ทำไมประเทศไทยรายได้ขั้นต่ำถึงน้อยมาก เมื่อเทียบกับค่าครองชีพที่พอๆกันกับที่อเมริกาซึ่งมีรายได้ขั้นต่ำเยอะกว่าเรามาก

กระทู้นี้เป็นกระทู้ระบาย บ่นๆ ปนสงสัยนะคะ ค่อนข้างยาว ก่อนอื่นต้องขอบอกเลยนะคะว่าครอบครัวเราไม่ได้รวยอะไรเลย ใช้เงินเดือนชนเดือน พ่อเราทำงานคนเดียว แต่ต้องเลี้ยงทั้งครอบครัว รายได้เยอะก็จริง แต่รายจ่ายก็เยอะเช่นเดียวกัน

เราได้เคยมีโอกาสไปแลกเปลี่ยนที่อเมริกามาด้วยทุนของทางโรงเรียน...

[Edit:][Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้



พอได้ไปใข้ชีวิตที่นั่น มันทำให้เราอยากพาพ่อแม่ไปอยู่ด้วยที่นั่นเลย เพราะประเทศไทยความเหลื่อมล้ำมันเยอะเหลือเกิน เงินเดือนน้อยไม่ว่า แต่ค่าครองชีพพอๆกับที่อเมริกาเลย เราอยู่ที่นั่น 1 ปี ใช้เงินแค่ราวๆ $300 ต่อเดือน (ไม่รวมค่าที่พัก) ซื้อวัตถุดิบตาม grocery stores มาทำกับข้าวกินเอง ราคาก็พอๆกับไทย เผลอๆถูกกว่ามาก
- groceries ถูกมากกก ผลไม้ตระกูลเบอร์รี่ เช่น สตรอเบอร์รี่แพ็คนึงแค่ประมาณ 70 บาท ไม่ก็อะโวคาโด ลูกละประมาณ 20 บาทไทยได้
- รถบัสฟรี (มีบัตรที่สมัครครั้งเดียวแค่ $5 แต่ใช้ได้ทั้งปี) ไม่ต้องมีกระเป๋ารถเมล์ เวลาจะลงรถก็แค่ดึงสายเคเบิ้ลที่อยู่ใกล้ตัว ไม่ต้องคอยยืนขึ้นไปเพื่อจะกดกริ่ง รถสภาพดี มาตรงเวลา ไม่ปล่อยควันดำ
- อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ถูกมาก เราเคยซื้อเครื่องปริ้นท์อย่างดีเลย แบบทำได้หมดทุกอย่าง 4in1 ปริ้นท์ wireless ได้ ปริ้นท์ได้สองหน้าพร้อมกัน ปริ้นท์รูปบนกระดาษ glossy ได้ คุณภาพเหมือนไปอัดรูปตามร้าน ราคาแค่ $44 ถ้าเป็นที่ไทยคงหลายพัน ไม่ก็เกือบหมื่น เพราะขนาดแค่รุ่นที่เบสิคๆ ปริ้นท์ได้แค่หน้าเดียวก็ปาไปพันสองพันแล้ว
- drug store skincare products ก็ถูกมากเช่นกัน เพราะเขาเป็นประเทศที่ผลิตเองด้วยมั้งเลยขายถูก ที่ไทยของส่วนใหญ่นำเข้าซะหมด แถมราคาก็หลักหลายร้อย ถึงพันก็มี มี cleanser ยี่ห้อนึงที่เมกาขาย $9 แต่ที่ไทยขาย 800 (ในช็อปปี้) อมก!
- ค่าโทรศัพท์เราใช้ของ US mobile เลือกจ่ายได้ตามที่เราต้องการจะใช้ เราจ่ายแค่ประมาณเดือนละ $8-12 แล้วแต่เดือน คือถูกมากก
- ที่นี่ทุกบ้าน ทุกสถานที่จะต้องแยกขยะ ทำจนติดเป็นนิสัย เพราะเขามีการเก็บค่าขยะเป็นรายเดือนด้วย สภาพแวดล้อมที่นี่ส่วนใหญ่จึงค่อนข้างสะอาด

