ขอคำปรึกษา อยากเป็นแม่เลี้ยงเดี่ยวค่ะ

อยากเป็นคุณแม่เลี้ยงเดี่ยวค่ะ
ขอเกริ่นก่อนนะคะ 
ในอดีต เคยเป็นครูสอนนักเรียนชั้นมัธยมต้นและปลายค่ะ  หลังจากคลอดลูก และกลับไปทำงานได้ประมาณเดือนกว่าๆ ดิฉันเลยตัดสินใจลาออกจากงานค่ะ  และตั้งใจว่าจะเลี้ยงลูกเอง ส่วนสามีก็ทำงานนอกบ้านปกติ ซึ่งจะบอกว่า ก่อนที่จะลาออกจากงาน ได้ปรึกษากับสามีเรียบร้อย และสามีเห็นด้วยเพราะไม่อยากจ้างพี่เลี้ยง คือกลัวไปทุกอย่างต่างๆนาๆค่ะ (ไม่มีพ่อ แม่ พี่น้อง) เลยสรุปว่า สามีให้ดิฉันลาออกเพื่อมาเลี้ยงลูกแบบเต็มเวลาค่ะ หลังจากนั้นก็ได้ย้ายมาอยู่สิงคโปร์กับสามี(สามีเป็นคนสิงคโปร์)
และดิฉันเป็นแม่บ้านเต็มตัว จากที่ไม่เคยได้ทำอะไรเอง ทำไม่เป็น และไม่เคยทำ พอมาอยู่ที่นี่คือทุกอย่างต้องทำเองค่ะ ทั้งเลี้ยงลูกและทำงานบ้าน เพราะสามีทำงานคนเดียว รายได้ของสามีก็ถือว่าเยอะแต่ไม่ถึงกับรวยนะคะ คือพอกินพอใช้ มีเงินเก็บทุกเดือน และสามีจะให้เงินดิฉันเป็นรายเดือนค่ะ คือเอาไว้ใช้ส่วนตัวแต่ไม่เยอะเท่าตอนเราเป็นครูค่ะ อันนี้เรารับได้ เพราะค่าใช้จ่ายที่นี่สูงมากและสามีดิฉันเป็นคนจ่ายพวกค่าใช้จ่ายในบ้านทั้งหมดค่ะ อันนี้ไม่ติดใจอะไร พอมาอยู่ได้ประมาณปีกว่าๆ ดิฉันก็ท้องอีกคนค่ะ ลืมบอกค่ะ สามีเป็นโมโหร้ายค่ะ ชอบด่า ชอบพูดกระแนะกระแหน ประชดประชันนี่เก่งค่ะ แรกๆยอมๆ ก็ไม่เป็นไร แต่พอเราท้องเราก็เหนื่อยและต้องดูแลลูกสาวคนโตและต้องทำงานบ้าน บางทีดิฉันก็มีโมโหง่ายค่ะ ทุกครั้งหลังเลิกงาน พอสามีมาถึงบ้าน ต้องมีคำถามตลอดค่ะ ทำไมไม่กวาดบ้าน ทั้งวันไม่ได้ถูบ้านเหรอ ทำไมไม่รีดเสื้อผ้า นู่นนี่นั่น บลาๆๆๆ พอโดนถามทุกวัน บวกกับเราท้องและต้องดูแลลูก และต้องทำงานบ้านทุกอย่าง เราก็เหนื่อยค่ะ สรุปดิฉันเลยตอบกลับด้วยความโมโห จนทำให้เราทะเลาะกัน จนข้างบ้านเรียกตำรวจมา ดิฉันเลยเล่าให้ตำรวจฟัง แล้วตำรวจก็รับฟังค่ะ แต่ดีขึ้นประมาณอาทิตย์นึง หลังจากนั้นก็เหมือนเดิมค่ะ แต่ดิฉันก็อดทนพยายามไม่อยากมีเรื่อง พอคลอดลูกสาวคนที่สอง เราก็มีปากเสียงกันค่ะ แต่ไม่มีลงไม้ลงมือนะคะ คือเขาเป็นคนชอบตะคอก ขึ้นเสียง เป็นคนที่ชอบเอาเสียงดังมาข่มค่ะ ถามว่าดิฉันกลัวไหม ก็ไม่ได้กลัวค่ะ ที่ผ่านมาแค่ไม่อยากให้ลูกได้เห็นอะไรที่แย่ๆ แต่รอบนี้เราไม่ยอมค่ะ เราเลยเสียงดังกลับบ้าง ในที่สุดเขาก็หยุด ทุกอย่างดำเนินไปตามปกติ คือตื่นเช้ามา กินข้าวแล้วไปทำงาน กลับมาก็มาถามคำถามเดิมๆ อีกอย่างดิฉันเป็นคนชอบเปิดประตูไม้หน้าบ้าน(แต่ล็อคประตูเหล็ก) เพราะอยากให้อากาศจะได้ถ่ายเท แต่ทุกครั้ง สามีจะถามตลอดว่าเปิดประตูไม้ทำไม (บ้านที่ดิฉันอยู่จะเป็นตึกนะคะเป็นห้องชุดที่ทางรัฐบาลจัดสรรไว้ให้ประชาชนได้ซื้อเป็นที่พักอาศัยค่ะ) คือต้องคอยตอบคำถามนี้ตลอดค่ะ ถามว่าเบื่อไหม อยากบอกว่าเบื่อมากค่ะ ระหว่างนี้เราก็มีทะเลาะกันเรื่อยๆค่ะ เรื่องเล็กๆแต่เขากลับทำให้มันเป็นเรื่องใหญ่ อย่างเช่น "วันนี้ทำกับข้าวแค่ 2 อย่างเองเหรอ" คำถามนี้มันจะไม่ออกจากปากของเขาเลย ถ้าเขาคิดถึงจิตใจดิฉัน เพราะดิฉันต้องดูแลลูก 2 คน และทำงานบ้านอื่นๆอีก คำถามนี้ทำให้ดิฉันโมโหมากค่ะ เลยทะเลาะกันอีกแล้ว😥 ต่อหน้าลูกด้วยค่ะ คือทะเลาะเสียงดังมาก ลูกก็กลัว วิ่งมากอดดิฉันตลอดค่ะ สรุปคือดิฉันไม่ได้กินข้าวเลยพาลูกเข้าห้องนอนค่ะ ตอนเช้ามา นังสามีทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น ซึ่งเป็นประจำหลังทะเลาะกันวันต่อมา เขาสามารถคุยกับเราได้ปกติแบบไม่มีอะไรผิดปกติเลยค่ะ แต่ดิฉันยังจำตลอด เวลาทะเลาะกัน เขาก็พูดว่า "ถ้าจะไปก็ไปแต่ตัว ห้ามเอาของออกจากบ้านเขาไปแม้แต่ชิ้นเดียว" อันนี้จำขึ้นสมองเลยค่ะ
ผ่านไปประมาณ 3-4 เดือน ทะเลาะกันอีกแล้วค่ะ เรื่องลูก ลูกเล่นกันเสียงดัง เพราะลูกมีความสุขหัวเราะเสียงดังก็ไม่ได้ วิ่งไล่จับกันก็ไม่ได้ เพราะเขาดูมวยปล้ำ หนังบ้าง แต่เขาไม่พอใจ พอเราและลูกเสียงดังก็ตวาด คือเรื่องตะหวาด ตะคอก และด่าลูกนี่ประจำเลยค่ะ ถึงขั้นลงไม้ลงมือกับลูก ใช้หมอนตีลูกบ้างไม้แขวนเสื้อบ้าง ดิฉันจะเข้าไปห้ามตลอด ว่าอย่าตี ให้ใช้คำพูดเอา พูดเพราะๆแล้วลูกจะฟัง แต่ก็อีกนั่นแหละค่ะ พอดิฉันเข้าไปห้าม หรือพูดหน่อยก็หาว่าดิฉันเข้าข้างลูก ทำให้ลูกไม่กลัวเขา ทำให้ลูกไม่ฟังเขา อยากจะบอกว่า ดิฉันเลี้ยงลูกตามแนวคุณแม่มือใหม่ ไม่ใช้ไม้แข็งในการสอน แต่จะอธิบายเหตุและผลมากกว่าค่ะ และทำโทษแต่ไม่ตี อาจจะยากแต่ได้ผลดีค่ะ เพราะลูกไม่กดดันเวลาอยู่กับดิฉันโดยที่ไม่มีพ่อ เขาจะร่าเริง สนุกสนาน ทำอะไรก็ได้ตามใจ ตามใจในที่นี้คือการได้เล่นอะไรก็ได้และแม่จะมีส่วนร่วมเสมอและลูกๆก็มีความสุขเวลาเราทำกิจกรรมด้วยกันค่ะ 
และเหตุการณ์นี้เพิ่งเกิดขึ้นเมื่ออาทิตย์ที่แล้วค่ะ เราทะเลาะกันเพียงแค่ ลูกวิ่งแข่งกันแล้วชนประตูเหล็กหัวโน แล้วเขาโมโห ดิฉันก็บอกวิ่งมาหาลูกแล้วมาดูว่าหัวเขาเป็นแผลไหมหรือแค่หัวโนเฉยๆ แล้วก็กอดลูกทั้งสอง พร้อมทั้งบอกว่าไม่เป็นไร แต่สามีโกรธแล้วค่ะ ตะโกนแหกปากจนชาวบ้านชาวช่องออกมายืนดู ดิฉันเลยพาลูกเข้าบ้าน คือว่า จากที่รู้สึกอายตลอดที่เราทะเลาะกัน พอมาวันนี้ยิ่งกว่าอายค่ะ ไม่รู้จะเอาหน้าไปไว้ไหน จากนั้นเขาก็ตามเข้ามาในบ้านแล้วมาบ่นๆๆๆ ด่าๆๆเรา