[CR] [Review] Bohemian Rhapsody (2018)


ถึงจะเคยได้ยินได้ฟังเพลงของ Queen มาตั้งแต่เด็กๆ และพอโตมาก็ได้รับรู้เรื่องราวน่าเศร้าของ Freddie Mercury ฟรอนต์แมนของวงในประเด็นที่เค้าเสียชีวิตจากเชื้อเอชไอวี แต่เอาจริงๆ เราก็แทบไม่ได้รู้จักเรื่องราวของ Queen และไม่เคยได้สัมผัสความยิ่งใหญ่ในช่วงเวลารุ่งโรจน์ของพวกเค้าเลย ดังนั้น การได้นั่งดู Bohemian Rhapsody จึงเป็นเรื่องแสนบันดาลใจ และน่าทึ่งเหลือเกินที่ได้เห็นชีวิตของ Freddie และเหล่าสมาชิกวง Queen ได้โลดแล่นอยู่ตรงหน้า ถึงแม้ว่าจะต้องใส่หมายเหตุตัวโตๆ ว่ามีหลายๆ อย่างที่เห็นในหนังอาจจะเป็นเพียงจินตนาการของผู้สร้าง และมีอีกหลายอย่างในเรื่องที่ไม่ตรงกับความเป็นจริงเลย

.
อันที่จริงเราแอบรู้สึกแปลกๆ ที่ผู้กำกับอย่าง Bryan Singer เลือกเล่าเรื่องราวของ Freddie และ Queen แบบไม่ขยี้ดราม่าอะไรเลย ทั้งๆ ที่ชีวิตในแต่ละช่วงของ Freddie นั้นมีดราม่าและมีปมให้ขยี้บีบเค้นหรือคั้นน้ำตาได้มากมาย ไล่มาตั้งแต่ปมในเรื่องความแปลกแยกแตกต่างจากเชื้อชาติและฟันหน้าอันใหญ่โต การฝ่าฟันเพื่อความสำเร็จของ Queen นั้นก็ไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบ ความรักแสนเศร้าของ Freddie กับ Mary Austin ผู้หญิงคนเดียวที่เค้ารัก ก่อนที่เค้าจะยอมรับกับตัวเองได้ว่าเป็นเกย์ ชีวิตรัก/เซ็กส์ภาคเกย์ที่ทั้งหวือหวาและขมขื่น ครอบครัวที่ต้องเผชิญหน้ากับชื่อเสียงฉาวโฉ่ของลูกชาย ไปจนถึงอาการป่วยของ Freddie หลังติดเชื้อเอชไอวี ทั้งหมดนี้ถูกเล่ามาแบบไม่พยายามบีบเค้นอะไร แม้กระทั่งปากเสียงและความขัดแย้งของสมาชิกในวง Queen ก็ถูกเล่าออกมาแบบ Feel Good ซึ่งพอคิดดูอีกที เราก็พบว่าในความไม่เค้นไม่คั้นอารมณ์นี้ มันก็เต็มไปด้วยความละเมียดละไมและมีรายละเอียดทางอารมณ์ซุกซ่อนอยู่ ผ่านซีนเล็กๆ น้อยๆ และผ่านบทเพลงของ Queen ซึ่งน่าสนใจมาก

.
ชอบมากที่หนังทำให้เราเชื่อได้จริงๆ ว่าความสัมพันธ์ของสมาชิกในวงนั้นเป็นมิตรภาพที่เทียบเคียงกับคำว่าครอบครัวได้จริงๆ แม้พวกเค้าจะมีความแตกต่างทั้งบุคลิก นิสัยใจคอ รสนิยมการแต่งตัว พื้นหลัง แต่กลับเข้าอกเข้าใจและเห็นตรงกันเรื่องเพลงได้เกือบตลอดเวลา ฉากสร้างสรรค์ดนตรีใหม่ๆ และสร้างสรรค์เพลง Bohemian Rhapsody นั้นดีมาก! เราสัมผัสได้ถึงพลังงานของคนที่มี Passion เหมือนๆ กัน และคนที่เชื่อมั่นในกันและกันในทุกย่างก้าว ซึ่งมันเป็นความงดงามของมิตรภาพที่ทำให้เราเสียน้ำตาได้อย่างง่ายดาย พอๆ กับความงดงามของมิตรภาพระหว่าง Freddie กับ Mary ที่ยังเป็นเพื่อนที่ดีต่อกันเสมอมา ไปจนถึงแอบอมยิ้มกับความน่ารักของ Jim Hutton แฟนหนุ่มคนสุดท้ายในชีวิตของ Freddie ซึ่งอยู่ดูแลเค้าจนลมหายใจสุดท้าย (แม้ว่าจริงๆ แล้วเรื่องราวในการพบรักกันของทั้งคู่จะต่างจากในหนังมากก็ตาม)

