ผู้หญิงที่เป็นฝ่ายถูกจีบ ไม่เคยต้องขวนขวายพยายามอะไรคือการพิสูจน์การเห็นค่าความรัก ?

สำหรับผู้หญิงส่วนใหญ่การที่ผู้ชายเป็นฝ่ายตามจีบก่อน เอาตัวเองมาให้เลือกดูแล้วผู้หญิงจะได้เปรียบกว่ามากๆ เพราะอย่างแรกเลยคือไม่ต้องมาขวนขวาย อดทนพยายามทำเพื่อให้จีบติด ต้องเป็นฝ่ายถือไพ่ต่ำกว่ามากๆ ไม่ต้องเป็นฝ่ายกังวลว่าจะถูกเลือกมั้ยแต่กลับเป็นฝ่ายเลือกเอง  คือผู้หญิงเองไม่ได้พิสูจน์ตัวเองเลยว่าชอบผู้ชายคนนั้นมากพอที่จะทุ่มเท ตั้งใจเรียนรู้ที่จะเสียสละอะไรบางอย่าง เพื่อให้ได้ใจคนรัก การที่ผู้หญิงเป็นฝ่ายถูกจีบทำให้ผู้หญิงไม่ต้องขวนขวายเรียนรู้ว่า ผู้ชายชอบอะไรไม่ชอบอะไร ไม่คิดที่จะปรับตัวก็ได้ พอผุ้ชายเหนื่อยก็อ้างว่าไม่ชอบเองเราไม่ได้เป็นคนชอบก่อน 

  ผู้หญิงไม่เคยต้องผ่านขั้นตอนการเป็นฝ่ายด้อยกว่า เหมือนที่ผ็หญิงชอบพูดว่า ได้มาง่ายก็ไปง่าย แต่ตัวเองไม่เคยคิดกลับว่าแล้วทีตัวเองอ่ะ ได้ความรักมาง่ายๆมีคนมามอบให้ถึงที่ มีโอกาสพิจารณา คุยมาก คบเผื่อเผื่อเลือกเยอะๆ แล้วก็หาข้ออ้างเข้าข้างตัวเองเวลาทำแบบนั้น  ตัวเองเคยพิสูจนอะไรบ้างแบบคนที่เข้ามาจีบ ว่าตัวเองรักจริง 
        ด้วยความที่ไม่เคยพิสูจน์ตัวเอง ไม่ต้องเหนื่อย ไม่ต้องพยายามมาตั้งแต่ต้น ถ้าได้เป็นแฟนหรือแต่งงาน ยิ่งน่าจะยากที่จะคาดหวังว่าผู้หญิงจะเป็นฝ่ายกระตืนรือร้น  ที่จะรักษาความสัมพันธ์  (เพราะเคยเป็นฝ่ายสบายมาตลอดไม่เคยลำบากเลย)   โอกาสที่ผู้ชายจะเหนื่อยในการรักษาความสัมพันธ์ไว้เลยมีมากกว่า และ โอกาสที่ผู้หญิงจะไม่รู้สึกผิด ไม่ปรับปรุงตัวเลยมีมากกว่า 
เราเลยได้เห็นตรรกะแบบโลกหมุนรอบตัวผู้หญิงหลายๆคนที่เคยชินกับความสบายแล้วเอาอีกๆ ไม่รู้จักพอ อย่าง ผู้ชายต้องเป็นฝ่ายเลี้ยงข้าวเวลาเดท เวลาไปเที่ยวผู้ชายต้องจ่าย  ผู้ชายต้องเป็นฝ่ายโทรหาก่อน  (หลายคน โทรหาก่อนก็ยังไม่พอใจอีกถ้าผู้ชายใช้วิธีคุยไลน์ ดูไม่พยายามที่จะเข้าหาพอ ------  ก็เมิงเคยตัวได้มาตลอด ก็จะเอามากกว่านี้ไปเรื่อยๆ  )  เราไม่โทรหาผู้ชายก่อน ถึงจะชอบผู้ชายคนนั้นก็ไม่เคยขวนขวาย พอผู้ชายเริ่มเหนื่อย ก็ใช้ตรรกะบบคนที่ไม่สนใจคนอื่น ว่า ผู้ชายไม่อดทน  (คนพวกนี้จะชอบ โยงหาอดีต สมัยก่อนนะ  สมัยก่อนนะแต่อะไรที่ตัวเองต้องทำแบบอดีตคนพวกนี้ไม่เคยทำ )
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่