[CR] พาเที่ยว วัดโลกโมฬี (Wat Lok Moli) จังหวัดเชียงใหม่ พิกัดเด็ดขอพรความรัก


           "กระทู้นี้ก็เดินทางมาสู่สิ้นปี 2025 หลายอย่างเดินทางผ่านเข้ามา และบางสิ่งก็เดินทางผ่านออกไป บ้างทำให้เราได้มีรอยยิ้ม มีเสียงหัวเราะ แม้กระทั้งคราบน้ำตา ทุกสิ่งล้วนแต่ทำให้เราเติบโตขึ้นจากทุก ๆ เรื่องราว ทุก ๆ ประสบการณ์ ที่จะนำพาให้เราไปเป็นอีกเวอร์ชั่นใน 2026 แต่ก็คงจะหนีไม่พ้นเรื่องราววุ่นวายต่าง ๆ ที่จะแวะเวียนเข้ามาทักทายเราอีกอยู่เรื่อย ๆ"


          เดินทางมามากมาย กว่าจะวนมาจบลงได้ที่กระทู้เชียงใหม่ ก็ทำให้เพื่อนนักอ่านทั้งขาประจำและขาแวะเวียน บ่นอุบว่ามาถึงสักทีเถอะ !! ตามคำสัญญา เมื่อลมหนาวผัดผ่านมา บ่งบอกว่ากำลังจะจบไปอีกหนึ่งปี การเดินทางครั้งนี้จะพาเชิดหน้าขึ้นนกเหล็กจาก DMK และlandลงแบบนิ่ม ๆ ที่ CNX ทริปนี้เราจะพาไปไหว้ย่อขอพรกับ หนึ่งในวัดที่เก่าแก่ที่สุดของเชียงใหม่ ที่ถูกกล่าวถึงครั้งแรกในพงศาวดารเมื่อปี 2070-2071 เมื่อ บวก ลบ คูณ หาร แล้วทำให้มีอายุยาวนานมามากกว่า 500 ปี และมีความสัมพันธ์อย่างลึกซึ้งกับอาณาจักร ล้านนา วัดแห่งนี้คือ "วัดโลกโมฬี"




เริ่มต้นก็ต้องหิว


          เครื่อง land ลงสู่ประเทศเชียงใหม่ (แม้จะใช้สรรพนามหรือหน่วยวัดไม่ถูกต้อง) แต่ที่นี่คือเชียงใหม่ จังหวัดหัวเมืองฝ่ายเหนือของสยามประเทศที่มีความยิ่งใหม่มาอย่างยาวนาน ก่อนที่จะเต็มอิ่มกับประวัติศาสตร์กับข้อมูลที่หามา เอาเป็นว่าเราจะขอเริ่มต้นมื้อเช้าของวันด้วยโจ๊กร้อน ๆ ต้มเลือดหอม ๆ และปาท่องโก๋ที่ มากับกาแฟอุ่น ๆ กันก่อนที่ ร้านต้นพยอม ร้านโจ๊กในตำนานของเชียงใหม่ ก็กินขนาดนี้จะเอาอะไรมาผอมกันก่อน





ช่วงสาระมีอยู่จริง


          วัดโลกโมฬี (Wat Lok Moli) จังหวัดเชียงใหม่ ตั้งอยู่บนถนนมณีนพรัตน์ ตำบลศรีภูมิ อำเภอเมืองเชียงใหม่ อยู่นอกคูเมืองทางด้านเหนือ ห่างจากสนามบินเชียงใหม่ประมาณ 4.4 กิโลเมตร และห่างจากร้านโจ๊กเมื่อเช้า 9 นาที แบบว่ากาแฟยังดูดไม่หมดเราก็อ่าวถึงแล้ว ระยะทางรวดเร็วคอนทราสต์กับระยะเวลาของอายุอานามของสถานที่แห่งนี้ หนึ่งในวัดที่เก่าแก่ที่สุดของเชียงใหม่

