
รีวิวกรุบกริบ หยิบยกที่เที่ยว ที่กินเป็นทริปเล็กๆ สั้นๆ หลังจากได้ไปเที่ยวอาซากุสะ ในย่านร้านค้าชินนาคามิเสะ (Shin-Nakamese) กับร้านกระเป๋าจากกินซ่า ชื่อร้าน “กินซ่าไลฟ์ GINZA LIFE” เอ้ะ! จากกินซ่า แต่อยู่ใน อาซากุสะ หืมม!? จะเป็นไปยังไงไม่รอช้าไปดูกันเลย

โดยวันนี้จะมาบอกวิธีการเดินทางอีกหนึ่งทางเลือกสำหรับเพื่อนๆ ที่อยากเดินทางจากสถานีโตเกียวกัน ซึ่งสถานีโตเกียวเป็นสถานีที่เชื่อมต่อกับการเดินทางไปยังจุดต่างๆ มากมาย ไม่ว่าจะเป็นเส้นทางรถไฟชินคันเซ็นที่เชื่อมกับจังหวัดต่างๆ ทั่วประเทศญี่ปุ่น หรือ นาริตะเอ็กเพรส ระหว่างสนามบินนาริตะ ไปจนถึง รถบัสที่เชื่อระหว่างฟูจิคาวากูจิโกะ
โดยเราจะเดินทางจาก “สถานีโตเกียว” ไปยัง “ย่านอาซากุสะ” ด้วยรถบัสประจำทาง ที่ทั้งถูกและสามารถเดินทางได้โดยตรงไม่ต้องเปลี่ยนสาย แถมยังราคาไม่แพงอีกด้วย

โดยเดินออกจาก สถานีโตเกียว ประตูทางออก Tokyo Station Yaesu South Exit(สถานีโตเกียว ประตูทางออกยาเอะสุมินามิงูจิ/東京駅八重洲南口) ไปทางขวามือ

เมื่อเดินมาทางขวามือแล้วก็เดินออกจากอาคารเพื่อไปที่ป้ายรถบัส ป้ายรถบัสจะอยู่ทางขวามือ

ซึ่งรถบัสที่จะมุ่งหน้าไปสู่ อาซากุสะ รถบัสจะออกจากป้ายบัสหมายเลข 12 (รถบัสหมายเลข 42-1)

รถบัสที่มุ่งหน้าไปสู่อาซากุสะวิ่งชั่วโมงละ 2-3 เที่ยว และใช้เวลาเดินทางประมาณ 23 นาที

ค่าเดินทางเที่ยวละ 210 เยน เป็นระบบชำระเงินก่อนน้าา

ซึ่งการเดินทางด้วยรถไฟก็จะเห็นวิวเมืองโตเกียวระหว่างทาง ถ้าเป็นรถไฟใต้ดินก็ไม่ได้เห็นบรรยากาศบ้านเมืองแบบนี้เลย

และหากเห็นโตเกียวสกายทรี ที่สูงเด่นอยู่ด้านขวามือแล้ว ก็แสดงว่าตอนนี้เราถึงอาซากุสะแล้วววว

ก็จะเดินทางมาถึงข้างๆ สถานีรถไฟโทบุ “สถานีอาซากุสะ” เราจะไปหาอะไรทานกันซักหน่อย โดยหันหน้าเข้าสถานีแล้วเดินไปทางขวามือ

แล้วก็เดินข้ามทางม้าลายมาอีกฝั่งเลย ก็จะเจอร้านอาหารชื่อว่า คามิยะบาร์ (Kamiya-Bar)

ซึ่งร้าน คามิยะบาร์ (Kamiya-Bar) นี้ถือเป็นบาร์ที่เก่าแก่ที่สุดในญี่ปุ่น เปิดให้บริการมา 140 ปี ตั้งแต่ปีพ.ศ.1880 เลยทีเดียว

โดยที่คามิยะบาร์ (Kamiya-Bar) จะมีอยู่หลายชั้น ส่วนชั้นที่ 2 จะเป็นส่วนร้านอาหาร มีทั้งอาหารฝรั่ง และอาหารญี่ปุ่น

บรรยากาศในร้านดูเก่าแก่ กับความเรโทรนี้มีเสน่ห์ไปอีกแบบ

และค็อกเทลทางด้านซ้ายมือนี้ก็คือเมนูขึ้นชื่อ กับเวลา “Denki Bran” ทานกับกับแกล้ม

แล้วก็สั่งสปาเก็ตตี้มาเป็นอาหารจานหลักของมือนี้ เรียบๆ แต่อร่อยมากๆ
ทานเสร็จแล้วก่อนไปรีวิว เราจะพาไปถ่ายรูปแลนด์มาร์กเด็ดของอาซากุสะกันซักหน่อย
นี่เลยยย!! ถึงแล้วว!!!

