ช่วงนี้ลมเย็นๆ เดินเที่ยวได้สบายๆ เลยขอพาไปเที่ยวพระราชวังบางปะอิน จ. พระนครศรีอยุธยา กันนะคะ
พระราชวังบางปะอินมีมาตั้งแต่สมัยพระเจ้าปราสาททอง ถูกสร้างขึ้นเพราะแถวนี้เป็นบ้านเก่าของพระราชมารดาของพระองค์ และใช้เป็นที่แปรพระราชฐานของพระมหากษัตริย์อยุทธยาเรื่อยมาจนเสียกรุงครั้งที่ 2 พระราชวังนี้ก็เลยถูกทิ้งร้าง ในสมัยพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว พระองค์ท่านได้เสด็จมาบูรณะวัดและวังในเขตกรุงเก่า รวมถึงพระราชวังบางปะอินแห่งนี้ด้วย
พระราชวังบางปะอินมีเนื้อที่ 116 ไร่ ซึ่งภายในประกอบด้วยพระที่นั่งและพระตำหนักน้อยใหญ่มากมาย พร้อมทั้งมีสระน้ำและสวนสวยๆให้เพลินตาด้วยค่ะ (เห็นความกว้างแล้วอย่าเพิ่งท้อใจนะคะ เดี๋ยว จขกท จะใส่เทคนิคเที่ยวไว้ให้ด้านล่างค่ะ)
ตอนนี้เปิดให้เข้าชมภายในอาคารแค่ 3 จุดนะคะ (สีแดงบนแผนที่) คือ หอเหมมณเฑียรเทวราชา ประตูเทวราชครรไล (จัดแสดงพระราชประวัติและการแต่งการแบบไทยในสมัยก่อน) และสภาคารราชประยูร (จัดแสดงของที่มีคนทูลเกล้าถวายในหลวงรัชกาลที่ 9)
ทางเดินร่มรื่นสุดๆค่ะ ถ่ายรูปก็งาม
สะพานตุ๊กตา มีรูปปั้นสาวสวยสไตล์ยุโรปยืนกันเป็นแถว
วิวจากสะพานจะเห็น พระที่นั่งวโรภาษพิมาน-พระที่นั่งไอยสวรรค์ทิพย์อาสน์-ประตูเทวราชครรไล
ถ้ามาแล้วไม่เจอเจ้าถิ่น ถือว่ามาไม่ถึงนะคะ บริเวณนี้มีให้ซื้อขนมปังให้ปลาด้วยค่ะ แล้วพี่แกก็รอกินปลาอยู่ เห็นงับ 5-6 ทีแต่ไม่เห็นงับได้สักตัว พี่ตะพาบก็มารอกินขนมปังนะคะ แต่แย่งไม่ทันปลา พอพี่เงินทองแกว่ายน้ำไปเจอกับพี่ตะพาบ แกว่ายเมินแถมเอาหางไปชนพี่ตะพาบอีก 555
เดินตามทางไปเรื่อยๆจะได้มุมประมาณนี้
ข้ามสะพานแล้วมองไปทางขวาจะเจอประตูสาครประพาสค่ะ
ประตูเทวราชครรไลจะมีจัดแสดงพระราชประวัติและการนุ่งห่มแบบไทย ที่นี่มีแอร์ น้ำดื่มและไอศครีมขายนะคะ ใครร้อนๆมาแวะนั่งตากแอร์ได้ค่ะ ตรงนี้มีขายอาหารปลาแบบเม็ดด้วยนะคะ
ด้านขวาของประตูจะเป็นสะพานเสาวรส สะพานนี้เป็นเขตกั้นส่วนระหว่างพระราชฐานชั้นนอกกับชั้นใน โดยมีบานเกล็ดบังค่ะ เป็นมุมยอดฮิต ถ่ายรูปสวยมากค่ะ แต่เราจะยังไม่ข้ามสะพานนี้นะคะ ขอไปทัวร์ข้างในก่อน
