ถุงมือเรื่องสั้น เรื่องที่ 3 เจอ "น้ำพริกแบบเก่า" หรือไม่ ก็ไม่รู้นะครับ ^^
เพราะว่า เราเคยผ่านชื่อนี้มา 2 รอบแล้ว ปรากฏว่า ยังมี "ควันหลง" ตามมาอีกเป็นคำรบ 3
คราวนี้เป็น "เอเลี่ยน
2030" (เดิมทีแรก ปี 2020 โดยคุณแจ็ค ในสวนถั่ว แล้วก็มาเป็น 2025 ในภาค 2 โดยน้องดาว Lady Star 919)
ท่าทาง คงมีคนคันคะเยอมือไม้ ไม่อยากให้จบ เลยต่อยอดมาอีก เอา!
กรรมการก็ไม่มีทางเลือกครับ เรื่องสั้นยิ่งมีน้อยอยู่
จึงจัดไป มิให้เสียของ! ปล่อยให้คนอ่าน ตริตรองกันดู ก็แล้วกันว่า นี่...ลายมือ ใคร...... ???

ผมชื่อไกรวุธ.....
มันเป็นเรื่องบังเอิญ.......
ในตอนสี่ทุ่มครึ่ง หลังจากที่ผมไปงานเลี้ยงฉลองกับเจ้านายและเพื่อน ๆ ในที่ทำงาน.....
ผมดื่มไปมากทีเดียว......เอาเป็นว่าดื่มจนเดินเซหน้าเซหลัง.....ไอ้ป้องเพื่อนรุ่นน้องในที่ทำงาน รับอาสาจะมาส่งผมที่บ้าน แต่ผมปฏิเสธ.....ผมเกรงใจมันน่ะสิ คืนนี้มันพาแฟนมาด้วย และมันก็เมาจนหัวทิ่ม น้องฝนแฟนมัน.....ต้องพยุงร่างหนัก ๆ ของมันไปนั่งในรถอย่างทุลักทุเล โดยมีผมคอยช่วย
หลังจากที่ผมส่งไอ้ป้องขึ้นรถเรียบร้อย ผมขอลาทันที ถึงแม้มันจะดึงแขนผมเอาไว้......แล้วบอกให้ผมขึ้นมานั่งบนรถ.....ใครจะไปกับมันล่ะ....ผมบอกลาน้องฝนแล้วเดินผละออกมา
ผมเดินมานั่งที่ศาลาริมทางเพื่อรอขึ้นรถเมล์.....ค่ำคืนหนาวเหน็บกว่าทุกคืน....และมีผมคนเดียวที่นั่งรอรถ.....สายตาพร่ามัวจ้องมองไปในความมืดของถนนฝั่งตรงข้าม.....
ผมเห็นร่างโปร่งใสเรืองแสงสีขาวนวล เคลื่อนไหวไปมาข้างต้นไม้ริมทาง......
สิ่งมีชีวิต ไม่สิ!! อาจไม่ใช่สิ่งมีชีวิตก็เป็นได้.....
อาจจะเป็นดวงวิญญาณ
เอาเป็นว่า.....วัตถุโปร่งใสเรืองแสงสีขาวนวล.....ตรงนั้น ทำผมตาสว่าง สร่างเมาในทันที.......
ผมลุกยืนพรวดพราดตั้งใจจ้องมองไปยังวัตถุดังกล่าวอีกครั้ง.....
แต่มันหายไปแล้ว....หรือผมจะตาฝาด...
ผมสะบัดศีรษะไปมาเพื่อขับไล่อาการมึนงง.....ตาฝาด.... เหตุการณ์ทำนองนี้คงเกิดขึ้นบ่อยกับคนที่มีอาการมึนเมาจากฤทธิ์สุรา.....
ผมทิ้งตัวลงนั่งอีกครั้ง.....และลุกขึ้นยืนอีกครั้ง เมื่อรถเมล์สายประจำที่ผมต้องนั่งกลับบ้านเคลื่อนมาจอดตรงป้าย.....ผมรีบก้าวเท้าขึ้นรถอย่างรวดเร็ว....ไอความเย็นจากแอร์ภายในรถเย็นเฉียบ ทำเอาผมขนลุก....มีผู้โดยสารเพียงสามคนเท่านั้น นับผมรวมไปด้วย.......
ผมมองออกไปทางหน้าต่าง.....ผมเห็นมันอีกแล้ว....วัตถุโปร่งใสเรืองแสงสีขาวนวล มันกำลังเคลื่อนที่ตามรถที่ผมนั่งมาอย่างติด ๆ
เฮ่ย!!!...ผมอุทานเสียงดัง แต่ไม่มีใครสักคนในรถสนใจเสียงอุทานของผม.......
