ระหว่างวันศุกร์ที่ 30-11-20 ถึงวันอาทิตย์ที่ 1-12-20 ไปร่วมงานทอดกฐินตกค้าง
ซึ่งจัดโดยสมาคมสื่อมวลชนพระพุทธศาสนาและวัฒนธรรมไทยแห่งชาติ (สพวช.) 
นำโดยนายวุฒิสาร พนารี นายกสมาคม ร่วมกับองค์กรเครือข่าย ได้แก่มูลนิธิสื่อโลกพุทธธรรมพระโสณะอุตตระ 
นำโดยพระปลัด ดร.บุญร่วม ปุญญมโน ประธานมูลนิธิและผู้อำนวยการสถานีวิทยุพระพุทธศาสนาแห่งชาติ 
พุทธมณฑล 104.25 MHz. (วพช.), สถานีวิทยุชุมชนคน 72 ทุ่งครุ คณะปวงชนชาวไทยเพื่อชาติ ศาสน์ กษัตริย์ 
และคณะเจ้าภาพทั้งพระและฆราวาส จากกรุงเทพมหานครกว่า 70 ท่าน ได้เดินทางถึงวัดสะเมิง (ห้วยคอก) 
หรือที่ชาวบ้านเรียกกันว่าวัดสะเมิงใต้ ซึ่งเป็นสถานที่กลางสำหรับใช้ทำพิธีทอดกฐินตกค้าง 
โดยมีพระใบฎีกาเสาร์คำ ธีรธัมโม เจ้าอาวาสและเลขา เจ้าคณะอำเภอสะเมิงให้การต้อนรับ 
โดยได้จัดเตรียมโต๊ะตั้งองค์กฐินตกค้างไว้รวม 47 วัด รวมกับผ้าป่าท้ายกฐิน อีก 3 วัด รวมทั้งหมด 50 วัด
ปีที่แล้วไม่ได้ไปร่วมเพราะทราบข่าวช้า ก่อนหน้านี้มีโอกาสไปร่วม 2 ครั้ง คือ ที่จังหวัดสุรินทร์ และจังหวัดพะเยา
"เที่ยวไปกินไป by laser @ สุรินทร์-บุรีรัมย์ : 1 บุญกฐินตกค้าง 36 วัด" https://pantip.com/topic/37129297
"เที่ยวไปกินไป by laser @ สุรินทร์-บุรีรัมย์" : 2 กลุ่มปราสาทตาเมือน https://pantip.com/topic/37139775
"เที่ยวไปกินไป by laser @ สุรินทร์-บุรีรัมย์ : 3 ตลาดบุรีรัมย์" https://pantip.com/topic/37158610
"เที่ยวไปกินไป by laser @ สุรินทร์-บุรีรัมย์ : 4 ปราสาทบุรีรัมย์ ลักษณาขาหมู น้ำหมักเพื่อสุขภาพ" 
https://pantip.com/topic/37158557
ปกติแค่ไปร่วมงาน แต่ปีนี้แฟนอยากจองกฐินหนึ่งวัด วัดละ 17,000 บาท
แบ่งเป็นเครื่องบริวารกฐิน 7,000 บาท ปัจจัยถวายวัดอีก 10,000 บาท 
ค่าเดินทาง ค่าที่พักและค่าอาหารบางมื้อ คนละ 2,800 บาทเหมือนทุกปี
นัดกันที่เดิม คือ ที่หน้าธนาคารไทยพาณิชย์ สาขาปิ่นเกล้า ออกรถเวลา 16.30 น.
จากแบริ่งขึ้นรถปรับอากาศสาย 511 ทางด่วน ไปลงที่ป้ายตลาดนัดเจ้าพระยา ลงรถเดินไปรอหน้าธนาคาร



15.29 น.รถสองชั้นปรับอากาศเดินทางมาถึง แต่กว่าจะได้ออกรถก็เลยไปถึง 17.15 น.
ปีนี้มีคนสนใจไปร่วมงานมากจนแทบล้นรถ ดีที่จองที่นั่งไว้ตั้งแต่เนิ่น ๆ