ติดกับสะพานเสาวรสจะเป็นเก๋งบุปผาประภาส ถ่ายรูปสวยค่ะ
ฝั่งตรงข้ามประตูจะเป็นด้านหลังของพระที่นั่งอุทยานภูมิเสถียร เป็นพระที่นั่งองค์ที่พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวโปรดปรานมากที่สุด จริงๆถูกไฟไหม้ไปหมดแล้วค่ะ แต่สมเด็จฯพระพันปีหลวงท่านโปรดให้สร้างขึ้นมาใหม่ จะมีส่วนตรงกระจกที่เราแอบส่องได้นะคะ มโนเบาๆว่าถ้าจัดงานเลี้ยงเต้นรำคงจะสวยเหมือนในเทพนิยายเลย อย่าลืมเดินไปถ่ายรูปด้านหน้าด้วยนะคะ
พอมาถึงจุดนี้จะมีทางแยกไปสองทางระหว่างซ้ายไปหอวิฑูรทัศนากับขวาอนุสาวรีย์สมเด็จพระนางเจ้าสุนันทากุมารีรัตน์ จะเลือกไปทางซ้ายหรือขวาก็ได้ค่ะ เดี๋ยวก็กลับมาเจอกันอยู่ดี
จขกท ขอพาเที่ยวฝั่งขวาก่อนนะคะ
อนุสาวรีย์สมเด็จพระนางเจ้าสุนันทากุมารีรัตน์ หรือที่เรารู้จักกันในนาม พระนางเรือล่ม เป็นอนุสาวรีย์ที่พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงโปรดให้สร้างขึ้นเพื่อเป็นอนุสรณ์แห่งความรักและอาลัยแด่พระบรมราชเทวีที่เสด็จทิวงคตไปพร้อมกับพระธิดาและพระราชบุตรในพระครรถ์จากเหตุการเรือล่มตรงนนทบุรี (แถววัดกู้) ขณะที่กำลังอยู่ระหว่างการแปรพระราชฐานมาที่พระราชวังบางปะอิน (จขกท เคยได้ยินว่าจริงๆ สมเด็จฯท่านว่ายน้ำเป็น แต้เป็นเพราะทรงพระครรถ์และห่วงพระธิดาองค์น้อย จึงไม่สามารถว่ายน้ำออกมาได้ และชาวบ้านไม่มีใครกล้าลงไปช่วยเพราะกลัวผิดกฏมณเฑียรบาล จริงไม่จริงยังไง ลองไปตรวจสอบกันก่อนจะเชื่อนะคะ)
คำจารึกทำให้เราได้เห็นถึงความรักและความอาลัยจริงๆ
จบเรื่องเศร้า ไปเที่ยวกันต่อค่ะ
เดินตามทางต่อไปเรื่อยๆ เราจะเข้าสู่พระตำหนักฝ่ายในค่ะ จขกท ถ่ายมาได้ไม่หมดนะคะ ดูที่พอถ่ายมาละกันเนอะ
เริ่มจากพระตำหนักของสมเด็จพระพันวัสสา
ถัดมาเป็นเรือนเจ้าจอมก๊กออ - เจ้าจอมมารดาอ่อน และเจ้าจอมเอี่ยม เจ้าจอมเอิบ เจ้าจอมอาบ เจ้าจอมเอื้อน - เรือนด็จะใหญ่หน่อยเพราะท่านอยู่กันหลายคนค่ะ
ต่อไปเป็นเรือนเจ้าจอมมารดาแส
พระตำหนักสมเด็จพระปิตตุฉาเจ้าสุขุมมาลยมารศรี