ผมจ้องมองมัน เช่นเดียวกับที่มันกำลังหันหน้ามาจ้องมองผม.......
มันมีลักษณะรูปร่างเหมือนมนุษย์ทุกกระเบียดนิ้ว....แต่ร่างของมันโปร่งใสและเรืองแสงสีขาว....
สัตว์ประหลาด!!!...
คือความคิดแรกที่ผมนึกออกเมื่อจ้องมองมันอย่างพินิจ......หรือ อาจจะเป็นสิ่งมีชีวิตจากนอกโลก และผมเชื่อมาเสมอว่ามีพวกมันอยู่จริง ๆ ....
มันหยุดวิ่ง เมื่อรถจอดติดไฟแดง
หัวใจผมเต้นระทึก....ผมนึกอยากพิสูจน์แล้วสิว่าไอ้ตัวนี้มันคือตัวอะไรกันแน่.......ผมขอให้คนขับรถเปิดประตูรถให้ผม โดยผมอ้างว่าปวดท้องรุนแรง.....
ประตูเปิดโดยเร็วพลัน และผมรีบลงจากอย่างรถ วิ่งตามวัตถุเรืองแสงสีขาวที่เคลื่อนตัวหายไปตรงมุมตึก......
ซอยเล็กมีแสงไฟริมทางสว่างริบหรี่.....ภายในซอยมีอาคารพาณิชย์สองตึกตั้งขนาบข้าง..........ตึกหนึ่งคงเคยถูกใช้เป็นสำนักงานของบริษัท ๆ หนึ่ง ดูจากสภาพแล้ว น่าจะถูกปล่อยทิ้งร้างมานาน........และอาคารฝั่งตรงข้ามคือหอพักขนาดตึกสี่ชั้น ดูร้างไร้คนอยู่อาศัย.......แต่ผมยังมองเห็นหน้าต่างบางห้องเปิดไฟสว่างไสว.....ยังมีคนพักอาศัยอยู่ในหอพักแห่งนี้ แต่คงมีน้อยมาก เพราะดูจากรถที่จอดอยู่หน้าอาคารบางตามาก.......
"สัตว์ประหลาด"....หายเข้าไปในอาคารหอพัก....ผมชั่งใจอยู่พักหนึ่งว่าจะตามไปดีไหม และความอยากรู้อยากเห็นก็ชนะความกลัว ผมรีบก้าวเท้าตามหลังมันไปอย่างรวดเร็ว
ภายในอาคารไร้ผู้คน ไม่มีเจ้าหน้าที่หรือรปภ. ไม่ต้องใช้คีย์การ์ดในการผ่านประตูเข้ามา.....ผมแค่ผลักประตูกระจกใสเดินเข้ามาในอาคารได้อย่างง่ายดาย
สัตว์ประหลาดเดินเข้าไปในลิฟต์.....และประตูลิฟต์เปิดอ้าค้างไว้อยู่นานหลายนาที......ผมสงสัยจึงค่อย ๆ ย่องเข้าไปดูใกล้ ๆ จึงได้เห็นร่างโปร่งใสเรืองแสงสีขาวนอนราบอยู่บนพื้น......ร่างของมันวูบไหว แสงสีขาวบริเวณขาและลำตัวค่อย ๆ จางหายไป แล้วกลับมาสว่างจ้าอีกครั้ง......
ผมยืนมองอ้าปากค้างด้วยความตกตะลึง....และตกใจมาก.........ผมไม่รู้ต้องทำอะไรต่อไป....วิ่งหนี หรือโทรแจ้งตำรวจดี
ทว่าเสียงใสแจ๋วกังวานก้อง ดึงผมให้กลับมามีสติ
"
ช่วยฉันด้วยค่ะ ร่างของฉันกำลังดับสลาย" ......
สัตว์ประหลาดที่นอนอยู่บนพื้นพูดขึ้น มันหันหน้ามามองผม
"พูดได้ด้วย คุณเป็นตัวอะไร?"
"อย่าเพิ่งถามเลยค่ะ...ช่วยพาฉันขึ้นไปบนห้องก่อนค่ะ"
เธอบอกหมายเลขห้อง....ลิฟต์พาเราสองคนขึ้นมาบนชั้นสี่ ผมอุ้มร่างเธอออกมาจากลิฟต์ ตรงไปยังห้องที่เธอบอก
ผมค่อย ๆ ........วางร่างเธอลงบนเตียง ร่างเรืองแสงสีขาวกะพริบวูบไหวไปทั้งตัว......ผมยืนมองด้วยความพิศวงและงก ๆ เงิ่น ๆ ไม่รู้จะทำอะไรต่อไปดี จะช่วยเธอได้ยังไง.......