พอกลับมาย้อนดูตอนเราอยู่ที่เมืองไทย ได้ค่ากินจากพ่อเดือนละหมื่น (ไม่รวมค่าหอ) แทบใช้ไม่พอ เราจะแจงให้เลยว่าไม่พอยังไง
- ค่าบีทีเอส รายเดือน 950 บาท เพราะประเทศไทยไม่สามารถขึ้นรถเมล์ไปโรงเรียนได้ เรื่องจาก 1.รถติดมาก  2.มาไม่ตรงเวลา 3.ยิ่งรถเมล์ไม่ติดแอร์ด้วยแล้วคือกลิ่นควันรถตลบอบอวบไปหมด 4.สภาพรถเมล์ไม่ค่อยปลอดภัย ส่วนบีทีเอสก็ไม่ได้ดีไปกว่ากันเลย ยิ่งตอนเช้าคือ รอประมาณ 3 คันกว่าจะได้ขึ้น คนแน่นเต็มสถานีไปหมด ความเร็วก็ไม่ได้เร็วขนาดนั้น แต่เก็บค่าโดยสารแพงมาก ถ้าไม่ได้ใช้แบบรายเดือนนี่คือแพงมากๆ
- ค่าวินมอไซจากบีทีเอสไปเข้าซอยหอ ค่อนข้างลึก 20 บาท ตกเดือนนึงก็ 800 บาท
- ค่าโทรศัพท์ เราใช้แบบถูกสุดโทรออกได้ กับเน็ตนิดหน่อย ตีประมาณ 400 บาท
- ค่า wifi ตีประมาณ 500 บาท
แค่เฉพาะค่าจิปาถะเหล่านี้ รวมแล้วประมาณ 2,650 บาท เราเหลือกินขนม + ซื้ออุปกรณ์การเรียนเองอีก 7,350 บาท
- ค่ากินเรากินข้าวที่มหาลัยส่วนใหญ่ เพราะมันถูก แต่เราก็ต้องซื้ออย่างอื่นกินด้วยเพื่อให้ได้รับสารอาหารที่เพียงพอ ส่วนวันหยุด ก็ซื้อวัตถุดิบมาทำกับข้าวกินเอง (เรารักสุขภาพพอตัว จึงต้องเลือกกินอาหารที่เป็นประโยชน์)

สรุปแล้วคือแทบไม่พอเหลือใช้ เราประหยัดสุดๆแล้ว เรางดเว้นจากการเติมความสุขให้ตัวเองหลายๆอย่าง เช่น การไปดูหนัง เดินห้าง หรืออะไรที่ทำให้เราเสียเงินโดยไม่จำเป็น พวกนี้คือแทบไม่ได้ทำเลย นานๆทีจะได้ เพราะเงินไม่พอใช้

ถ้าให้เทียบกันแล้วระหว่างอยู่ที่เมกากับอยู่ที่ไทย ด้วยค่าขนมพอๆกันต่อเดือน อยู่ที่เมกาสบายตัวกว่าเยอะมาก มีเงินเหลือใช้ แถมสภาพแวดล้อมก็ดี อากาศดี มีพื้นที่สีเขียวเยอะมากๆ ได้มีโอกาสไปทำกิจกรรมผ่อนคลายตามธรรมชาติ เช่น เดินป่า ปั่นจักรยาน เดินสวนสาธารณะ พายเรือที่ทะเลสาบ hiking อยู่เป็นประจำ ทั้งๆที่อยู่ในตัวเมือง ในทางกลับการเราทำแบบนั้นไม่ได้แน่ๆเมื่ออยู่ที่กรุงเทพ มีก็แค่สวนสาธารณะที่ขณะวิ่งไปด้วยก็ได้กลิ่นควันรถไปด้วย...

