ผู้ป่วยจิตเวช...ไม่ใช่มนุษย์ ??? เคส รพ.จิตเวช mrt กระทรวงสาธารณะสุข

เคสนี้เป็นการตั้งคำถามต่อการกระทำของ ผู้ช่วยพยาบาล เป็นหลักจากประสบการณ์ในการแอดมิดที่โรงพยาบาล (ผู้ป่วยใน) ไม่เกี่ยวข้องกับเข้ารับการรักษาทั่วไป (แบบผู้ป่วยนอก)

          พอดีเรามีคนที่รู้จักคนนึงเพิ่งออกจาก รพ.นั้นแล้วมาเล่าถึงการใช้ชีวิตเป็นอยู่ข้างในประมาณ 3 สัปดาห์ ให้ฟัง โดย วิ (นามสมมุติ) เป็นโรค borderline personality disorder และ Post-Traumatic Stress Disorder และได้รับการรักษาจากคุณหมอ มน (นามสมมุติ)  มาเป็นระยะเวลา 2 ปีเกือบ 3 ปีแล้วแต่อาการไม่ดีขึ้นและแย่ลงเรื่อยๆ เนื่องจากปัญหาที่ทางบ้านที่แย่ไม่มีใครซัพพอร์ทให้กำลังใจวิเลย ครอบครัวหย่าร้าง พ่อใจร้อนหยาบคายแต่ก็พอซัพพอร์ตเรื่องเงินให้กับลูกบ้าง (ค่าเทอม ค่ากินอยู่รายเดือน) มีครอบครัวใหม่และแม่ใหม่สนใจแต่เงินและลูกใหม่ของตัวเองไม่สนใจลูกที่ติดมากับพ่อด้วย 2 คน ฝ่ายแม่พูดจาดีและใจดีกับหมาแต่กับลูกชอบตะโกนด่าท่อโวยวาย และไม่เชื่อว่าลูกมีอาการทางจิตหาว่าแกล้งทำ อาการวิจึงหนักขึ้นเรื่อยๆ นอนไม่หลับ กรีดข้อมือถี่และลงแรงหนักขึ้น พัฒนามาเริ่มทานยาเพื่อฆ่าตัวตาย เอาเข้มขัดรัดคอ และสุดท้ายก่อนเข้าโรงพยาบาลคือผูกคอตัวเอง แต่ก็รอดมาได้ทุกครั้ง จึงไปพบหมอมนในอาทิตย์ถัดไป (คิวที่ รพ.นานพอสมควร) และพ่อตัดสินใจส่งให้แอดมิดเพราะหมอบอกว่าสามารถช่วยลดการฆ่าตัวตายและปรับเวลานอนหลับให้ดีขึ้นได้