"มีขวดน้ำสีเขียวอยู่ในตู้เย็น เอามาให้ฉันค่ะ"
เธอพูดขึ้นเสียงแผ่วเบา....ผมรีบเดินมาเปิดตู้เย็น ภายในตู้เย็นมีขวดแก้วใส วางเรียงรายอยู่เต็มตู้เย็น แต่เหลือเพียงขวดเดียวเท่านั้นที่บรรจุน้ำขุ่นข้นสีเขียว
"ให้ฉันดื่มมัน.."
น้ำเสียงอ่อนระโหยของเธอดึงผมให้รีบพุ่งกายมาหาเธออย่างรวดเร็ว............
ผมนั่งลงบนเตียง พยุงร่างเรืองแสงขาวนวลจาง ๆ ให้ลุกขึ้นนั่ง.........แล้วจับขวดน้ำกรอกปากเธอ........
เมื่อเธอดื่มจนหมดขวด........ร่างเรืองแสงสีขาวของเธอค่อย ๆ เปล่งแสงเจิดจ้า จนแสบตา.....ผมต้องหลับตาลงเพื่อหลบแสง.........และพอลืมตาขึ้น สิ่งที่อยู่ในอ้อมแขนของผมไม่ใช่ร่างโปร่งใสเรืองแสงสีขาวอีกต่อไป.............กลับกลายเป็นผู้หญิงคนหนึ่งที่มีเลือดเนื้อ เหมือนคนทั่วไปทุกระเบียบนิ้ว และเธอยังสวยมากเสียด้วย........สวยจนผมตกตะลึง มองตาค้าง
"คุณคือตัวอะไร?"
"สิ่งมีชีวิตจากนอกโลกค่ะ.....และคนที่ดาวโลกเรียกพวกเราว่าเอเลี่ยน"
"คุณพูดจริงหรือ?"
"คุณก็เห็นมากับตาแล้ว เนี่ยค่ะ ร่างที่แท้จริงของฉัน เป็นยังไง"
"คุณมาทำอะไรที่นี่" ผมเอ่ยถาม และแขนของผมยังโอบแผ่นหลังเธอไว้ไม่ยอมปล่อย.......ผมไม่อยากปล่อยนะสิ.......
"ยานเราผ่านมายังโลก ยานมีปัญหาตรงระบบควบคุมยาน ทำให้ยานพุ่งตกลงมหาสมุทร......ทุกคนตายหมด เหลือฉันรอดมาคนเดียวค่ะ..........ฉันพยายามเลียนแบบมนุษย์ด้วยการกลายร่างเป็นมนุษย์.....อย่างที่คุณเห็นในตอนนี้ค่ะ ฉันจะสามารถรักษาร่างมนุษย์ไว้ได้นานเมื่อดื่มน้ำอมฤตเข้าไป....แต่มันหมดแล้ว เหลือเพียงขวดสุดท้ายที่ฉันดื่มไป........."
"แล้วถ้าคุณไม่ได้ดื่มน้ำอมฤตจะเกิดอะไรขึ้น"
"ร่างฉันจะค่อย ๆ ดับแสงลง และตายในที่สุด"
ผมจ้องลึกเข้าไปในดวงตาเธอ.......ความรู้สึกอยากช่วยเหลือเอ่อล้นขึ้นมาในหัวใจ.......
เธอจะเป็นเอเลี่ยน เป็นสัตว์ประหลาด หรืออะไรก็ช่างเถอะ.........แต่เธอมีชีวิต มีลมหายใจและมีหัวใจ..........ผมต้องหาทางช่วยเธอให้จงได้
"แล้วคุณไปเอาน้ำอมฤตมาจากไหน ผมจะไปหามาให้คุณ"
หญิงสาวส่ายหน้าแล้วพูดขึ้น
"ที่โลกของคุณไม่มีหรอกค่ะ มันเป็นน้ำที่ฉันปรุงขึ้นมาเองจากสมุนไพรสิบเก้าชนิด......ฉันขนสมุนไพรเหล่านี้ออกมาจากยาน แล้วว่ายน้ำเข้าฝั่ง......ฉันเอาสมุนไพรมาปรุงหมดแล้วค่ะ.....ฉันคงอยู่บนโลกนี้ได้อีกไม่นาน"
"ไม่....ผมไม่ยอมให้คุณตายง่าย ๆ แบบนี้หรอก มีอะไรที่ผมพอช่วยคุณได้ไหม"
"คุณเป็นคนดีจังเลยค่ะ"
เธอเลื่อนฝ่ามือมาแตะที่แก้มผม และยิ้มละมุน วินาทีนี้.......ผมเหมือนตกลงไปในบ่วงรักแรกพบ....ผมสาบานกับตัวเองว่าจะไม่ยอมให้เธอคนนี้ตายไปต่อหน้าต่อตาแน่ ๆ
"
องค์กรไทซ่าอาจช่วยคุณได้....ผมจะพาคุณไปหาพวกเขา......พวกเขาต้องหาทางช่วยให้คุณมีชีวิตอยู่บนโลกได้แน่ ๆ ครับ"
"องค์กรไทซ่า.....คือองค์กรทางอวกาศ ที่ส่งยานอวกาศออกไปจากนอกโลกใช่ไหมคะ"
ผมขมวดคิ้วทำหน้าฉงน....กับความรอบรู้เกี่ยวกับเรื่องบนโลกของเธอ
"คุณรู้ได้ยังไงครับ....."