“ประตูคามินาริมง” (ตัวอักษรที่อยู่บนโคมเป็นภาษาญี่ปุ่น : 雷門 อ่านว่า คามินาริมง) จุดถ่ายรูปยอดฮิตที่ถ้าไม่ได้มาที่นี่ ก็เหมือนมาไม่ถึงย่านอาซากุสะ กับประตูทางเข้าวัดที่ประดับไปด้วยโคมไฟสีแดงขนาดใหญ่ขนาดสูง 3.9 เมตร เส้นทางผ่านศูนย์กลาง 3.3 เมตร หนักกว่า 700 กิโลกรัมเลยทีเดียว

และที่หน้าประตูคามินาริมง จะมี ศูนย์ให้ข้อมูลนักท่องเที่ยว “ASAKUSA CULTURE TOURIST INFORMATION CENTER” อยู่ เราจะแวะที่นี่กันซักหน่อย
ฟังดูอาจจะดูไม่น่าสนใจ แต่นอกจากการบริการเกี่ยวกับการท่องเที่ยวต่างๆ แล้วยังมีบริการ Wifi ฟรี ฯลฯ แล้วก็ยังสามารถเข้าร่วมกิจกรรมเปิดประสบการณ์สัมผัสวัฒนธรรมญี่ปุ่นต่างๆ ได้ที่นี่อีกด้วย
และไฮไลท์ของที่นี่ก็คืออออออออ!?

จุดชมวิวย่านอาซากุสะ แบบ 360 องศาเลย กับวิวประตูคามินาริมง ถัดไปเป็นย่านร้านค้านาคามิเสะ และวัดเซ็นโซจิ พร้อมบรรยากาศผู้คนที่เดินไปมา

ส่วนอีกด้านหนึ่งมองเห็นโตเกียวสกายทรีแบบชัดสุดๆ โล่งๆ ไม่มีอะไรมาบังเลย
ชมวิวจากมุมสูงไปแล้วก็เดินลอดผ่านประตูคามินาริมงกันเลย

เมื่อลอดผ่านมาแล้วก็จะเข้าสู่ย่านร้านค้านาคามิเสะซึ่งเป็นแหล่งรวมร้านขนมของฝากน่ารักกรุบกริบๆ ตามชื่อกระทู้ของเรา นอกจากนี้ยังมีของทานเล่นจำหน่ายอยู่หลายร้านเลย ซึ่งย่านนี้ก็จะมีซอยเล็กๆ แตกย่อยไปอีกหลายๆ ซอย

หนึ่งในนั้นก็คือ “ย่านชินนาคามิเสะ Shin-Nakamise” ซึ่งซอยนี้จะเป็นแหล่งรวมร้านค้าที่เป็นตึกและร้านค้าจะมีขนาดใหญ่กว่าและเป็นหลักแหล่งกว่าเส้นทางหลักค่ะ

ทั้งร้านอาหาร ไม่ว่าจะเป็นร้านอาหารญี่ปุ่นแบบดั้งเดิม อาหารญี่ปุ่นแบบฟิวชั่น หรืออาหารทานง่ายอย่างแมคโดนัลก็มีเช่นกัน

นอกจากร้านอาหารต่างๆ ก็มี Drug store ซื้อเครื่องสำอาง สกินแคร์ หรือขนมของฝากได้

หรือว่าคาเฟ่น่ารักๆ อย่างคาเฟ่มูมิน นอกจากนี้ยังมีคาเฟ่หมาชิบะอยู่ที่ย่านร้านค้าชินเซไกอีกด้วย

และเมื่อเดินไปสุดทางก็จะเจอกับร้าน “กินซ่าไลฟ์ อาซากุสะ GINZA LIFE Asakusa” ซึ่งเป็นร้านจำหน่ายกระเป๋าเดินทาง กระเป๋ารูปแบบต่างๆ นาฬิกา ไปจนถึงของฝากจากญี่ปุ่น