พระตำหนักพระวิมาดาเธอพระองค์เจ้าสายสวลีภิรมย์ ที่นี่ก็จะใหญ่หน่อยเพราะพระองค์ท่านมีหน้าที่รับผิดชอบการปรุงพระกระยาหารขึ้นโต๊ะเสวยด้วย ทีมงานคงเยอะอยู่ค่ะ
ต่อไปก็เป็นพระตำหนักใหญ่สุดคือพระตำหนักเก้าห้อง ไม่ได้เปิดให้เข้าค่ะ เลยไม่รู้ว่ามีแค่ 9 ห้องจริงรึเปล่า
เดินมาอีกหน่อยจะเจอตำหนักของพระราชชายาเจ้าดารารัศมีค่ะ ระเบียงกว้างมาก เหมากับการนั่งรับลมสุดๆ
จริงๆ เห็นบอกว่าสมัยก่อนจะมีเรือนมากกว่านี้นะคะ แต่โดนทิ้งให้ทรุดโทรมไปนาน ตอนสมเด็จฯพระพันปีหลวงท่านทรงโปรดให้บูรณะ บางเรือนก็ผุพังไปแล้ว เลยเหลือให้เราดูเท่านี้ค่ะ
ระหว่างทางจะเจอไม้ดัดเป็นสัตว์มากมาย ทั้งช้าง นกยูง ไก่ แต่ตัวนี้ จขกท งงๆว่าเป็นตัวอะไร ใครดูออกบอกด้วยนะคะ
เดินต่อไปตามทางจะไปเจอพระที่นั่งวิหาศจำรูญและหอวิฑูรทัศนาซึ่งเป็นศิลปะแบบจีนค่ะ เมื่อก่อนเปิดให้เข้าทั้งสองที่เลย ข้างในพระที่นั่งสวยมากค่ะ อลังกาลมาก ส่วนบนหอก็มองวิวได้ทั่วเลย แต่ตอนนี้ปิดไปแล้วนะคะ คาดว่าเนื่องจากเป็นโครงสร้างไม้เลยน่าจะผุพังไปตามเวลา หวังว่าจะเปิดให้เข้าอีกนะคะ
ณ จุดนี้มีรถขายน้ำค่ะ สามารถซื้อแล้วนั่งชิลดูอาคารสวยๆกันได้เลย
คราวนี้เราจะเดินย้อนกลับมาเจอพระที่นั่งอุทยานภูมิเสถียร เราก็ได้เวลาไปเดินข้ามสะพานเสาวรสแล้วค่ะ พอเดินข้ามไปแล้วจะโดนบังคับเลี้ยวซ้าย แล้วจะมีจุดถ่ายรูปซ่อนอยู่นะคะ มีป้ายใหญ่ๆเขียนไว้ จะเป็นมุมด้านนอกของสะพานเสาวรส และจะเป็นมุมที่ใกล้พระที่นั่งไอยสวรรค์ทิพยอาสน์มากค่ะ กลางพระที่นั่งมีพระบรมรูปของพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวอยู่ด้วยนะคะ
ถัดมาเราจะเจอกับพระที่นั่งวโรภาษพิมานซึ่งเป็นที่ประทับและท้องพระโรงของพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวค่ะ แต่ก่อนที่นี่ก็ให้เข้าชมข้างใน สวยมากค่ะ ตอนนี่ก็ดูข้างนอกไปก่อนนะคะ
ด้านข้างมีเรือนแพพระที่นั่งนะคะ แต่เป็นเขตห้ามถ่ายรูปค่ะ เลยไม่มีรูปมาฝาก (ข้างนอกถ่ายได้แต่ลืมถ่ายค่ะ)
เดินมาอีกหน่อยจะถึงสภาคารราชประยูร แต่ก่อนเป็นที่ประทับของเจ้านายฝ่ายหน้าและข้าราชบริพาร ตอนนี้เป็นที่จัดแสดงของที่มีคนทูลเกล้าถวายแด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 9 ค่ะ
