เราเหมือนว่าเราเป็นลูกอกตัญญูเลย...

สวัสดีค่ะ เราเป็นเด็กขี้เกียจคนนึง ที่เรียนไม่เก่งมาก เรามีเรื่องจะมาเล่านิดหน่อย พออ่านแล้วอาจจะบอกว่าเราเป็นเด็กอตัญญูก็จะไม่ว่าอะไร แล้วก็อาจจะวกไปวนมาเพราะเราคิดอะไรเราก็พิมพ์ลงไป

เราค่อนข้างเป็นเด็กที่ไม่เก่งแต่ว่าระดับความฉลาดของเราน่าจะเท่ากับเด็กทั่วไป แต่ยังไงเราก็รู้สึกว่าเป็นเด็กโง่อยู่ดีถึงจะรู้ว่าตัวเองโง่ ก็แทบจะไม่พยายามเลย เพราะคำว่าขี้เกียจและไม่ชอบ เราก็พยายามบอกตัวเองให้ไปอ่านหนังสือและทำอย่างอื่นนอกจากอ่านนิยาย แต่สุดท้ายก็นอนอ่านนิยายแทบจะทั้งวัน และเราก็กลัวการเล่นโทรศัพท์ต่อหน้าแม่ตอนเปิดเทอมหรือว่าตอนก่อนที่จะทำการบ้าน เพราะเราเคยเล่นแล้วจู่ๆแม่ก็ดึงออกจากมือและให้เราทำการบ้าน และหลังจากนั้น บ่อยครั้งที่แค่แม่เดินผ่านเราจะปิดโทรศัพท์และทำอย่างอื่นเช้นวาดรูปและพอแม่เดินจากไปเราก็จะเล่นโทรศัพท์ต่อ อันนี้นอกเรื่องนิดหน่อย ต่อค่ะ
เราเป็นเด็กที่ไม่พัฒนาตัวเองเพราะขี้เกียจก็ไม่รู้จะทำยังไงให้เลิกขี้เกียจดี...

เราจำไม่ค่อยได้ว่าเราเกลียดการเรียนตอนไหน และไม่คิดที่จะพยายามทำคะแนนดีเพื่อพ่อแม่ตอนไหน ทุกๆครั้งก็รู้สึกแปลกที่เด็กหลายๆคนเรียนเพราะอยากให้พ่อแม่ชม อยากให้พ่อแม่ยอมรับในตัวเอง อยากให้พ่อแม่เห็นค่าในตัว แต่เราไม่มีความคิดแบบนั้นเลย เราเรียนเพราะพ่อแม่ให้มาเรียนและเราจะทำคะแนนและเกรดเพื่อตัวเองไม่ใช่เพื่อพ่อแม่ซึ่งเกรดของแต่ละเทอมก็ค่อนข้างแย่กว่าเพื่อนในกลุ่ม เกิน3ก็ดีพอแล้วสำหรับเรา แต่มันไม่ดีพอสำหรับห้องเรียนพิเศษที่พ่อแม่ยัดเราเข้าไปเพราะอยากให้เรามีสังคมที่ดี ซึ่งอันนี้เรารู้สึกแย่ที่สุด แต่เราก็แทบไม่พยายามอะไรอันนี้เรารู้สึกแย่อยู่ตลอด แต่ก็ไม่ทำอะไรอยู่ดี อันนี้ ยิ้มจริง แต่ก็ยังหาเหตุผลมาปกป้องตะวเองได้ตลอดว่า ก็ไม่ชอบ ไม่อยากให้ตัวเองเครียดจนเกินไป งานเยอะไม่มีเวลาอ่านหนังสือ  ทั้งๆที่เวลาว่างอาจจะมีแต่ว่าเอาไปทำอย่างอื่นแล้วอย่างเช่นวาดรูปคิดพล็อตการ์ตูนกับเพื่อน ซึ่งถ้าตอนนี้เรามีเป้าหมายที่ชัดเจนกว่านี้ คงจะดีมากๆแต่ตอนนี้เราไม่มีเป้าหมายอะไรเลยนอกจากใช้ชีวิตไปวันๆกับทำให้พ่อแม่ผิดหวังไปเรื่อยๆ พ่อเราก็บอกแค่ว่าเอาตัวเองให้รอดก็พอ ใช่และเรากำลังทำอยู่ ส่วนแม่ก็ไม่ได้พูดอะไรทั้งนั้น บอกแค่ว่าอยากได้อะไรเดี๋ยวซื้ออยากเรียนอะไรก็จะให้เรียน อยากทำอะไรก็จะให้ทำ ซึ่งมันคือคำโกหก... เพราะยังไงแม่ก็สนับสนุนแค่วิชาการ มีครั้งนึงตอนป.4เราชอบเต้นมาก และเราบอกกับแม่ว่าเราจะเต้นเพลงนี้ให้ได้ ซึ่งเราอยากได้ยินคำว่าพยายามเข้านะ แต่เรากลับได้ยินคำว่าทำไมตอนเรียนไม่ตั้งใจเหมือนตอนอยากเต้นหละ และหลังจากนั้นไม่นานเราก็ไม่พูดเรื่องนี้กับแม่ และมีครั้งนึงที่เราจะเรียนศิลปะ เราบอกแม่ว่าอยากเรียนศิลปะ และสีหน้าแม่คือ ไม่สนใจไม่ชอบ หรืออะไรซักอย่างที่น่าจะบอกว่าไม่เห็นด้วยแน่ๆซึ่ง เราก็บอกแล้วว่าค่าเรียนจ่ายเองได้ แต่แม่ก็ไม่ตอบอยู่ดี สุดท้ายก็ไม่ได้เรียน และเราก็ไม่กล้าบอเรียนอะไรเลยเพราะกลัวว่ามันจะซ้ำรอยเดิม....

เรารู้สึกรักพ่อมากกว่ารักแม่ เพราะพ่อบอกกับเราตรงๆว่าพ่อรู้สึกผิดที่เคยพูดไม่ดีกับเราในตอนเด็กๆ ซึ่งมันเปลี่ยนอะไรไม่ได้ แล้วตอนเด็กคือตอนซึมซับพฤติกรรม นิสัยขึ้นอยู่กับสภาพแวดล้อมและการสั่งสอนของครอบครัวซึ่ง เราได้ความเศร้ามาแทนและการเกลียดทุกอย่างรอบๆตัว หรืออะไรซักอย่างที่เป็นด้านลบ....

แต่อย่างน้อยพ่อก็บอกกับเราเสมอว่าถ้ามันสำคัญสำหรับเราพ่อก็จะให้เงินไปเรียนซึ่งเราก็ไม่กล้าขอเพราะว่าเราเกรงใจ เพราะว่าเงินที่ใช้ส่วนใหญ่เป็นเงินของพ่อ พออยากได้อะไรแม่ก็จะให้ขอพ่อตลอด ซึ่งมันทำให้เราและพี่สาวเราค่อนข้างเกรงใจพ่อสุดเห้อเครียด

ซึ่งพอเราคิดได้เรื่องการเรียนเราก่ะว่าจะลองพยายามดูใหม่ถึงจะไม่เพื่อพ่อแม่แต่ก็เพื่อตัวเองบ้างแหละ... ขอบคุณค่ะ

คอมเม้นกันด้วยความสงบอยาบได้แต่อย่ามากค่ะ ของคุณค่ะ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่