ซึ่งจุดเด่นของร้านนี้ก็คือ กระเป๋าเดินทางแบบนี้ ซึ่งเราเคยเห็นร้านที่เป็นสาขาหลักของร้านในย่านกินซ่าชื่อว่า GINZA KAREN มาแล้ว ตอนที่เคยเดินผ่านเหมือนว่ามีคนต่อแถวจ่ายเงินเยอะมาก สงสัยมานานแต่ไม่คิดว่าจะมาเจอที่ย่านอาซากุสะนี้ด้วย

ซึ่งกระเป๋าเดินทางของที่ร้านเป็นกระเป๋าเดินทางคุณภาพ Made in Japan มีให้เลือกหลากหลายแบบ หลากหลายขนาด ที่สำคัญคือทุกใบราคาเพียง 5,500 เยนนนน!! ย้ำว่า ทุกใบ ทุกสี ทุกขนาดราคาเท่ากับหมดเลยค่ะ
ถ้าคิดเป็นเงินไทยตามเรทตอนนี้ก็ประมาณ 1,600 บาทเองง ถึงจะราคาถูกแต่ลองให้ทางร้านเปิดดูด้านในแล้วแข็งแรงทนทาน ส่วนสิ้นส่วนล้อก็ Made in Japan ระบบล็อคประเป๋าก็เป็นแบบสากล เพราะฉะนั้นได้มาตฐานและคุ้มมากๆ

ภายในร้านนอกจากกระเป๋าเดินทางแล้ว ก็มีกระเป๋าแบบอื่นๆ ให้เลือกอีกเยอะมากๆ ทั้งกระเป๋าถือ กระเป๋าสะพาย กระเป๋าทำงาน มีหลายแบบใช้ได้ทุกเพศทุกวัย ซึ่งโซนนี้ทุกใบราคา 5,500 เยนเหมือนกัน

และมุมที่คิดว่าหลายๆ คนน่าจะชอบมากๆ ก็คือ โซนแบรนด์ anello เพราะว่าที่นี้มีแบบให้เลือกเยอะมากๆ
แต่สินค้า anello จะราคาตามป้าย แต่ก็ลดราคาพิเศษด้วย

ไปดูกันเลยว่าจะมีอะไรบ้าง อ้อออ! ที่นี่เป็น Tax free shop นะคะเพราะฉะนั้นซื้อตั้งแต่ 5,000 เยนขึ้นไปก็ทำ Tax free ได้เลย

อันนี้เป็นกระเป๋าสะพายข้างที่มีสายรัดยึดกับกระเป๋าเดินทางได้

หรือจะเป็นกระเป๋าสะพายขนาดเล็ก มีให้เลือกหลายสี มีแบบหนังสีดำด้วย

ส่วนใหญ่แล้วหลายๆ คนอาจจะคุ้มเคยแค่กระเป๋าเป้ของ anello เท่านั้น แต่ที่นี่มีแบบอื่นๆ ให้เลือกเยอะเลย แล้วก็ตัว anello เองก็จะมีอยู่หลายไลน์ anello grand จะเป็นไลน์ที่หาได้ทั่วไป ซึ่งที่นี่นอกจากไลน์นี้แล้วยังมี anello EST. 2005 ซึ่งจะเป็นที่วางขายได้เฉพาะบางร้านเท่านั้นที่ได้รับอนุญาต

กระเป๋าเป้ก็มีให้เลือกหลายสี ที่นี่มีกระเป๋ตังค์ของ anello ด้วย

สองสีนี้คือสีที่เราสังเลว่าจะเอาใบไหนดู เป็นสองสีโปรดเลยย

ไปดูนอกร้านกันบ้างว่ามีอะไรอีก

โซนนี้เป็นโซนนาฬิกา อย่างเช่น CASIO หรือ SEIKO ลดราคาแบบสุดๆ

และนี่ก็คือโซนของฝากญี่ปุ่นโซนเล็กๆ ทั้งพัดลายญี่ปุ่น

หรือกระจกแบบพหพา

ลายชิบะน่ารักมากๆ โดนตัวซ้ายมือสุดไป 1

อีกหนึ่งก็คือกระจกพกพาทรงโคมแดงที่ประตูคามินาริมง ตัวจีนนี้ก็คือ “คามินาริมง” นั่นเอง เป็นของฝากได้เลย
หลังจากเดินเล่นเดินช้อปไปเพลินๆ แล้ว เราจะพาไปดูจุดไฮไลท์ของอาซากุสะในตอนกลางคืนกันเลย

