ถุงมือเรื่องสั้นของเกมรอบใหม่ สมัยที่ 6 สมัยสุดท้ายแห่งปี 2020 เรื่องที่ 2 ครับ....
เรื่องนี้เกี่ยวข้องกับความเชื่อความศรัทธาในศาสนาคริสต์ ซึ่งผู้ทำความผิดและสำนึกผิดสามารถ "สารภาพบาป" ที่ตนได้กระทำไป โดยตั้งใจว่าจะไม่ทำความผิดนั้นซ้ำอีก และในนิกายโรมันคาทอลิก บาทหลวง ซึ่งศาสนิกชนนับถือกันว่าเป็น "พระ" จะทำพิธีล้างบาปให้...( แต่ถ้าเป็น "คริสเตียน" คือ โปรเตสแตนท์ จะไม่มีบาทหลวงทำพิธีให้แบบนี้)
เรื่องเกิดขึ้นในวันหนึ่ง ชายคนหนึ่งต้องการสารภาพบาปต่อหน้าไม้กางเขนภายในโบสถ์ จึงได้พบกับทนายคนหนึ่ง และการสนทนาของคนทั้งสองอันเกี่ยวเนื่องกับความผิดบาปที่ต้องการสารภาพก็เริ่มขึ้น...
ชายคนนั้นจะได้สารภาพบาปที่ตนเองก่อแล้วได้รับการชำระล้างมลทิน หรือไม่ ?
ตามไปดูกันครับ!
“ข้าแต่พระบิดาแห่งข้าพระองค์ทั้งหลาย ผู้ทรงสถิตเหนือฟ้าสวรรค์ ข้าพระองค์ถ่อมใจลงต่อพระพักตร์ของพระองค์ สารภาพบาปผิดที่ข้าพระองค์ได้กระทำ การลงมือฆ่าคนหนึ่งเพื่อให้อีกคนสุขสมหวังและดำรงอยู่ต่อไป ขอพระเจ้าทรงพระเมตตาอภัยบาปผิด แก่ข้าพระองค์ ตามความรักมั่นคงที่พระองค์มีต่อข้าพระองค์ และขอฤทธิ์เดชของพระวิญญาณบริสุทธิ์ของพระองค์ ช่วยข้าพระองค์ ประทานกำลังแก่ข้าพระองค์ ที่ข้าพระองค์มีกำลังเอาชนะบาปเหล่านี้ และไม่หลงไปในกระทำผิดบาปอีก ทูลต่อพระองค์ด้วยใจที่สำนึกผิด ในพระนามของพระเยซูคริสต์ อาเมน”
“ถ้าเรียบร้อยแล้วผมว่าเราออกไปสูดอากาศข้างนอกดีกว่าครับ ผมอยากได้บุหรี่สักมวน”
“คุณทนายคิดว่าพระองค์จะยอมยกโทษบาปครั้งนี้ผมไหม ผมคิดว่าผมรู้คำตอบดี
ชีวิตมันก็ต้องชดใช้ด้วยชีวิตสินะ พระองค์ถึงจะให้อภัย หึ หึ”
“คุณพร้อมที่จะเล่าเหตุการณ์ในวันนั้น อย่างละเอียดให้ผมฟังได้หรือยังครับ”
“ครับ”
ผมชวนบุรุษซึ่งเพิ่งสารภาพบาป ให้ออกมาภายนอกโบสถ์ หลังจากเขาบอกผมว่าอยากจะขอสารภาพบาป ต่อหน้าพระเยซูคริสต์ที่ถูกตรึงไม้กางเขน ภายในโบสถ์ก่อนจะเล่าความจริงทั้งหมดให้ผมฟัง ผมชวนเขานั่งบนม้านั่งตัวยาวทำจากไม้ทาสีขาว ด้านหลังมีพนักพิงในสวนด้านหน้าใต้ต้นหูกวาง ใบของมันหล่นลงมาเต็มพื้นกระจัดกระจาย
“สักมวนไหมครับ”
“ขอบคุณครับ”
ผมต่อไฟบุหรี่จากปลายบุหรี่ ที่ผมคาบไว้ในปากส่งให้กับเขา แล้วค่อยพ่นควันมันออกมาถอนหายใจยาวเอนหลังไปพิงพนักเก้าอี้ วางกระเป๋าเอกสารอาชีพทนายความของผมไว้ด้านข้างปล่อยมันเอนไปพิงอยู่กับไม้ทำเป็นที่กั้น สองมือกอดอกไว้ปลายตามองชายนั่งอยู่ข้างผมห่างกันแค่สองฟุต ด้วยอารามออกตกใจอยู่มาก ว่าผู้ชายที่มีหน้าตาหล่อเหลาคมคาย ไว้ผมรองทรงคิ้วหนาผิวพรรณไปทางขาวสะอาดสะอ้าน แต่งตัวดูดีสวมสูทแบรนด์เนมจะกลายเป็นฆาตกรฆ่าคนได้
“คุณทนายไม่อยากรู้เหรอ ว่าทำไมผมถึงโทรศัพท์ไปหาคุณ และบอกว่าอยากจะสารภาพบาป”
“อยากรู้สิครับ คนเราจะทำอะไรสักอย่างมันต้องมีเหตุผล”
“มันเป็นครั้งแรกที่ผมทำไปเพื่อปกป้องน้องสาวของผม โดยไม่สนใจผิดบาปกับอีกชีวิต ที่บางทีเธออาจจะไม่รู้อีโหน่อีเหน่อะไรเลยก็ได้ ผมน่าจะให้โอกาสเธอมีชีวิตอยู่รอด แต่ผมกลับไม่ทำ ผมคิดแค่ว่า เธอต้องไม่มีลมหายใจอีกต่อไป เพื่ออยู่เป็นเสี้ยนหนามหัวใจของน้องสาวผมอีก ผมนี่มันเลวจริงๆ”
ชายสารภาพบาปอัดควันบุหรี่เข้าไปในปอด ต่อมาก็พ่นควันมันออกลอยคลุ้งตรงหน้า กลิ่นของมันฉุนขื่นหอมหวานสำหรับนักชื่นชอบ แต่มันกลับเหม็นจนอยากหนีไปให้ไกล สำหรับคนรักสุขภาพ
ผมแทบไม่อยากเชื่อสายตาตัวเอง มีน้ำใสไหลออกมาจากหางตาของชายสารภาพบาป เขาไม่ใส่ใจจะเช็ดมัน สายตาเขามองออกไปเบื้องหน้า อาจกำลังรู้สึกผิดเต็มเปี่ยม หรือไม่ก็อาจกำลังกลัวความตายที่รออยู่ เพราะโทษของเขามันขั้นสูงสุดคือประหารชีวิต
“แล้วคุณฆ่าเธอยังไง”
“คืนนั้น..”
