ประสบการณ์ความรู้สึกหลังจากที่ขลิบ

กระทู้สนทนา
สวัสดีครับ  ขอแชร์ประสบการณ์ครั้งหนึ่งในชีวิต

" นั่นก็คือการขลิบหนังหุ้มปลาย "
แน่นอนว่า ผู้ชายอย่างเราๆ  ตัดสินใจทำอะไรบางอย่างตรงส่วนนี้ จะเป็นจุดที่คิดหนักคิดเยอะ ยิ่งโตมาก ยิ่งคิดมากเท่าตัว เพราะทั้งชีวิตก็มีแค่อันเดียว กลัวเจ็บ ประเด็นคือไม่ได้อยากจะขลิบเลยตั้งแต่แรก แรกๆก็ไม่มีปัญหาอะไร แต่ช่วงหลังผิวหนังบริเวณน้องชายเริ่มแห้ง มีขุยสีขาว ลอกๆแล้วก็เป็นแผลริ้วๆเหมือนปากแตกหน้าหนาว แรกๆเป็น 2-3 วันก็เริ่มหาย แต่พอเวลาใช้งาน ถูสบู่ทำความสะอาดจะรู้สึกแสบแล้วก็เป็นแผลใหม่เรื่อยๆ ผ่านมาแค่ 2-3 เดือน เริ่มรูดเปิดยากขึ้นต่อให้ไม่มีการแข็งตัวก็ตาม ทุกครั้งเวลารูดเปิดเพื่อล้างทำความสะอาดก็จะรู้สึกเจ็บและเป็นแผลง่ายขึ้น  จนพักหลังเริ่มรู้สึกไม่อยากมีความต้องการทางเพศ รู้สึกไม่อยากให้มีการแข็งตัว เพราะมันเจ็บ  แสบ มารู้ตัวอีกทีเหมือนสมรรถภาพทางเพศก็ลดลงไปด้วยอีก

ตัดสินใจหาข้อมูลเพื่อที่จะรักษา  แรกเริ่มไปหาหมอที่โรงพยาบาลคุณหมอก็ให้ยาทาและยาทานมา แต่ก็ดีขึ้นแค่ช่วงแรก ระยะสั้นๆ  สุดท้ายก็เป็นเหมือนเดิม ก็เลยเริ่มหาข้อมูลเกี่ยวกับการขลิบ ได้เห็นข้อมูลหลายๆที่  ผมอยู่แถวพระราม 2 เลยหาคลินิกใกล้บ้าน ไปเจอที่นึง  มีหลายสาขา ผมเลยนัดเข้าไปปรึกษาแล้วก็ประเมินค่าใช้จ่าย พอไปคุยจริงผมโดนการประเมินเบื้องต้นไป 5-6 หมื่น ที่สำคัญราคาที่เขาแจ้งมาคือยังไม่แน่นอนว่าจะจบที่เท่านี้หรือเปล่า เลยแบบ เฮ้ยย ครึ่งแสนเลย  ผมเลยตัดสินใจทิ้งเงินจองเพื่อที่จะไปหาที่ปรึกษาใหม่

จนมาเจอคลินิกแถวมหาชัย คุยทางไลน์ก่อนเพื่อสอบถามค่าใช้จ่ายคร่าวๆ  แล้วตัดสินใจนัดเข้าไปปรึกษาที่ใหม่ ตรงมหาชัย  แต่ผมก็เผื่อใจไว้บ้างแล้วว่าค่าใช้จ่ายก็อาจจะไม่ได้ห่างกันมาก แต่อย่างน้อยก็เป็นทางเลือก ที่ราคาไม่น่าแรงเท่าเจ้าแรก  ผมเองก็มีงบที่จำกัดในการรักษาครั้งนี้ พอประเมินที่นี่ค่าใช้จ่ายต่างกันเกือบครึ่ง ก่อนที่จะตัดสินใจทำผมก็ย้ำแล้วย้ำอีกว่าจะมีค่าใช้จ่ายอย่างอื่นเพิ่มเติมหรือเปล่า แต่คุณหมอก็พูดชัดเจนว่าค่าใช้จ่ายที่ผมจะต้องเสียจะมีค่าอะไรบ้าง ซึ่งตามเหตุผลที่หมออธิบายให้ผมฟัง กับอาการที่ผมเป็นจริงๆ หลังจากที่ทำเสร็จก็จบตามที่คุยกันตั้งแต่แรก เพราะผมตัดสินใจว่าถ้าไม่ได้ทำในวันนั้นก็คงจะปล่อยเลย เพราะเดิมทีก็เป็นคนที่กลัวเจ็บกลัวเข็ม ที่สำคัญเลยคืออายเวลาเข้าไปพบหมอกับเรื่องพวกนี้ แต่ถ้าย้อนเวลากลับไปได้ถ้าผมรู้ว่าการที่ปล่อยให้ปัญหาที่เป็นแผลแตกซ้ำๆจนทำให้รูดเปิดลำบากแล้วเวลาเข้าไปทำการขลิบจะยิ่งเพิ่มขั้นตอนการรักษาอีก ผมคงตัดสินใจทำตั้งแต่แรกๆ