เริ่มกันที่ประตูคามินาริมงในช่วงตอนกลางคืน ใครอยู่ยาวๆ ถึงเย็นแบบนี้ก็ลองมาถ่ายรูปช่วงกลางคืนดูนะคะ ยิ่งหลังจากหมดช่วงหน้าร้อนไปตั้งแต่ประมาณ ปลายเดือนตุลาฟ้าก็เริ่มมืดเร็วแล้วค่ะ

เดินลอดผ่านประตูคามินาริมงไป ผ่านย่านร้านค้านาคามิเสะไปก็จะมาสู่ประตูชั้นที่ 2 ของวัดเซ็นโซจิ ประตูไม้ขนาดใหญ่คู่กับเจดีย์ 5 ชั้น

และนี้ก็คืออาคารวัดเซ็นโซ ทั้ง 2 ฝั่งเป็นจุดบูชาเครื่องรางของขลัง และเซียมซี ไปกราบไหว้สักการะกันซักหน่อยก่อนกลับเลยค่ะ

และเมื่อเดินยอดกลับไปเรื่อยๆ จนถึงร้านกินซ่าไลฟ์ อาซากุสะแล้วข้ามถนนไปอีกฝั่ง ก็จะเป็นทางเข้าย่านร้านค้านาคามิเสะที่เราผ่านมาเมื่อกี้ ซึ่งฝั่งตรงข้ามจุดนี้ก็คือทางเข้าสถานีอาซากุสะเลย