“เดี๋ยวครับ ผมจำเป็นต้องอัดเทปบันทึกการสารภาพบาป ของคุณเพื่อให้มีน้ำหนักมากขึ้นในชั้นศาล คุณจำเป็นต้องบอก ชื่อ นามสกุล วันเดือนปีเกิด และที่สำคัญ คุณต้องจดจำประโยคนี้ให้ดีนะครับ เพราะคุณต้องพูดก่อนจะเล่าเรื่องราวต่อไป ' ในขณะที่ผมกำลังสารภาพบาปนี้ ผมมีสติสัมปชัญญะครบถ้วนเป็นปกติดีทุกอย่าง ไม่มีใครบังคับให้ผมสารภาพบาป ผมเต็มใจสารภาพบาปด้วยตัวผมเอง ' แค่นี้ โอเคนะครับ”
ผมหยิบเทปบันทึกเสียงออกมาจากกระเป๋า เริ่มกดเปิดการบันทึกเสียง พยักหน้าให้เขาทำตามที่ผมบอกไว้
“ผม นายบรรพต เต็มเปี่ยม อายุ 31 ปี เกิดวันที่ 31 มีนาคม 2531 ในขณะกำลังจะสารภาพบาปนี้ ผมมีสติสัมปชัญญะครบถ้วนเป็นปกติดีทุกอย่าง ไม่มีใครบังคับให้ผมสารภาพ ผมเต็มใจสารภาพบาปด้วยตัวผมเอง เมื่อวันที่ 31 มีนาคม สองสัปดาห์ก่อน คืนนั้นเป็นเวลา ประมาณสามทุ่ม ผมดักรอรถยนต์คันหนึ่ง เก๋งสีดำ ทะเบียนรถ ปด3131 ในซอยมีโชค ก่อนจะถึงหมู่บ้านร่มรื่น พอเห็นรถคันนั้นขับเคลื่อนเข้ามา ผมแกล้งสะดุดล้มนั่งจับเข่าร้องโอดโอย ขอความช่วยเหลืออยู่กลางซอย เธอขับเข้ามาใกล้ชะลอรถช้าๆแล้วจอดนิ่งอยู่ใกล้ไม่กี่เมตร เธอคงตกใจไม่คิดถึงอันตรายที่จะเกิดขึ้น เธอรีบลงจากรถในทันที วิ่งเข้ามาหาผมหน้าตาตื่น คิดว่าผมเป็นอะไรหวังดีอยากช่วย
แต่ผมไม่ให้โอกาสเธอได้เอะใจ ในมือถือไม้หน้าสามไว้แล้ว ฟาดไปบริเวณศีรษะจนล้มลงนอนกับพื้นสลบไป ผมคงฟาดแรงมาก เลือดสีแดงสดข้นเหนียวเริ่มไหลย้อยผ่านหน้าผาก เท่านี้ยังไม่พอ ผมเอาผ้าเช็ดหน้ามียาสลบโปะใบหน้าเธอซ้ำอีก เพื่อให้มั่นใจว่าตลอดการเดินทางครั้งนี้ เธอจะยังไม่ฟื้นอีกหลายชั่วโมงแน่นอน จากนั้นรีบอุ้มขึ้นรถของเธอ โดยคราวนี้ผมเป็นคนขับ กลับรถออกจากซอยไปยังจุดหมายจัดเตรียมไว้แล้ว...”