จบแล้วค่ะกับพระราชวังบางปะอิน อากาศดี สถานที่สวย มุมถ่ายรูปเพียบ ประทับใจสุดๆค่ะ ใครยังไม่เหนื่อยก็ข้ามกระเช้าไปเที่ยววัดนิเวศธรรมประวัติต่อได้นะคะ ตรงนั้นมีคาเฟ่วิวแม่น้ำด้วยค่ะ
คราวนี้ถึงรายละเอียดและเทคนิคต่างๆที่ จขกท จะขอฝากไว้สำหรับคนที่อยากไปตามรอยนะคะ
พระราชวังบางปะอิน
แผนที่:
https://maps.app.goo.gl/AW9zUfxw4c5NZqVL9
ที่จอดรถ: อยู่ซ้ายมือก่อนถึงพระราชวัง (จอดที่เดียวกับวัดนิเวศธรรมประวัติ)
เปิด: ทุกวัน 8:00-16:00
ค่าเข้าชม:
คนไทย ผู้ใหญ่ 30 บาท เด็ก 20 บาท
ต่างชาติ 100 บาท (ไม่แน่ใจว่าแยกราคาเด็กกับผู้ใหญ่รึเปล่านะคะ)
การแต่งกาย:
เสื้อมีแขน - ไม่เอาสายเดี่ยว เกาะอก แขนกุด เอวลอย ซีทรู คอกว้างนะคะ ถ้าใส่มาอาจจะโดนให้ใส่เสื้อคลุมค่ะ ถ่ายรูปมาไม่เก๋แน่นอน
กางเกง (ผู้ชาย)/กระโปรง (ผู้หญิง) ยาวเลยเข่า ผู้หญิงถ้าใส่กางเกงมาอาจจะโดนให้ใส่ซิ่นทับนะคะ
เพราะฉะนั้นแนะนำให้แต่งตัวมาให้ถูกระเบียบเลยค่ะ จะได้ถ่ายรูปได้สวยๆ
รองเท้า
- ผ้าใบหรือรองเท้าเดินดีที่สุดค่ะ สำคัญมากนะคะ ไม่งั้นกลับไปปวดเท้าแน่นอนค่ะ
วิธีเยี่ยมชม:
1. เดิน - เดินไป ถ่ายรูปไปค่ะ เพลินมากมาย จขกท จัดไป 3 ชั่วโมงกว่าแบบชิลๆค่ะ เหมาะสำหรับผู้ที่อยากเดินออกกำลังกายหรือมาน้อยคนค่ะ
2. เช่ารถกอล์ฟ - ค่าเช่า ชั่วโมงแรก 400 บาท ชั่วโมงถัดไปชั่วโมงละ 100 บาท (ผู้ขับต้องมีใบขับขี่รถยนต์นะคะ) เหมาะสำหรับผู้ที่มากันหลายๆคน มีผู้สูงอายุ หรือขี้เกียจเดินค่ะ เพราะบริเวณกว้างมากจริงๆ แต่ก็ต้องทำเวลานิดนึงนะคะเพราะค่าเช่าแอบแรง
เพิ่มเติม:
ถ้าไม่อยากดำ ลงครีมกันแดดทามาให้พร้อมนะคะ แล้วอย่าลืมหมวกกับแว่นตากันแดดด้วยค่ะ เราเตือนคุณแล้ว
แนะนำให้มาฤดูหนาวนะคะ อากาศสบายสุดแล้วค่ะ จขกท เคยมาหน้าร้อน ทั้งหน้าดำ เหงื่อโชกกลับไปเลยค่ะ
ก่อนเริ่มเที่ยว เข้าห้องน้ำให้เรียบร้อยก่อนนะคะ ห้องน้ำอยู่จุดขายตั๋วเลยค่ะ
เที่ยวแล้วอยากกินกุ้งแม่น้ำอร่อยๆ ไปครัวต้นน้ำเลยค่ะ จขกท ลองมาหลายเจ้าล่ะ เจ้านี้ย่างดีสุด ราคาพอสู้ไหวค่ะ