และนี้ก็คือทางเข้าสถานีอาซากุสะ กับเส้นทางรถไฟโทบุ และรถไฟใต้ดิน ก่อนเดินทางไปที่อื่นเราจะพาไปดูวิวสวยๆ ก่อนกลับกันซักหน่อย
มีต่อ
[CR] “ทริปสั้นเกือบวันเดย์” รีวิวกรุบกริบร้านค้าใน “ย่านอาซากุสะ” กิน เที่ยว ช้อป in โตเกียว
รีวิวกรุบกริบ หยิบยกที่เที่ยว ที่กินเป็นทริปเล็กๆ สั้นๆ หลังจากได้ไปเที่ยวอาซากุสะ ในย่านร้านค้าชินนาคามิเสะ (Shin-Nakamese) กับร้านกระเป๋าจากกินซ่า ชื่อร้าน “กินซ่าไลฟ์ GINZA LIFE” เอ้ะ! จากกินซ่า แต่อยู่ใน อาซากุสะ หืมม!? จะเป็นไปยังไงไม่รอช้าไปดูกันเลย
โดยวันนี้จะมาบอกวิธีการเดินทางอีกหนึ่งทางเลือกสำหรับเพื่อนๆ ที่อยากเดินทางจากสถานีโตเกียวกัน ซึ่งสถานีโตเกียวเป็นสถานีที่เชื่อมต่อกับการเดินทางไปยังจุดต่างๆ มากมาย ไม่ว่าจะเป็นเส้นทางรถไฟชินคันเซ็นที่เชื่อมกับจังหวัดต่างๆ ทั่วประเทศญี่ปุ่น หรือ นาริตะเอ็กเพรส ระหว่างสนามบินนาริตะ ไปจนถึง รถบัสที่เชื่อระหว่างฟูจิคาวากูจิโกะ
โดยเราจะเดินทางจาก “สถานีโตเกียว” ไปยัง “ย่านอาซากุสะ” ด้วยรถบัสประจำทาง ที่ทั้งถูกและสามารถเดินทางได้โดยตรงไม่ต้องเปลี่ยนสาย แถมยังราคาไม่แพงอีกด้วย
โดยเดินออกจาก สถานีโตเกียว ประตูทางออก Tokyo Station Yaesu South Exit(สถานีโตเกียว ประตูทางออกยาเอะสุมินามิงูจิ/東京駅八重洲南口) ไปทางขวามือ
เมื่อเดินมาทางขวามือแล้วก็เดินออกจากอาคารเพื่อไปที่ป้ายรถบัส ป้ายรถบัสจะอยู่ทางขวามือ
ซึ่งรถบัสที่จะมุ่งหน้าไปสู่ อาซากุสะ รถบัสจะออกจากป้ายบัสหมายเลข 12 (รถบัสหมายเลข 42-1)
รถบัสที่มุ่งหน้าไปสู่อาซากุสะวิ่งชั่วโมงละ 2-3 เที่ยว และใช้เวลาเดินทางประมาณ 23 นาที
ค่าเดินทางเที่ยวละ 210 เยน เป็นระบบชำระเงินก่อนน้าา
ซึ่งการเดินทางด้วยรถไฟก็จะเห็นวิวเมืองโตเกียวระหว่างทาง ถ้าเป็นรถไฟใต้ดินก็ไม่ได้เห็นบรรยากาศบ้านเมืองแบบนี้เลย
และหากเห็นโตเกียวสกายทรี ที่สูงเด่นอยู่ด้านขวามือแล้ว ก็แสดงว่าตอนนี้เราถึงอาซากุสะแล้วววว
ก็จะเดินทางมาถึงข้างๆ สถานีรถไฟโทบุ “สถานีอาซากุสะ” เราจะไปหาอะไรทานกันซักหน่อย โดยหันหน้าเข้าสถานีแล้วเดินไปทางขวามือ
แล้วก็เดินข้ามทางม้าลายมาอีกฝั่งเลย ก็จะเจอร้านอาหารชื่อว่า คามิยะบาร์ (Kamiya-Bar)
ซึ่งร้าน คามิยะบาร์ (Kamiya-Bar) นี้ถือเป็นบาร์ที่เก่าแก่ที่สุดในญี่ปุ่น เปิดให้บริการมา 140 ปี ตั้งแต่ปีพ.ศ.1880 เลยทีเดียว
โดยที่คามิยะบาร์ (Kamiya-Bar) จะมีอยู่หลายชั้น ส่วนชั้นที่ 2 จะเป็นส่วนร้านอาหาร มีทั้งอาหารฝรั่ง และอาหารญี่ปุ่น
บรรยากาศในร้านดูเก่าแก่ กับความเรโทรนี้มีเสน่ห์ไปอีกแบบ
และค็อกเทลทางด้านซ้ายมือนี้ก็คือเมนูขึ้นชื่อ กับเวลา “Denki Bran” ทานกับกับแกล้ม
แล้วก็สั่งสปาเก็ตตี้มาเป็นอาหารจานหลักของมือนี้ เรียบๆ แต่อร่อยมากๆ
ทานเสร็จแล้วก่อนไปรีวิว เราจะพาไปถ่ายรูปแลนด์มาร์กเด็ดของอาซากุสะกันซักหน่อย