“
ตอนนั้น เธอยังไม่ตายใช่ไหมครับ”
ผมโยนก้นบุหรี่ในปากทิ้งไป ใช้พื้นรองเท้าหนังสีดำบดขยี้ก้นบุหรี่ตัวนั้น จนมันจมหายเข้าไปในเนื้อดิน แล้วตัดบทการเล่าของนายบรรพต เพื่อให้มั่นใจว่า ผู้โชคร้ายไม่ได้เสียชีวิตในทันที ที่ถูกไม้หน้าสามยาวหนึ่งเมตรฟาดไปที่ศีรษะ
“ยังครับ ผมใช้นิ้วอังที่รูจมูกดู ยังหายใจเข้าออกปกติ”
“ครับ เล่าต่อเลยครับ”
“ผมเปิดบ้านเป็นรีสอร์ทชื่อ ริมรั้วรีสอร์ท หลังหนึ่งไกลออกไปจากที่นี่ ประมาณร้อยกว่ากิโล ไปถึงก็ดึกมากแล้ว ไม่มีใครมาสนใจผม มีแต่ยามซึ่งก็ปล่อยผมเข้าไปภายในรีสอร์ทได้อย่างสบาย เพราะเขาตรวจสอบในระบบก็รู้ว่า ผมเพิ่งเข้ามาพักเมื่อวานนี้ ยามไม่เห็นเธอ เพราะผมให้เธอนอนที่เบาะหลัง แล้วเอาเสื้อแจ็คเก็ตสีดำของผมปิดหน้าไว้อีกที ผมอุ้มเธอเข้าไปในห้อง วางเธอให้นอนกับพื้นซีเมนต์อันเย็นเฉียบ เพราะผมไม่อยากทำที่นอนของรีสอร์ท เต็มไปด้วยเลือดจะเก็บงานลำบาก ทีนี้ผมก็ไปนอนบนเตียง หันหน้าไปมองเธอ ในระหว่างรอเธอตื่น เปิดมือถือ มองรูปของเธอในโทรศัพท์กับตัวจริง ดูแตกต่างกันนิดหน่อย แต่เค้าโครงหน้าเดียวกัน ในรูปจะแต่งหน้าเข้มเกินไป ปากแดง คิ้วดำหนา เขียนขอบตาดำ แต่ตัวจริงดูเหมือนจะไม่แต่งหน้าเลยด้วยซ้ำ นอกจากทาแป้งฝุ่น และลิปกลอสสีปากเท่านั้น แต่ผมก็ไม่ชัวร์ นึกขึ้นได้เลยกลับไปที่รถ หยิบกระเป๋าของเธอขึ้นมา ค้นหาบัตรประชาชน พอผมเจอก็มั่นใจว่าเธอคือ นางสาวปรารถนา ยั่งยืนไกล ผม..”
“ช่วยย้ำอีกทีครับ เธอชื่ออะไรนะครับ”
“ เธอชื่อ นางสาวปรารถนา ยั่งยืนไกล ”
“ครับ เล่าต่อครับ” ผมหยิบบุหรี่ตัวใหม่ขึ้นมาติดไฟสูบอีกครั้ง
“พอผมมั่นใจว่าคือเธอ ผมก็คิดว่าผมควรจะฆ่าเธอทั้งที่ยังสลบอยู่ ก็จะง่ายขึ้น ทีนี้น้องสาวผมก็จะหมดเสี้ยนหนามหัวใจ น้องสาวผมมาร้องไห้ฟูมฟายตีโพยตีพายกับผมว่าผู้หญิงคนนี้แย่งแฟนของน้องสาวผมไป และแฟนเขากำลังจะขอแยกทางจากน้องสาวผมเพื่อจะไปแต่งงานกับผู้หญิงคนนี้ มันเลยเป็นหน้าที่ของพี่ชายที่คอยปกป้องดูแลน้องสาวคนเดียวของผมมาตลอดชีวิต ผมกลับเข้าไปในห้อง เห็นเธอตื่นพอดี ลุกขึ้นนั่งสองมือกุมศีรษะหน้านิ้วคิ้วขมวด คงปวดบริเวณแผล ที่ถูกไม้หน้าสามฟาดเข้าให้ จากนั้นก็ตกใจเมื่อเห็นเลือดของตัวเองเต็มฝ่ามือ เวลาเดียวกันก็สะดุ้งโหยง ร่างกระตุกผวาตกใจ เห็นผมเปิดประตูเข้ามา ใช้ทั้งมือและเท้าตะเกียกตะกาย ถอยหนีห่างไปจนติดผนังห้อง ผม..”