.
ที่สำคัญ เราไม่ได้รู้สึกด้วยซ้ำว่าการที่ Freddie ต้องเผชิญหน้ากับความล้มเหลวลุ่มๆ ดอนๆ ทางอาชีพหรือต้องจบชีวิตลงนั้นเป็นเพราะความเป็นเกย์ (ที่พ่วงมากับความคิดว่าชาวเกย์นั้นชอบมั่วจนติดเอชไอวี) เพราะหนังก็แค่นำเสนอเรื่องราวในส่วนนี้แบบผ่านๆ อย่างที่นำเสนอเรื่องอื่นๆ ในชีวิตของ Freddie นั่นแหละ หรือบางทีอาจจะเป็นเพราะเราค่อนข้างเข้าใจสังคมเกย์และปัญหาเอชไอวีในยุค 70-80 ด้วยมั้ง สิ่งที่เกิดขึ้นมันหลีกเลี่ยงไม่ได้ และไม่มีใครรู้หรือรับมือกับโรคร้ายนี้ได้หรอก มันต่างจากยุคนี้เยอะ!

.
การเลือกปิดเรื่องด้วย LIVE AID ที่โชว์ของ Queen ได้พลิกประวัติศาสตร์วงการดนตรีโลกก็ทำได้ดีจนเรานั่งขนลุก น้ำตาอาบ เพราะก่อนจะเข้าไปนั่งดู Bohemian Rhapsody เราแอบนั่งดู YouTube ของโชว์นี้วนๆ เป็นสิบรอบ แล้วพอเห็นตัวหนังเก็บทุกรายละเอียดได้ดีทุกเม็ดมันก็น่าทึ่งมาก ยิ่งไปกว่านั้น พอเราเคยได้เห็นภาพผู้คนตัวเป็นๆ นับแสนยกมือขึ้นโบกและตะโกนสุดเสียงตาม Freddie มาแล้ว มันก็ยิ่งโหมกระพือความรู้สึกมหัศจรรย์ที่เห็นในจอหนังให้มากขึ้นไปอีก แน่นอน Rami Malek คู่ควรกับการได้เข้าชิงรางวัลใหญ่ทุกสำนักในช่วงปลายปีนี้ต้นปีหน้า (เขียนไว้ก่อนที่ Rami Malek จะคว้าออสการ์มาได้จริงๆ) มันไม่ใช่แค่ความเหมือนไม่เหมือน แต่มันคือการเอาจิตวิญญาณของ Freddie มาอยู่ในตัวได้อย่างทรงพลัง ท่วมท้นด้วยอารมณ์ และไม่ใช่เรื่องเกินเลยอะไรเลยที่จะบอกว่า เราเชื่อจริงๆ ว่า Freddie Mercury อยู่บนจอจริงๆ 

อ่านบทความอื่นๆ ได้ที่ เพจ ชีวิตผมก็เหมือนหนัง
ชื่อสินค้า:   Bohemian Rhapsody
คะแนน:     

CR - Consumer Review : กระทู้รีวิวนี้เป็นกระทู้ CR โดยที่เจ้าของกระทู้

  • - จ่ายเงินซื้อเอง หรือได้รับจากคนรู้จักที่ไม่ใช่เจ้าของสินค้า เช่น เพื่อนซื้อให้
  • - ไม่ได้รับค่าจ้างและผลประโยชน์ใดๆ
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่