มีพระเดินทางไปด้วย 6 รูป ฆราวาสส่วนใหญ่อายุเกิน 60 ปี



มีข้าวกล่องแจกบนรถ เป็นข้าวกะเพราะหมูไข่ดาว และข้าวผัดหมู เลือกข้าวผัดหมู



มีผลไม้และถั่วลิสงต้มแจกอีกคนละกล่องเช่นเคย



วันอาทิตย์ที่ 31-10-20 วันลอยกระทง
ตีสี่ถึงโรงแรมปริ้นซ์ ถนนท้ายวัง เคยเดินผ่านดูเป็นโรงแรมเก่า
แต่กลับเป็นโรงแรมใหญ่ มีสระว่ายน้ำ ห้องพักไม่แพ้โรงแรมรอยัลพรรณาราย
ได้ห้องพักชั้น 5 ห้องพักกว้างสะอาด ตู้เย็นใหญ่ ห้องน้ำมีอ่างอาบน้ำ ขาดแค่ที่เป่าผม









4.45 น.ออกจากโรงแรมเลี้ยวซ้าย ข้ามแยกราชวงศ์ไปทางสะพานนครพิงค์
ถึงแยกสะพานนครพิงค์เลี้ยวซ้ายเข้าถนนวิชยานนท์ไปทางกาดเมืองใหม่
ผ่านด้านข้างของสถานกงศุลใหญ่สหรัฐอเมริกา ประจำเชียงใหม่ ซึ่งกำลังมีการตกแต่งรถงานลอยกระทง
ปีนี้ไม่มีการแห่รถ เนื่องจากสถาการณ์ระบาดของโรคโควิด 19
แต่กระจายรถไปจอดตามประตูเมืองต่าง ๆ





ผ่านเจดีย์ขาว หรือ เจดีย์กิ่ว เจดีย์ที่ไม่ได้อยู่ในวัด และไม่มีใครกล้ารื้อลง 
เพราะเป็นอนุสรณ์ถึงความกล้าหาญ และเสียสละชีวิตของตนเองป้องกันเมืองเชียงใหม่
ครั้งหนึ่งเมืองเชียงใหม่ มีทัพพม่ายกทัพมาประชิดตัวเมืองเชียงใหม่ ทางแม่ทัพพม่า
ได้ท้าประลองแข่งขันดำน้ำในแม่น้ำปิง ถ้าฝ่ายเมืองเชียงใหม่แพ้ จะต้องยกเมืองเชียงใหม่ให้เป็นเมืองขึ้นของพม่า
โดยกำหนดประลองในอีก 3 วันถัดมา เจ้าเมืองเชียงใหม่จึงป่าวประกาศรับสมัครหาคนที่ดำน้ำทน 
มาแข่งขันดำน้ำในครั้งนี้ แต่ไม่มีใครมาสมัครแข่งขันเลย จนเหลือเวลาอีกวันเดียว
เจ้าเมืองเชียงใหม่จึงให้คนไปป่าวประกาศตามพื้นที่รอบนอกเมือง จนมาถึงบ้านปู่เพียน หรือปู่เปียง 
ซึ่งอาศัยอยู่ตัวคนเดียวในห้างนานอกเมือง ปู่เพียนเป็นชายแก่อายุค่อนข้างมากแล้ว และไม่มีลูกมีหลาน
เมื่อทราบข่าวการท้าแข่งขันดำน้ำชิงเมืองในแม่น้ำปิง พอรุ่งเช้าแกจึงตัดสินใจเข้าเมือง
เพื่อขออาสาเป็นตัวแทนในการแข่งขันดำน้ำในครั้งนี้ พอถึงเวลานัดหมายแข่งขัน
ทุกคนก็มาพร้อมกันที่ริมแม่น้ำปิง ตรงบริเวณที่ตั้งเจดีย์ขาว เมื่อถึงเวลาทั้งสองฝ่ายก็ลงไปดำน้ำ 
เวลาผ่านไปนานหลายอึดใจ ตัวแทนฝ่ายข้าศึกโผล่ขึ้นมาถึงผิวน้ำก่อน จึงถือว่าแพ้ฝ่ายข้าศึกต้องยกทัพกลับไป 
ผ่านไปเนิ่นนาน ปู่เพียนก็ยังไม่โผล่ขึ้นมา เจ้าเมืองเชียงใหม่จึงสั่งให้คนดำน้ำลงไปค้นหา 
กลับพบว่าปู่เพียนได้ใช้ผ้าขะม้า (ผ้าต่อง) มัดตัวเองติดกับตอไต้น้ำจนขาดใจตาย
เจ้าเมืองเชียงใหม่จึงได้สร้างเจดีย์ เพื่อเป็นอนุสรณ์แห่งความดี ที่เสียสละชีวิตตัวเองเพื่อปกป้องบ้านเมืองเอาไว้