“พักสักสองสามนาที ดูดบุหรี่อีกสักมวนแล้วค่อยเล่าต่อก็ได้ คุณบรรพต”
ผมเห็นน้ำตาไหลออกมาทางหางตาอีกครั้ง คราวนี้เขารีบยกมือขึ้น มาปาดมันทิ้งไป รับบุหรี่มาจากผม เอาไปคีบระหว่างนิ้ว จ่อเข้าปากสูดอัดเข้าไปเต็มปอด แล้วพ่นควันมันออกมาจากปากทีละนิด
“คุณกำลังสงสารเธอเหรอ” ผมถามไปแบบไม่น่าจะถาม
“ครับ”
“คุณคงไม่เคยฆ่าใคร”
“คุณทนายถามแปลก ฆ่าคนนะครับไม่ใช่ไปฆ่าหมูหมาที่ไหน”
“ผมหมายถึง พอคุณฆ่าเธอไปแล้วมันทำให้คุณรู้สึกผิด”
“ครับ แต่จะว่าไปเหมือนผมเข้าข้างตัวเองเลย แต่ยังไงก็ช่างเถอะ สุดท้ายผมก็คือต้นเหตุ ทำให้เธอตายอยู่ดี ผมพร้อมเล่าต่อแล้วครับ”
นายบรรพตทิ้งก้นบุหรี่ ลงข้างผมไม่สนใจจะดับเปลวไฟ ที่ยังติดอยู่มีควันน้อยลอยวนขึ้นมาเป็นเส้นสาย ผมขยับปลายเท้าเข้าไปบี้บดมันจนเละ เหลือบมองเสี้ยวหน้าคนสำนึกผิด “ครับ”
“ผมว่าเธอกลัวผมมากหนีไปไหนไม่ได้ แถมยังเห็นในมือถือไม้หน้าสาม อันเดิมที่ฟาดหัวเธอไปแล้วครั้งแรก เดินเข้าไปหาเธออย่างเชื่องช้าใจเย็น ก็มีอาการสั่นไปทั้งตัวปล่อยโฮร้องไห้ออกมา ใบหน้าของเธอตอนนี้ซีดเผือดหดลงเหลือสองนิ้ว วินาทีนั้นผมนึกถึงแต่หน้าน้องสาวผม นึกถึงตอนน้องสาวผมร้องไห้ฟูมฟายต่อหน้าผม ผมเลยไม่นึกสงสารเธอเลยสักนิด ตรงกันข้ามสะใจมากกว่า ผมนี่มันซาตานมาเกิดชัดๆไม่รู้ผมทำไปได้ยังไง ผม..”
“ทำไมเหรอครับ”
ผมถามนายบรรพตด้วยความสงสัย เขาหยุดเล่าต่อคราวนี้ร้องไห้ออกมา สองมือกุมใบหน้าก้มหน้าร้องไห้ ผมไม่พูดอะไรปล่อยให้ทุกอย่างอยู่ในความเงียบ มีเสียงนกร้องเรียกหากันบนต้นหูกวาง ผมมองดูนาฬิกาบนข้อมือ ตอนนี้ หกโมงเย็น แต่ทุกอย่างยังคงสว่าง พระอาทิตย์ยังอยู่ทางด้านหลังผม
“พอได้ระบายมันทำให้ผมรู้สึกสบายใจขึ้น หลังจากอยู่อย่างคนตกนรกทั้งเป็น มาตลอดสองสัปดาห์ที่ผ่านมา”
“ครับ”
“ผมเห็นเธอสภาพแบบนั้น ผมยืนอยู่ต่อหน้าเธอแค่สองก้าว หัวเราะออกมาเสียงดังเหมือนคนบ้า รู้สึกสะใจที่เห็นเธอหวาดกลัวตัวสั่นเป็นเจ้าเข้า การกระทำของผมยิ่งทำให้เธอกลัวมากขึ้น มันกลับยิ่งทำให้ผมสนุก ผมใช้ไม้หน้าสามไปแตะข้างลำตัวของเธอแผ่วเบา แต่ทำเอาเธอสะดุ้งโหยง ร้องกรี๊ดเสียงดัง คราวนี้ผมสั่งให้เธอเงียบ และเงยหน้าขึ้นมามองผม เธอทำตามอย่างหวาดกลัว เอ่ยปากอ้อนวอน บอกอย่าทำอะไรเธอเลย อยากได้อะไรให้เอาไปให้หมด ขอแค่ปล่อยเธอไป เธอบอกเธอมีเงินอยู่ในบัญชีหลายล้านบาท จะโอนให้ผมตอนนี้เลย ขอให้ปล่อยเธอไปได้ไหม ผมโน้มตัวยื่นหน้าเข้าไปหา หัวเราะขบขันใส่หน้าเธอ วางไม้หน้าสามลงบนหัวของเธอ ผมสั่งให้จ้องหน้า ผมเห็นนัยน์ตาหวาดกลัวคู่นั้น เธอกลัวผมจนปากสั่นเสียงฟันขบกันจนผมได้ยิน คราวนี้ผมไม่พูดอะไรอีก ยกไม้หน้าสามขึ้นมา หวังจะฟาดหัวของเธอให้เละคามือ จนมั่นใจว่าเธอต้องตายคราวนี้
แต่ผมยังไม่ทันได้ทำอะไร เธอก็ล้มลงตาเบิกโพลง หัวใจวายตายไปต่อหน้าต่อตาผม ผม..”
