้ง เวลาที่แฟนแม่ไม่อยู่ แม่ก็จะด่าว่าเขาลับหลัง บ่นเขาว่าเขาไม่ดี แต่แม่ก็ยังอยู่กับเขา  บางทีเราก็สงสารน้อง ที่บางครั้งก็รับอารมณ์ไม่ทัน  มันทำให้เราอดคิดไม่ได้ว่า ที่แม่อยู่กับเขา ก็เพราะแม่เกาะเขากิน
.....
จากนั้นวันเดินทาง น้องได้โทรมาหาเรา ว่าเราจะไปไหม เดี๋ยวเข้าไปรับ แม่จะไปรับด้วย  เราก็บอกเราไม่ไป
เขาก็โทรหาเราหลายสายมาก แต่เราไม่รับ แต่เขาก็เลือกที่จะไปเที่ยว
เราบล็อคเขาทางไลน์ และตั้งตัสว่าอยากตาย  เพราะตลอดเวลาที่ผ่านตั้งแต่เล็กจนโต เราแทบไม่มีความสุขเลย  เท่าที่จำได้
คืนนั้นมันทำให้เรามั่นใจว่า โรคซึมเศร้ามันกลับมาอีกครั้ง  เราเป็นโรคนี้เพราะเราได้ถามพยาบาลแล้ว ได้ทำแบบทดสอบ สรุปเราเป็นจริงๆ และอยู่ในขั้นหนัก เรากลับบอกพี่เราเป็นคนแรก  ทั้งๆที่เขาไม่ใช่พี่แท้ เขาเป็นคนนอก ที่เข้าใจเรามากกว่าคนในครอบครัว  แต่พี่เขาก็เกลี่ยกล่อม ให้เราลองเปิดใจคุยกับแม่  เขาก็บอกเขา แต่เราไม่รู้เลยว่าเขาจะเชื่อไหม
เรายอมรับว่าหลังที่บอกแม่ ความคิดอยากฆ่าตัวตาย มันได้หายไป มันทำให้ชีวิตดีมาก
แต่สุดท้าย แม่กลับเป็นคนที่ทำให้มันกำเริบ  เราไม่รู้ว่าจะดำเนินชีวิตต่อยังไงแล้ว   เราเลือกที่จะไปบอกพ่อกับย่า เพราะไม่อยากให้เขาเครียดไปกว่านี้
แต่สำหรับเรา ณ นี้ตอน เราไม่กินข้าว กินปลา ทั้งๆที่อยากกิน เราเริ่มไม่แฮปปี้ ทั้งๆที่จะถึงวันเกิด  เรากลับคิดแค่ว่า เราสิ้นใจ กับสิ้นปี อะไรจะมาถึงก่อนกัน

#เหมือนถูกฆ่าทางอ้อมทั้งๆที่เหมือนจะรัก😭😭
#มันคงหายไปพร้อมกับความตาย

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่