ทำไมค่าครองชีพที่ไทยมันถึงปรับให้สัมพันธ์กับรายได้ไม่ได้หรอคะ คือนี่ไม่เกี่ยงเลยเรื่องรายได้น้อย แต่แค่มันไม่สัมพันธ์กับค่าครองชีพก็เท่านั้น ถึงขึ้นรายได้ไป ค่าครองชีพก็แพงตามมาอีกอยู่ดี

ขนาดที่เมกา รายได้ขั้นต่ำของเขาก็ยัง $7.25 ต่อชั่วโมงเลยนะ ย้ำว่าต่อชั่วโมง และย้ำอีกว่าขั้นต่ำ ในขณะที่ค่าครองชีพก็พอๆกับไทย ส่วนค่าที่พักที่โน่นเราก็สามารถหาแบบถูกๆได้ในราคา $500-600 เลยด้วยซ้ำ ถ้าประเทศไทยมีการบริการจัดการบ้านเมืองให้เป็นระบบกว่านี้ มีการนำภาษีไปบริหารประเทศให้ถูกจุด รวมถึงทุกคนให้ความร่วมมือ ไม่เห็นแก่ตัว ไม่มักง่าย ชอบทิ้งขยะ ทุกอย่างมันน่าจะดีกว่านี้นะคะ แล้วอีกอย่างกรุงเทพมีห้างอย่างกับดอกเห็ด เหมือนจะเจริญนะคะ แต่เปล่าเลย มันเป็นการทำลายพื้นที่สีเขียวที่มีอยู่อย่างน้อยนิดเข้าไปอีก ต่างประเทศเขาไม่เห็นจะต้องมีห้างเป็น 10ๆ ในระยะใกล้กัน เขาก็ยังเจริญได้
ประเทศไทยจะไม่มีสามารถพัฒนาไปมากกว่านี้แล้วจริงๆหรอคะ...

ข้อเสียของเมกาที่เห็นได้ขัดเลยมีแค่ข้อเดียวคือเรื่อง healthcare เพราะค่าใช้จ่ายสูงมาก ต้องมีประกันเท่านั้น ไม่งั้นคือแพงสุดๆ แต่เราก็สามารถดูแลสุขภาพตัวเองได้นะคะ เพราะส่วนใหญ่แล้วคนที่เข้ามารักษาก็มาด้วยโรคที่เกิดจากพฤติกรรมทั้งนั้น และอีกอย่างที่เมกามีหลายรัฐหลายเมืองมากที่ crime rate ต่ำ ไม่ต้องกังวลถึงเรื่องความปลอดภัยเลย อีกทั้งผู้คนส่วนใหญ่ก็อัธยาศัยดีมากๆ แบบชอบทักทาย ยิ้มแย้มให้กันเป็นประจำทั้งๆที่ไม่รู้จักกันมาก่อน ตอนมาใหม่ๆเราก็ตกใจนิดๆเหมือนกัน เพราะเรื่องแบบนี้เห็นได้ยากในกรุงเทพ ที่ทุกคนเอาแต่ก้มหน้ามองโทรศัพท์ ไม่ค่อยคุยกับคนแปลกหน้า แถมทุกวันนี้มีข่าวอาชญากรรมเยอะพอสมควร ตอนอยู่ที่โน่น เราไปไหนมาไหนกลางคืนได้โดยไม่ต้องระแวงอะไรเลย ใน neighborhood ที่เราอยู่บ้านแทบทุกหลังแทบไม่มีรั้วกั้นหน้าบ้านเลย ถึงมีก็เหมือนเป็นการกั้นอาณาเขตมากกว่าจะป้องกันโจร เพราะรั้วมันต่ำมาก มันแสดงให้เห็นเลยว่าที่นี่ปลอดภัยมากแค่ไหน และมีรถตำรวจคอย patrol อยู่เป็นระยะๆ บนถนนมีเลนทางเท้า ทางจักรยาน ทางรถยนต์แยกกัน ไม่ต้องกลัวว่าจะโดนรถชน สรุปแล้วคือดีกว่าที่ไทยทุกอย่างยกเว้นเรื่อง healthcare ที่พูดไป