จากที่ผมหาข้อมูลหลายๆที่ส่วนใหญ่ไม่ค่อยมีใครออกมาอธิบายเกี่ยวกับการดูแลแผลหลังการขลิบ ซึ่งผมก็กังวลใจในเรื่องนี้พอสมควร ในเมื่อผมผ่านการขลิบมาด้วยตัวเองและวันนี้แผลหายแล้วผมเลยอยากจะมาเล่าประสบการณ์เผื่อมีเพื่อนๆที่กำลังจะตัดสินใจขลิบจะได้มีการเตรียมตัวและดูแลตัวเองหลังการขลิบได้แบบมืออาชีพมากขึ้นครับ

ผมขอเริ่มเล่าตั้งแต่วันที่เข้าไปขลิบเลยนะครับ
หลังจากที่เคลียร์ค่าใช้จ่ายเบื้องต้นเรียบร้อย  เจ้าหน้าที่พาผมขึ้นไปเตรียมตัวบนห้อง เคลียร์ความสะอาด ถ่ายรูป ( เจ้าหน้าที่ย้ำตลอดการถ่ายรูปว่าถ่ายไว้เป็นประวัติของทางคลินิกเท่านั้น ) เจ้าหน้าที่จะมีกระดาษมาวัดไซส์ ถ้าผมจำไม่ผิดน่าจะเทียบไซส์เอาอุปกรณ์ขลิบให้ตรงกับไซส์ของผม จากนั้นก็ทายาชา พอครบเวลาคุณหมอก็จะเข้ามาพูดคุยสอบถามและชวนคุย ระหว่างทำคุณหมอบอกทุกขั้นตอน  ตอนที่ผมทำรู้สึกนิดนึง ตอนฉีดยาชา แต่ทุนเดิมที่ผมเป็นคนกลัวเข็มอยู่แล้วก็จะรู้สึกกังวลใจมากๆในช่วงเวลาแรกๆที่เริ่มทำ แต่พอทำไปประมาณ 5 นาทีคุยไปคุยมาคุณหมอก็บอกว่า "ขลิบเสร็จแล้ว" คือแบบคอนเฟิร์มเลยครับว่าเร็วมากๆ แล้วก็ไม่ได้น่ากลัวอย่างที่ผมคิดไว้ตั้งแต่แรก ตอนใช้เลเซอร์ผมได้กลิ่นไหม้ๆเหมือนหมูย่างเล็กๆเตะจมูกเป็นระยะ พอเสร็จสิ้นทุกอย่าง  ผมรู้สึกหน่วงๆ จี๊ดๆแปลกๆ แต่ก็ขับรถกลับได้เองซึ่งตอนแรกก็กังวลว่ากลัวจะขับรถไม่ไหว ที่คลินิกก็จะมียาแก้ปวดยาฆ่าเชื้อให้ ผมรู้สึกหน่วงๆหลังขลิบประมาณ 2-3 ชั่วโมง พอวันถัดไปผมแทบจะไม่รู้สึกอะไรแล้ว ทางคลินิกแนะนำให้พันผ้าไว้เฉพาะเวลาหลับ1 สัปดาห์แรก