นี่เลยยย!! ถึงแล้วว!!!
“ประตูคามินาริมง” (ตัวอักษรที่อยู่บนโคมเป็นภาษาญี่ปุ่น : 雷門 อ่านว่า คามินาริมง) จุดถ่ายรูปยอดฮิตที่ถ้าไม่ได้มาที่นี่ ก็เหมือนมาไม่ถึงย่านอาซากุสะ กับประตูทางเข้าวัดที่ประดับไปด้วยโคมไฟสีแดงขนาดใหญ่ขนาดสูง 3.9 เมตร เส้นทางผ่านศูนย์กลาง 3.3 เมตร หนักกว่า 700 กิโลกรัมเลยทีเดียว
และที่หน้าประตูคามินาริมง จะมี ศูนย์ให้ข้อมูลนักท่องเที่ยว “ASAKUSA CULTURE TOURIST INFORMATION CENTER” อยู่ เราจะแวะที่นี่กันซักหน่อย
ฟังดูอาจจะดูไม่น่าสนใจ แต่นอกจากการบริการเกี่ยวกับการท่องเที่ยวต่างๆ แล้วยังมีบริการ Wifi ฟรี ฯลฯ แล้วก็ยังสามารถเข้าร่วมกิจกรรมเปิดประสบการณ์สัมผัสวัฒนธรรมญี่ปุ่นต่างๆ ได้ที่นี่อีกด้วย
และไฮไลท์ของที่นี่ก็คืออออออออ!?
จุดชมวิวย่านอาซากุสะ แบบ 360 องศาเลย กับวิวประตูคามินาริมง ถัดไปเป็นย่านร้านค้านาคามิเสะ และวัดเซ็นโซจิ พร้อมบรรยากาศผู้คนที่เดินไปมา
ส่วนอีกด้านหนึ่งมองเห็นโตเกียวสกายทรีแบบชัดสุดๆ โล่งๆ ไม่มีอะไรมาบังเลย
ชมวิวจากมุมสูงไปแล้วก็เดินลอดผ่านประตูคามินาริมงกันเลย
เมื่อลอดผ่านมาแล้วก็จะเข้าสู่ย่านร้านค้านาคามิเสะซึ่งเป็นแหล่งรวมร้านขนมของฝากน่ารักกรุบกริบๆ ตามชื่อกระทู้ของเรา นอกจากนี้ยังมีของทานเล่นจำหน่ายอยู่หลายร้านเลย ซึ่งย่านนี้ก็จะมีซอยเล็กๆ แตกย่อยไปอีกหลายๆ ซอย
หนึ่งในนั้นก็คือ “ย่านชินนาคามิเสะ Shin-Nakamise” ซึ่งซอยนี้จะเป็นแหล่งรวมร้านค้าที่เป็นตึกและร้านค้าจะมีขนาดใหญ่กว่าและเป็นหลักแหล่งกว่าเส้นทางหลักค่ะ
ทั้งร้านอาหาร ไม่ว่าจะเป็นร้านอาหารญี่ปุ่นแบบดั้งเดิม อาหารญี่ปุ่นแบบฟิวชั่น หรืออาหารทานง่ายอย่างแมคโดนัลก็มีเช่นกัน
นอกจากร้านอาหารต่างๆ ก็มี Drug store ซื้อเครื่องสำอาง สกินแคร์ หรือขนมของฝากได้
หรือว่าคาเฟ่น่ารักๆ อย่างคาเฟ่มูมิน นอกจากนี้ยังมีคาเฟ่หมาชิบะอยู่ที่ย่านร้านค้าชินเซไกอีกด้วย
และเมื่อเดินไปสุดทางก็จะเจอกับร้าน “กินซ่าไลฟ์ อาซากุสะ GINZA LIFE Asakusa” ซึ่งเป็นร้านจำหน่ายกระเป๋าเดินทาง กระเป๋ารูปแบบต่างๆ นาฬิกา ไปจนถึงของฝากจากญี่ปุ่น
ซึ่งจุดเด่นของร้านนี้ก็คือ กระเป๋าเดินทางแบบนี้ ซึ่งเราเคยเห็นร้านที่เป็นสาขาหลักของร้านในย่านกินซ่าชื่อว่า GINZA KAREN มาแล้ว ตอนที่เคยเดินผ่านเหมือนว่ามีคนต่อแถวจ่ายเงินเยอะมาก สงสัยมานานแต่ไม่คิดว่าจะมาเจอที่ย่านอาซากุสะนี้ด้วย
ซึ่งกระเป๋าเดินทางของที่ร้านเป็นกระเป๋าเดินทางคุณภาพ Made in Japan มีให้เลือกหลากหลายแบบ หลากหลายขนาด ที่สำคัญคือทุกใบราคาเพียง 5,500 เยนนนน!! ย้ำว่า ทุกใบ ทุกสี ทุกขนาดราคาเท่ากับหมดเลยค่ะ
ถ้าคิดเป็นเงินไทยตามเรทตอนนี้ก็ประมาณ 1,600 บาทเองง ถึงจะราคาถูกแต่ลองให้ทางร้านเปิดดูด้านในแล้วแข็งแรงทนทาน ส่วนสิ้นส่วนล้อก็ Made in Japan ระบบล็อคประเป๋าก็เป็นแบบสากล เพราะฉะนั้นได้มาตฐานและคุ้มมากๆ