"มียานอวกาศลำหนึ่ง ชื่อ ไทซ่า-209 ตกที่ดาวฉันค่ะ มีผู้รอดชีวิตคนหนึ่ง และเขายังอยู่ที่ดาวของฉันค่ะ"
ผมอ้าปากค้าง.....คำบอกเล่าของเธอ ทำให้ผมนึกถึงข่าวใหญ่เมื่อสองปีก่อน เกี่ยวกับยานอวกาศไทซ่า-209 ที่ประเทศไทยส่งออกไปสำรวจดาวอังคาร เกิดขาดการติดต่อ แล้วหายไปอย่างไร้ร่องรอย......และยังไม่มีการส่งยานอวกาศลำใดส่งไปตามหาไทซ่า-209........นักบินอวกาศที่อยู่ในยานลำนี้ 8 คนถูกระบุให้กลายเป็นบุคคลสาบสูญไปโดยปริยาย
"คนที่รอดชีวิตเขาชื่ออะไรครับ"
"
พิภพค่ะ.....เขาไม่กลับมาที่ดาวโลกแล้วนะคะ เพราะเขามีภรรยาและลูก ๆ อยู่ที่นั่นแล้วค่ะ"
"กัปตันพิภพ".......ผมรำพึงเอ่ยชื่อนักบินอวกาศที่หายไปกับยานไทซ่า-209 กัปตันที่ได้ชื่อว่าเก่งที่สุดในประเทศไทย......ไม่มีใครไม่รู้จักกัปตันพิภพ......ผมระบายลมหายใจ และอวยพรให้กัปตันมีความสุขที่ดาวดวงนั้น
"และผมยังไม่รู้จักชื่อคุณเลย...ส่วนผมชื่อไกรวุธ เรียกผมวุธเฉย ๆ ก็ได้ครับ"
"ฉันชื่อ
ลูซี่ค่ะ"
"พรุ่งนี้ผมจะพาคุณไปที่ไทซ่า พวกเขาต้องหาทางช่วยคุณได้แน่ ๆ "
"คุณก็ช่วยฉันได้นะคะ"
"ยังไง.....คุณจะให้ผมช่วยคุณยังไง"
"พลังชีวิตของคุณสามารถถ่ายโอนให้ฉันได้ค่ะ.....
เมื่อฉันกับคุณหลอมรวมเป็นหนึ่ง.....ฉันจะมีชีวิตเหมือนคนปกติบนโลกของคุณ.....ฉันเฝ้ามองคุณตั้งแต่คุณเดินจากเพื่อน ๆ มานั่งที่ป้ายรถเมล์แล้วค่ะ"
"หลอมรวมเป็นหนึ่งเหรอ....ยังไงหรือครับ"
ยังไม่ทันที่ผมจะพูดจบประโยค....ริมฝีปากนุ่มนิ่มของเธอก็จู่โจม มาประกบปากผม โดยที่ผมไม่ทันจะตั้งตัว.....เธอดูดดื่มตักตวงรสจูบจากผมเนิ่นนาน.......ก่อนจะผลักร่างผมให้นอนราบบนเตียง.....เสื้อผ้าของผม ถูกเธอฉีกขาดออกอย่างง่ายดาย..........และผมยอมที่จะให้เธอ ทำอะไรกับผมก็ได้..............
ลำแสงสีขาวสว่างจ้า โอบล้อมเราสองคนเอาไว้.................การหลอมรวมกันหนึ่งของเรา......อ้อยอิ่งและเนิ่นนาน.......เสียงครางเบา ๆ ของเธอ ทำให้ผมไม่อยากถอยห่างจากเธอแม้เสี้ยววินาที..........