“คุณกำลังจะบอกว่า คุณไม่ได้ทำร้ายเธอ แต่เธอหัวใจวายตายไปเอง”
“ครับ ผมไม่ได้ทำร้ายเธอ ผมตีเธอแค่ครั้งเดียวตอนอยู่บนถนน”
“แต่คุณก็ตั้งใจว่าจะตีเธอ ให้ตายคามือใช่ไหมครับ”
“ใช่ครับ ผมตั้งใจแบบนั้น”
“แล้วหลังจากนั้น คุณทำยังไงต่อไปครับ”
“พอผมรู้ว่าเธอตายแล้ว ผมอุ้มเธอไปใส่ท้ายรถไว้ รอจนถึงเช้ารีบเช็คเอาท์ออกจากรีสอร์ท ขับรถไปทางสายเหนือ เป็นเส้นทางที่ผมรู้ว่ามีหุบเหวเยอะเพราะเดินทางบ่อย พอผมไปถึงเป้าหมายเป็นโค้งที่อันตรายที่สุด ใครก็รู้ว่าโค้งนี้ถ้าไม่ระวัง มีหวังพลัดตกเหวได้ ผมจอดรถอุ้มศพเธอมานั่งด้านคนขับ สตาร์ทรถ ปรับเกียร์ให้ไปอยู่ในตำแหน่งเดินหน้า เท่านี้รถมันก็ค่อยเคลื่อนไปตกเหว ตามที่ผมต้องการแล้วครับ”
ผมยังเห็นนายบรรพต เอาหลังมือมาปาดน้ำตาทั้งสองข้าง หันมาขอบุหรี่กับผมอีกมวน
(มีต่อครับ)
✝️🙏🏻⛪THE GLOVES 2020 ถุงมือเรื่องสั้น#92 Week#22, 23 - 27 พ.ย. / คำสารภาพบาป - ถุงมือ ไม่ทันพ้นมลทิน⛪🙏🏻✝️
เรื่องนี้เกี่ยวข้องกับความเชื่อความศรัทธาในศาสนาคริสต์ ซึ่งผู้ทำความผิดและสำนึกผิดสามารถ "สารภาพบาป" ที่ตนได้กระทำไป โดยตั้งใจว่าจะไม่ทำความผิดนั้นซ้ำอีก และในนิกายโรมันคาทอลิก บาทหลวง ซึ่งศาสนิกชนนับถือกันว่าเป็น "พระ" จะทำพิธีล้างบาปให้...( แต่ถ้าเป็น "คริสเตียน" คือ โปรเตสแตนท์ จะไม่มีบาทหลวงทำพิธีให้แบบนี้)
เรื่องเกิดขึ้นในวันหนึ่ง ชายคนหนึ่งต้องการสารภาพบาปต่อหน้าไม้กางเขนภายในโบสถ์ จึงได้พบกับทนายคนหนึ่ง และการสนทนาของคนทั้งสองอันเกี่ยวเนื่องกับความผิดบาปที่ต้องการสารภาพก็เริ่มขึ้น...
ชายคนนั้นจะได้สารภาพบาปที่ตนเองก่อแล้วได้รับการชำระล้างมลทิน หรือไม่ ?
ตามไปดูกันครับ!
“ถ้าเรียบร้อยแล้วผมว่าเราออกไปสูดอากาศข้างนอกดีกว่าครับ ผมอยากได้บุหรี่สักมวน”
“คุณทนายคิดว่าพระองค์จะยอมยกโทษบาปครั้งนี้ผมไหม ผมคิดว่าผมรู้คำตอบดี ชีวิตมันก็ต้องชดใช้ด้วยชีวิตสินะ พระองค์ถึงจะให้อภัย หึ หึ”
“คุณพร้อมที่จะเล่าเหตุการณ์ในวันนั้น อย่างละเอียดให้ผมฟังได้หรือยังครับ”
“ครับ”
ผมชวนบุรุษซึ่งเพิ่งสารภาพบาป ให้ออกมาภายนอกโบสถ์ หลังจากเขาบอกผมว่าอยากจะขอสารภาพบาป ต่อหน้าพระเยซูคริสต์ที่ถูกตรึงไม้กางเขน ภายในโบสถ์ก่อนจะเล่าความจริงทั้งหมดให้ผมฟัง ผมชวนเขานั่งบนม้านั่งตัวยาวทำจากไม้ทาสีขาว ด้านหลังมีพนักพิงในสวนด้านหน้าใต้ต้นหูกวาง ใบของมันหล่นลงมาเต็มพื้นกระจัดกระจาย
“สักมวนไหมครับ”
“ขอบคุณครับ”
ผมต่อไฟบุหรี่จากปลายบุหรี่ ที่ผมคาบไว้ในปากส่งให้กับเขา แล้วค่อยพ่นควันมันออกมาถอนหายใจยาวเอนหลังไปพิงพนักเก้าอี้ วางกระเป๋าเอกสารอาชีพทนายความของผมไว้ด้านข้างปล่อยมันเอนไปพิงอยู่กับไม้ทำเป็นที่กั้น สองมือกอดอกไว้ปลายตามองชายนั่งอยู่ข้างผมห่างกันแค่สองฟุต ด้วยอารามออกตกใจอยู่มาก ว่าผู้ชายที่มีหน้าตาหล่อเหลาคมคาย ไว้ผมรองทรงคิ้วหนาผิวพรรณไปทางขาวสะอาดสะอ้าน แต่งตัวดูดีสวมสูทแบรนด์เนมจะกลายเป็นฆาตกรฆ่าคนได้
“คุณทนายไม่อยากรู้เหรอ ว่าทำไมผมถึงโทรศัพท์ไปหาคุณ และบอกว่าอยากจะสารภาพบาป”
“อยากรู้สิครับ คนเราจะทำอะไรสักอย่างมันต้องมีเหตุผล”
“มันเป็นครั้งแรกที่ผมทำไปเพื่อปกป้องน้องสาวของผม โดยไม่สนใจผิดบาปกับอีกชีวิต ที่บางทีเธออาจจะไม่รู้อีโหน่อีเหน่อะไรเลยก็ได้ ผมน่าจะให้โอกาสเธอมีชีวิตอยู่รอด แต่ผมกลับไม่ทำ ผมคิดแค่ว่า เธอต้องไม่มีลมหายใจอีกต่อไป เพื่ออยู่เป็นเสี้ยนหนามหัวใจของน้องสาวผมอีก ผมนี่มันเลวจริงๆ”
ชายสารภาพบาปอัดควันบุหรี่เข้าไปในปอด ต่อมาก็พ่นควันมันออกลอยคลุ้งตรงหน้า กลิ่นของมันฉุนขื่นหอมหวานสำหรับนักชื่นชอบ แต่มันกลับเหม็นจนอยากหนีไปให้ไกล สำหรับคนรักสุขภาพ
ผมแทบไม่อยากเชื่อสายตาตัวเอง มีน้ำใสไหลออกมาจากหางตาของชายสารภาพบาป เขาไม่ใส่ใจจะเช็ดมัน สายตาเขามองออกไปเบื้องหน้า อาจกำลังรู้สึกผิดเต็มเปี่ยม หรือไม่ก็อาจกำลังกลัวความตายที่รออยู่ เพราะโทษของเขามันขั้นสูงสุดคือประหารชีวิต
“แล้วคุณฆ่าเธอยังไง”
“คืนนั้น..”