ว่าดิฉันโง่บ้าง ไม่มีสมองบ้าง ทุเรศบ้าง โอ๊ย! สารพัดคำเลยค่ะ จากคนที่พยายามอดกลั้นมาโดยตลอด สรุปวันนี้ตะบะแตกค่ะ ตายเป็น ถ้าเขาไม่ตายก็คงเป็นดิฉันนี่แหละค่ะ บอกลูกอยู่แต่ในห้อง ไม่ต้องออกมา แค่นั้นแหละค่ะ พอออกมาจากห้องได้ ดิฉันได้คว้า seesaw ของลูกแล้ววิ่งเข้าไปหาเขาแล้วทุบลงไปที่หลังเขาอย่างแรง จนเขาล้มลงไปที่พื้นเลยค่ะ หลังจากนั้นเพื่อนบ้านก็เข้ามาห้าม แต่ดิฉันยังไม่ยอมปล่อยค่ะ ต่อยไปหลายหมัด ทั้งจิกหัวดึงผม เขาก็สู้นะคะ ต่างคนต่างเจ็บ แต่ดิฉันตัดสินใจแล้วว่าเราจะไม่ทนตายเป็นตาย หลังจากเพื่อนบ้านเข้ามาแยกเราออกจากกันคนละมุมแล้ว ดิฉันเลยโทรหาตำรวจค่ะ พอตำรวจมา เอาอีกแล้ว ชอบโยนความผิดให้คนอื่น ว่าดิฉันไม่ยอมฟังเขา แต่ตำรวจไม่ได้ฟังแค่ฝ่ายเดียว ตำรวจก็ได้มาสอบถามดิฉันเหมือนกันค่ะ เลยอธิบายไป สรุป สามียอมมาขอโทษบอกว่าจะไม่ทำแบบนี้อีกแล้ว แต่สำหรับดิฉันมันหมดแล้วค่ะ ความรู้สึกและความอดทนมันหมดไปแล้ว ทุกวันนี้ที่ยังอยูที่นี่ก็เพราะยังไม่มีทางไปค่ะ นอกจากติดโควิดแล้ว เงินติดบัญชียังไม่มีเลยค่ะ เลยคิดว่าอยากหางานทำ แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นต้องรอลูกไปโรงเรียนทั้งสองคนก่อนค่ะ เพราะอยากเก็บตังค์สักก้อน แล้วอีกกอย่างอยากให้ลูกถือสัญชาติไทยด้วยค่ะ การขอสัญชาติให้ลูกก็ไม่ยากแต่ก็ไม่ง่าย ที่นี่ทุกอย่างต้องใช้เงินทำค่ะ พอได้สัญชาติให้ลูกแล้ว และมีเงินเก็บสักก้อน คิดว่าจะพาลูกกลับไปอยู่ไทย โดยที่ไม่ให้เขารู้ พูดง่ายๆคือ "หนี" นั่นแหละค่ะ เพราะดิฉันเหนื่อย เพลีย และสงสารลูกที่ต้องมาเห็นพ่อแม่ทะเลาะกัน เลยอยากจะหย่าค่ะ แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น การหย่าของที่นี่ต้องใช้ทนายและต้องขึ้นศาลในการหย่า แน่นอนว่าต้องใช้ตังค์ประมาณ 2-5หมื่นกว่าเรื่องจะจบ รบกวนขอคำแนะนำทีนะคะ ขอบคุณค่ะ🙏🙏

นิสัยของสามี
- ขี้โมโห นิดๆหน่อยๆก็โมโห
- พูดจากับลูกไม่เพราะ เสียงดัง ชอบตะคอก ตะหวาดลูก 
- เจ้าระเบียบแต่ไม่ยอมทำเอง จะพูดเปรยๆเพื่อให้เราทำ
- คิดถึงตัวเองก่อนเสมอ ส่วนลูกเอาไว้ทีหลัง

หน้าที่ของสามี
-ตื่นนอน อาบน้ำกินข้าว ไปทำงาน
- เลิกงานกลับมา (ถามเรื่องต่างๆ ทำไมนู่นนี่นั่น ทุกคำถามไม่เคยมีคำถามที่ว่า เธอกับลูกเป็นไงบ้าง เธอเหนื่อยไหม ไม่มีเลยค่ะ) อาบน้ำ กินข้าว ใช้โทรศัพท์ ไอแพด (ดิฉันต้องนวดให้เขาอาทิตย์ละ3-4วัน เพราะเขาบอกเขาทำงานเหนื่อย)จากนั้นก็เข้านอน

ในวันหยุดของเขา(อาทิตย์ละ 2 วัน) รับงานพิเศษเพิ่ม
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่