(มีต่อครับ) ^^
🛸👽🛸 THE GLOVES 2020 ถุงมือเรื่องสั้น#93 Week#22, 23 - 27 พ.ย. / ALIEN 2030 - ถุงมือ E.T.3 🛸👽🛸
เพราะว่า เราเคยผ่านชื่อนี้มา 2 รอบแล้ว ปรากฏว่า ยังมี "ควันหลง" ตามมาอีกเป็นคำรบ 3
คราวนี้เป็น "เอเลี่ยน 2030" (เดิมทีแรก ปี 2020 โดยคุณแจ็ค ในสวนถั่ว แล้วก็มาเป็น 2025 ในภาค 2 โดยน้องดาว Lady Star 919)
ท่าทาง คงมีคนคันคะเยอมือไม้ ไม่อยากให้จบ เลยต่อยอดมาอีก เอา!
กรรมการก็ไม่มีทางเลือกครับ เรื่องสั้นยิ่งมีน้อยอยู่
จึงจัดไป มิให้เสียของ! ปล่อยให้คนอ่าน ตริตรองกันดู ก็แล้วกันว่า นี่...ลายมือ ใคร...... ???
ผมดื่มไปมากทีเดียว......เอาเป็นว่าดื่มจนเดินเซหน้าเซหลัง.....ไอ้ป้องเพื่อนรุ่นน้องในที่ทำงาน รับอาสาจะมาส่งผมที่บ้าน แต่ผมปฏิเสธ.....ผมเกรงใจมันน่ะสิ คืนนี้มันพาแฟนมาด้วย และมันก็เมาจนหัวทิ่ม น้องฝนแฟนมัน.....ต้องพยุงร่างหนัก ๆ ของมันไปนั่งในรถอย่างทุลักทุเล โดยมีผมคอยช่วย
หลังจากที่ผมส่งไอ้ป้องขึ้นรถเรียบร้อย ผมขอลาทันที ถึงแม้มันจะดึงแขนผมเอาไว้......แล้วบอกให้ผมขึ้นมานั่งบนรถ.....ใครจะไปกับมันล่ะ....ผมบอกลาน้องฝนแล้วเดินผละออกมา
ผมเดินมานั่งที่ศาลาริมทางเพื่อรอขึ้นรถเมล์.....ค่ำคืนหนาวเหน็บกว่าทุกคืน....และมีผมคนเดียวที่นั่งรอรถ.....สายตาพร่ามัวจ้องมองไปในความมืดของถนนฝั่งตรงข้าม.....
ผมเห็นร่างโปร่งใสเรืองแสงสีขาวนวล เคลื่อนไหวไปมาข้างต้นไม้ริมทาง......
สิ่งมีชีวิต ไม่สิ!! อาจไม่ใช่สิ่งมีชีวิตก็เป็นได้.....อาจจะเป็นดวงวิญญาณ
เอาเป็นว่า.....วัตถุโปร่งใสเรืองแสงสีขาวนวล.....ตรงนั้น ทำผมตาสว่าง สร่างเมาในทันที.......
ผมลุกยืนพรวดพราดตั้งใจจ้องมองไปยังวัตถุดังกล่าวอีกครั้ง.....
แต่มันหายไปแล้ว....หรือผมจะตาฝาด...
ผมสะบัดศีรษะไปมาเพื่อขับไล่อาการมึนงง.....ตาฝาด.... เหตุการณ์ทำนองนี้คงเกิดขึ้นบ่อยกับคนที่มีอาการมึนเมาจากฤทธิ์สุรา.....
ผมทิ้งตัวลงนั่งอีกครั้ง.....และลุกขึ้นยืนอีกครั้ง เมื่อรถเมล์สายประจำที่ผมต้องนั่งกลับบ้านเคลื่อนมาจอดตรงป้าย.....ผมรีบก้าวเท้าขึ้นรถอย่างรวดเร็ว....ไอความเย็นจากแอร์ภายในรถเย็นเฉียบ ทำเอาผมขนลุก....มีผู้โดยสารเพียงสามคนเท่านั้น นับผมรวมไปด้วย.......
ผมมองออกไปทางหน้าต่าง.....ผมเห็นมันอีกแล้ว....วัตถุโปร่งใสเรืองแสงสีขาวนวล มันกำลังเคลื่อนที่ตามรถที่ผมนั่งมาอย่างติด ๆ
เฮ่ย!!!...ผมอุทานเสียงดัง แต่ไม่มีใครสักคนในรถสนใจเสียงอุทานของผม.......