          วิเล่าว่าการแอดมิด 3 วันแรกที่โรงพยาบาลจะขังอยู่ในกรงรวมกับคนที่เข้ามาพร้อมๆกัน โดยมีโถขับถ่าย 1 ใบในห้องให้ใช้รวมกันตลอดทั้งคืนถ้าล้นก็ปล่อยไหลออกมาจนกว่าจะถึงเช้าใครนอนกับพื้นก็จะเปียกไปในส่วนนี้ เมื่อหลังจาก 3 วันก็ได้มาใช้ชีวิตในนั้น โดยมีกิจวัตรที่ต้องทำประจำคือตื่นตี 5 เพื่อมาอาบน้ำและเข้านอนเวลา 2 ทุ่ม ระหว่างวันก็มีกิจกรรมต่างๆให้ทำ แต่ในการเดินทำกิจกรรมนั้น ถ้าใครช้าจะโดนผู้ช่วยพยาบาลทุบตีบ้าง ผลักบ้าง ตะคอกใส่บ้าง ตลอด ไม่มีการพูดบอกดีๆหรือคำแนะนำใดๆ การทำร้ายร่างกายผู้ป่วยกลายเป็นเรื่องปกติสำหรับผู้ช่วยพยาบาล วิเล่าเพิ่มเติมว่า มีผู้ป่วยคนนึงที่ไร้ญาติโดนทิ้งไว้ที่โรงพยาบาลและเป็นผู้ป่วยทางจิต ผู้ป่วยคนนั้นโดนทำร้ายบ่อยมาก บางครั้งเพราะแค่เสียงดัง ครั้งที่หนักที่สุดที่เจอคือโดนบีบคอแล้วเอาหัวกระแทกกับพื้นจนหัวแตกเลือดออกในเวลาเช้าและนำไปมัดให้นอนจมกองปัสสาวะจนถึงตอนตอนค่ำจึงปล่อยให้ไปอาบน้ำ 
          การมัดติดเตียงนัดก็มีอยู่จริงและขาดการดูแลอย่างใกล้ชิด วิเล่าว่าในตอนกลางคืนผู้ป่วยบางคนที่โดนมันอยู่นั้นต้องการชับถ่ายจึงตะโกนร้องขอความช่วยเหลือแต่กลับไม่มีใครมาช่วยเลยทั้งพยาบาลและผู้ช่วยปล่อยให้ผู้ป่วยนั้นร้องตะโกนรบกวนการนอนของผู้ป่วยคนอื่นและสุดท้ายก็จบด้วยการที่ต้องขับถ่ายเปื้อนตัวเองจนถึงตอนเช้า และบ้างก็มีโรคผิวหนังติดเชื้อด้วย อีกทั้งยังมีการใช้ผู้ป่วยยกของหรือผู้ป่วยคนอื่นที่หนักเกินตัวจนเจ็บหลังแล้วต้องเข้ารับการกายภาพบำบัดหลังออกมาจากที่นั่นอีก 
          ช่วงระหว่างที่วิอยู่นั้นไม่มีการให้ญาติเข้าเยี่ยมเลยตลอดโดยให้เหตุผลว่าเพราะโควิด แต่โรงพยาบาลมีการเปิดให้บริการตามปกติ และโซนนั้นเองก็สามารถพบพูดคุยกับพยาบาลและสามารถฝากเงินฝากขนมและน้ำได้ แต่ทำไมโรงพยาบาลถึงไม่อำนวยความสะดวกให้ในจุดนี้ในการเข้าเยี่ยมในโซนผู้ป่วยใน การขาดการติดต่อจากญาติถือเป็นประโยชน์ต่อการรักษาหรือไม่ เพราะจากที่อ่านเพิ่มเติมและวิเล่ากำลังใจก็เป้นสิ่งที่สำคัญเช่นเดียวกัน น่าจะมีการเปิดให้เยี่ยมบ้างหรือป่าว การจัดโซนเล็กๆให้เข้าเยี่ยมคงไม่ได้ลำบากเกินไปถ้ามันส่งผลดีต่อการรักษาอีกทั้ง ในช่วงเวลาปกติก็มีการเปิดให้เยี่ยมได้อยู่แล้วด้วย ผู้ป่วยบางคนก็อยู่นานอีกทั้งยังถูกตัดขาดจากโลกภายนอก เป็นการเปิดโอกาสทำให้ผู้ช่วยพยาบาลนั้นกล้าที่จะทำร้ายผู้ป่วยมากขึ้นหรือป่าว เพราะไม่มีทั้งการติดต่อกับญาติโดยตรง มือถือโดนยึด ไม่มีใครสามารถ่ายการทำร้ายร่างกายหรือสภาพแวดล้อมภายในได้ เมื่อขาดการตรวจสอบสังคมภายในนั้นจึงเป็นแบบนั้นหรือป่าว อีกทั้งพยาบาลก็นำเอาข้อมูลของคนไข้ไปบิดเบือนทำให้เกิดความเเตกแยก จากการเล่าของวัน (นามสมมุติ) เพื่อนของวิเล่าว่า ก่อนที่จะเข้ามารักษาวันได้คุยอยู่กับแฟน เมื่อครอบครัวแฟนมาเยี่ยม พยาบาลก็เอาเรื่องของวันไปเล่าให้แม่แฟนฟังในทางเชิงเสียๆหายๆ จนทำให้วันกับแฟนเลิกกันหลังจากออกมา
          วิยังเล่าถึงเรื่องของวันอีกว่าตอนวันออกมานั้นเคยพยายามติดต่อกับญาติของเพื่อนคนอื่นๆที่รู้จักกันภายในโซนเดียวกันนั้นให้มายุติการแอดมิดโดยเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นให้กับญาติฟัง พวกเขาก็รีบมานำตัวเพื่อนของวันออกและคาดว่าน่าจะมีการต่อว่าโรงพยาบาลเพราะในช่วงเวลาถัดมาโรงพยาบาลก็โทรมาต่อวว่าวันว่าทำไมถึงพูดทำให้โรงพยาบาลเสียหายแบบนั้น สุดท้ายวิยังบอกอีกว่าหมอมนก็ไม่ได้เข้ามาดูเลยตลอดที่อยู่นั่นเป็นหมออีกท่านมาแทน
          