*** ขอให้สนุกกับการเที่ยวพระราชวังบางปะอินนะคะ ***
เดินถ่ายรูปชิลๆ ที่พระราชวังบางปะอิน
พระราชวังบางปะอินมีมาตั้งแต่สมัยพระเจ้าปราสาททอง ถูกสร้างขึ้นเพราะแถวนี้เป็นบ้านเก่าของพระราชมารดาของพระองค์ และใช้เป็นที่แปรพระราชฐานของพระมหากษัตริย์อยุทธยาเรื่อยมาจนเสียกรุงครั้งที่ 2 พระราชวังนี้ก็เลยถูกทิ้งร้าง ในสมัยพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว พระองค์ท่านได้เสด็จมาบูรณะวัดและวังในเขตกรุงเก่า รวมถึงพระราชวังบางปะอินแห่งนี้ด้วย
พระราชวังบางปะอินมีเนื้อที่ 116 ไร่ ซึ่งภายในประกอบด้วยพระที่นั่งและพระตำหนักน้อยใหญ่มากมาย พร้อมทั้งมีสระน้ำและสวนสวยๆให้เพลินตาด้วยค่ะ (เห็นความกว้างแล้วอย่าเพิ่งท้อใจนะคะ เดี๋ยว จขกท จะใส่เทคนิคเที่ยวไว้ให้ด้านล่างค่ะ)
ตอนนี้เปิดให้เข้าชมภายในอาคารแค่ 3 จุดนะคะ (สีแดงบนแผนที่) คือ หอเหมมณเฑียรเทวราชา ประตูเทวราชครรไล (จัดแสดงพระราชประวัติและการแต่งการแบบไทยในสมัยก่อน) และสภาคารราชประยูร (จัดแสดงของที่มีคนทูลเกล้าถวายในหลวงรัชกาลที่ 9)
ทางเดินร่มรื่นสุดๆค่ะ ถ่ายรูปก็งาม
สะพานตุ๊กตา มีรูปปั้นสาวสวยสไตล์ยุโรปยืนกันเป็นแถว
วิวจากสะพานจะเห็น พระที่นั่งวโรภาษพิมาน-พระที่นั่งไอยสวรรค์ทิพย์อาสน์-ประตูเทวราชครรไล
ถ้ามาแล้วไม่เจอเจ้าถิ่น ถือว่ามาไม่ถึงนะคะ บริเวณนี้มีให้ซื้อขนมปังให้ปลาด้วยค่ะ แล้วพี่แกก็รอกินปลาอยู่ เห็นงับ 5-6 ทีแต่ไม่เห็นงับได้สักตัว พี่ตะพาบก็มารอกินขนมปังนะคะ แต่แย่งไม่ทันปลา พอพี่เงินทองแกว่ายน้ำไปเจอกับพี่ตะพาบ แกว่ายเมินแถมเอาหางไปชนพี่ตะพาบอีก 555
เดินตามทางไปเรื่อยๆจะได้มุมประมาณนี้
ข้ามสะพานแล้วมองไปทางขวาจะเจอประตูสาครประพาสค่ะ
ประตูเทวราชครรไลจะมีจัดแสดงพระราชประวัติและการนุ่งห่มแบบไทย ที่นี่มีแอร์ น้ำดื่มและไอศครีมขายนะคะ ใครร้อนๆมาแวะนั่งตากแอร์ได้ค่ะ ตรงนี้มีขายอาหารปลาแบบเม็ดด้วยนะคะ
ด้านขวาของประตูจะเป็นสะพานเสาวรส สะพานนี้เป็นเขตกั้นส่วนระหว่างพระราชฐานชั้นนอกกับชั้นใน โดยมีบานเกล็ดบังค่ะ เป็นมุมยอดฮิต ถ่ายรูปสวยมากค่ะ แต่เราจะยังไม่ข้ามสะพานนี้นะคะ ขอไปทัวร์ข้างในก่อน
