ผมเป็นคนที่หนังหุ้มปลายยาว แต่เปิดทำความสะอาดได้ตามปกติ
ทำให้ลังเลว่าจะขลิบหรือไม่อยู่นาน และลองเปิดหัวทิ้งไว้เพื่อให้รู้ว่าหลังขลิบแล้วจะรู้สึกยังไงกระทั่งตัดสินใจได้ว่าขิลบดีกว่า เพื่อความโล่งสะอาด
อย่างไรก็ดี สำหรับคนที่ยังเปิดหนังหุ้มปลายไม่ได้ แต่ไม่อยากขลิบ แนะนำให้ลองรูดเปิดไปเรื่อยๆก่อนนะครับ เพื่อผมหลายคนที่เปิดได้เล็กน้อย นานไปจะเปิดได้คล่องเอง
เอาละสำหรับผม
เมื่อตัดสินใจได้แล้วว่าจะขลิบจึงเข้าติดต่อกับโรงพยาบาลทันทีครับ
ขั้นตอนการติดต่อไม่ยากแค่แจ้งความจำนงว่าจะขลิบ พยาบาลจะทำนัดให้ในวันและเวลาที่หมอและเราสะดวกตรงกัน ผมทำ รพ.เอกชนก็จะเลือกได้มากหน่อยครับ หากเป็น รพ. รัฐฯ คงทำไม่ได้ เพราะหมอไม่ขลิบให้ 5555+
ขั้นตอนที่ยากคือ รีวิวโรงพยาบาลและคลีนิคว่าชอบแบบไหนซะมากกว่า (มันมีหลายแบบนะครับ 555)
ถึงวันนัดไป รพ ตามเวลา หมอขอดูน้องเพื่อพิจารณาแนวทางการขลิบ จึงรู้ว่ามีแบบใช้เครื่องด้วย (ไร้เลือดแบบที่เค้าฮิตๆกัน) แต่ด้วยเหตุต่างๆหลายประการ หมอตัดสินใจขลิบแบบธรรมดาให้ เพราะหมอบอกว่าหากใช้เครื่องแล้วเลือดออกมากคงต้องเย็บซ่อมอยู่ดี
ถึงเวลาขึ้นเตียงบรรยากาศอึมครึมตื่นเต้น แต่พยาบาลก็ชวนคุยให้ผ่อนคลาย หมอมาถึงปุ๊บโดนจับปิดตาและฉีดยาชาเข้าที่น้องชาย เจ็บแปล๊บๆนิดเดียวจากนั้นนอนสบายๆให้หมอทำตามที่ถนัดเลย ระหว่างทำรู้สึกร้อนๆจากการจี้ห้ามเลือด และเจ็บเล็กน้อยถึงปานกลางพอให้ได้อดทนกันเล็กน้อยเนื่องจากยาชาหมดฤทธิ์ก่อนหมอจะทำเสร็จครับ 5555+ เลยรีบบอกหมอว่าให้รีบๆทำ จะอดทนให้ไม่ต้องฉีดยาชาเพิ่มก็นอนกัดฟัน เกร็งๆกันไป
หลังทำเสร็จ ดูแผล โอ๊ยยยยยย ตายๆๆๆ หมอพันซะเป็นหมูยาเลย จะฉี่ยังไงกันละนี่เลยตัดสินใจแกะผ้าห่อหมูยอเพื่อจะพันแผลใหม่ เชื่อไหมครับ แกะปุ๊บ เลือดหยดติ๋งๆ เต็มห้องน้ำ เต็มพื้นคอนโด เห็นละตกใจต้องรีบห้ามเลือดพันแผลใหม่โดยไว แล้วค่อยๆเบ่งฉี่แบบเกร็งๆ กลัวเลือดพุ่งอีก