          วัดโลกโมฬี มีความหมายว่า "เป็นวัดสูงสุดของโลก" จากการไปค้นและหาข้อมูลจากหลายที่แล้วเรายังงงอยู่ เราเลยเรียงลำดับและสรุปประมาณนี้
วัดโลกโมฬีไม่มีหลักฐานปรากฏอย่างแน่ชัดว่าสร้างขึ้นครั้งแรกในสมัยใด สันนิษฐานกันว่าวัดนี้อาจจะสร้างขึ้นในสมัยพญามังรายมหาราช (พ.ศ. 1835 - 1901) ผู้สถาปนาอาณาจักรล้านนาและเมืองเชียงใหม่

          แต่จากข้อมูลมีปรากฏชื่อวัดโลกโมฬีในตำนานของวัดพระธาตุดอยสุเทพราชวรวิหาร กล่าวว่าในสมัยพระเจ้ากือนาธรรมิกราช กษัตริย์องค์ที่ 6 แห่งราชวงค์มังราย ช่วงปี พ.ศ. 1910-1931 โดยใน พ.ศ. 1910  พระองค์ทรงมีพระประสงค์ที่จะฟื้นฟูชำระปรับปรุงพระพุทธศาสนาในล้านนา เลยส่งผู้แทนไปยังเมืองเมาะตะมะ เพื่อเชิญพระเถระมอญผู้เชี่ยวชาญแตกฉานในพระไตรปิฏก ให้มาช่วยเกี่ยวกับพระพุทธศาสนาในอาณาจักล้านนา แต่เนื่องด้วยพระมหาอุทุมพรบุปผมหาสวามี ในขณะเวลานั้นชราภาพมากแล้ว ไม่สะดวกในการเดินทาง ท่านจึงได้ส่งพระอนันตเถระ พร้อมกับลูกศิษย์ซึ่งเป็นพระมอญระดับหัวกะทิที่แตกฉานในพระไตรปิฏกมาด้วยอีก 10 รูป เดินทางมายังดินแดนล้านนาแทนและได้จำพรรษาอยู่ ณ วัดแห่งนี้

         ต่อมาในรัชกาลพระเมืองเกษเกล้า หรือ พระเมืองเกศเกล้า หรือ พญาเกสเชฏฐราช หรือ พญาเมืองเกษเกล้า ซึ่งปรากฏในตำนานพื้นเมืองเชียงใหม่ เป็นกษัตริย์องค์ที่ 12  ในราชวงศ์มังราย แห่งอาณาจักรล้านนา มีครองราชย์สองครั้ง ได้ถวายบ้านหัวเวียงให้เป็นอารามวัดโมฬี และใน พ.ศ. 2071 ได้ทรงให้สร้างมหาเจดีย์ทรงปราสาท และวิหารโลกโมฬี ขึ้นหลังจากพระองค์สวรรคตจึงได้มีการนำอัฐิพระองค์มาบรรจุที่ที่ ณ วัดแห่งนี้ด้วย

ปล. (ครั้งที่ 1 พ.ศ. 2068 - พ.ศ. 2081 และครั้งที่ 2 ครั้งที่ 2 พ.ศ. 2086 - พ.ศ. 2088 เนื่องจากถูกปลงพระชนม์ และขุนนางกลุ่มหนึ่งเชิญพระนางมหาเทวีจิรประภา พระมเหสีของพระเมืองเกษเกล้าขึ้นปกครองแผ่นดิน)

        จนกระทั้งใน ในช่วงปี พ.ศ. 2318-2339 กองทัพพม่ายกทัพบุกมาตีได้เมืองเชียงใหม่และปกครองอยู่ระยะหนึ่ง จนกระทั้ง พระบรมราชาธิบดี หรือ พระเจ้ากาวิละ พระเจ้านครเชียงใหม่พระองค์แรกในทิพย์จักราธิวงศ์ ปกครองดินแดนล้านนาไท 57 ยกทัพขับไล่พม่าออกจากเชียงแสนได้สำเร็จในปี พ.ศ. 2347 ได้ทรงกอบกู้ฟื้นฟูบ้านเมือง และวัดวาอารามขึ้นมาใหม่อีกครั้ง วัดโลกโมฬี จึงได้รับการบูรณปฏิสังขรณ์ขึ้นใหม่ โดยมีความงดงามประณีตให้เห็นมาจนถึงปัจจุบัน
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้