ติดกับสะพานเสาวรสจะเป็นเก๋งบุปผาประภาส ถ่ายรูปสวยค่ะ
ฝั่งตรงข้ามประตูจะเป็นด้านหลังของพระที่นั่งอุทยานภูมิเสถียร เป็นพระที่นั่งองค์ที่พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวโปรดปรานมากที่สุด จริงๆถูกไฟไหม้ไปหมดแล้วค่ะ แต่สมเด็จฯพระพันปีหลวงท่านโปรดให้สร้างขึ้นมาใหม่ จะมีส่วนตรงกระจกที่เราแอบส่องได้นะคะ มโนเบาๆว่าถ้าจัดงานเลี้ยงเต้นรำคงจะสวยเหมือนในเทพนิยายเลย อย่าลืมเดินไปถ่ายรูปด้านหน้าด้วยนะคะ
พอมาถึงจุดนี้จะมีทางแยกไปสองทางระหว่างซ้ายไปหอวิฑูรทัศนากับขวาอนุสาวรีย์สมเด็จพระนางเจ้าสุนันทากุมารีรัตน์ จะเลือกไปทางซ้ายหรือขวาก็ได้ค่ะ เดี๋ยวก็กลับมาเจอกันอยู่ดี
จขกท ขอพาเที่ยวฝั่งขวาก่อนนะคะ
อนุสาวรีย์สมเด็จพระนางเจ้าสุนันทากุมารีรัตน์ หรือที่เรารู้จักกันในนาม พระนางเรือล่ม เป็นอนุสาวรีย์ที่พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงโปรดให้สร้างขึ้นเพื่อเป็นอนุสรณ์แห่งความรักและอาลัยแด่พระบรมราชเทวีที่เสด็จทิวงคตไปพร้อมกับพระธิดาและพระราชบุตรในพระครรถ์จากเหตุการเรือล่มตรงนนทบุรี (แถววัดกู้) ขณะที่กำลังอยู่ระหว่างการแปรพระราชฐานมาที่พระราชวังบางปะอิน (จขกท เคยได้ยินว่าจริงๆ สมเด็จฯท่านว่ายน้ำเป็น แต้เป็นเพราะทรงพระครรถ์และห่วงพระธิดาองค์น้อย จึงไม่สามารถว่ายน้ำออกมาได้ และชาวบ้านไม่มีใครกล้าลงไปช่วยเพราะกลัวผิดกฏมณเฑียรบาล จริงไม่จริงยังไง ลองไปตรวจสอบกันก่อนจะเชื่อนะคะ)
คำจารึกทำให้เราได้เห็นถึงความรักและความอาลัยจริงๆ
จบเรื่องเศร้า ไปเที่ยวกันต่อค่ะ
เดินตามทางต่อไปเรื่อยๆ เราจะเข้าสู่พระตำหนักฝ่ายในค่ะ จขกท ถ่ายมาได้ไม่หมดนะคะ ดูที่พอถ่ายมาละกันเนอะ
เริ่มจากพระตำหนักของสมเด็จพระพันวัสสา
ถัดมาเป็นเรือนเจ้าจอมก๊กออ - เจ้าจอมมารดาอ่อน และเจ้าจอมเอี่ยม เจ้าจอมเอิบ เจ้าจอมอาบ เจ้าจอมเอื้อน - เรือนด็จะใหญ่หน่อยเพราะท่านอยู่กันหลายคนค่ะ
ต่อไปเป็นเรือนเจ้าจอมมารดาแส
พระตำหนักสมเด็จพระปิตตุฉาเจ้าสุขุมมาลยมารศรี
พระตำหนักพระวิมาดาเธอพระองค์เจ้าสายสวลีภิรมย์ ที่นี่ก็จะใหญ่หน่อยเพราะพระองค์ท่านมีหน้าที่รับผิดชอบการปรุงพระกระยาหารขึ้นโต๊ะเสวยด้วย ทีมงานคงเยอะอยู่ค่ะ