ผมจ้องมองมัน เช่นเดียวกับที่มันกำลังหันหน้ามาจ้องมองผม.......
มันมีลักษณะรูปร่างเหมือนมนุษย์ทุกกระเบียดนิ้ว....แต่ร่างของมันโปร่งใสและเรืองแสงสีขาว....
สัตว์ประหลาด!!!...
คือความคิดแรกที่ผมนึกออกเมื่อจ้องมองมันอย่างพินิจ......หรือ อาจจะเป็นสิ่งมีชีวิตจากนอกโลก และผมเชื่อมาเสมอว่ามีพวกมันอยู่จริง ๆ ....
มันหยุดวิ่ง เมื่อรถจอดติดไฟแดง
หัวใจผมเต้นระทึก....ผมนึกอยากพิสูจน์แล้วสิว่าไอ้ตัวนี้มันคือตัวอะไรกันแน่.......ผมขอให้คนขับรถเปิดประตูรถให้ผม โดยผมอ้างว่าปวดท้องรุนแรง.....
ประตูเปิดโดยเร็วพลัน และผมรีบลงจากอย่างรถ วิ่งตามวัตถุเรืองแสงสีขาวที่เคลื่อนตัวหายไปตรงมุมตึก......
ซอยเล็กมีแสงไฟริมทางสว่างริบหรี่.....ภายในซอยมีอาคารพาณิชย์สองตึกตั้งขนาบข้าง..........ตึกหนึ่งคงเคยถูกใช้เป็นสำนักงานของบริษัท ๆ หนึ่ง ดูจากสภาพแล้ว น่าจะถูกปล่อยทิ้งร้างมานาน........และอาคารฝั่งตรงข้ามคือหอพักขนาดตึกสี่ชั้น ดูร้างไร้คนอยู่อาศัย.......แต่ผมยังมองเห็นหน้าต่างบางห้องเปิดไฟสว่างไสว.....ยังมีคนพักอาศัยอยู่ในหอพักแห่งนี้ แต่คงมีน้อยมาก เพราะดูจากรถที่จอดอยู่หน้าอาคารบางตามาก.......
"สัตว์ประหลาด"....หายเข้าไปในอาคารหอพัก....ผมชั่งใจอยู่พักหนึ่งว่าจะตามไปดีไหม และความอยากรู้อยากเห็นก็ชนะความกลัว ผมรีบก้าวเท้าตามหลังมันไปอย่างรวดเร็ว
ภายในอาคารไร้ผู้คน ไม่มีเจ้าหน้าที่หรือรปภ. ไม่ต้องใช้คีย์การ์ดในการผ่านประตูเข้ามา.....ผมแค่ผลักประตูกระจกใสเดินเข้ามาในอาคารได้อย่างง่ายดาย
สัตว์ประหลาดเดินเข้าไปในลิฟต์.....และประตูลิฟต์เปิดอ้าค้างไว้อยู่นานหลายนาที......ผมสงสัยจึงค่อย ๆ ย่องเข้าไปดูใกล้ ๆ จึงได้เห็นร่างโปร่งใสเรืองแสงสีขาวนอนราบอยู่บนพื้น......ร่างของมันวูบไหว แสงสีขาวบริเวณขาและลำตัวค่อย ๆ จางหายไป แล้วกลับมาสว่างจ้าอีกครั้ง......
ผมยืนมองอ้าปากค้างด้วยความตกตะลึง....และตกใจมาก.........ผมไม่รู้ต้องทำอะไรต่อไป....วิ่งหนี หรือโทรแจ้งตำรวจดี ทว่าเสียงใสแจ๋วกังวานก้อง ดึงผมให้กลับมามีสติ
"ช่วยฉันด้วยค่ะ ร่างของฉันกำลังดับสลาย" ......
สัตว์ประหลาดที่นอนอยู่บนพื้นพูดขึ้น มันหันหน้ามามองผม
"พูดได้ด้วย คุณเป็นตัวอะไร?"
"อย่าเพิ่งถามเลยค่ะ...ช่วยพาฉันขึ้นไปบนห้องก่อนค่ะ"
เธอบอกหมายเลขห้อง....ลิฟต์พาเราสองคนขึ้นมาบนชั้นสี่ ผมอุ้มร่างเธอออกมาจากลิฟต์ ตรงไปยังห้องที่เธอบอก
ผมค่อย ๆ ........วางร่างเธอลงบนเตียง ร่างเรืองแสงสีขาวกะพริบวูบไหวไปทั้งตัว......ผมยืนมองด้วยความพิศวงและงก ๆ เงิ่น ๆ ไม่รู้จะทำอะไรต่อไปดี จะช่วยเธอได้ยังไง.......