          จริงๆเราก็ถามพ่อเกี่ยวกับการรักษาเพราะว่าเรามีญาติเป็นผู้พิการทางจิตเนื่องจากเหตุการณ์เดือนตุลาปี 19 ญาติเราช็อคจิตหลุดไปเลย พ่อก็บอกว่าเมื่อก่อนก็เป็นแบบนี้เหมือนกันมีการทุบตี จนคุณย่าทนไม่ไหวต้องไปขอให้หยุดการรักษาและนำกลับมาดูแลที่บ้าน แต่ในเมื่อก่อนนั้นก็พาไปรักษาหลายที่ทั้งที่นี่ วัด หรือสถานที่ต่างๆที่เค้าว่าสามารถรักษาได้ ซึ่งเราก็ยิ่งแปลกใจที่การรักษาแบบทุบตียังเกิดขึ้นอยู่ตั้งแต่ 40 กว่าปีที่แล้ววจนถึงปัจจุบันทำไมยังคงมีการดูแลรักษาผู้ป่วยจิตเวรด้วยความรุนแรงอยู่ หรือการที่ผู้บริหารโรงพยาบาล หน่วยงานภาครัฐ กระทรวงสาธารณสุข แพทย์ พยาบาล เห็นว่าสามารถทำได้จึงปล่อยให้ผู้ช่วยพยาบาลทำแบบนี้มาตลอดกว่า 40 ปีหรืออาจมากกว่านั้นอีกมาก หรือเค้าเหล่านั้นมองว่าผู้ป่วยจิตเวชนั้นไม่ใช่มนุษย์ จึงไม่ได้รับการบริการแบบมนุษย์และทำการละเมิดสิทธิมนุษยชนแบบนี้ โดยไม่คิดแก้ไขและปล่อยไว้แบบนั้น
          
คำถามที่เกิดขึ้นกับเราคือ

-ผู้ช่วยพยาบาลใช้อำนาจและความรุนแรงมากเกินไปหรือไม่ ?
-การทำร้ายผู้ป่วยจิตเวชเป็นเรื่องปกติและยอมรับที่โรงพยาบาลแห่งนี้ ?
-สุขอนามัยที่โรงพยาบาลจิตเวชไม่จำเป็นต้องดี ?
-การขาดการติดต่อจากญาติถือเป็นประโยชน์ต่อการรักษา ?
-ทำไมแพทย์และพยาบาลหรือบุคลากรที่โรงพยาบาลถึงปล่อยให้มีเรื่องแบบนี้เกิดขึ้น ? 
-ทำไมเรื่องแบบนี้ถึงไม่มีการตรวจสอบจากหน่วยงานใดๆ และปล่อยให้เป็นมาตลอด ?
-นี่เป็นวิธีการดูแลรักษาที่ถูกต้องเหมาะสม ? 
-ความจริงที่ถูกนำมาเผยแพร่ทำร้ายโรงพยาบาล หรือ โรงพยาบาลทำลายชื่อเสียตนเอง ? 

ปล. เรามาเล่าประสบการณ์และตั้งคำถามต่อเหตุการณ์นี้ ไม่ได้มาดิสเครดิตโรงพยาบาล 
ปล.2 เราอยากให้เรื่องนี้เกิดการเปลี่ยนแปลงนะ ส่วนตัวไม่คิดว่าการทำร้ายร่างกายจะสามารถรักษาจิตใจได้หรอก
คำตอบที่ได้รับเลือกจากเจ้าของกระทู้
ความคิดเห็นที่ 2
หมายถึงศรีธัญญาหรอคะ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่