    

วิหารไม้สัก


          ในส่วนของวิหาร ถูบูรณสร้างขึ้นด้วยไม้สักทั้งหลังซึ่งเป็นเอกลักษณ์สถาปัตยกรรมอันงดงามแบบล้านนาโบราณ วิหารไม้สัก เป็นสถาปัตยกรรมล้านนาร่วมสมัยที่งดงาม ด้วยไม้สักแกะสลักศิลปะพื้นบ้าน ที่สวยงามอย่างน่าทึ่ง ภายในประดิษฐานพระพุทธรูปปางสมาธิ หรือ พระพุทธสันติจิรบรมโลกนาถ องค์เหลืองอร่ามอยู่ในวิหาร โดยบริเวณ พระเมาลี หรือบริเวณจุกมวยผม มีการบรรจุ พระบรมสารีริกธาตุ ไว้ตั้งแต่ วันที่ 6 พฤศจิกายน 2546 อีกด้วย

         ส่วนอีกหนึ่งจุดที่เราต้องอ้าปากแล้วร้องว้าวเมื่อแหงนหน้ามองด้านบนเพดานในวิหาร (ลองดูนะรับรองว่าอ้าปากแน่)  "ศิลปะนี้ท่านสร้างแต่ใดมา มันสวยงามจนฉันต้องร้องปากอ้าโดยฉับพลัน" และอีกไฮไลท์สำคัญของวิหารแห่งนี้คือ ด้านหน้าวิหารประตูทางเข้าจะอยู่ตรงกับซุ้มประตูอิฐแดงโค้งโบราณที่เป็นประตูชั้นนอกเชื่อมกับกำแพงวัด หากเมื่อไปยืนถ่ายภาพก็จะได้มุมที่สวยงามเหมือนกำลังเดินข้ามกาลเวลาเลยทีเดียว












เจดีย์ใหญ่ เจดีย์ทรงปราสาท


          ถัดไปด้านหลังวิหาร สิ่งที่โดดเด่นมาแต่ไกลของวัดคือ เจดีย์ขนาดใหญ่ เจดีย์ทรงปราสาทที่พัฒนาจากรูปแบบเดิมๆ ให้สูงใหญ่และวิจิตรบรรจงขึ้น เป็นเจดีย์มีรูปทรงฐานสี่เหลี่ยมลักษณะทางศิลปะ สถาปัตยกรรม แบบยุคล้านนาที่งดงาม โดยยังคงเห็นโครงสร้างอิฐแบบดั้งเดิมที่ไม่ฉาบปูน ภายในเชื่อว่าเป็นที่บรรจุพระบรมอัฐิของพระบรมวงศานุวงศ์หลายพระองค์ของราชวงศ์เม็งราย ส่วนไฮไลท์ของการเดินเข้าไปยังบริเวณโซนเจดีย์ใหญ่คือการผ่านลอดซุ่มประตูที่สวยงาม และโคมยี่เป็ง (หรือ โคมยี่เป็งล้านนา) หลากสีที่แขวนเรียงรายตัดกับสีอิฐของโบราณสถานที่สะท้อนสัจจะธรรมของกาลเวลาและศรัทธา ที่มีการเปลี่ยนแปลง "เกิดขึ้น ตั้งอยู่ และดับไป" และอีกหนึ่งกิจกรรมสุดฮิตของโซนเจดีย์นี้คือ การตักน้ำ ชัดรอก ไปสรงน้ำพระที่บนยอดเจดีย์ อันนี้ก็แปลกดีเหมือนกันนะ








