จากนี้ต่อไป : ดาวดำผู้เป็นห่วง

กระทู้คำถาม
จริงๆ ผมก็เคยพูดมาบ้างแล้วนะครับ ว่าหัวใจสำคัญในการแพ้ชนะกันทางการเมืองคือ "ความเชื่อ" ฝ่ายไหนทำให้มวลชนเชื่อได้มากกว่าคือผู้ชนะ มันง่ายๆ แบบนั้นเลยครับผม

อย่างที่ผมบอกนั่นละครับ "หนึ่งคนจบปริญญาเอกมีหนึ่งเสียงเท่ากับหนึ่งคนจบ ป.4" ในมุมการเลือกตั้ง ไม่ได้มีความแตกต่างอะไรกันเลย คุณทำให้ชาวบ้านเชื่อได้ 2 คน ย่อมได้คะแนนมากกว่า การทำให้อาจารย์มหาลัยเชื่อได้ 1 คน

เมื่อคืนเห็นชัดมากนะครับ ว่าสองสาวโดนต้อนหลังพิงเชือกออกอาวุธตอบโต้อีกฝ่ายไม่ได้แม้แต่หมัดเดียว รอแค่ระฆังหมดเวลาดังแค่นั้น มองแบบชาวบ้านคือแพ้แบบมวยคนละชั้น

แต่ก็ไม่วายมีบางคนพยายามยกหลักการนั่นนี่มาปลอบใจตัวเอง ว่าลึกๆ แล้วมีอะไรมากกว่านั้น มันมีเหตุอย่างนี้แล้วจึงมีผลอย่างนั้น หลอกตัวเองในโลกมโนต่อไปว่าคนของตัวเองไม่ได้เพลี่ยงพล้ำแต่อย่างใด

แต่ในโลกแห่งความจริงคือคนส่วนใหญ่เขาเชื่ออีกฝ่ายมากกว่า ส่วนหนึ่งเชื่อเพราะรอจะเชื่ออยู่แล้ว อีกส่วนเชื่อเพราะภาพมันชัดเกินจะปฏิเสธ

ถ้าจะว่าคล้ายโครงการของรัฐบาลก็ใช่อยู่นะ เช่น โครงการคนละครึ่ง ฝ่ายตรงข้ามพยายามหาเหตุผลนั่นนี่ ตาลีตาเหลือกมาโจมตี ว่าไม่ดีอย่างนั้นอย่างนี้ แต่ในความเป็นจริง ป้ายคนละครึ่งขึ้นเต็มตลาด เชิงเทคนิคมันจะยังไงไม่รู้ แต่มันช่วยเพิ่มยอดขายให้เขาได้ พ่อค้าแม่ค้าก็เอาด้วย 

การเมืองมันขึ้นอยู่กับความเชื่อครับ ท่องเอาไว้ให้ขึ้นใจเลยนะครับ นักเหตุผลวิทยาทั้งหลาย 

เสียท่ารัฐบาลขนาดนี้ จากนี้จะทำยังไงต่อไปครับชาวสามนิ้ว ชาวบ้านเขาเริ่มจะเชื่อรัฐบาลมากขึ้น...มากขึ้น...และมากขึ้นแล้วนะครับ

เหอะๆ

เพี้ยนดีออก

คลิกเพื่อดูคลิปวิดีโอ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่