ภายในร้านนอกจากกระเป๋าเดินทางแล้ว ก็มีกระเป๋าแบบอื่นๆ ให้เลือกอีกเยอะมากๆ ทั้งกระเป๋าถือ กระเป๋าสะพาย กระเป๋าทำงาน มีหลายแบบใช้ได้ทุกเพศทุกวัย ซึ่งโซนนี้ทุกใบราคา 5,500 เยนเหมือนกัน
และมุมที่คิดว่าหลายๆ คนน่าจะชอบมากๆ ก็คือ โซนแบรนด์ anello เพราะว่าที่นี้มีแบบให้เลือกเยอะมากๆ
แต่สินค้า anello จะราคาตามป้าย แต่ก็ลดราคาพิเศษด้วย
ไปดูกันเลยว่าจะมีอะไรบ้าง อ้อออ! ที่นี่เป็น Tax free shop นะคะเพราะฉะนั้นซื้อตั้งแต่ 5,000 เยนขึ้นไปก็ทำ Tax free ได้เลย
อันนี้เป็นกระเป๋าสะพายข้างที่มีสายรัดยึดกับกระเป๋าเดินทางได้
หรือจะเป็นกระเป๋าสะพายขนาดเล็ก มีให้เลือกหลายสี มีแบบหนังสีดำด้วย
ส่วนใหญ่แล้วหลายๆ คนอาจจะคุ้มเคยแค่กระเป๋าเป้ของ anello เท่านั้น แต่ที่นี่มีแบบอื่นๆ ให้เลือกเยอะเลย แล้วก็ตัว anello เองก็จะมีอยู่หลายไลน์ anello grand จะเป็นไลน์ที่หาได้ทั่วไป ซึ่งที่นี่นอกจากไลน์นี้แล้วยังมี anello EST. 2005 ซึ่งจะเป็นที่วางขายได้เฉพาะบางร้านเท่านั้นที่ได้รับอนุญาต
กระเป๋าเป้ก็มีให้เลือกหลายสี ที่นี่มีกระเป๋ตังค์ของ anello ด้วย
สองสีนี้คือสีที่เราสังเลว่าจะเอาใบไหนดู เป็นสองสีโปรดเลยย
ไปดูนอกร้านกันบ้างว่ามีอะไรอีก
โซนนี้เป็นโซนนาฬิกา อย่างเช่น CASIO หรือ SEIKO ลดราคาแบบสุดๆ
และนี่ก็คือโซนของฝากญี่ปุ่นโซนเล็กๆ ทั้งพัดลายญี่ปุ่น
หรือกระจกแบบพหพา
ลายชิบะน่ารักมากๆ โดนตัวซ้ายมือสุดไป 1
อีกหนึ่งก็คือกระจกพกพาทรงโคมแดงที่ประตูคามินาริมง ตัวจีนนี้ก็คือ “คามินาริมง” นั่นเอง เป็นของฝากได้เลย
หลังจากเดินเล่นเดินช้อปไปเพลินๆ แล้ว เราจะพาไปดูจุดไฮไลท์ของอาซากุสะในตอนกลางคืนกันเลย
เริ่มกันที่ประตูคามินาริมงในช่วงตอนกลางคืน ใครอยู่ยาวๆ ถึงเย็นแบบนี้ก็ลองมาถ่ายรูปช่วงกลางคืนดูนะคะ ยิ่งหลังจากหมดช่วงหน้าร้อนไปตั้งแต่ประมาณ ปลายเดือนตุลาฟ้าก็เริ่มมืดเร็วแล้วค่ะ
เดินลอดผ่านประตูคามินาริมงไป ผ่านย่านร้านค้านาคามิเสะไปก็จะมาสู่ประตูชั้นที่ 2 ของวัดเซ็นโซจิ ประตูไม้ขนาดใหญ่คู่กับเจดีย์ 5 ชั้น
และนี้ก็คืออาคารวัดเซ็นโซ ทั้ง 2 ฝั่งเป็นจุดบูชาเครื่องรางของขลัง และเซียมซี ไปกราบไหว้สักการะกันซักหน่อยก่อนกลับเลยค่ะ
และเมื่อเดินยอดกลับไปเรื่อยๆ จนถึงร้านกินซ่าไลฟ์ อาซากุสะแล้วข้ามถนนไปอีกฝั่ง ก็จะเป็นทางเข้าย่านร้านค้านาคามิเสะที่เราผ่านมาเมื่อกี้ ซึ่งฝั่งตรงข้ามจุดนี้ก็คือทางเข้าสถานีอาซากุสะเลย
และนี้ก็คือทางเข้าสถานีอาซากุสะ กับเส้นทางรถไฟโทบุ และรถไฟใต้ดิน ก่อนเดินทางไปที่อื่นเราจะพาไปดูวิวสวยๆ ก่อนกลับกันซักหน่อย
มีต่อ
CR - Consumer Review : กระทู้รีวิวนี้เป็นกระทู้ CR โดยที่เจ้าของกระทู้