วันแรกเป็นวันที่ทรมานสุดละ กินยาแก้ปวดตลอด ผ้าพันแผลก็พันแบบหนาๆ เพราะต้องห้ามเลือดไปก่อนนอนแทบไม่หลับ แต่ก็ดีครับทำให้น้องหลับทั้งวันไม่ตื่นมาทักทายกันเลย จนวันที่สองไปทำแผล พยาบาลพันผ้าให้แบบบางลง ตอนแกะผ้าพันแผลไม่เจ็บมากครับ แต่ตอนล้างนี่ อย่าบอกใครเลยครับ แต่ก็เป็นแบบนี้แค่ช่วง 5 วันแรก มันดีขึ้นเรื่อยๆครับ
เรื่องของการทำแผลนี้ถ้าเจอพยาบาลมือเบาที่ถนอมน้องเราก็ดีนะแทบไม่เจ็บเลย ถ้าเจอคนมือหนักละก็................. แต่ผมก็ทำแผลเองเป็นส่วนใหญ่ ใช้เวลาหน่อย แต่ก็สะดวกดีครับ ช่วงนี้การอาบน้ำยากลำบากพอควรเพราะหมอห้ามแผลโดนน้ำ ลองทายกันดูครับว่าผมทำยังไงจึงผ่านช่วงนี้มากได้ 5555+ ของแบบนี้ต้องมีสิ่งประดิษฐ์ช่วยครับ
หลังผ่านไป 1 สัปดาห์ บอกเลยว่าสัปดาห์แรกหนักสุดละ ทั้งเจ็บ อึดอัด ปรับตัวเรื่องการฉี่เพราะน้องบวม ฉี่ยากต้องนั่งชักโครกตลอด เข้าห้องน้ำทีก็นานนนไม่อยากเดินไปไหน
พอเข้าสัปดาห์ที่ 2 เริ่มสบายขึ้น แผลดีขึ้นแต่ก็ยังเยินๆ อยู่ มีน้ำเหลือง มีการหลุดลอกของผิวที่โดนเครื่องจี้ไหม้ ช่วงนี้ยังห้ามโดนน้ำและทำแผลต่อไปเรื่อยๆๆ ครบ 14 วันหมอนัดดูแผล ซึ่งแผลก็หายและแห้งดีจนน่าพ่อใจ ปัญหาคือ ไหมไม่ละลายเลยครับ หมอจึงสั่งให้ตัดไหมทั้งหมด เจ็บหน่อยพอสะดุ้งโดยเฉพาะเส้นที่จมเนื้อ
ช่วงเข้าสัปดาห์ที่ 3 หลังตัดไหมโล่งและแผลแห้งไวมากๆ อาการดีวันดีคืน จนแทบหายดี ฉี่ที่โถฉี่ได้แล้วครับ
สรุป ทำแผลไป 20 วันพอดี และอาบน้ำฟอกสบู่ได้ตามปกติในวันที่ 21 ช่วงฟอกสบู่ก็เจ็บๆ แต่ก็รู้สึกดีที่ได้โดนน้ำสักทีครับ สดชื่นเลยยย
สุดท้ายเมื่อครบ 6 สัปดาห์ตามหมอสั่ง จึงพาน้องชายโฉมใหม่ไปออกกำลังกาย แม้จะรู้สึกเจ็บอยู่บ้างแต่ฟินสุดดดเลย อย่างไรก็ดี ด้วยกายวิภาคและรูปแบบการเคลื่อนที่ของน้องชายที่เปลี่ยนไป ทำให้สัมผัสลอนน้องสาวได้มากขึ้นแต่ต้องถนอมน้องสาวมากขึ้นนิดนึงด้วยเช่นกันในช่วงจังหวะชักออก =_=
จบแล้วครับสำหรับประสบการณ์ขลิบในครั้งนี้ และขอเป็นกำลังใจให้สำหรับคนกำลังตัดสินใจ และกำลังจะขลิบนะครับ
ส่วนคนที่คิดว่าหนังหุ้มปลายแคบหรือเปิดยากขอให้ใช้ความพยายามกันต่อไป เปิดทำความสะอาดบ่อยๆให้หนังหุ้มปลายได้ยืดขยาย
และสำหรับพ่อแม่ที่มีน้องตัวเล็กๆลองใช้วิธีธรรมชาติก่อนก็ได้นะครับ อย่างผมกว่าจะเปิดได้ก็ตอน ม. 1-2 นี่แหละครับ ;)