“เดี๋ยวครับ ผมจำเป็นต้องอัดเทปบันทึกการสารภาพบาป ของคุณเพื่อให้มีน้ำหนักมากขึ้นในชั้นศาล คุณจำเป็นต้องบอก ชื่อ นามสกุล วันเดือนปีเกิด และที่สำคัญ คุณต้องจดจำประโยคนี้ให้ดีนะครับ เพราะคุณต้องพูดก่อนจะเล่าเรื่องราวต่อไป ' ในขณะที่ผมกำลังสารภาพบาปนี้ ผมมีสติสัมปชัญญะครบถ้วนเป็นปกติดีทุกอย่าง ไม่มีใครบังคับให้ผมสารภาพบาป ผมเต็มใจสารภาพบาปด้วยตัวผมเอง ' แค่นี้ โอเคนะครับ”
ผมหยิบเทปบันทึกเสียงออกมาจากกระเป๋า เริ่มกดเปิดการบันทึกเสียง พยักหน้าให้เขาทำตามที่ผมบอกไว้
“ผม นายบรรพต เต็มเปี่ยม อายุ 31 ปี เกิดวันที่ 31 มีนาคม 2531 ในขณะกำลังจะสารภาพบาปนี้ ผมมีสติสัมปชัญญะครบถ้วนเป็นปกติดีทุกอย่าง ไม่มีใครบังคับให้ผมสารภาพ ผมเต็มใจสารภาพบาปด้วยตัวผมเอง เมื่อวันที่ 31 มีนาคม สองสัปดาห์ก่อน คืนนั้นเป็นเวลา ประมาณสามทุ่ม ผมดักรอรถยนต์คันหนึ่ง เก๋งสีดำ ทะเบียนรถ ปด3131 ในซอยมีโชค ก่อนจะถึงหมู่บ้านร่มรื่น พอเห็นรถคันนั้นขับเคลื่อนเข้ามา ผมแกล้งสะดุดล้มนั่งจับเข่าร้องโอดโอย ขอความช่วยเหลืออยู่กลางซอย เธอขับเข้ามาใกล้ชะลอรถช้าๆแล้วจอดนิ่งอยู่ใกล้ไม่กี่เมตร เธอคงตกใจไม่คิดถึงอันตรายที่จะเกิดขึ้น เธอรีบลงจากรถในทันที วิ่งเข้ามาหาผมหน้าตาตื่น คิดว่าผมเป็นอะไรหวังดีอยากช่วย แต่ผมไม่ให้โอกาสเธอได้เอะใจ ในมือถือไม้หน้าสามไว้แล้ว ฟาดไปบริเวณศีรษะจนล้มลงนอนกับพื้นสลบไป ผมคงฟาดแรงมาก เลือดสีแดงสดข้นเหนียวเริ่มไหลย้อยผ่านหน้าผาก เท่านี้ยังไม่พอ ผมเอาผ้าเช็ดหน้ามียาสลบโปะใบหน้าเธอซ้ำอีก เพื่อให้มั่นใจว่าตลอดการเดินทางครั้งนี้ เธอจะยังไม่ฟื้นอีกหลายชั่วโมงแน่นอน จากนั้นรีบอุ้มขึ้นรถของเธอ โดยคราวนี้ผมเป็นคนขับ กลับรถออกจากซอยไปยังจุดหมายจัดเตรียมไว้แล้ว...”