**เดี๋ยวก็จะมีคนบอกว่า อเมริกาไม่ใช่ประเทศที่ดีที่สุด ทำไมต้องอวยขนาดนี้ ใช่ค่ะ จริงๆมันก็มีอีกหลายประเทศในแถบยุโรปนะคะที่คุณภาพชีวิตดีกว่าเมกาเยอะ แต่เราชอบที่เมกาเพราะจะได้ใช้ภาษาอังกฤษแบบอเมริกันค่ะ เราถนัดภาษานี้ เพราะเราถือว่าเราก็คล่องพอสมควร แกรมมาร์ก็ได้ แถมไม่ติดสำเนียงไทย (คนที่นั่นต่างก็บอกอย่างนี้) คือเราต้องการจะเป็นประชากรของที่นี่เลยอะค่ะ ถ้าเป็นประเทศในแถบยุโรปมันต้องใช้ภาษาที่ 3 ซึ่งต้องใช้เวลานานมากๆกว่าจะทำให้เหมือนเจ้าของภาษาจริงๆ ไม่ใช่รู้แค่เบสิค เรากะจะเอาเวลาส่วนนั้นไปเรียนภาษาสเปนมากกว่า เพราะภาษานี้ก็ใช้ที่เมกาเยอะพอสมควร และอีกในหลายๆประเทศด้วย ตอนนี้ก็กำลังเรียนอยู่**


เดี๋ยวก็จะมีพวกมาบอกว่า ไม่พอใจก็ออกไปสิ คือไปแน่ค่ะ แต่ต้องรอให้เรียนจบก่อนนะคะ เรื่องภาษาเราได้อยู่แล้วไม่มีปัญหา เราเรียนในสาย healthcare หางานได้ไม่ยากหรอกค่ะ แค่มาแสดงความคิดเห็นเฉยๆ ว่าทำไมบ้านเรามันถึงมีความเหลื่อมล้ำขนาดนี้ ถ้าประเทศเรามันดีพอเราคงไม่ต้องมานั่งเปรียบเทียบแบบนี้ ไม่ต้องมีความคิดที่อยากจะไปใช้ชีวิตที่ดีๆที่ต่างแดนหรอกค่ะ

เรารักประเทศไทยนะคะ เราเกิดและโตมาที่นี่ ทำไมเราจะไม่อยากเห็นประเทศที่เรารักดีขึ้นล่ะคะ? เราพยายามทำหน้าที่ของเราให้ดีที่สุดแล้ว เราปฏิบัติตามกฎในสังคมทุกอย่าง มีสามัญสำนึกต่อส่วนรวม เราไม่เคยทิ้งขยะเรี่ยราดสักครั้งในขีวิต มีขยะเราก็จะเก็บใส่กระเป๋าตัวเองตลอด พอเจอถังขยะถึงค่อยทิ้ง แล้วก็ทิ้งถูกประเภทถังทุกครั้งด้วย (ถึงแม้ว่าในใจเราจะรู้อยู่แล้วว่าสุดท้ายเดี๋ยวเขาก็เอาไปเททิ้งรวมกันก็เถอะ) เรามีมารยาททางสังคม เราช่วยเหลือผู้ยากไร้กับหมาแมวจรจัดอยู่บ่อยครั้ง เราเคยเป็นจิตอาสาไปช่วยเหลือชุมชน ช่วยปลูกป่าอยู่บ่อยครั้ง เราพยายามทำทุกอย่างเพื่อให้สังคมมันดีขึ้นแล้ว แต่สภาพชีวิตที่เราได้จากที่ประเทศไทยมันไม่ดีขึ้นเลยค่ะ ม็อบก็ไปมาแล้ว ช่วยแจงประเด็นที่กำลังเกิดขึ้นที่ไทยให้กับเพื่อนต่างชาติก็แล้ว เป็นทุกอย่างให้เธอแล้วจริงๆ ขอร้องเถอะประเทศไทย...
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่