บันทึกประสบการณ์ขลิบหนังหุ้มปลาย
ทำให้ลังเลว่าจะขลิบหรือไม่อยู่นาน และลองเปิดหัวทิ้งไว้เพื่อให้รู้ว่าหลังขลิบแล้วจะรู้สึกยังไงกระทั่งตัดสินใจได้ว่าขิลบดีกว่า เพื่อความโล่งสะอาด
อย่างไรก็ดี สำหรับคนที่ยังเปิดหนังหุ้มปลายไม่ได้ แต่ไม่อยากขลิบ แนะนำให้ลองรูดเปิดไปเรื่อยๆก่อนนะครับ เพื่อผมหลายคนที่เปิดได้เล็กน้อย นานไปจะเปิดได้คล่องเอง
เอาละสำหรับผม
เมื่อตัดสินใจได้แล้วว่าจะขลิบจึงเข้าติดต่อกับโรงพยาบาลทันทีครับ
ขั้นตอนการติดต่อไม่ยากแค่แจ้งความจำนงว่าจะขลิบ พยาบาลจะทำนัดให้ในวันและเวลาที่หมอและเราสะดวกตรงกัน ผมทำ รพ.เอกชนก็จะเลือกได้มากหน่อยครับ หากเป็น รพ. รัฐฯ คงทำไม่ได้ เพราะหมอไม่ขลิบให้ 5555+
ขั้นตอนที่ยากคือ รีวิวโรงพยาบาลและคลีนิคว่าชอบแบบไหนซะมากกว่า (มันมีหลายแบบนะครับ 555)
ถึงวันนัดไป รพ ตามเวลา หมอขอดูน้องเพื่อพิจารณาแนวทางการขลิบ จึงรู้ว่ามีแบบใช้เครื่องด้วย (ไร้เลือดแบบที่เค้าฮิตๆกัน) แต่ด้วยเหตุต่างๆหลายประการ หมอตัดสินใจขลิบแบบธรรมดาให้ เพราะหมอบอกว่าหากใช้เครื่องแล้วเลือดออกมากคงต้องเย็บซ่อมอยู่ดี
ถึงเวลาขึ้นเตียงบรรยากาศอึมครึมตื่นเต้น แต่พยาบาลก็ชวนคุยให้ผ่อนคลาย หมอมาถึงปุ๊บโดนจับปิดตาและฉีดยาชาเข้าที่น้องชาย เจ็บแปล๊บๆนิดเดียวจากนั้นนอนสบายๆให้หมอทำตามที่ถนัดเลย ระหว่างทำรู้สึกร้อนๆจากการจี้ห้ามเลือด และเจ็บเล็กน้อยถึงปานกลางพอให้ได้อดทนกันเล็กน้อยเนื่องจากยาชาหมดฤทธิ์ก่อนหมอจะทำเสร็จครับ 5555+ เลยรีบบอกหมอว่าให้รีบๆทำ จะอดทนให้ไม่ต้องฉีดยาชาเพิ่มก็นอนกัดฟัน เกร็งๆกันไป
หลังทำเสร็จ ดูแผล โอ๊ยยยยยย ตายๆๆๆ หมอพันซะเป็นหมูยาเลย จะฉี่ยังไงกันละนี่เลยตัดสินใจแกะผ้าห่อหมูยอเพื่อจะพันแผลใหม่ เชื่อไหมครับ แกะปุ๊บ เลือดหยดติ๋งๆ เต็มห้องน้ำ เต็มพื้นคอนโด เห็นละตกใจต้องรีบห้ามเลือดพันแผลใหม่โดยไว แล้วค่อยๆเบ่งฉี่แบบเกร็งๆ กลัวเลือดพุ่งอีก
วันแรกเป็นวันที่ทรมานสุดละ กินยาแก้ปวดตลอด ผ้าพันแผลก็พันแบบหนาๆ เพราะต้องห้ามเลือดไปก่อนนอนแทบไม่หลับ แต่ก็ดีครับทำให้น้องหลับทั้งวันไม่ตื่นมาทักทายกันเลย จนวันที่สองไปทำแผล พยาบาลพันผ้าให้แบบบางลง ตอนแกะผ้าพันแผลไม่เจ็บมากครับ แต่ตอนล้างนี่ อย่าบอกใครเลยครับ แต่ก็เป็นแบบนี้แค่ช่วง 5 วันแรก มันดีขึ้นเรื่อยๆครับ