“ตอนนั้น เธอยังไม่ตายใช่ไหมครับ”
ผมโยนก้นบุหรี่ในปากทิ้งไป ใช้พื้นรองเท้าหนังสีดำบดขยี้ก้นบุหรี่ตัวนั้น จนมันจมหายเข้าไปในเนื้อดิน แล้วตัดบทการเล่าของนายบรรพต เพื่อให้มั่นใจว่า ผู้โชคร้ายไม่ได้เสียชีวิตในทันที ที่ถูกไม้หน้าสามยาวหนึ่งเมตรฟาดไปที่ศีรษะ
“ยังครับ ผมใช้นิ้วอังที่รูจมูกดู ยังหายใจเข้าออกปกติ”
“ครับ เล่าต่อเลยครับ”
“ผมเปิดบ้านเป็นรีสอร์ทชื่อ ริมรั้วรีสอร์ท หลังหนึ่งไกลออกไปจากที่นี่ ประมาณร้อยกว่ากิโล ไปถึงก็ดึกมากแล้ว ไม่มีใครมาสนใจผม มีแต่ยามซึ่งก็ปล่อยผมเข้าไปภายในรีสอร์ทได้อย่างสบาย เพราะเขาตรวจสอบในระบบก็รู้ว่า ผมเพิ่งเข้ามาพักเมื่อวานนี้ ยามไม่เห็นเธอ เพราะผมให้เธอนอนที่เบาะหลัง แล้วเอาเสื้อแจ็คเก็ตสีดำของผมปิดหน้าไว้อีกที ผมอุ้มเธอเข้าไปในห้อง วางเธอให้นอนกับพื้นซีเมนต์อันเย็นเฉียบ เพราะผมไม่อยากทำที่นอนของรีสอร์ท เต็มไปด้วยเลือดจะเก็บงานลำบาก ทีนี้ผมก็ไปนอนบนเตียง หันหน้าไปมองเธอ ในระหว่างรอเธอตื่น เปิดมือถือ มองรูปของเธอในโทรศัพท์กับตัวจริง ดูแตกต่างกันนิดหน่อย แต่เค้าโครงหน้าเดียวกัน ในรูปจะแต่งหน้าเข้มเกินไป ปากแดง คิ้วดำหนา เขียนขอบตาดำ แต่ตัวจริงดูเหมือนจะไม่แต่งหน้าเลยด้วยซ้ำ นอกจากทาแป้งฝุ่น และลิปกลอสสีปากเท่านั้น แต่ผมก็ไม่ชัวร์ นึกขึ้นได้เลยกลับไปที่รถ หยิบกระเป๋าของเธอขึ้นมา ค้นหาบัตรประชาชน พอผมเจอก็มั่นใจว่าเธอคือ นางสาวปรารถนา ยั่งยืนไกล ผม..”
“ช่วยย้ำอีกทีครับ เธอชื่ออะไรนะครับ”
“ เธอชื่อ นางสาวปรารถนา ยั่งยืนไกล ”
“ครับ เล่าต่อครับ” ผมหยิบบุหรี่ตัวใหม่ขึ้นมาติดไฟสูบอีกครั้ง
“พอผมมั่นใจว่าคือเธอ ผมก็คิดว่าผมควรจะฆ่าเธอทั้งที่ยังสลบอยู่ ก็จะง่ายขึ้น ทีนี้น้องสาวผมก็จะหมดเสี้ยนหนามหัวใจ น้องสาวผมมาร้องไห้ฟูมฟายตีโพยตีพายกับผมว่าผู้หญิงคนนี้แย่งแฟนของน้องสาวผมไป และแฟนเขากำลังจะขอแยกทางจากน้องสาวผมเพื่อจะไปแต่งงานกับผู้หญิงคนนี้ มันเลยเป็นหน้าที่ของพี่ชายที่คอยปกป้องดูแลน้องสาวคนเดียวของผมมาตลอดชีวิต ผมกลับเข้าไปในห้อง เห็นเธอตื่นพอดี ลุกขึ้นนั่งสองมือกุมศีรษะหน้านิ้วคิ้วขมวด คงปวดบริเวณแผล ที่ถูกไม้หน้าสามฟาดเข้าให้ จากนั้นก็ตกใจเมื่อเห็นเลือดของตัวเองเต็มฝ่ามือ เวลาเดียวกันก็สะดุ้งโหยง ร่างกระตุกผวาตกใจ เห็นผมเปิดประตูเข้ามา ใช้ทั้งมือและเท้าตะเกียกตะกาย ถอยหนีห่างไปจนติดผนังห้อง ผม..”
“พักสักสองสามนาที ดูดบุหรี่อีกสักมวนแล้วค่อยเล่าต่อก็ได้ คุณบรรพต”
ผมเห็นน้ำตาไหลออกมาทางหางตาอีกครั้ง คราวนี้เขารีบยกมือขึ้น มาปาดมันทิ้งไป รับบุหรี่มาจากผม เอาไปคีบระหว่างนิ้ว จ่อเข้าปากสูดอัดเข้าไปเต็มปอด แล้วพ่นควันมันออกมาจากปากทีละนิด
“คุณกำลังสงสารเธอเหรอ” ผมถามไปแบบไม่น่าจะถาม
“ครับ”
“คุณคงไม่เคยฆ่าใคร”
“คุณทนายถามแปลก ฆ่าคนนะครับไม่ใช่ไปฆ่าหมูหมาที่ไหน”
“ผมหมายถึง พอคุณฆ่าเธอไปแล้วมันทำให้คุณรู้สึกผิด”
“ครับ แต่จะว่าไปเหมือนผมเข้าข้างตัวเองเลย แต่ยังไงก็ช่างเถอะ สุดท้ายผมก็คือต้นเหตุ ทำให้เธอตายอยู่ดี ผมพร้อมเล่าต่อแล้วครับ”
นายบรรพตทิ้งก้นบุหรี่ ลงข้างผมไม่สนใจจะดับเปลวไฟ ที่ยังติดอยู่มีควันน้อยลอยวนขึ้นมาเป็นเส้นสาย ผมขยับปลายเท้าเข้าไปบี้บดมันจนเละ เหลือบมองเสี้ยวหน้าคนสำนึกผิด “ครับ”
“ผมว่าเธอกลัวผมมากหนีไปไหนไม่ได้ แถมยังเห็นในมือถือไม้หน้าสาม อันเดิมที่ฟาดหัวเธอไปแล้วครั้งแรก เดินเข้าไปหาเธออย่างเชื่องช้าใจเย็น ก็มีอาการสั่นไปทั้งตัวปล่อยโฮร้องไห้ออกมา ใบหน้าของเธอตอนนี้ซีดเผือดหดลงเหลือสองนิ้ว วินาทีนั้นผมนึกถึงแต่หน้าน้องสาวผม นึกถึงตอนน้องสาวผมร้องไห้ฟูมฟายต่อหน้าผม ผมเลยไม่นึกสงสารเธอเลยสักนิด ตรงกันข้ามสะใจมากกว่า ผมนี่มันซาตานมาเกิดชัดๆไม่รู้ผมทำไปได้ยังไง ผม..”