คลินิกที่ผมไปทำจะมีเจ้าหน้าที่คอยติดตามแผลผ่านทางแชท LINE  ติดตามระหว่างการดูแลแผล ในเคสของผมวันแรกเริ่มบวมขึ้น หลังจากที่พันผ้าทำตามคำแนะนำ  ความบวมก็ไม่ได้มีมากขึ้นกว่าวันแรกๆ  1-2 วันแรก ผมมีเลือดซึมบ้างนิดหน่อย แต่พอวันที่ 3 ที่ 4 ก็แทบจะไม่มีเลือดซึมออกมาเลย พอดีผมใช้กาวเคลือบแผลที่ทางคลินิกมีเสริมให้ผมก็เลยอาบน้ำได้ตั้งแต่หลังขลิบ ที่สำคัญที่ผมเลือกใช้กาวเคลือบแผลทางการแพทย์คือไม่ต้องทำแผลหลังขลิบ สะดวกสบายขึ้นครับทางคลินิกคอยเน้นย้ำเรื่องการดูแลแผลให้แห้ง สัปดาห์แรกผมแทบจะไม่ออกไปไหนเลย เพราะอยากหายให้เร็วที่สุด

แอบกระซิบว่าต้องตั้งใจฟังเวลาที่หมอสอนวิธีการดูแลแผลขลิบ  สอนวิธีการพันผ้า  บอกก่อนนะครับ เวลาพันผ้า แน่นแค่พอดี ไม่ใช่แน่นจนหัวเขียว 😂

ผ่านไป 1 สัปดาห์ เหมือนจะมีน้ำใสๆออกจากแผล ตอนแรกก็ตกใจครับแต่ทางคลินิกบอกว่าปกติเพราะว่าเป็นการระบายความบวมของแผลที่มี ซึ่งก็จริงนะครับหลังจากที่มีน้ำซึมออกจากแผลความบวมก็เริ่มลดลงแต่ก็จะเริ่มดูแลแผลยากขึ้นเพราะจะมีน้ำซึมออกมาจากขอบแผลตลอด   ช่วงเวลานี้ต้องเน้นการซับแผลให้แห้ง บ่อยๆครับ

ประมาณ 2 สัปดาห์กว่าสังเกตว่าแม็กที่ติดตามขอบแผลเริ่มจะหลุด แต่ของผมจะหลุดเป็นบางจุดก่อนครับ ประมาณ 3 สัปดาห์หน่อยๆก็หลุดหมด แต่คุณหมอก็ยังไม่แนะนำให้ใช้งานนะครับต่อให้แม็กไหมจะหลุดก่อนการขลิบ 1 เดือน ถ้าแผลฉีกขึ้นมานี่งานหยาบเลยครับ แต่ผมโชคดีที่แคล้วคลาดทุกอย่างหายตามเวลาแผลดี ไม่มีปริ  แต่ช่วงนี้ก็ยังรู้สึกตึงๆบริเวณขอบแผลขลิบอยู่บ้างนะครับแต่คุณหมอบอกไว้ว่าเป็นเรื่องปกติรออีกประมาณ 3-6 เดือน หนังตรงขอบแผลก็จะมีความยืดหยุ่นมากขึ้น

พอแผลขลิบหายตอนนี้เริ่มอยากฟื้นฟูการแข็งตัวแล้วครับรู้สึกว่าร่างกายต้องการใช้งานแล้ว 😅
เพราะอย่างที่บอกครับช่วงแรกที่เป็นแผลเหมือนแทบจะไม่ได้ใช้งานเลย ตอนนี้เหมือนได้ปลดปล่อย เพื่อนๆคนไหนที่ขลิบแล้วเคยฉีดฟิลเลอร์เพิ่มขนาดฝากมาเล่าสู่กันฟังหน่อยนะครับ ตอนนี้เริ่มสนใจที่อยากจะฉีดฟิลเลอร์แล้วก็ฉีดชะลอการหลั่งครับแต่กำลังเริ่มหาข้อมูล

ผมขลิบที่คลินิกหมอเหมย อยู่มหาชัย
เพื่อนๆขลิบที่ไหนกันบ้างครับ ประสบการณ์เป็นยังไงบ้างมาเล่าสู่กันฟังบ้างนะครับ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่