ตอนนี้ถึงแม้จะมีความกาวของเซโน่ปะปน แต่มีคำนวณที่ต้องคิดตามกันหัวไหม้นิดหน่อย
จะค่อยๆไล่ลำดับนะครับ เริ่มกันเล้ย
......................................................................
-เปิดตอนที่คนอื่นๆ ออกมาอยู่บนดาดฟ้าเรือกันหมด ปล่อยเซนคูกับเซโน่อยู่ 2 คน ลำพัง
-เซนคูเล่าให้เซโน่ฟังเรื่องเบียคุยะ และเอาแผ่นเสียงมาเปิดให้ฟัง
-เซโน่ชมเบียคุยะว่า เป็นคนที่ทั้งทำอะไรสุ่มๆและมีเหตุผลมากๆในคนเดียวกัน งดงามมาก
ต่อมา โครมอยากจะไปแอบฟังทั้งคู่ ก็เลยแกล้งไปเสิร์ฟน้ำ
แต่พอเปิดเข้ามาก็พบทั้งเซโน่เซนคูกำลังเล่นฟองสบู่กันอยู่
จริงๆแล้วไม่ใช่การเล่นซะทีเดียว 555 แต่เซโน่ต้องการใช้ฟองสบู่แทนรัศมีของเมดูซ่าตอนขยายออก
โดยเอาไปใช้คู่กับลูกโลกจำลองของคาเซกิ
**จุดนี้พอคุยกันเลยรู้ว่า เซโน่เป็นพวกชอบเห็นภาพมากกว่าคิดในหัว เรียกว่าเป็นพวกเบียวที่ชอบสร้างสิ่งของออกมาดีกว่า เช่น ปราสาทของพี่แก 555
-เมื่อโครมเห็นแบบจำลองก็มีสมมติฐานว่า ทำไมเมดูซ่ามันไม่โดนเท้าเซนคูก่อน
-เซนคูเห็นเมดูซ่าที่ขอบฟ้า ดังนั้นเป็นไปได้ว่า แสงเมดูซ่ามันช้ามากๆ จนโลกหมุนทันหรือเปล่า
(รูปประกอบ)
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
แต่เซโน่ก็สอนความโปรให้โครม โดยยกตัวอย่างว่า ถ้ามีคนมาพูดว่า ผีมีจริง เราจะทำอย่างไร จะตามไปพิสูจน์ผีกับเขา หรือว่า
เซโน่ : เราควรสนใจเอฟเฟคที่เกิดจากการปรากฏของผีต่างหาก เช่น ถ้าผีสร้างความเย็นได้ล่ะก็ ลองเอาผีมาสร้างพลังงานเป็นยังไง
**อธิบายนิดนึง ตรงนี้เซโน่จะพูดประมาณว่า แสงจะเร็วหรือช้าไม่ได้มีผล ถ้าการคำนวนต่างๆมันถูกต้องอยู่แล้ว เหมือนกับไม่สนว่ามีผีหรือไม่
ต่อมาทั้ง 3 คนก็เลยถกกันสนุกใหญ่
สนุก
ต่อมาได้ข้อมูลว่า จากที่เห็นเมดูซ่าบนขอบฟ้า จนแสงมาชนตัวเอง นับได้ 56 วิ ทั้งเซโน่และเซนคู
ทำให้โครมพูดออกมาว่า ความเร็วของเมดูซ่าคงที่สินะ
จุดนี้ทำให้ทั้งเซโน่เซนคู เอาไปคำนวนระยะทางต่างๆต่อ โดยคิด การหักเหแสง และความสูงขั้นต่ำ ที่ทำให้แสงชนเครื่องบินได้
เซโน่ : แสงเกิดจากจุดห่างจากฉันไป 8,181 กิโลเมตร
เซนคู : งั้นก็เหลือคำนวนองศาล่ะนะ
เมื่อทั้งคู่คำนวนเสร็จ จุดตัดอยู่ที่ ละติจูด 3 องศา 7 ลิปดาใต้ และลองจิจูด 60 องศา 1 ลิปดาตะวันตก ซึ่งเป็นจุดกำเนิดของแสงกลายเป็นหิน
จบตอน
Dr. Stone 171 แกงค์นักวิทย์ทรีโอ้
จะค่อยๆไล่ลำดับนะครับ เริ่มกันเล้ย
......................................................................