"มีขวดน้ำสีเขียวอยู่ในตู้เย็น เอามาให้ฉันค่ะ"
เธอพูดขึ้นเสียงแผ่วเบา....ผมรีบเดินมาเปิดตู้เย็น ภายในตู้เย็นมีขวดแก้วใส วางเรียงรายอยู่เต็มตู้เย็น แต่เหลือเพียงขวดเดียวเท่านั้นที่บรรจุน้ำขุ่นข้นสีเขียว
"ให้ฉันดื่มมัน.."
น้ำเสียงอ่อนระโหยของเธอดึงผมให้รีบพุ่งกายมาหาเธออย่างรวดเร็ว............
ผมนั่งลงบนเตียง พยุงร่างเรืองแสงขาวนวลจาง ๆ ให้ลุกขึ้นนั่ง.........แล้วจับขวดน้ำกรอกปากเธอ........
เมื่อเธอดื่มจนหมดขวด........ร่างเรืองแสงสีขาวของเธอค่อย ๆ เปล่งแสงเจิดจ้า จนแสบตา.....ผมต้องหลับตาลงเพื่อหลบแสง.........และพอลืมตาขึ้น สิ่งที่อยู่ในอ้อมแขนของผมไม่ใช่ร่างโปร่งใสเรืองแสงสีขาวอีกต่อไป.............กลับกลายเป็นผู้หญิงคนหนึ่งที่มีเลือดเนื้อ เหมือนคนทั่วไปทุกระเบียบนิ้ว และเธอยังสวยมากเสียด้วย........สวยจนผมตกตะลึง มองตาค้าง
"คุณคือตัวอะไร?"
"สิ่งมีชีวิตจากนอกโลกค่ะ.....และคนที่ดาวโลกเรียกพวกเราว่าเอเลี่ยน"
"คุณพูดจริงหรือ?"
"คุณก็เห็นมากับตาแล้ว เนี่ยค่ะ ร่างที่แท้จริงของฉัน เป็นยังไง"
"คุณมาทำอะไรที่นี่" ผมเอ่ยถาม และแขนของผมยังโอบแผ่นหลังเธอไว้ไม่ยอมปล่อย.......ผมไม่อยากปล่อยนะสิ.......
"ยานเราผ่านมายังโลก ยานมีปัญหาตรงระบบควบคุมยาน ทำให้ยานพุ่งตกลงมหาสมุทร......ทุกคนตายหมด เหลือฉันรอดมาคนเดียวค่ะ..........ฉันพยายามเลียนแบบมนุษย์ด้วยการกลายร่างเป็นมนุษย์.....อย่างที่คุณเห็นในตอนนี้ค่ะ ฉันจะสามารถรักษาร่างมนุษย์ไว้ได้นานเมื่อดื่มน้ำอมฤตเข้าไป....แต่มันหมดแล้ว เหลือเพียงขวดสุดท้ายที่ฉันดื่มไป........."
"แล้วถ้าคุณไม่ได้ดื่มน้ำอมฤตจะเกิดอะไรขึ้น"
"ร่างฉันจะค่อย ๆ ดับแสงลง และตายในที่สุด"
ผมจ้องลึกเข้าไปในดวงตาเธอ.......ความรู้สึกอยากช่วยเหลือเอ่อล้นขึ้นมาในหัวใจ.......เธอจะเป็นเอเลี่ยน เป็นสัตว์ประหลาด หรืออะไรก็ช่างเถอะ.........แต่เธอมีชีวิต มีลมหายใจและมีหัวใจ..........ผมต้องหาทางช่วยเธอให้จงได้
"แล้วคุณไปเอาน้ำอมฤตมาจากไหน ผมจะไปหามาให้คุณ"
หญิงสาวส่ายหน้าแล้วพูดขึ้น
"ที่โลกของคุณไม่มีหรอกค่ะ มันเป็นน้ำที่ฉันปรุงขึ้นมาเองจากสมุนไพรสิบเก้าชนิด......ฉันขนสมุนไพรเหล่านี้ออกมาจากยาน แล้วว่ายน้ำเข้าฝั่ง......ฉันเอาสมุนไพรมาปรุงหมดแล้วค่ะ.....ฉันคงอยู่บนโลกนี้ได้อีกไม่นาน"
"ไม่....ผมไม่ยอมให้คุณตายง่าย ๆ แบบนี้หรอก มีอะไรที่ผมพอช่วยคุณได้ไหม"
"คุณเป็นคนดีจังเลยค่ะ"
เธอเลื่อนฝ่ามือมาแตะที่แก้มผม และยิ้มละมุน วินาทีนี้.......ผมเหมือนตกลงไปในบ่วงรักแรกพบ....ผมสาบานกับตัวเองว่าจะไม่ยอมให้เธอคนนี้ตายไปต่อหน้าต่อตาแน่ ๆ
"องค์กรไทซ่าอาจช่วยคุณได้....ผมจะพาคุณไปหาพวกเขา......พวกเขาต้องหาทางช่วยให้คุณมีชีวิตอยู่บนโลกได้แน่ ๆ ครับ"
"องค์กรไทซ่า.....คือองค์กรทางอวกาศ ที่ส่งยานอวกาศออกไปจากนอกโลกใช่ไหมคะ"
ผมขมวดคิ้วทำหน้าฉงน....กับความรอบรู้เกี่ยวกับเรื่องบนโลกของเธอ
"คุณรู้ได้ยังไงครับ....."