โซนอื่น ๆ


          เราจะเรียกโซนนี้ว่า โซนมัลติ เพราะหากเราเดินเป็นตัว U จากวิหาร ไปเจดีย์ และม้วนออกมาบริเวณโซนด้านหน้าอีกรอบ โซนนี้จะมีทั้งพุทธ ฮินดู และความเชื่อต่าง ๆ โดยมาเริ่มจากกิจกรรมจุดเทียนไหว้ "พระพุทธรูปปางหมอยา" หรือ "พระไภษัชยคุรุ หรือ พระพุทธเจ้าแพทย์" ตามความเชื่อแบบนิกายพุทธฝ่ายมหายาน ที่มีความเชื่อว่าเป็นหนึ่งในปางของพระพุทธเจ้า ผู้รักษาโรคภัยไข้เจ็บทั้งทางกายและใจ โดยสังเกตุที่พระหัตถ์ซ้ายมีหม้อยาอยู่ สำหรับผู้ที่มากราบขอพรเชื่อช่วยให้หายป่วย บรรเทาจากอาการเจ็บป่วย และจะขาดไม่ได้กับการมาขอขมากรรมกับพระนาคปรก เพื่อความเป็นสิริมงคล นอกจากทางพุทธแล้ว ยังมีสิ่งศักดิ์สิทธ์อีกหลายองค์ตามความเชื่อให้ผู้ที่สนใจศรัทธามากราบขอพรอีกมากมาย








5. แด่ความรักที่สวยงาม


         อีกหนึ่งพิกัดเด็ดขึ้นชื่อเรื่อง "การขอพรด้านความรัก" โดย หนุ่ม-สาว ชาวโสดนิยมมาขอพรเรื่องความรัก หรือเสริมดวงด้านความรักให้สมหวัง  ณ มณฑป "พระนางจิรประภามหาเทวี" กษัตริย์หญิงที่ขึ้นปกครองล้านนาหลังจากพระสวามี คือ พระเมืองเกษเกล้า (พญาเกศเชษฐราช) สวรรคต โดยการจุดเทียนแดงขอพร ซึ่งเทียนแดงมีความหมายถึงความรัก ความแข็งแกร่ง และความกล้าหาญ  "ที่ใดมีรักที่นั้นมีทุกข์ แต่ที่ใดขาดรักที่นั่นย่อมไร้ซึ่งความหมายเฉกเช่นกัน"





6. บทสรุป


          เป็นไงบ้างครับ กิจกรรมแบบเต็มอิ่มสำหรับ "วัดโลกโมฬี" แห่งประเทศเชียงใหม่ สายมูห้ามพลาด สายศิลปะบอกเลยว่าจุกตา (เอาเป็นว่าแบบเต็มตาดีกว่า) ความสวยงามและศรัทธาอยู่คู่กับความเชื่อของมนุษย์ บางสิ่งมองไม่เห็นใช่ว่าไม่มีอย่าง O2 มองไม่เห็นแต่เรารู้สึกได้ แต่ทุกอย่างล้วนแล้วควรอยู่ในความมี "สติ" ไม่ควรมีอะไรมากไป ที่เกินความว่าพอดี เพราะมันจะกลายเป็น (บอดี้แสลม = งมงาย) แต่หากอยู่ในจุดที่พอดี (ของแต่ละคน) ความสุขในใจ ก็จะบังเกิด สำหรับใครที่มาเชียงใหม่แล้ววัดนี้เราว่าเป็นอีกหนึ่งวัด หนึ่งสถานที่ท่องเที่ยว หนึ่งเรื่องราว ที่คู่ควรจะถูกบันทึกไว้ในความทรงจำของท่าน ที่นี่ "วัดโลกโมฬี"




สวัสดีปีใหม่
- เสือซ่อนยิ้ม -
ชื่อสินค้า:   เชียงใหม่
คะแนน:     

CR - Consumer Review : กระทู้รีวิวนี้เป็นกระทู้ CR โดยที่เจ้าของกระทู้

  • - จ่ายเงินซื้อเอง หรือได้รับจากคนรู้จักที่ไม่ใช่เจ้าของสินค้า เช่น เพื่อนซื้อให้
  • - ไม่ได้รับค่าจ้างและผลประโยชน์ใดๆ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่