ต่อไปก็เป็นพระตำหนักใหญ่สุดคือพระตำหนักเก้าห้อง ไม่ได้เปิดให้เข้าค่ะ เลยไม่รู้ว่ามีแค่ 9 ห้องจริงรึเปล่า
เดินมาอีกหน่อยจะเจอตำหนักของพระราชชายาเจ้าดารารัศมีค่ะ ระเบียงกว้างมาก เหมากับการนั่งรับลมสุดๆ
จริงๆ เห็นบอกว่าสมัยก่อนจะมีเรือนมากกว่านี้นะคะ แต่โดนทิ้งให้ทรุดโทรมไปนาน ตอนสมเด็จฯพระพันปีหลวงท่านทรงโปรดให้บูรณะ บางเรือนก็ผุพังไปแล้ว เลยเหลือให้เราดูเท่านี้ค่ะ
ระหว่างทางจะเจอไม้ดัดเป็นสัตว์มากมาย ทั้งช้าง นกยูง ไก่ แต่ตัวนี้ จขกท งงๆว่าเป็นตัวอะไร ใครดูออกบอกด้วยนะคะ
เดินต่อไปตามทางจะไปเจอพระที่นั่งวิหาศจำรูญและหอวิฑูรทัศนาซึ่งเป็นศิลปะแบบจีนค่ะ เมื่อก่อนเปิดให้เข้าทั้งสองที่เลย ข้างในพระที่นั่งสวยมากค่ะ อลังกาลมาก ส่วนบนหอก็มองวิวได้ทั่วเลย แต่ตอนนี้ปิดไปแล้วนะคะ คาดว่าเนื่องจากเป็นโครงสร้างไม้เลยน่าจะผุพังไปตามเวลา หวังว่าจะเปิดให้เข้าอีกนะคะ
ณ จุดนี้มีรถขายน้ำค่ะ สามารถซื้อแล้วนั่งชิลดูอาคารสวยๆกันได้เลย
คราวนี้เราจะเดินย้อนกลับมาเจอพระที่นั่งอุทยานภูมิเสถียร เราก็ได้เวลาไปเดินข้ามสะพานเสาวรสแล้วค่ะ พอเดินข้ามไปแล้วจะโดนบังคับเลี้ยวซ้าย แล้วจะมีจุดถ่ายรูปซ่อนอยู่นะคะ มีป้ายใหญ่ๆเขียนไว้ จะเป็นมุมด้านนอกของสะพานเสาวรส และจะเป็นมุมที่ใกล้พระที่นั่งไอยสวรรค์ทิพยอาสน์มากค่ะ กลางพระที่นั่งมีพระบรมรูปของพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวอยู่ด้วยนะคะ
ถัดมาเราจะเจอกับพระที่นั่งวโรภาษพิมานซึ่งเป็นที่ประทับและท้องพระโรงของพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวค่ะ แต่ก่อนที่นี่ก็ให้เข้าชมข้างใน สวยมากค่ะ ตอนนี่ก็ดูข้างนอกไปก่อนนะคะ
ด้านข้างมีเรือนแพพระที่นั่งนะคะ แต่เป็นเขตห้ามถ่ายรูปค่ะ เลยไม่มีรูปมาฝาก (ข้างนอกถ่ายได้แต่ลืมถ่ายค่ะ)
เดินมาอีกหน่อยจะถึงสภาคารราชประยูร แต่ก่อนเป็นที่ประทับของเจ้านายฝ่ายหน้าและข้าราชบริพาร ตอนนี้เป็นที่จัดแสดงของที่มีคนทูลเกล้าถวายแด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 9 ค่ะ