-เปิดตอนที่คนอื่นๆ ออกมาอยู่บนดาดฟ้าเรือกันหมด ปล่อยเซนคูกับเซโน่อยู่ 2 คน ลำพัง
-เซนคูเล่าให้เซโน่ฟังเรื่องเบียคุยะ และเอาแผ่นเสียงมาเปิดให้ฟัง
-เซโน่ชมเบียคุยะว่า เป็นคนที่ทั้งทำอะไรสุ่มๆและมีเหตุผลมากๆในคนเดียวกัน งดงามมาก
ต่อมา โครมอยากจะไปแอบฟังทั้งคู่ ก็เลยแกล้งไปเสิร์ฟน้ำ
แต่พอเปิดเข้ามาก็พบทั้งเซโน่เซนคูกำลังเล่นฟองสบู่กันอยู่
จริงๆแล้วไม่ใช่การเล่นซะทีเดียว 555 แต่เซโน่ต้องการใช้ฟองสบู่แทนรัศมีของเมดูซ่าตอนขยายออก
โดยเอาไปใช้คู่กับลูกโลกจำลองของคาเซกิ
**จุดนี้พอคุยกันเลยรู้ว่า เซโน่เป็นพวกชอบเห็นภาพมากกว่าคิดในหัว เรียกว่าเป็นพวกเบียวที่ชอบสร้างสิ่งของออกมาดีกว่า เช่น ปราสาทของพี่แก 555
-เมื่อโครมเห็นแบบจำลองก็มีสมมติฐานว่า ทำไมเมดูซ่ามันไม่โดนเท้าเซนคูก่อน
-เซนคูเห็นเมดูซ่าที่ขอบฟ้า ดังนั้นเป็นไปได้ว่า แสงเมดูซ่ามันช้ามากๆ จนโลกหมุนทันหรือเปล่า
(รูปประกอบ)
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
แต่เซโน่ก็สอนความโปรให้โครม โดยยกตัวอย่างว่า ถ้ามีคนมาพูดว่า ผีมีจริง เราจะทำอย่างไร จะตามไปพิสูจน์ผีกับเขา หรือว่า
เซโน่ : เราควรสนใจเอฟเฟคที่เกิดจากการปรากฏของผีต่างหาก เช่น ถ้าผีสร้างความเย็นได้ล่ะก็ ลองเอาผีมาสร้างพลังงานเป็นยังไง
**อธิบายนิดนึง ตรงนี้เซโน่จะพูดประมาณว่า แสงจะเร็วหรือช้าไม่ได้มีผล ถ้าการคำนวนต่างๆมันถูกต้องอยู่แล้ว เหมือนกับไม่สนว่ามีผีหรือไม่
ต่อมาทั้ง 3 คนก็เลยถกกันสนุกใหญ่
สนุก
ต่อมาได้ข้อมูลว่า จากที่เห็นเมดูซ่าบนขอบฟ้า จนแสงมาชนตัวเอง นับได้ 56 วิ ทั้งเซโน่และเซนคู
ทำให้โครมพูดออกมาว่า ความเร็วของเมดูซ่าคงที่สินะ
จุดนี้ทำให้ทั้งเซโน่เซนคู เอาไปคำนวนระยะทางต่างๆต่อ โดยคิด การหักเหแสง และความสูงขั้นต่ำ ที่ทำให้แสงชนเครื่องบินได้
เซโน่ : แสงเกิดจากจุดห่างจากฉันไป 8,181 กิโลเมตร
เซนคู : งั้นก็เหลือคำนวนองศาล่ะนะ
เมื่อทั้งคู่คำนวนเสร็จ จุดตัดอยู่ที่ ละติจูด 3 องศา 7 ลิปดาใต้ และลองจิจูด 60 องศา 1 ลิปดาตะวันตก ซึ่งเป็นจุดกำเนิดของแสงกลายเป็นหิน
จบตอน