“ทำไมเหรอครับ”
ผมถามนายบรรพตด้วยความสงสัย เขาหยุดเล่าต่อคราวนี้ร้องไห้ออกมา สองมือกุมใบหน้าก้มหน้าร้องไห้ ผมไม่พูดอะไรปล่อยให้ทุกอย่างอยู่ในความเงียบ มีเสียงนกร้องเรียกหากันบนต้นหูกวาง ผมมองดูนาฬิกาบนข้อมือ ตอนนี้ หกโมงเย็น แต่ทุกอย่างยังคงสว่าง พระอาทิตย์ยังอยู่ทางด้านหลังผม
“พอได้ระบายมันทำให้ผมรู้สึกสบายใจขึ้น หลังจากอยู่อย่างคนตกนรกทั้งเป็น มาตลอดสองสัปดาห์ที่ผ่านมา”
“ครับ”
“ผมเห็นเธอสภาพแบบนั้น ผมยืนอยู่ต่อหน้าเธอแค่สองก้าว หัวเราะออกมาเสียงดังเหมือนคนบ้า รู้สึกสะใจที่เห็นเธอหวาดกลัวตัวสั่นเป็นเจ้าเข้า การกระทำของผมยิ่งทำให้เธอกลัวมากขึ้น มันกลับยิ่งทำให้ผมสนุก ผมใช้ไม้หน้าสามไปแตะข้างลำตัวของเธอแผ่วเบา แต่ทำเอาเธอสะดุ้งโหยง ร้องกรี๊ดเสียงดัง คราวนี้ผมสั่งให้เธอเงียบ และเงยหน้าขึ้นมามองผม เธอทำตามอย่างหวาดกลัว เอ่ยปากอ้อนวอน บอกอย่าทำอะไรเธอเลย อยากได้อะไรให้เอาไปให้หมด ขอแค่ปล่อยเธอไป เธอบอกเธอมีเงินอยู่ในบัญชีหลายล้านบาท จะโอนให้ผมตอนนี้เลย ขอให้ปล่อยเธอไปได้ไหม ผมโน้มตัวยื่นหน้าเข้าไปหา หัวเราะขบขันใส่หน้าเธอ วางไม้หน้าสามลงบนหัวของเธอ ผมสั่งให้จ้องหน้า ผมเห็นนัยน์ตาหวาดกลัวคู่นั้น เธอกลัวผมจนปากสั่นเสียงฟันขบกันจนผมได้ยิน คราวนี้ผมไม่พูดอะไรอีก ยกไม้หน้าสามขึ้นมา หวังจะฟาดหัวของเธอให้เละคามือ จนมั่นใจว่าเธอต้องตายคราวนี้ แต่ผมยังไม่ทันได้ทำอะไร เธอก็ล้มลงตาเบิกโพลง หัวใจวายตายไปต่อหน้าต่อตาผม ผม..”
“คุณกำลังจะบอกว่า คุณไม่ได้ทำร้ายเธอ แต่เธอหัวใจวายตายไปเอง”
“ครับ ผมไม่ได้ทำร้ายเธอ ผมตีเธอแค่ครั้งเดียวตอนอยู่บนถนน”
“แต่คุณก็ตั้งใจว่าจะตีเธอ ให้ตายคามือใช่ไหมครับ”
“ใช่ครับ ผมตั้งใจแบบนั้น”
“แล้วหลังจากนั้น คุณทำยังไงต่อไปครับ”
“พอผมรู้ว่าเธอตายแล้ว ผมอุ้มเธอไปใส่ท้ายรถไว้ รอจนถึงเช้ารีบเช็คเอาท์ออกจากรีสอร์ท ขับรถไปทางสายเหนือ เป็นเส้นทางที่ผมรู้ว่ามีหุบเหวเยอะเพราะเดินทางบ่อย พอผมไปถึงเป้าหมายเป็นโค้งที่อันตรายที่สุด ใครก็รู้ว่าโค้งนี้ถ้าไม่ระวัง มีหวังพลัดตกเหวได้ ผมจอดรถอุ้มศพเธอมานั่งด้านคนขับ สตาร์ทรถ ปรับเกียร์ให้ไปอยู่ในตำแหน่งเดินหน้า เท่านี้รถมันก็ค่อยเคลื่อนไปตกเหว ตามที่ผมต้องการแล้วครับ”
ผมยังเห็นนายบรรพต เอาหลังมือมาปาดน้ำตาทั้งสองข้าง หันมาขอบุหรี่กับผมอีกมวน
(มีต่อครับ)