"มียานอวกาศลำหนึ่ง ชื่อ ไทซ่า-209 ตกที่ดาวฉันค่ะ มีผู้รอดชีวิตคนหนึ่ง และเขายังอยู่ที่ดาวของฉันค่ะ"
ผมอ้าปากค้าง.....คำบอกเล่าของเธอ ทำให้ผมนึกถึงข่าวใหญ่เมื่อสองปีก่อน เกี่ยวกับยานอวกาศไทซ่า-209 ที่ประเทศไทยส่งออกไปสำรวจดาวอังคาร เกิดขาดการติดต่อ แล้วหายไปอย่างไร้ร่องรอย......และยังไม่มีการส่งยานอวกาศลำใดส่งไปตามหาไทซ่า-209........นักบินอวกาศที่อยู่ในยานลำนี้ 8 คนถูกระบุให้กลายเป็นบุคคลสาบสูญไปโดยปริยาย
"คนที่รอดชีวิตเขาชื่ออะไรครับ"
"พิภพค่ะ.....เขาไม่กลับมาที่ดาวโลกแล้วนะคะ เพราะเขามีภรรยาและลูก ๆ อยู่ที่นั่นแล้วค่ะ"
"กัปตันพิภพ".......ผมรำพึงเอ่ยชื่อนักบินอวกาศที่หายไปกับยานไทซ่า-209 กัปตันที่ได้ชื่อว่าเก่งที่สุดในประเทศไทย......ไม่มีใครไม่รู้จักกัปตันพิภพ......ผมระบายลมหายใจ และอวยพรให้กัปตันมีความสุขที่ดาวดวงนั้น
"และผมยังไม่รู้จักชื่อคุณเลย...ส่วนผมชื่อไกรวุธ เรียกผมวุธเฉย ๆ ก็ได้ครับ"
"ฉันชื่อลูซี่ค่ะ"
"พรุ่งนี้ผมจะพาคุณไปที่ไทซ่า พวกเขาต้องหาทางช่วยคุณได้แน่ ๆ "
"คุณก็ช่วยฉันได้นะคะ"
"ยังไง.....คุณจะให้ผมช่วยคุณยังไง"
"พลังชีวิตของคุณสามารถถ่ายโอนให้ฉันได้ค่ะ.....เมื่อฉันกับคุณหลอมรวมเป็นหนึ่ง.....ฉันจะมีชีวิตเหมือนคนปกติบนโลกของคุณ.....ฉันเฝ้ามองคุณตั้งแต่คุณเดินจากเพื่อน ๆ มานั่งที่ป้ายรถเมล์แล้วค่ะ"
"หลอมรวมเป็นหนึ่งเหรอ....ยังไงหรือครับ"
ยังไม่ทันที่ผมจะพูดจบประโยค....ริมฝีปากนุ่มนิ่มของเธอก็จู่โจม มาประกบปากผม โดยที่ผมไม่ทันจะตั้งตัว.....เธอดูดดื่มตักตวงรสจูบจากผมเนิ่นนาน.......ก่อนจะผลักร่างผมให้นอนราบบนเตียง.....เสื้อผ้าของผม ถูกเธอฉีกขาดออกอย่างง่ายดาย..........และผมยอมที่จะให้เธอ ทำอะไรกับผมก็ได้..............
ลำแสงสีขาวสว่างจ้า โอบล้อมเราสองคนเอาไว้.................การหลอมรวมกันหนึ่งของเรา......อ้อยอิ่งและเนิ่นนาน.......เสียงครางเบา ๆ ของเธอ ทำให้ผมไม่อยากถอยห่างจากเธอแม้เสี้ยววินาที..........
(มีต่อครับ) ^^