เรื่องของการทำแผลนี้ถ้าเจอพยาบาลมือเบาที่ถนอมน้องเราก็ดีนะแทบไม่เจ็บเลย ถ้าเจอคนมือหนักละก็................. แต่ผมก็ทำแผลเองเป็นส่วนใหญ่ ใช้เวลาหน่อย แต่ก็สะดวกดีครับ ช่วงนี้การอาบน้ำยากลำบากพอควรเพราะหมอห้ามแผลโดนน้ำ ลองทายกันดูครับว่าผมทำยังไงจึงผ่านช่วงนี้มากได้ 5555+ ของแบบนี้ต้องมีสิ่งประดิษฐ์ช่วยครับ
หลังผ่านไป 1 สัปดาห์ บอกเลยว่าสัปดาห์แรกหนักสุดละ ทั้งเจ็บ อึดอัด ปรับตัวเรื่องการฉี่เพราะน้องบวม ฉี่ยากต้องนั่งชักโครกตลอด เข้าห้องน้ำทีก็นานนนไม่อยากเดินไปไหน
พอเข้าสัปดาห์ที่ 2 เริ่มสบายขึ้น แผลดีขึ้นแต่ก็ยังเยินๆ อยู่ มีน้ำเหลือง มีการหลุดลอกของผิวที่โดนเครื่องจี้ไหม้ ช่วงนี้ยังห้ามโดนน้ำและทำแผลต่อไปเรื่อยๆๆ ครบ 14 วันหมอนัดดูแผล ซึ่งแผลก็หายและแห้งดีจนน่าพ่อใจ ปัญหาคือ ไหมไม่ละลายเลยครับ หมอจึงสั่งให้ตัดไหมทั้งหมด เจ็บหน่อยพอสะดุ้งโดยเฉพาะเส้นที่จมเนื้อ
ช่วงเข้าสัปดาห์ที่ 3 หลังตัดไหมโล่งและแผลแห้งไวมากๆ อาการดีวันดีคืน จนแทบหายดี ฉี่ที่โถฉี่ได้แล้วครับ
สรุป ทำแผลไป 20 วันพอดี และอาบน้ำฟอกสบู่ได้ตามปกติในวันที่ 21 ช่วงฟอกสบู่ก็เจ็บๆ แต่ก็รู้สึกดีที่ได้โดนน้ำสักทีครับ สดชื่นเลยยย
สุดท้ายเมื่อครบ 6 สัปดาห์ตามหมอสั่ง จึงพาน้องชายโฉมใหม่ไปออกกำลังกาย แม้จะรู้สึกเจ็บอยู่บ้างแต่ฟินสุดดดเลย อย่างไรก็ดี ด้วยกายวิภาคและรูปแบบการเคลื่อนที่ของน้องชายที่เปลี่ยนไป ทำให้สัมผัสลอนน้องสาวได้มากขึ้นแต่ต้องถนอมน้องสาวมากขึ้นนิดนึงด้วยเช่นกันในช่วงจังหวะชักออก =_=
จบแล้วครับสำหรับประสบการณ์ขลิบในครั้งนี้ และขอเป็นกำลังใจให้สำหรับคนกำลังตัดสินใจ และกำลังจะขลิบนะครับ
ส่วนคนที่คิดว่าหนังหุ้มปลายแคบหรือเปิดยากขอให้ใช้ความพยายามกันต่อไป เปิดทำความสะอาดบ่อยๆให้หนังหุ้มปลายได้ยืดขยาย
และสำหรับพ่อแม่ที่มีน้องตัวเล็กๆลองใช้วิธีธรรมชาติก่อนก็ได้นะครับ อย่างผมกว่าจะเปิดได้ก็ตอน ม. 1-2 นี่แหละครับ ;)