จบแล้วค่ะกับพระราชวังบางปะอิน อากาศดี สถานที่สวย มุมถ่ายรูปเพียบ ประทับใจสุดๆค่ะ ใครยังไม่เหนื่อยก็ข้ามกระเช้าไปเที่ยววัดนิเวศธรรมประวัติต่อได้นะคะ ตรงนั้นมีคาเฟ่วิวแม่น้ำด้วยค่ะ
คราวนี้ถึงรายละเอียดและเทคนิคต่างๆที่ จขกท จะขอฝากไว้สำหรับคนที่อยากไปตามรอยนะคะ
พระราชวังบางปะอิน
แผนที่: https://maps.app.goo.gl/AW9zUfxw4c5NZqVL9
ที่จอดรถ: อยู่ซ้ายมือก่อนถึงพระราชวัง (จอดที่เดียวกับวัดนิเวศธรรมประวัติ)
เปิด: ทุกวัน 8:00-16:00
ค่าเข้าชม:
คนไทย ผู้ใหญ่ 30 บาท เด็ก 20 บาท
ต่างชาติ 100 บาท (ไม่แน่ใจว่าแยกราคาเด็กกับผู้ใหญ่รึเปล่านะคะ)
การแต่งกาย:
เสื้อมีแขน - ไม่เอาสายเดี่ยว เกาะอก แขนกุด เอวลอย ซีทรู คอกว้างนะคะ ถ้าใส่มาอาจจะโดนให้ใส่เสื้อคลุมค่ะ ถ่ายรูปมาไม่เก๋แน่นอน
กางเกง (ผู้ชาย)/กระโปรง (ผู้หญิง) ยาวเลยเข่า ผู้หญิงถ้าใส่กางเกงมาอาจจะโดนให้ใส่ซิ่นทับนะคะ
เพราะฉะนั้นแนะนำให้แต่งตัวมาให้ถูกระเบียบเลยค่ะ จะได้ถ่ายรูปได้สวยๆ
รองเท้า
- ผ้าใบหรือรองเท้าเดินดีที่สุดค่ะ สำคัญมากนะคะ ไม่งั้นกลับไปปวดเท้าแน่นอนค่ะ
วิธีเยี่ยมชม:
1. เดิน - เดินไป ถ่ายรูปไปค่ะ เพลินมากมาย จขกท จัดไป 3 ชั่วโมงกว่าแบบชิลๆค่ะ เหมาะสำหรับผู้ที่อยากเดินออกกำลังกายหรือมาน้อยคนค่ะ
2. เช่ารถกอล์ฟ - ค่าเช่า ชั่วโมงแรก 400 บาท ชั่วโมงถัดไปชั่วโมงละ 100 บาท (ผู้ขับต้องมีใบขับขี่รถยนต์นะคะ) เหมาะสำหรับผู้ที่มากันหลายๆคน มีผู้สูงอายุ หรือขี้เกียจเดินค่ะ เพราะบริเวณกว้างมากจริงๆ แต่ก็ต้องทำเวลานิดนึงนะคะเพราะค่าเช่าแอบแรง
เพิ่มเติม:
ถ้าไม่อยากดำ ลงครีมกันแดดทามาให้พร้อมนะคะ แล้วอย่าลืมหมวกกับแว่นตากันแดดด้วยค่ะ เราเตือนคุณแล้ว
แนะนำให้มาฤดูหนาวนะคะ อากาศสบายสุดแล้วค่ะ จขกท เคยมาหน้าร้อน ทั้งหน้าดำ เหงื่อโชกกลับไปเลยค่ะ
ก่อนเริ่มเที่ยว เข้าห้องน้ำให้เรียบร้อยก่อนนะคะ ห้องน้ำอยู่จุดขายตั๋วเลยค่ะ
เที่ยวแล้วอยากกินกุ้งแม่น้ำอร่อยๆ ไปครัวต้นน้ำเลยค่ะ จขกท ลองมาหลายเจ้าล่ะ เจ้านี้ย่างดีสุด ราคาพอสู้ไหวค่ะ
*** ขอให้สนุกกับการเที่ยวพระราชวังบางปะอินนะคะ ***