ข้ามเจดีย์ขาวไปเข้าถนนวังสิงห์คำ 
บริเวณหน้าที่ทำการเทศบาลนครเชียงใหม่ ซึ่งปกติเป็นตลาดค้าผัก 



มีรถงานลอยกระทงอีกสามคัน







เณรออกบิณฑบาตแต่เช้า



เดินย้อนกลับ 









รถของกงศุลใหญ่ฯ กำลังทดสอบไฟประดับ



5.20 น. ข้ามแยกสะพานนครพิงค์ไปทางกาดต้นลำไย



ข้ามสามแยกตลาดผลไม้กาดหลวง ตัดกับถนนช้างม่อยเข้าถนนไปรษณีย์



แวะดูพวงมาลัยตลาดดอกไม้หลังกาดต้นลำไย 
เพราะตอนบ่ายจะไปวัดพระบาทสี่รอย ดูแล้วน่าจะแพง



สุดท้ายขากลับได้เป็นมาลัยคล้องคอดอกมะลิ หนึ่งมัดมีสิบเส้นร้อยบาท



ร้านยุพิน หนึ่งในสองร้านดอกไม้ร้านใหญ่ ซึ่งตกแต่งรถงานลอยกระทงด้วย



เดินทะลุศาลเจ้าปุงเถ่ากงเลี้ยวขวไปร้านปาท่องโก๋โกเหน่ง





5.38 น.ถึงร้านโกเหน่ง เวลาเปิด คือ หกโมงเช้า 
แต่พนักงานบอกว่าเปิดหกโมงครึ่ง ตั้งใจจะซื้อปาท่องโก๋รูปสัตว์ 50 ตัว
ไปให้คณะกินกับข้าวต้มของทางโรงแรม ก่อนมาส่งข้อความไม่ตอบ
รถออกเจ็ดโมงเช้าไม่คอย



เดินไปตรอกเหล่าโจ๊ว สั่งอิ่วจาก้วยร้อยตัวสองร้อยบาท 
ที่ร้านรถเข็นหน้าทางเข้ากาดหลวง ตรงข้ามศาลเจ้าบู่เบี่ย (กวนอู)





ระหว่างรอแวะศาลเจ้าบู่เบี่ย





รับอิ่วจาก้วยแล้วเดินมาทางถนนวิชยานนท์ ซื้อพวงมาลัยคล้องคอ
ผ่านข้างกาดนครพิงค์มีรถสามล้อถีบจอดอยู่ ชอบอุดหนุนอาชีพแบบนี้ถ้าไม่รีบ
ระยะทางประมาณ 400 เมตรจ่ายไป 50 บาท





กลับถึงโรงแรมส่งอิ่วจาก้วยให้พนักงานเทใส่ถาด
ทางโรงแรมถามว่าซื้อที่ไหน พรุ่งนี้จะให้พนักงานไปซื้อมาเสิรม
ปกติโรงแรมไม่มีอาหารเช้าให้ มีแค่กาแฟและโอวัลติน แต่จัดพิเศษให้กับทางคณะ